ลูกที่ทำให้แม่ต้องร้องไห้ ถึงสามครั้ง

ชีวิตนี้ที่แม่ต้องเสียน้ำตาสามครั้ง

เรื่องราวค่อนข้างยาวมากๆ เพราะฉะนั้นถ้าใครคิดว่าเรื่องที่ผมเล่าจะดูจะทำให้เสียเวลากัน
ได้โปรดข้ามไปเลยก็ได้นะครับ ต้องขอโทษด้วยที่ เล่าซะยาวเหยียดเลย
และนี่คือเรื่องราวที่ผมทำให้แม่ของผมต้องเสียใจ

ครั้งแรกที่ผมทำให้แม่ต้องร้องไห้ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าเพราะอะไร?
ผมดูอกตัญญูมั้ย?
เรื่องที่เราทำให้คนที่เรารักเสียใขเรากลับจำไม่ได้ แค่จำได้ว่าเคยแน่ๆหนึ่งครั้ง

แต่ผมจำได้ว่าผมเคยลากแม่ ที่กำลังเกาะผมอยู่ ไปทั่วบ้าน
ตอนอายุ สิบกว่าๆ ด้วยอารมณ์ ที่ไม่พอใจ จำไม่ได้แล้วว่าตอนนั้นไม่พอใจอะไร
แต่จำได้ว่าไม่พอใจมากๆ ปิดประตู ล๊อคห้องเสียงดังไม่สนใจใครทั้งสิ้น
แม่ของผมท่านก็อาจจะร้องไห้อยุ่ข้างในก็เป็นได้

ส่วนอีกสองครั้งหลังที่ติดๆกัน ก็คือตอนที่ ผม เห็นแม่เล่นมือถือกลางดึกเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา
ด้วยความที่ผมเพิ่งไปตัดแว่นมา จึงคุยกับช่างตัดแว่นอยู่หลายคน ช่างบอกว่าการเล่นมือถือกลางดึกในที่ที่มีแสงไม่เพียงพอ
อาจจะทำให้ ตาเสีย ตาเอียงได้ แต่ที่หนักที่สุดก็คือจะทำให้วุ้นในตาเสื่อมสภาพไวขึ้น ส่งผลให้เกิดโรคตาเสื่อมในผุ้ใหญ่
ผมกลัว กลัวเหลือเกินว่าคนที่ผมรักมากที่สุดคนนึงในชีวิต เค้าจะต้องเป็นโรคตาเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้น
กลัวเหลือเกินว่าคุณแม่จะเป็นแบบ อาม่า ตอนนี้คุณแม่อายุ 50 อาม่า ก็ 70 ปลายๆแล้ว

คืนนั้นผมเห็น คุณแม่ นอนเล่นมือถือทั้งคืน นานมาก โดยไฟในห้องก็ปิดมืดสนิท ผมจึงเข้าไปเตือนคุณแม่ คุณแม่บอกว่า ขออีกแปปเดียว
ผมจึงลงไปนอนที่พื้นต่อ แต่คุณแม่ก็ยังไม่เลิกเล่นมือถือซักที ผมลุกขึ้นไปเตือนอยุ่ หลายครั้ง
คุณแม่ก็ยังไม่ยอมเลิกเล่น ทีนี้ผมก็เห็นว่านานแล้ว ผมจึงลุกเดินเข้าไปหาคุณแม่อีกครั้ง ก็เตือนท่านเหมือนเดิม
แต่ คราวนี้ท่านปิดมือถือ ล้มตัวลงนอน ผมก็นึกว่าท่านคงนอนแล้วจริงๆ จึงลงไปนอนที่พื้นต่อ

ซักพักผมก็ได้ยินเสียงท่านเปิดมือถือขึ้นมาเล่นอีก คราวนี้ผมก็เลยอารมณ์เสียมาก เข้าไป หยิบมือถือจากท่านมาแล้วก็ปิดเครื่องเลย
แล้วผมก็เลยยึดมาไว้ข้างที่นอนผม ท่านก็เดินตามมาเอา ผมก็ไม่รุ้จะทำยังไง ก็เลยคืนท่านไปแล้วคืนนั้นเราก็นอนหลับ

แต่พอผมตื่นมาอีกวันท่านไม่สนใจผม ผมจะเรียกยังไง จะถามอะไร จะถือกระเป๋าให้ ท่านก็ไม่สนใจ
ทั้งวันนั้นเราไม่ได้พูดอะไรกันเลยมีแต่ผม ยิงคำถาม อยุ่คนเดียวแต่ท่านก็ไม่มีท่าทีจะตอบ

