สวัสดีค่ะ หลังจากพยายามด้นตอนต่อของเรื่องนี้ ตอนที่ 4 ก็คลอดออกมาจนได้
ย้อนอ่านบทที่ 1-3 ที่กระทู้นี้ค่ะ
http://pantip.com/topic/32168665
อ่านแล้ววิจารณ์ สับ ชำแหละได้เต็มที่เลยนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ
เรื่อง Where am I? อยู่ที่ไหน ตัวฉัน?
บทที่ 4 วันหยุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้“ซิค”
เสียงหวานใสร้องเรียกอย่างร่าเริง ร่างกายเล็กๆป้อมๆเดินเตาะแตะๆเข้ามาหา กลีบปากบางแย้มออกอย่างดีใจ ยิ่งทำให้พวงแก้มใสสีชมพูระเรื่อนั้นแลดูน่าหมั่นเขี้ยวราวกับเชิญชวนให้เอาจมูกฝังลงไปซักฟอดสองฟอด
ใครกันนะ เด็กคนนี้
“ซิค”
เด็กน้อยเดินเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น แต่น่าแปลกที่ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจนนัก ทั้งอย่างนั้นกลับสัมผัสได้ถึงการจับจ้องของอีกฝ่าย ว่าเป็นแววตาที่แสดงความรักใคร่มากเพียงใด
ใครกันน่ะ? ทำไมถึงเห็นหน้าไม่ชัดล่ะ?
“ซิค มาเล่นกัน”
ใครกัน?
“ดิ๊ก ดิ๊ก!”
หยาดน้ำเอ่อคลออยู่เต็มดวงตาที่ยังปิดสนิทของชายหนุ่ม เนตรคมพยายามเปิดเปลือกตานั้นขึ้นอย่างลำบาก เบื้องหน้าเขามองเห็นภาพเลือนลางของหญิงสาวผู้มอบชีวิตให้แก่เขากำลังเฝ้ามองอยู่ด้วยสีหน้ากังวลใจ
“เป็นอะไรไปเหรอ ฝันร้ายรึไง” เสียงหวานนั้นเจือด้วยความเป็นห่วง ชายหนุ่มขยี้ตาพลางเหยียดแขนให้คลายเมื่อย เขายันกายขึ้นนั่งขณะเหลือบตามองบุคคลตรงหน้าอย่างเต็มตา
“ทำไมถึงคิดงั้นล่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“ก็...เรียกตั้งหลายทีนายก็ไม่ยอมตื่น แถมทั้งๆที่หลับแต่น้ำตาก็ดันไหลพรากซะอย่างนั้นน่ะ เลยคิดว่าอาจจะฝันร้ายรึเปล่านะ”
คนตัวใหญ่กว่าชะงักกึก มือข้างหนึ่งเลื่อนไปสัมผัสใบหน้าของตน จนถึงเมื่อครู่เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าดวงตาคมเข้มคู่นั้นยังคงเปียกชื้น
ใบหน้าคมคายนั้นปรากฏแววแปลกใจออกมาเล็กน้อย พยายามนึกถึงความฝันว่ามันเลวร้ายเพียงใด แต่ในห้วงความทรงจำนั้น แม้จะลางเลือน แต่ก็จำได้ว่าไม่มีเสี้ยวไหนที่สามารถเรียกได้ว่า ‘ฝันร้าย’ ได้เลย แต่สิ่งที่เหลือค้างอยู่ที่อก กลับเป็นความรู้สึกถวิลหา
ถวิลหาสิ่งใด...
