สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
1.4 AP
หลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับที่นี่กันมากนัก เพราะช่วงหลังเงียบหายไปมาก บริษัทนี้เคยโดดเด่นในสินค้าคอนโด และทาวน์เฮ้าส์ในเมือง
เริ่มที่คอนโด หลังจากที่ดินในเมืองราคาสูงขึ้นมาก ทำให้ราคาขายเพิ่มสูงขึ้นมาก จากแต่ก่อนที่บริษัทเปิดคอนโดมากกี่ที่ก็ขายดีไปหมด แต่ตั้งแต่ปีที่แล้วปรากฏว่าเปิดที่ไหนก็ขายยากเพราะราคาสูงขึ้นเร็วไปเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แถมหลายที่กเกิดปัญหาได้ EIA แล้วและก่อสร้างตึกขึ้นไปหลายสิบชั้น กลับโดนชาวบ้านคัดค้านจนโดนราชการสั่งเบรก “ ทำเอาบริษัทเป๋ ไม่กล้าทำโครงการใหม่ถ้าไม่ชัวร์จริงๆ” เพื่อนผมบอก ประกอบกับการหาที่ดินในเมืองยากขึ้นมาก ทำให้โครงการใหม่ลดลงอย่างรุนแรง กระทบกับรายได้หลักของบริษัทจะเห็นผลปลายปีนี้เป็นต้นไป
ส่วนบ้านเดี่ยวของบริษัทนี้ก็พูดได้ว่าไม่แทบเคยประสบความสำเร็จ หลายปีก่อนผู้บริหารเคยที่ประกาศจะเลิกทำบ้านเดี่ยวเลยทีเดียว แถมเมื่อปีก่อนก็เกิดข่าวดังในห้องพันทิพธ์ ไม่แพ้คอนโดโฟม แต่เป็นหลังคาร่วงใส่รถ เพื่อนผมบอกตอนนั้นเหนื่อยเลยต้องเข้าไปเซอร์วิสลูกค้า ลูกค้าเอาอะไรก็ต้องยอม
สำหรับ ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น บริษัทก็ทำมานานโดยเฉพาะในเมือง เคยประสบความสำเร็จมาหลายโครงการ แต่ 2-3 ปีที่ผ่านมากลับไม่เป็นเช่นนั้น ราคาที่ดินและวัสดุ ค่าแรงก่อสร้างแพงขึ้นมาก ทำให้ราคาของทาวน์เฮ้าส์ในเมืองแบบเดิมราคาเดิม3-4 ล้าน กลายเป็น 5-6 ล้าน ยอดขายขึ้นอืดเลยทีนี้ บริษัทเลยต้องหาสินค้าตัวใหม่เพื่อให้ราคาไม่แพง จึงออกสินค้าทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น แบรนด์ใหม่ โดยได้ทีมงานก่อสร้างจาก PS ด้วยความหวังว่าจะมาช่วยรายได้บริษัท แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เกือบทุกโครงการขายสู้คู่แข่งไม่ได้ เนื่องจากต้นทุนแพงกว่าคนอื่น ถึงแม้เพื่อนผมมันจะไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบสินค้าตัวนี้ แต่มันบอกว่างงเหมือนกัน ไหนบอกว่าได้คนจาก PS ซึ่งน่าจะได้ประสบการณ์เรื่องต้นทุนมา หาเป็นเช่นนั้นไม่ แต่กลับได้เรื่องความด้อยคุณภาพของสินค้ามาอย่างเดียว จนผู้บริหารทั้งหมดต้องเข้าไปดูงานของบริษัทอื่นบริษัทหนึ่งที่เพิ่งเริ่มทำได้ไม่ถึงปี แต่กลับมียอดขายมากกว่า AP ถึง 4 เท่า ทั้งที่เปิดมาพร้อมๆกันทำเลเดียวกัน
อีกประเด็นที่ให้ AP ถดถอย ซึ่งน่าจะเป็น Case ให้แต่ละบริษัทได้ศึกษาก็คือการรับผู้บริหารจากธุรกิจคนละประเภท ซึ่งมีทั้งที่ประสบความสำเร็จ เช่น SCB ที่เอาคนถนัดสินค้าอุปโภคเช่นผงซักฟอก ยาสีฟัน มาบริหารแบงค์และสามารถต่อยอดยกระดับธุรกิจได้สำเร็จ แต่กลับล้มเหลวและถดถอยสำหรับ AP ที่เอาคนถนัดขายยาสีฟัน มาขายบ้าน ยอดขายถดถอยอย่างต่อเนื่อง
