เล่ห์รัก บทที่ 14

กระทู้สนทนา
เล่ห์รักตอนที่ 13 http://pantip.com/topic/32030462
            ความเดิมตอนที่แล้ว
                    "สิงห์มองสบตาของหญิงสาวนิ่ง เห็นความเก้อเขินในนัยน์ตาของหญิงสาว
            ต่างคนต่างมองหน้ากันแต่ไม่ยอมพูดอะไรอยู่สักพัก จนต้องปล่อยพรืดออกมากันทั้งคู่อย่างไม่มีเหตุผล
           ช่างเป็นหนึ่งวันที่ได้เรียนรู้อะไรมากมายจริงๆ..ชลนายิ้มกว้างให้เขาก่อนจะได้รับรอยยิ้มของเขาตอบเช่นเดียวกัน..
           ไม่ต้องมีคำพูด แต่สุขและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก"





เช้าวันต่อมา บรรดาแม่ๆพากันปลุกลูกสาวลูกชายแต่เช้า เพื่อมาตักบาตรร่วมกัน ดั่งเช่นที่แม่ของสิงห์ทำอยู่ทุกวัน ก่อนที่จะสองหนุ่มสาวจะได้รับมอบหมายให้ไปซื้อวัตถุดิบต่างๆเพื่อมาทำอาหารที่ตนเองชอบ และไม่นานทั้งสองก็กลับมาพร้อมกับข้าวของเต็มไม้เต็มมือ ก่อนจะปล่อยให้หน้าที่ทำอาหารเป็นของแม่ๆที่ไม่ยอมให้ลูกๆทำเพราะต้องการแสดงฝีมือเพื่อลูกสาวลูกชายที่รักของตน ทั้งสองจึงมานั่งรับลมเย็นๆคุยกันอยู่ที่ระเบียงด้านนอกแทน
      
       “เมื่อคืนนอนหลับฝันดีไหม”
        เสียงของสิงห์ดังขึ้นหลังจากปล่อยตัวนั่งลงเก้าอี้หวายทรงกลมแล้ว ชลนาพยักหน้านิดหนึ่ง “แค่นอนหลับนะคะ แต่ไม่ได้ฝันดี” เธอพูดยิ้มๆ สิงห์หัวเราะเบาๆ ที่เขาถามเพราะว่าเขาฝันดีจริงๆ และแน่นอนว่าจะต้องมีเธออยู่ด้วยในความฝัน สิงห์รู้สึกว่าตั้งแต่เขารู้จักชลนา ก็ดูเหมือนตัวเองจะเป็นคนอ่อนไหวง่ายมากขึ้น ทั้งที่เมื่อก่อนเขาไม่ค่อยฝัน และไม่เคยรู้สึกจิตใจวูบๆวาบๆ หรือแปรปรวนสักเท่าไหร่นักเพราะถือว่าเป็นคนที่สภาพจิตใจนิ่งและมั่นคงมากคนหนึ่ง
     
       “ผมฝันถึงคุณด้วยนะ” เขาหัวเราะอยู่ในลำคอเมื่อนึกถึงความฝันของเขา แต่ชลนากลับเลิกคิ้วขึ้นสูง ไม่ไว้ใจในความฝันของเขาเอาเสียเลย
     
       “งั้นฉันมั่นใจได้เลยว่าคุณคงฝันร้ายแน่ๆ”  ชลนาพูดทำสีหน้ามั่นใจ แต่สิงห์กลับส่ายหน้าไปมา
      
        “เปล่าครับ ฝันดี” ชลนามองหน้าที่กำลังยิ้มอย่างมีเลศนัยนั้นแล้วชักไม่น่าไว้วางใจ ก่อนจะเบิกตาโตขึ้นเมื่อคิดได้ว่าเขาอาจจะฝันทะลึ่งๆถึงเธออยู่ก็เป็นได้ เพราะเธอรู้มาว่าผู้ชายมักจะเป็นเช่นนั้น แต่ก็ยังไม่โวยวายออกไป เพราะกลัวว่าจะเสียหน้า หากเขาบอกว่าไม่ใช่ เธอแสร้งทำสีหน้าไม่สนใจ แต่กลับเอ่ยปากถามด้วยความอยากรู้ในเวลาต่อมา เพราะเมื่อเธอไม่พูด เขาก็ไม่ยอมพูดต่อ
      