ภูตหนุ่มสะบัดหน้าไปมา ไล่ความคิดแปลกๆออกไปจากหัว ตั้งแต่เขาถือกำเนิดขึ้นมา ก็มีแต่ทรายเท่านั้นแหละที่อยู่กับเขา
เขารับรู้ถึงความเป็นห่วงของอีกฝ่าย เธอก็เป็นซะอย่างนี้ คอยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นอยู่เรื่อย ก็เพราะแบบนั้นไม่ใช่หรือไงที่ทำให้เธอเลือกเส้นทางชีวิตตามความคาดหวังของคนรอบข้างเสมอมา
“ไม่ได้ฝันร้ายหรอก ไม่เป็นไรหรอกนะ ช่างมันเถอะ” เนตรสีนิลทอดตามองคู่สนทนาด้วยสายตาที่พยายามแสดงออกว่าสบายๆ พลางใช้มือใหญ่ลูบหัวอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน “ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก”
ชายหนุ่มไม่อยากให้เธอต้องมาเป็นกังวล ดังนั้นบอกว่าไม่เป็นไรนี่แหละดีที่สุดแล้ว
หญิงสาวมองอีกฝ่ายล้มตัวลงนอนลงไปอย่างเกียจคร้าน เธอยังคงกังวลอยู่เล็กน้อย
คงไม่มีอะไรน่าห่วงนัก หากว่าผู้ที่อ้างว่าตนเป็นภูตจากนาฬิกาของเธอคนนั้นเพิ่งเคยหลับไปร้องไห้ไปเช่นนี้เป็นครั้งแรก
เธอไม่ได้บอกเขา ว่าเธอเห็นเขาเป็นเช่นนั้นมาหลายครั้งแล้ว และแน่นอนที่เธอจะมิได้กล่าวถึงความสงสัยอย่างมากว่าเขาฝันถึงใคร หรืออะไร
หมอนี่เดาไม่เคยถูกเลยว่าเป็นคนยังไงกันแน่ เดี๋ยวก็ขี้แกล้ง เดี๋ยวก็อบอุ่นอ่อนโยน แต่ถึงอย่างนั้น...
ก็ไม่เคยเห็นหมอนี่ร้องไห้ในตอนที่ตื่นอยู่เลยซักครั้ง
ภูตตนหนึ่งที่ถือกำเนิดมาจากนาฬิกาข้อมือ มีช่วงชีวิตอยู่กับมนุษย์เพียงคนเดียว มีเรื่องอะไรที่ทำให้โศกเศร้าใจถึงกับร้องไห้?
ช่วงเวลาแม้ว่าเหมือนจะไม่นานที่ทั้งสองได้ใช้ร่วมกัน น่าแปลกใจที่ทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวลกับอีกฝ่ายได้มากมายเช่นนี้
เขาคอยอยู่เคียงข้างเธอทุกครั้งในยามที่เผชิญปัญหาในการงาน คอยพูดจายียวนทั้งยังแกล้งเธอเพื่อให้เธอหัวเราะ ทั้งยังคอยปลอบเธอในยามที่เธอรู้สึกผิดหวังกับปัจจุบันที่เธอเลือก เมื่อพบว่านั่นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่เธอตามหา
ที่จริงต้องบอกว่าตานี่อยู่กับเธอแทบจะตลอดเวลาน่าจะถูกต้องกว่า
เธอไม่มีพลังอะไรที่จะช่วยเขา มีแต่เขาที่คอยช่วยเธอ แต่กับแค่เรื่องฝันร้าย เธอก็น่าจะช่วยปลอบเขาได้บ้างไม่ใช่รึไง
ร่างบางส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ นึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายเอาแต่ปล่อยให้ตัวเองเป็นที่พึ่งอยู่ฝ่ายเดียว ตอนที่เธอฝันร้าย หมอนี่ยังคอยช่วยปลอบเธอแท้ๆ
หญิงสาวหรี่ตามองบุคคลบนเตียงด้วยสีหน้าที่หลากหลาย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
“ปล่อยให้นอนต่ออีกนิดละกัน ยังไงวันนี้ก็วันหยุดนี่นะ”
สายแล้ว