1.5 QH
นี่ก็อีกบริษัทที่ปัจจัยพื้นฐานหลักได้เปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง ไม่มีนักวิเคราะห์คนไหนรู้ยังคงเชียร์อยู่ แต่พนักงานทุกคนรู้ว่าบริษัทได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว เพื่อนผมอีกคนเล่าให้ฟังถึงสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับบริษัทเพราะมันทำให้เกิดวิกฤตในระยะยาวตามมา มันเล่ายังกับหนังจีนโดยเรื่องมีอยู่ว่า
หลังจากการเปิดศึกโค่นอำนาจของเจ้าของตัวจริงที่ไม่ปลื้มและเหลืออดกับผู้บริหารที่ตนเองได้ฝากให้ดูแลบริษัทนี้มาเกือบ 10 ปี สั่งปลดกลางอากาศ เป็นข่าวใหญ่ในวงการแต่ไม่เป็นข่าวในสื่อ แต่ไม่น่าเชื่อเกมพลิกผู้บริหารผู้เป็นลูกจ้างมีหมัดเด็ดซัดกลับจนเจ้าของกลับมาเป็นผู้แพ้เฉยเลย นี่ก็เป็น Classic case ที่น่าศึกษา เอาไว้จะมาเล่าให้ฟัง
หลังจากเสร็จศึก ก็มีการลงโทษประหารนายทหารผู้ที่คิดปฏิวัติ ทุกคนก็คิดว่าบริษัทจะเดินต่อไปด้วยดี แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ในช่วงสงครามช่วงชิงอำนาจ เหล่าขุนศึกทหารเอกก็เบื่อกับปัญหาการเมืองแย่งอำนาจ และได้ถูกเชื้อเชิญจากบริษัทอื่น จึงได้ตัดสินใจย้ายบริษัท บางท่านอาจคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้บริหารย้ายค่าย ถูกต้องครับไม่แปลก แต่ถ้าการย้ายบริษัทครั้งนี้ เป็นกลุ่มผู้บริหารและพนักงานที่ถือว่าเป็น Keyman หลักที่เป็นผู้สร้างบริษัทให้เป็นอย่างทุกวันนี้ ทิ้งเหลือไว้แต่เหล่าพลทหาร เพื่อนผมเล่าต่อว่า ถ้าเทียบกับเมื่ออดีตที่ผู้บริหารได้ยกทีมไป SC ในครั้งนั้นเรียกว่าแค่กองร้อยเดียว แต่ครั้งนี้เรียกว่าทัพหลวงไปหมด
การถดถอยกำลังจะเริ่มเห็นผลในปีนี้ ตอนนี้พนักงานส่วนใหญ่ท้อแท้ เพื่อนผมบอกว่าบริษัทขาดคนขนาดไหนรู้มั๊ย ขนาดเมื่อตำแหน่งผู้อำนวยการว่างหลายตำแหน่ง ไม่รู้จะเอาใครขึ้น สุดท้ายก็โฟร์แมนเด็กๆอายุ 30กว่าๆ มาเป็นผู้อำนวยการ ผิดกับบริษัทแม่อย่าง LH ที่มีมาตรฐานของพนักงานสูงกว่ามาก
จบไปหนึ่งเรื่องกับวิกฤตที่คนในไม่อยากจะเล่า แต่คนนอกอยากรู้ และนักวิเคราะห์เองก็ไม่รู้ ยอดขายของบ้านระดับบนเกิดการหดตัวอย่างแรง แต่บริษัทยังต้องฝืนทำแม้จะไม่เหลือกำไร แต่เพื่อภาพลักษณ์ของบริษัท ต่างจาก LH ที่ไม่ฝืน ตัดสินใจยกเลิกการทำโครงการบ้านระดับบนแล้ว
บริษัทรู้ดีถึงปัญหาดีมานด์บ้านระดับกลาง-บน ได้เปลี่ยนกลยุทธ์ไปเพิ่มสินค้าระดับล่าง ซึ่งในปีที่ผ่านมาก็เหมือนจะไปได้ดีมากกับบริษัทลูกซึ่งกลายเป็นความหวังใหม่ของบริษัทที่จะมาช่วยเพิ่มรายได้กับบริษัท แต่จากความโชคไม่ดี จากปัญหาความขัดแย้งภายในบริษัทดังที่เล่ามาข้างต้น ทำให้ทีมผู้บริหารบริษัทลูกที่ทำบ้านราคาถูกได้ยกทีมกันออกไปบริษัทอื่นเกือบหมด ทำให้อนาคตของบริษัทกำลังตกต่ำลงต่อเนื่อง
ยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจอยากจะเล่าแต่ขอไว้โอกาสหน้านะครับ เดี๋ยวจะไม่ได้เล่าถึงบริษัทอื่นบ้าง
2.กลุ่มที่ทรงตัว ยังถือได้ แต่ก็คงจะเติบโตไม่มากแล้ว
2.1 PS
เป็นบริษัทที่ได้เติบโตอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ปี จนบริษัทสามารถทำรายได้เป็นอัน 1 ได้สำเร็จ แต่หลังจากที่บริษัทได้ขยายโครงการไปทั่วทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด ในทุกสินค้าไม่ว่าจะเป็นบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ คอนโด ก็เริ่มจะเกิดภาวการณ์ชะลอตัวเนื่องจากกำลังมาเจอจุดแนวต้านของรายได้(คล้ายๆกับแนวต้านราคาหุ้น) เนื่องจากเดิมมีการเปิดโครงการหลายโครงการอยู่มากแล้ว ไม่รู้จะขยายโครงการไปยังไงเพราะจะเปิดตรงไหนก็ต้องแข่งกันเอง เพราะลูกค้าที่ซื้อคนอื่นก็ไม่ซื้อ PS เพราะกลัวในชื่อเสียงเรื่องคุณภาพอันยาวนาน จึงมีเฉพาะลูกค้าของ PS ที่จะไม่สนใจในคุณภาพมากนักแต่จะสนใจในราคาเป็นสำคัญ เป็นเหตุให้การขยายตัวของ PS เริ่มชะลอตัว แม้ PS จะมองหาตลาดใหม่ เช่นต่างประเทศ แต่ก็ล้มเหลวไม่ว่าจะไปลงทุนในอินเดีย หรือ เวียดนาม
เดิมรายได้หลักจะมาจากทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวซึ่งเริ่มอิ่มตัว ภายหลังสินค้าที่ทำให้ PS ขยายตัวในช่วงไม่กี่ปี มาจากตลาดคอนโด แต่ปัจจุบันเริ่มชะลอตัวอย่างมากเนื่องจากเกิดการล้นของคอนโด ทำให้ยอดขายจะไม่เป็นอย่างที่ตั้ง
แต่จุดแข็งอย่างหนึ่งของ PS ที่ยังจะทำให้บริษัทยังสามารถเติบโตได้อยู่ แต่คงไม่โตเร็วเหมือนแต่ก่อนมาจาก
- ต้นทุนสินค้า ที่ถูกกว่ารายอื่น ทำให้ราคาขายถูกกว่า ซึ่งลูกค้าระดับล่างยังมีจำนวนมากและลูกค้าระดับล่างให้ความสำคัญในราคามากกว่าคุณภาพ ทำให้ยังครองใจในลูกค้าระดับนี้อย่างเหนียวแน่น
- ได้มีอาชีพจากการซื้อตัวมาจากบริษัทคู่แข่งที่มีฝีมือจำนวนมาก และทุกคนก็ทุ่มเทกันอย่างสุดตัวเพราะเนื่องจากค่าตัวแพงและหากท่านใดผลงานไม่เข้าตา เจ้าของ(ได้ชื่อว่าโหดที่สุดในทุกบริษัท)ก็ไล่ออกฟ้าแล๊ปให้เห็นมาแล้วหลายราย จนทุกคนขวัญผวาจนไม่กล้าตกเป้า ทำงานกันดึกๆดื่นๆโดยอัตโนมัติ นี่ก็เป็นจุดแข็งที่ต่างจากที่อื่น
โดยสรุปก็เป็นบริษัทที่ยังเติบโตได้อยู่ แต่คงไม่โตเร็วเหมือนแต่ก่อนแล้ว ก็เลยยังพอลงทุนถือหุ้นต่อไปได้อยู่ ยังมีเรื่องเล่าอีกหลายเรื่องของที่นี่ แล้วจะทยอยมาเล่าเพิ่มเติมอีกภายหลังครับ
3.หุ้น Turn Around แห่งปี