จนเย็นวันนั้นผมต้องไป ต่างจังหวัดเพื่อ มาฝึกงาน เนื่องจากผมยังเป็นศึกษาอยุ่
ผมฝึกงานวันจันทร์ แล้วกลับมาเย็นวันศุกร์ ผ่านไป 5 วันหลังจากที่ผมกับแม่ไม่ได้คุยกัน
พอผมกลับมา ในห้องผมปกติแล้วจะค่อนข้างรกนะครับ ใครจะเข้าออกหรือใช้ห้องผม ในตอนที่ผมไม่อยู่เนี่ย
ผมจะไม่ว่าอะไรเลย ถ้าผมกลับมาแล้วเก็บให้เข้าที่ แต่วันนั้นผมกลับมากลับ รกกว่าเก่ามาก
แล้วผมก็เป็นคนแพ้ฝุ่นมากๆคนนึง นิดเดียวก็จามน้ำมูกก็ไหลแล้ว
ซึ่งผมก็รู้ว่าคนที่เข้ามาใช้ต้องเป็นแม่ผมแน่นอน เพราะ ป๋าผมท่านไม่เคยเข้ามายุ่งในห้องผมเลย แทบจะไม่รุ้ว่าในห้องผมทุกวันนี้มีอะไรอยุ่ไหนบ้าง
ส่วนน้องชายผมมันก้มีห้องของมัน และทุกครั้งถ้าน้องผมจะมาเอาอะไรในห้องผม ถ้าของที่น้องจะใช้ค่อนข้างใหญ่หยิบยากๆ คือถ้าหยิบออกมาแล้วมันจะรกเนี่ยมันจะบอกผมก่อนเสมอ ทีนี้พอผมรู้ว่าเป็นคุณแม่
ผมก็เลยเดินไปบอกท่านบอกว่า "ของที่แม่ลื้อ ออกมาช่วยเก็บให้ผมหน่อยนะ เพราะผมอยู่ไม่ได้ ฝุ่นมันเยอะอะแม่ แต่ที่ผมพูดนี่ผมไม่ได้มาหาเรื่องนะ"
ตอนนี้ผมก็ค่อนข้างอารมณ์เสียมากๆระดับนึงแล้ว
ผมเลยบอกท่านว่า "เอาออกไปนอกห้องผมเลยนะแม่"
ทีนี้แม่ผมก็สวนกลับมาว่า " ไม่ ฉันจะวางไว้ในห้องเธอ เธอจะทำไม"
ผมก็ยิ่งอารมณ์เสียอีก เราไม่ได้มาหาเรื่องนะ ทำไมแม่ถึงพูดอย่างนี้ ผมก็เลยทำท่าไม่สนใจ ไม่อยากมีปัญหา
ไปกินข้าวดีกว่าหิวมากๆ เพราะผมเพิ่งกลับมาจากที่ฝึกงาน ทีนี้พอขึ้นห้อง กะว่า จะไปพักผ่อนสักหน่อย ขึ้นไป ของๆแม่ที่ท่านวางไว้ก้ยังอยุ่ในห้อง
มีแค่การจัดเก็บไว้ตรงมุมประตูทางเข้าเท่านั้นผมก็เลย ทำการทำความสะอาดห้องซะเลย เนื่องจากผมทนไม่ไหว กับ ห้องที่ฝุ่นมันเยอะมากๆ บวกกับ อารมณ์ ที่เริ่มไม่ค่อยดีอีกแล้ว ก็เลยจัดเก็บข้าวของ เรียงของในห้อง ดูดฝุ่นในห้อง ทำทุกๆอย่างที่จะให้ห้องมันสะอาดทั้งๆที่เพิ่งกลับมาแล้วเพิ่งกินข้าวเสร็จแปปเดียว.

ผมก็นั่งจัดของในห้องเป็น ชั่วโมงๆ
จนสุดท้ายได้กองขยะออกมา จำนวน หนึ่งกล่องลัง

ในนั้นมีแต่พวกถุงกระดาษ ถุงพลาสติก หมอน ผ้าม่าน ที่เก่าๆไม่ใช้แล้วฝุ่นเขรอะๆ ผมก็เอายัดใส่กล่องทั้งหมดแล้วเอาไปทิ้ง

โดยผมก็จะเก็บบางอย่างที่ยังดูใช้ได้และยังมีประโยชน์อยู่ สองสามชิ้น พวก ร่ม ปากกา ที่มันอยุ่ในถุงกระดาษที่ผมทิ้งนั่นแหละ
ซึ่งพวกถุงลายต่างๆ ปากกา และ ร่ม เป็นของๆแม่ผม สุดท้ายพอผมยกกล่องนี้ออกมา
คุณแม่ผม ท่านก็เห็นนะแล้วถามผมว่า " ในนั้นมีของแม่มั้ย?"
ผมก็บอกว่า " มีแต่ไม่มีอะไรหรอกแม่ส่วนใหญ่มีแต่ขยะ "
ท่านก็ไม่ได้สนใจอะไร คือตรงจุดนี้ผมก็รู้นะว่ามันไม่ถูก ว่าของๆคนอื่นก็ควรถามเจ้าตัวก่อน ว่าจะทิ้งหรือไม่แต่ด้วยความที่ผมใช้อารมณ์ เป็นคนอารมณ์ ร้อน แล้วพอ ใช้อารมณ์มันก็ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ก็เลยทิ้งกล่องๆนั้นไปเลย โดยไม่ถามใครทั้งสิ้น