เรือนผมสีน้ำตาลเข้มถูกมัดรวบอย่างเรียบร้อยด้วยยางมัดผมสีดำเส้นหนึ่ง และตอนนี้เจ้าของเรือนผมสลวยนั้นกำลังพยายามเลือกชุดที่น่าจะเหมาะกับเธออย่างรำคาญใจ
“ทำไมชั้นต้องเอาของไปส่งให้หัวหน้าในวันหยุดด้วยเนี่ย น่าเบื่อชะมัด” เสียงบ่นหงุงหงิงๆของหญิงสาว ปลุกให้อีกคนรู้สึกตัวตื่น
“อือ...อ จะไปไหนเหรอ” ภูตหนุ่มพลิกตัวส่งเสียงครางเบา ปรือตาขึ้นมองร่างแบบบางของอีกฝ่าย ก่อนกลิ้งตัวลงมานั่งที่ข้างเตียงพลางสะบัดหัวไล่อาการสะลึมสะลือ
“ตื่นแล้วเหรอเพคะ องค์ชาย” ทรายกระเซ้า “หม่อมชั้นต้องเอาของไปส่งให้หัวหน้าที่ออฟฟิศน่ะเพคะ จะไปด้วยกันรึเปล่าเพคะ”
“ไปสิ” คนถูกแหย่ทำท่าไม่สนใจ ไม่แน่นักว่าขี้เกียจเล่นหรือว่ายังไม่ตื่นดี “ไกลรึเปล่า ของเยอะมั้ย” ยันกายให้ลุกขึ้นยืน ก่อนใช้มือสางผมให้เข้ารูปเข้ารอย
“ก็มีแฟ้มเอกสาร 3 เล่มแค่นั้นแหละ เมื่อวานเป็นคนให้ชั้นเอากลับมาแท้ๆ ไม่เข้าใจเค้าเลยจริงจริ๊ง” หญิงสาวเร่งสวมชุดซึ่งในที่สุดก็เลือกได้ซักที ปกติเธอไม่ค่อยสนใจเรื่องการแต่งตัวเท่าไหร่ แค่ใส่ง่ายๆสบายๆ นั่นก็พอแล้วสำหรับเธอ แต่ถ้าต้องเข้าไปเจอหัวหน้าด้วยคงต้องให้ดูดีมีมาดสักหน่อย ทำให้การแต่งกายไปทำงานในแต่ละวันช่างเป็นเรื่องน่ารำคาญสำหรับเธอจริงๆ
ร่างบางเหลียวมองคู่สนทนาแวบหนึ่ง ก่อนนึกถึงพ่อกับแม่ซึ่งมีธุระต่างจังหวัด กว่าจะกลับคงพรุ่งนี้ หญิงสาวปรบมือดังแปะ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเสบียงเจียนจะหมดอยู่รอมร่อแล้ว ถ้างั้นอย่าให้การออกนอกบ้านครั้งนี้ต้องกลับบ้านมือเปล่า แวะห้างซื้อของด้วยเลยดีกว่า
“วันนี้ไม่ต้องแปลงเป็นร่างภูตจิ๋วก็ได้ ไปร่างนี้แหละ” เสียงหวานใสกล่าวอย่างร่าเริง “เสร็จงานแล้วไปซื้อของด้วยกันนะ”
“อะไร ไม่กลัวโดนใครเห็นฉันเดินออกไปจากบ้านเธอรึไง” ชายหนุ่มยิ้มเกรียน “หรือจะหลงเสน่ห์ฉันซะแล้ว เมื่อคืนฉันนอนกับเธอร่างนี้ไม่เห็นบ่นซักคำ” รอยแสยะปรากฏที่มุมปาก ทำเอาอีกฝ่ายหน้าขึ้นสีแดงจัดขึ้นมาครู่หนึ่ง
“อย่าใช้คำว่านอนกับชั้นนะ เมื่อคืนชั้นทำงานกว่าจะนอนก็เกือบเช้าแล้ว ไม่มาช่วยกันมั่งเลย ชิ!” หน้าหวานเบ้หน้าเบาๆ นึกในใจว่าถึงอยากจะบ่นก็คงไม่มีอารมณ์จะบ่นแล้ว ในเมื่อดันเห็นตอนที่หมอนี่ละเมอร้องไห้แบบนั้นเข้านี่นา
“อ้าวๆ เขินงั้นเหรอ เขินก็บอกมาเถอะน่า คุณ-ผู้-หญิง” โน้มร่างสูงใหญ่ลงเข้าใกล้ร่างเล็กๆของหญิงสาวพลางแซวด้วยน้ำเสียงยียวนสุดฤทธิ์
ทรายใช้มือเล็กๆยันใบหน้าคมเข้มให้ออกห่าง “ใกล้เกินไปแล้ว” เสียงหวานกระเง้ากระงอดใส่ ก่อนที่จะคว้าสัมภาระทั้งหลายออกจากบ้านโดยที่มีดิ๊กเดินตามไปอย่างกระชั้นชิดเพื่อแย่งของในมือเธอมาถือไว้เอง
วันนี้อากาศค่อนข้างแจ่มใส แม้กรมอุตุนิยมวิทยาจะเตือนมาว่าอาจมีฝนตกในบางพื้นที่ก็ตาม แต่ดูเหมือนในความเป็นจริงจะตรงกันข้าม เมื่อแดดที่สาดส่องมันร้อนแรงเสียจนแทบไหม้