         “แล้วในฝัน ฉันไปทำอะไรให้คุณล่ะคะ ถึงได้เป็นฝันดี”
      
         “ก็…”
        สิงห์หยุดคำพูดไว้แค่นั้น ก่อนจะเลื่อนสายตาจากใบหน้านวล ไล่ลงต่ำมาเรื่อยๆ เป็นผลให้ชลนาสะดุ้ง ก่อนจะนิ่วหน้าไม่พอใจสายตาเจ้าเล่ห์ของเขา เตรียมจะแหวถ้าไม่ติดที่ว่าเขากำลังจ้องบางสิ่งบางอย่างในตัวของเธออยู่อย่างใจจดใจจ่อเหลือเกิน จนเธอต้องก้มลงมองตรงส่วนที่เขาจ้องบ้าง ว่ามีสิ่งไหนผิดปรกติไปหรือไม่ แต่เมื่อเห็นว่ามันก็ปรกติดี หน้าท้องของเธอยังแบนราบเรียบอยู่ใต้เสื้อยืดตัวใหญ่ๆของเขาเหมือนเดิม ก็ทนสงสัยไม่ไหว

          “นี่คุณมองอะไรเนี่ย อย่าบอกนะว่าคุณคิดลามก”

          “หืม” สิงห์ร้องเสียงสูง เลื่อนสายตาจากท้องมาเป็นใบหน้าสวยๆแทบจะทันใด ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วรีบปฏิเสธ “เปล่าๆ ก็ชลถามว่าผมฝันถึงอะไรไง”

           “ก็นั่นแหละ แล้วทำไมคุณจะต้องมองฉันแบบนั้นด้วย” เธอโพล่งออกไป แก้มขาวๆมีแววแดงเรื่อๆ แต่ไม่มาก เพราะเจ้าของพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้แสดงออกว่ากำลังเขินอาย จึงแสดงออกด้วยความโกรธแทน
  
           “ก็..ความฝันของผมก็นั่นไง” สิงชี้นิ้วไปที่หน้าท้องของหญิงสาวก่อนจะจ้องมันอีกครั้ง และเงยหน้ายิ้มในแบบที่คนมองคิดว่ากวนอารมณ์เป็นที่สุดเพราะเขากำลังจินตนาการว่าหากความฝันของเขาเป็นจริง คนตรงหน้าจะเป็นยังไงนะ ส่วนเขาก็คงจะยินดีอย่างที่สุด
       ชลนาทนสายตาที่ดูเหมือนจะสนใจหน้าท้องของเธอมากของเขาไม่ไหว จึงได้ยกแขนขึ้นกอดตัวเองปิดบริเวณหน้าท้องไว้ แล้วจ้องเขาเขม็ง

            “คุณพูดอะไร ฉันไม่เห็นจะเข้าใจ”
        สิงห์ครางในลำคอ ไม่อยากจะพูดอะไรออกไปตรงๆ ประเดี๋ยวแม่เจ้าประคุณจะได้ด่าเขาเอาอีกเป็นแน่ ในขณะที่เขากำลังคิดหาทางออกให้กับตัวเอง นั่นคือจะต้องหาคำพูดที่เบาและดูดีที่สุด สาวเจ้าก็กำลังจ้องหน้าเขาเขม็ง สิงห์เสมองผ่านหน้าหญิงสาวไปอย่างลำบากใจก่อนจะหันกลับมาสบตาเธออีกครั้ง ปากแดงๆของเขาก็เริ่มขยับ
        
             “ก็ผมฝันว่าเรากำลังจะมีน้อง”