จนถึงวันอาทิตย์ ผมกลับมาฝึกงานที่ ตจว อีก

อยู่ดีๆท่านก็โทรมาถามบอกว่า " ของๆฉันมันหายไปไหน ทำไมเหลือแต่ร่ม ที่เธอ เอาไปทิ้ง เธอเอาไปทิ้งเลยได้ยังไง ทำไมไม่ถามฉันก่อน "
แล้วผมก็ขอโทษท่านเนื่องจากผมก็รู้ว่าผมผิดเองที่ใช้อารมณ์ แล้วพอคุยกันไปคุยกันมา ด้วยอารมณ์

ท่านก็ร้องไห้ นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมทำให้แม่ผมร้องไห้จนได้

แล้วพอเราเคลียกันไม่ได้ พ่อก็เลยเป็นคนคุยกับผมแทน แล้วพอคุยจบท่านก็วางสายไป
ซักพักคุณแม่ผมท่านก็โทรมาอีก ถามว่า " เรายังเป็นแม่ลูกกันอยู่มั้ย แกเป็นลูกฉัน หรือว่าฉันเป็นลูกแก กันแน่ หรือเราจะเลิกเป็นแม่ลูกแล้วทะเลาะกันต่อไปทุกอาทิตย์ อย่างนี้ "
ผมก็พยายาม หาเหตุผลต่างๆนาๆ ขอโทษท่าน ยอมรับผิดแล้วก็ตาม

สุดท้ายท่านก็ร้องไห้อีกครั้งเป็นครั้งที่สามจนได้

ระหว่างที่ผมคุยโทรศัพท์ กับท่านผมฟังท่านร้องไห้พูดแล้วผมเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง
ได้แต่บอกครับ ผมเข้าใจ ผมขอโทษ ผมก็รู้ว่าผมไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย เป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ใช้อารมณ์เป็นหลัก ยึดตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง
แล้วท่านก็เลยบอกว่าต่อจากนี้ท่านจะไม่ยุ่งกับห้องผมอีกเลย แล้วจะเก็บของทุกอย่างที่ท่านฝากไว้ในห้องของผม ออกไปให้หมด
สุดท้าย ท่านก็บอกทิ้งท้ายว่า " อะไรที่เธอทำแล้วสบายใจ ก็ทำไป ฉันมันเป็นแค่แม่ของเธอ เธอจะไม่เห็นหัวฉันก็เรื่องของเธอ ฉันจะโทรมาบอกเธอแค่นี้แหละ " แล้วท่านก็วางสายไป เท่านั้นแหละครับ ผมปล่อยโฮ ออกมาชุดใหญ่ เลย ผมแทบจะจำไม่ได้แล้วนะครับว่าครั้งล่าสุดที่ผมร้องไห้เนี่ยมันเมื่อไหร่ แต่ครั้งนี้ผมเสียใจมากๆ เสียใจจริงๆ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี เรื่องมันจะเป็นแบบนี้จริงๆเหรอ ชีวิตนี้ผมทำให้แม่ผม ร้องไห้ถึงสามครั้งเลยเหรอ ผมรุ้สึกว่าตัวเองมันแย่ แย่มากๆ เหมือนเป็นลูก อกตัญญู ไม่เห็นคุณค่าในแม่ของตัวเอง แล้วหลังจากผมร้องไห้ไปพักนึง ด้วยความที่ป๋าผมก็รู้ว่าผมค่อนข้างคิดมากเรื่องพวกนี้ ท่านเลยโทรมาหา บอกว่าไม่เป็นไรนะ อย่าคิดมาก เดี๋ยวป๋าจะดูแลแม่เอง เราก็ดูแลตัวเองด้วย พรุ่งนี้มีฝึกงานก็ไปด้วยนะ ผมก็ได้แต่กัดฟันกลั้นน้ำตาไม่ให้ท่านรุ้ว่าผมร้องไห้แล้วก็พยายามประคองสติ ตอบว่าครับตลอดจนวางสายไป

จะมีทางไหนมั้ยครับ
ที่จะทำให้ผมไม่เป็นคนใช้อารมณ์เป็นหลัก
ที่จะทำให้ผมใจเย็นกว่านี้
ไม่เป็นคนอารมณ์เสียง่าย

ถ้ายังไงใครมีแนวทางดีๆ ที่จะปรับปรุงตัวเองช่วยชี้แนะให้ผมด้วยนะครับ
ขอบคุณมากที่ทนๆอ่านกันมานะครับ ขอบคุณครับ

เรื่องที่เล่าอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับใครหลายๆคน ได้โปรดอย่าใช้คำวิจารณ์ว่ากล่าวใครใดๆทั้งสิ้น ยกเว้นจะว่าผม
ผมแค่อยากจะขอคำปรึกษา ขอบคุณพี่ๆทุกคนอีกครั้งครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่