สายตาของดิ๊กคอยมองรถโดยสารที่ผ่านมาอย่างไม่วางตาขณะใช้ร่างสูงใหญ่เข้าบังทางแดดให้หญิงสาว คนตัวเล็กกว่าแอบเหลือบตามองรูปร่างของคนที่มาด้วยกันตั้งแต่เท้าจรดศีรษะ ร่างกายของอีกฝ่ายทั้งสูงใหญ่ ทั้งให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง เนตรงามมองเห็นแผ่นหลังกว้างของบุคคลที่ยืนด้วยกัน แม้มองในมุมเอียงแต่ก็รับรู้ได้ว่าแผ่นหลังนั้นช่างกว้างจริงๆ
รถเมล์มาแล้ว ไปกันเถอะ ได้ยินเสียงเรียกของคนที่มาด้วยกัน เธอเดินตามเขาต้อยๆอย่างไม่ค่อยรู้สึกตัวนัก มือเรียวเล็กเอื้อมไปจับชายเสื้อของคนที่เดินนำไปราวกับเด็กน้อยที่กลัวหลงทาง
คนที่เดินนำอยู่เหลียวหลังมามองขณะหนึ่ง เขาลอบยิ้มก่อนจะเดินขึ้นรถเมล์ไปโดยปล่อยให้คนที่มือจับชายเสื้ออยู่นั้นเดินตามมาติดๆ รถโดยสารค่อนข้างจะมีคนเยอะสักหน่อย ให้เธออยู่ด้านหลังเขาแบบนี้น่าจะปลอดภัยดีที่สุดแล้ว
ทรายยืนเอาหน้าผากซบที่แผ่นหลังกว้างของภูตหนุ่มระหว่างทางที่รถเคลื่อนไป การจราจรที่รถติดเป็นระยะๆทำให้รถโดยสารนั้นเหยียบเบรกอยู่บ่อยๆ พาให้คนบนรถเซไปเซมาตามแรงขับเคลื่อน ภูตหนุ่มใช้มือข้างหนึ่งกระชับสัมภาระไว้ไม่ให้หลุดมือไปไหน ส่วนอีกข้างเขาเกร็งมือเกาะราวจับให้มั่น เพื่อเป็นหลักที่มั่นคงสำหรับหญิงสาวตัวเล็กๆที่ยังคงกุมชายเสื้อของเขาไว้แน่นอย่างสงบนิ่งคนนั้น
ไม่นานนักก็ถึงที่หมาย ทรายและดิ๊กพยายามเบียดตัวลงมาจากรถให้เร็วที่สุดก่อนที่มันจะกระชากออกจากป้ายไป เสียงหอบแฮ่กๆลอดออกมาจากปากของทั้งคู่
“คนจะแน่นเกินไปแล้ว กว่าจะลงมาได้” สองเสียงประสานโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวเราะคิกคักที่ใจดันตรงกันซะอย่างนั้น
เพื่อไม่ให้เสียเวลา ทรายบอกให้ภูตหนุ่มรออยู่หน้าบริษัท เธอวิ่งรี่นำเอกสารขึ้นไปที่แผนก และกลับลงมาด้วยเวลาที่เร็วแทบจะพอๆกับความไวในการออกตัวของรถโดยสารเมื่อครู่
ภูตหนุ่มหัวเราะคิก เขามองหญิงสาวที่กำลังโก้งโค้งหอบอีกรอบประหนึ่งวิ่ง 4x100 เมตรมานึกแปลกใจว่าทำไมต้องรีบขนาดน้าน!!
ไม่อยากให้นายรอนาน คือคำตอบของหญิงสาว ก่อนที่เธอจะยืดตัวตรงแล้วส่งยิ้มหวานที่แสนอบอุ่นกลับมาให้
ต่อในความคิดเห็นนะคะ ลงไม่หมดจริงๆ
[รบกวนอีกแล้วค่ะ] Where am I? อยู่ที่ไหน ตัวฉัน? ตอนที่ 4
ย้อนอ่านบทที่ 1-3 ที่กระทู้นี้ค่ะ http://pantip.com/topic/32168665
อ่านแล้ววิจารณ์ สับ ชำแหละได้เต็มที่เลยนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ
เรื่อง Where am I? อยู่ที่ไหน ตัวฉัน?
บทที่ 4 วันหยุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต่อในความคิดเห็นนะคะ ลงไม่หมดจริงๆ