              “น้องอะไร”ชลนาฉงน ไม่เข้าใจ สิงห์จึงชี้นิ้วเรียวๆของตนไปบนหน้าท้องหล่อน “นั่นลูก” ก่อนจะหันนิ้วมาชี้ตัวเอง “นี่พ่อ” เขาพูดบอกเธอ เพราะยังเห็นว่าเธอยังงุนงง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกยาว “แล้วชลก็เป็น..”
               ยังไม่ทันจะพูดจบ สิงห์ก็ต้องเงยหน้าขึ้นเตรียมรับพายุขนาดย่อมๆ เพราะชลนาไม่รอให้เขาพูดชื่อเธอให้หน้าดำหน้าแดงมากกว่านี้ หญิงสาวลุกขึ้นยืนอย่างแรงแทบจะทันที มองหน้าเขาอย่างโกรธขึ้ง

               “เรื่องบ้าๆน่ะสิ!”
               สิงห์ที่ยังเงยหน้าอยู่กระพริบตาปริบๆ ก่อนจะตอบในแทบจะทันที “ไม่บ้านะ”
          
               “บ้าสิ! คุณจะมาฝันว่าฉันท้องได้ยังไง ฉันไม่ท้อง แล้วก็จะไม่มีวันท้องด้วย” พูดเสร็จแล้วก็เตรียมจะหันกลังเดินหนีเข้าบ้าน ถ้าไม่ติดที่ว่ารู้สึกว่าทุกสิ่งรอบตัวของเธอมืดไปหมด ตัวเธอเริ่มโอนเอน สิงห์รีบลุกพรวดมาถึงตัวเธอก่อนจะกดให้เธอนั่งลงตามเดิม ส่วนเขาก็นั่งยองๆถามเธอด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

               “ชลเป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่า..” เขาแสร้งพูด

                “ว่าอะไร” คนที่เริ่มจะเห็นสภาพรอบตัวสว่างขึ้นบ้างแล้วถามเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ

                “ชลท้องไง นี่มันเป็นหนึ่งอาการของคนท้อง”
                เมื่อเขาพูดจบชลนาถึงกับอยากจะปล่อยหมัดฮุกเข้าให้เสียตรงหน้าของเขา ที่ช่างกวนโมโหโทสะของเธอเหลือเกิน และเมื่อหายใจหายคอคล่องแล้ว มือนุ่มๆก็เลื่อนจากตักของตนไปประคองหน้าเขาไว้แน่นๆ ให้จับจ้องไปที่ใบหน้าของเธออย่างจริงจัง ทั้งๆที่เขาก็กำลังมองเธออยู่แล้ว แต่ชลนาไม่อยากให้เขาเสียสมาธิในการรับฟังในสิ่งที่เธอต้องการจะบอกไปแม้แต่เพียงนิดเดียว
                
                “มองปากฉันดีๆนะ ฉันไม่ได้ท้อง ฉันแค่หน้ามืดเพราะลุกขึ้นเร็วเกินไป และฉันจะท้องได้ยังไง ในเมื่อยังไม่เคยอะไรกับคุณเลย ฉันไม่ใช่ปลากัดนะที่จะได้มองตาแล้วท้องเลยอ่ะ” เริ่มแรกหญิงสาวเน้นชัดถ้อยชัดคำแล้วเสียงดังขึ้นตามแรงอารมณ์ ก่อนจะเห็นว่าเขากำลังมองเธอด้วยสีหน้าขำขัน ก่อนที่เขาจะส่งยิ้มหวานพิมพ์ใจคนดูมาให้ รอยยิ้มอบอุ่นของเขาสะกดให้เธอเผลอจ้องหน้าเขาอยู่แบบนั้น สายตาทั้งสองคู่เหมือนมีแรงดูงดูดไม่มองวอกแวกไปที่ไหน มองแต่กันและกันเท่านั้น..
                ก่อนที่ชลนาจะรู้สึกตัว หญิงสาวจึงชักมือตัวเองจากใบหน้าของเขา แต่สิงห์มือไวกว่า เขายกมือขึ้นเกาะกุมมือเล็กของเธอให้วางอยู่บนแก้มของเขาเหมือนเดิมและไม่ให้ขยับไปไหน

