สวัสดีคะ วันนี้เราขอมาแบบไม่มีตัวตนนะคะ เราไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเราเป็นใคร เพราะเรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้ มันเรื่องของตัวเราเอง
เป็นเรื่องที่แม้แต่คนที่เราไว้ใจที่สุด รักที่สุด ยังไม่เคยทราบ เพราะเราไม่กล้าบอกค่ะ เราละอายใจกับสิ่งที่เคยทำลงไป
และหลังจากที่ทุกคนอ่านกระทู้นี้จบ เราคงกลายเป็นคนอกตัญญูในสายตาทุกคน แต่ไม่เป็นไรค่ะ
เพราะเราตั้งใจจะตั้งกระทู้มาเตือนสติน้องๆวัยรุ่นในตอนนี้
ขอแรงโหวต+แชร์ด้วยนะคะ เราอยากให้เด็กสมัยนี้ได้อ่านจริงๆ
ขอเล่าเรื่องราวของครอบครัวเราก่อนนะคะ ครอบครัวเรามีกัน 4 คนค่ะ คุณพ่อคุณแม่ เรา แล้วก็พี่สาว (ห่างกัน7ปี) ค่ะ
คุณแม่เราทำงานคนเดียวค่ะ รับราชการ ถึงจะอยู่ในกระทรวงใหญ่ แต่เงินเดือนก็ไม่เท่าไหร่ ซึ่งไม่พอกับค่าใช้จ่ายในบ้าน
ส่วนคุณพ่อเป็นพ่อบ้านค่ะ คุณพ่อจะทำหน้าที่ทุกอย่างในบ้าน เก็บกวาดบ้าน ซักผ้า ทำอาหารมื้อเช้าสำหรับคุณแม่นำไปกินที่ทำงาน
และคอยทำอาหารมื้อเย็นสำหรับครอบครัว เรื่องในบ้านยกให้คุณพ่อหมดเลยค่ะ (เดี๋ยวตอนท้ายจะเฉลยว่าทำไมคุณพ่อถึงเป็นพ่อบ้าน)
อาชีพเสริมของทางบ้านที่ต้องทำ เพื่อหาเงินมาให้พอสำหรับค่าใช้จ่ายในบ้าน คือขายน้ำเต้าหู้ค่ะ ทุกเช้ามืดเวลาตีสาม
คุณพ่อคุณแม่จะตื่นมาทำน้ำเต้าหู้ ทุกอยากทำเองค่ะ ไม่ว่าจะต้มถั่วเหลือง กรองกากถั่วเหลือง ใส่ถุง แม้กระทั่งไปส่งน้ำเต้าหู้ค่ะ
สถานที่ส่งคือที่ทำงานของคุณแม่เองค่ะ ตอนนั้น บ้านเราไม่มีรถ และคุณแม่เองก็ไม่คิดจะเสียตังไปกับแท็กซี่
เพราะไม่อยากเพิ่มค่าใช้จ่าย แทนที่จะได้กำไรมาก คุณแม่ไม่อยากเสียเงินทุกบาทที่ได้มากับสิ่งที่ไม่จำเป็น
คุณแม่เลือกที่จะถือกระเป๋าใบใหญ่บรรจุน้ำเต้าหู้ วันละไม่ต่ำกว่า 20 ถุง ขึ้นรถเมล์ค่ะ
ลืมบอกไปค่ะว่าออเดอร์น้ำเต้าหู้ก็มาจากเพื่อนๆที่ทำงานของคุณแม่ค่ะ จะมีการจดออเดอร์ทุกเย็นว่าพรุ่งนี้เช้าใครจะดื่มน้ำเต้าหู้บ้าง
คนละกี่ถุง ตอนเช้าคุณแม่ก็จะทำตามออเดอร์ที่เพื่อนๆสั่งค่ะ การไปทำงานของคุณแม่คือ คุณพ่อเดินถือกระเป๋าใส่น้ำเต้าหู้
ออกไปส่งคุณแม่ที่ป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้าน และคุณแม่นั่งรถเมล์ไปทำงานเองค่ะ ต่อรถ 2 ต่อ เป็นแบบนี้ทุกวันตั้งแต่เรายังเด็ก
เราไม่เคยรู้ว่า คุณแม่เหนื่อยแค่ไหนกับงานประจำ แถมยังต้องขายน้ำเต้าหู้อีก เราไม่เคยรู้ เพราะคุณแม่ไม่เคยบ่น
ไม่เคยพูดว่าเหนื่อย แม่ทำทุกทางที่จะได้เงินมา ยอมทำ OT แทบทุกวัน ไม่เว้นวันเสาร์ที่คุณแม่เองก็อาสาทำ OT อีกค่ะ
เราเองเคยถามคุณแม่ว่า มันได้เยอะไหม ซึ่งตอนนั้น เงินแค่นี้มันไม่มากเลย ไม่เลยจริงๆ
แต่คุณแม่กลับบอกว่า "เงินแค่นี้มันก็คือเงิน ที่ทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ในวันถัดไปได้" เราเองก็เลยไม่ใส่ใจเท่าไหร่
ด้วยความยังเด็กเกินกว่าจะคิดได้ค่ะ
ขอเริ่มเรื่องแท่านี้ก่อนนะคะ ขอตัวไปทานข้าวก่อนค่ะ จะรีบกลับมาต่อนะค่ะ
รบกวนโหวตให้เราด้วยนะคะ อยากให้เป็นกระทู้แนะนำค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
ปล. ขออนุญาตแท็กห้องแป้งด้วยนะคะ เพราะคิดว่าวัยรุ่นน่าจะติดตามกันเยอะค่ะ