                “ทำแบบนี้แล้วรู้สึกดีออก” สิงห์ขยับมือของเธอให้ชิดใบหน้าของเขามากยิ่งขึ้น รู้สึกมีความสุขจริงๆ
    
                 ชลนาเม้มปากแน่น แก้มของเธอเริ่มป่อง หญิงสาวกำลังกลั้นยิ้มเพราะเธอเขินเขา!  เธอเป็นคนที่เก็บอารมณ์อย่างอื่นพอได้ แต่เก็บอารมณ์เขินไม่เคยจะอยู่ไม่ว่าจะกับเรื่องใด แก้มของเธอจะฉีกออกจากกันพร้อมปากโดยอัตโนมัติ และเมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรกับมือที่บังคับอยู่เหนือมือเล็กของเธอดี ชลนาก็รีบก้มหน้าลงต่ำ เพราะไม่ต้องการให้เขาเห็นใบหน้าของเธอที่เขินจนเกินกำลัง แต่สิงห์เหมือนแกล้ง เขาก้มลงตามเธอให้ระดับใบหน้าอยู่ใกล้กันจนได้ยินเสียงหายใจ

                 “ชลเป็นอะไรหรือเปล่า”  เมื่อเธอเอนหน้าหนีไปทางไหน สิงห์ก็พาหน้าตัวเองลอยตามไปทางนั้นด้วยอย่างนึกแกล้งเพราะรู้ว่าเธอกำลังเขินอาย
                 “ปะ..เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”
      
                 “แล้วถ้าไม่ได้เป็นอะไรทำไมจะต้องหลบหน้าหลบตาผมอย่างนี้ด้วยล่ะ” สิงห์แสร้งถามคนที่ช่างอ่อนหัดในเรื่องทำนองรักเสียเหลือเกิน แต่ก็น่ารักเป็นอย่างยิ่งในสายตาของสิงห์
     
                 คิดว่าดีที่สุดที่ชลนาไม่เคยมีคนรักมาก่อนและเขาจะเป็นคนรักคนแรกและคนสุดท้ายของเธอ..สิงห์คิดอย่างภาคภูมิใจในตัวชลนา ตัวเขาเองเมื่อรู้ว่าเผลอชอบน้องเมียของเพื่อน และบ่มเพาะความรู้สึกของตนอยู่นานจนกลายเป็นความรัก เขาก็ยอมอดทนไม่อยากจะเป็นโคแก่ริกินหญ้าอ่อนอย่างที่ชลนาเคยสบประมาทเขาเอาไว้ในตอนนั้น

                …ตอนที่เธออายุเพียงแค่สิบหกปีและหวงพี่สาวเป็นที่สุด!
                 รอยยิ้มปรากฏขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงภาพเด็กสาวยืนว่าเขาฉอดๆที่คอยเข้ามาช่วยธีร์สกัดแผนการกลั่นแกล้งของเธอ  สิงห์ไม่ได้ถือสาเธออะไร แต่คอยสอนและพร่ำเตือนเธอให้เห็นถึงความจริงใจของธีร์ เป็นคนที่ปลอบเธอในวันที่แอบหลบไปร้องให้เพราะน้อยใจพี่สาวจนชลนายอมใจอ่อนคล้อยตามอยู่บ้างแม้ว่าจะยังคงไม่พอใจเขาอยู่เหมือนเดิมก็ตาม
              
                 ทว่าในตอนนี้ หญิงสาวไม่แม้แต่จะจำได้ด้วยซ้ำ ว่าเขาเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างธีร์ในงานแต่งงานของพี่สาวตัวเองในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าว อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองไปมาก…ในระยะเวลาหลายปีที่เฝ้ามองดูเธอเป็นดาวอยู่กลางผู้คนมากมาย และส่วนมากเป็นผู้ชายนั้น เขาก็ย้อนกลับมาดูตัวเองอยู่เหมือนกันและเมื่อพบว่าตัวเองช่างแตกต่างจากผู้ชายเหล่านั้นมากเสียเหลือเกิน
  