*** แก้ไขคำผิดค่ะ
คุณจะไม่เคยรู้เลย ว่าคุณพ่อคุณแม่รักคุณมากแค่ไหน จนกระทั่งคุณเสียเขาไป กระทู้เตือนใจวัยรุ่นค่ะ
เป็นเรื่องที่แม้แต่คนที่เราไว้ใจที่สุด รักที่สุด ยังไม่เคยทราบ เพราะเราไม่กล้าบอกค่ะ เราละอายใจกับสิ่งที่เคยทำลงไป
และหลังจากที่ทุกคนอ่านกระทู้นี้จบ เราคงกลายเป็นคนอกตัญญูในสายตาทุกคน แต่ไม่เป็นไรค่ะ
เพราะเราตั้งใจจะตั้งกระทู้มาเตือนสติน้องๆวัยรุ่นในตอนนี้ ขอแรงโหวต+แชร์ด้วยนะคะ เราอยากให้เด็กสมัยนี้ได้อ่านจริงๆ
ขอเล่าเรื่องราวของครอบครัวเราก่อนนะคะ ครอบครัวเรามีกัน 4 คนค่ะ คุณพ่อคุณแม่ เรา แล้วก็พี่สาว (ห่างกัน7ปี) ค่ะ
คุณแม่เราทำงานคนเดียวค่ะ รับราชการ ถึงจะอยู่ในกระทรวงใหญ่ แต่เงินเดือนก็ไม่เท่าไหร่ ซึ่งไม่พอกับค่าใช้จ่ายในบ้าน
ส่วนคุณพ่อเป็นพ่อบ้านค่ะ คุณพ่อจะทำหน้าที่ทุกอย่างในบ้าน เก็บกวาดบ้าน ซักผ้า ทำอาหารมื้อเช้าสำหรับคุณแม่นำไปกินที่ทำงาน
และคอยทำอาหารมื้อเย็นสำหรับครอบครัว เรื่องในบ้านยกให้คุณพ่อหมดเลยค่ะ (เดี๋ยวตอนท้ายจะเฉลยว่าทำไมคุณพ่อถึงเป็นพ่อบ้าน)
อาชีพเสริมของทางบ้านที่ต้องทำ เพื่อหาเงินมาให้พอสำหรับค่าใช้จ่ายในบ้าน คือขายน้ำเต้าหู้ค่ะ ทุกเช้ามืดเวลาตีสาม
คุณพ่อคุณแม่จะตื่นมาทำน้ำเต้าหู้ ทุกอยากทำเองค่ะ ไม่ว่าจะต้มถั่วเหลือง กรองกากถั่วเหลือง ใส่ถุง แม้กระทั่งไปส่งน้ำเต้าหู้ค่ะ
สถานที่ส่งคือที่ทำงานของคุณแม่เองค่ะ ตอนนั้น บ้านเราไม่มีรถ และคุณแม่เองก็ไม่คิดจะเสียตังไปกับแท็กซี่
เพราะไม่อยากเพิ่มค่าใช้จ่าย แทนที่จะได้กำไรมาก คุณแม่ไม่อยากเสียเงินทุกบาทที่ได้มากับสิ่งที่ไม่จำเป็น
คุณแม่เลือกที่จะถือกระเป๋าใบใหญ่บรรจุน้ำเต้าหู้ วันละไม่ต่ำกว่า 20 ถุง ขึ้นรถเมล์ค่ะ
ลืมบอกไปค่ะว่าออเดอร์น้ำเต้าหู้ก็มาจากเพื่อนๆที่ทำงานของคุณแม่ค่ะ จะมีการจดออเดอร์ทุกเย็นว่าพรุ่งนี้เช้าใครจะดื่มน้ำเต้าหู้บ้าง
คนละกี่ถุง ตอนเช้าคุณแม่ก็จะทำตามออเดอร์ที่เพื่อนๆสั่งค่ะ การไปทำงานของคุณแม่คือ คุณพ่อเดินถือกระเป๋าใส่น้ำเต้าหู้
ออกไปส่งคุณแม่ที่ป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้าน และคุณแม่นั่งรถเมล์ไปทำงานเองค่ะ ต่อรถ 2 ต่อ เป็นแบบนี้ทุกวันตั้งแต่เรายังเด็ก
เราไม่เคยรู้ว่า คุณแม่เหนื่อยแค่ไหนกับงานประจำ แถมยังต้องขายน้ำเต้าหู้อีก เราไม่เคยรู้ เพราะคุณแม่ไม่เคยบ่น
ไม่เคยพูดว่าเหนื่อย แม่ทำทุกทางที่จะได้เงินมา ยอมทำ OT แทบทุกวัน ไม่เว้นวันเสาร์ที่คุณแม่เองก็อาสาทำ OT อีกค่ะ
เราเองเคยถามคุณแม่ว่า มันได้เยอะไหม ซึ่งตอนนั้น เงินแค่นี้มันไม่มากเลย ไม่เลยจริงๆ
แต่คุณแม่กลับบอกว่า "เงินแค่นี้มันก็คือเงิน ที่ทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ในวันถัดไปได้" เราเองก็เลยไม่ใส่ใจเท่าไหร่
ด้วยความยังเด็กเกินกว่าจะคิดได้ค่ะ
ขอเริ่มเรื่องแท่านี้ก่อนนะคะ ขอตัวไปทานข้าวก่อนค่ะ จะรีบกลับมาต่อนะค่ะ
รบกวนโหวตให้เราด้วยนะคะ อยากให้เป็นกระทู้แนะนำค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
ปล. ขออนุญาตแท็กห้องแป้งด้วยนะคะ เพราะคิดว่าวัยรุ่นน่าจะติดตามกันเยอะค่ะ
*** แก้ไขคำผิดค่ะ