                อันที่จริงเขาก็ไม่ชอบเปลี่ยนแปลงตัวเองนัก เมื่อเห็นว่าที่เป็นอยู่ก็สบายดีอยู่แล้ว แต่รับรองว่าถ้าเขาเข้าหาเธอในสภาพแบบที่เธอเคยเห็น เขาจะไม่ได้รับความสนใจจากเธอและไม่สามารถเข้าถึงเธอได้ง่ายๆแน่ๆ ในเมื่อเธอมีแต่คนรายรอบเธอซะขนาดนั้น แม้ว่าเขาจะเห็นว่าเธอไม่ได้ให้ความสนใจใครเลยก็ตาม แต่ก็ไว้ใจอะไรไม่ได้ เขาจึงยอมปรับปรุงตัวเองเป็นบางอย่าง หันกลับมาดูแลรูปร่างและผิวของตัวเองให้ดูดีขึ้น จากเนื้อแท้ที่ไม่ใช่คนขี้ริ้วมากมาย จึงได้กลายมาเป็นเขาอย่างที่เธอได้เห็นในปัจจุบัน
  
                จะบอกว่าเขายอมหล่อเพื่อเธอเลยก็พูดได้ เพียงเพราะอยากให้เธอสนใจและไม่อยากให้หญิงสาวอายใครว่าคนรักในอนาคตเป็นคนหน้าตาเฉิ่มเท่านั้น!
               แต่คิดไปคิดมาก็เริ่มจะคิดมากอยู่เหมือนกันว่าถ้าเขาเข้ามาหาเธอด้วยตัวตนในแบบแรกที่เธอเคยเห็นเป็นผู้ชายเฉิ่มเชย เธอจะยังรักและเลือกเขาหรือไม่…

             “คุณเป็นอะไรอีกเนี่ย เอาแต่มองอยู่นั่นฉันเมื่อยมือแล้วปล่อยได้รึยัง”
             เมื่อเผลอคิดอะไรออกนอกเรื่องไปไกล สิงห์ก็ถูกดึงกลับมาด้วยเสียงของชลนา เมื่อสติกลับมาอยู่ครบถ้วนไม่ได้ลอยละล่องไปไหนอีก สิงห์ก็ส่งยิ้มหวานๆให้อีก

              “ปล่อยก็ได้ แต่เลิกก้มหน้าแบบนี้เสียก่อน” สิงห์มองคนที่เงยหน้าขึ้นถามเขาและก้มหน้างุดไปอีกอย่างเอ็นดู
  
              ชลนาที่โดนเขาแกล้งยังไม่ยอมเงยหน้า กลับพยายามดึงมือตัวเองให้ออกจากใบหน้าของเขาทั้งที่ก้มหน้าอยู่อย่างนั้น แต่เมื่อลองทำอยู่หลายทีมือที่เหนียวหนึบราวกับติดกาวอยู่ของสิงห์ก็ยังยึดมือขงเธอไว้ได้ ชลนาเลยยอมเงยหน้าขึ้นมองเขาหลังจากที่ระงับใบหน้าของตัวเองไม่ให้ยิ้มได้แล้ว และบัดนี้มีแต่ใบหน้าขึงขังแทน

              “เงยหน้าแล้วนี่ไง ทีนี้จะปล่อยมือฉันได้หรือยัง” สิงห์พยักหน้า หญิงสาวจึงเบาใจ ก่อนที่เขาค่อยๆลดมือของเธอลงแต่ยังคงจับไว้บนตักของเธอ

              “อืม หายหน้าแดงแล้ว”  ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าใสซื่อราวกับมันเป็นคำพูดธรรมดาๆ  แต่ชลนาค้อนเข้าให้ เพราะรู้ว่าเขาหาเรื่องแกล้งแซวเธอให้อาย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่