คงเป็นเรื่องยากในปัจจุบันนี้ที่จะได้เจอหุ้นดาวเด่นของกลุ่มอสังหาฯ ต้องขอบคุณเพื่อนๆในวงการที่พูดถึงบริษัทนี้กันมาก จนผมเอะใจ เลยต้องใช้เวลานานในการเซาะหาข้อมูลที่น่าสนใจในบริษัทนี้จนมั่นใจว่านี่จะเป็นหุ้น ที่จะโดดเด่นที่สุดภายใน 2 ปีนี้ คือ
3.1 ***** GOLD ******
ไม่น่าเชื่อว่า เป็นบริษัทที่เกิดมานานกว่า 20 ปี ทำธุรกิจอสังหามานาน แต่ไม่ประสพความสำเร็จนัก และมีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่มาหลายครั้ง และขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปี จนกลายเป็นบริษัทที่ถูกลืมจากวงการจนกระทั่ง
หลังจากได้เปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นของกลุ่มเสี่ยเจริญ ซึ่งทำให้แสงไฟเริ่มจับตามาที่นี่ หลังจากได้กลุ่มทุนใหญ่ และเริ่มควานหาทีมบริหารมืออาชีพและก็ได้ทีมผู้บริหารจาก QH ทีมใหญ่มาเสริมทัพจนสมบูรณ์
พรรคพวกในวงการต่างพูดถึงบริษัทนี้กันมากหลังจากที่เปลี่ยนทีมบริหารไม่ถึงปี ก็สามารถเปิดโครงการใหม่ด้วยยอดขายทล่มทลายในภาวะวิกฤตการเมืองและการชะลอของเศรษฐกิจ โดยที่ในภาวะปกติก่อนวิกฤตการเมือง เมื่อเปิดขายโครงการบ้านใหม่อย่างของบริษัทใหญ่ของเพื่อนๆผมหลายที่ โครงการที่ขายดีจะมียอดขายตอนเปิดตัวประมาณ 100-150 ล้านบาท แต่ของที่ GOLD สามารถสวนกระแสเศรษฐกิจเปิดโครงการมา 3 โครงการแรกในต้นปี สามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 300-400 ล้านบาท สูงกว่าบริษัทใหญ่ทั้งหลายอย่างขาดลอย ซึ่งตอนที่เพื่อนผมพูดถึงบริษัทนี้ ได้เปิดไปแล้ว 2 โครงการ ผมได้มาทันเข้าไปชมโครงการที่ 3 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายเมษายนนี้
ภาพที่เห็นถึงกับอึ้ง ลูกค้าต่างแย่งกันซื้อทาวน์เฮ้าส์ เหมือนกับเมื่อก่อนที่คอนโดขายดีไม่ผิด ลูกค้ามากจนล้นสำนักงานขาย เป็นอย่างที่เพื่อนผมเคยพูดถึง2โครงการก่อนหน้านี้ของ Gold แล้วผมก็เลยดินดูทาวน์เฮ้าส์ที่เป็นห้องตัวอย่าง ถึงกับอึ้งเป็นครั้งที่ 2 !!! ว่า “ทาวน์เฮ้าส์เดี๋ยวนี้มันพัฒนาไปถึงขนาดนี้แล้วหรือ ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น มีตั้ง 4 ห้องนอน แถมมีห้องโรงหนังส่วนตัวอีก !!!”
หลังจากสำรวจโครงการของ Gold เสร็จ ก็เลยไปดูโครงการทาวน์เฮ้าส์แถวนั้นต่อได้แก่โครงการของ PS , AP ,QH สิ่งที่พบเห็นคือ
- โครงการของ PS , AP ,QH ต่างเงียบเหงา ผิดกับโครงการของ Gold ที่ลูกค้าแย่งกันซื้ออย่างไม่น่าเชื่อ
- ไม่น่าเชื่อว่าสินค้าของ Gold ออกแบบดีกว่าของ PS , AP ,QH อย่างเหนือชั้นกว่ามาก ทำให้ดูว่าของ PS , AP ,QH เหมือนกับเป็นของ บริษัท No Name ทำอย่างนั้นเลย
หลังจากกลับจากเข้าชมโครงการต่างๆก็ได้กลับไปคุยกับเพื่อนๆในวงการอีกครั้ง เพื่อนทุกคนจากหลายบริษัทใหญ่ที่มีชื่อ ต่างพูดตรงกันว่า “นี่คือ น้องใหม่ของวงการที่โดดเด่นที่สุด”
ซึ่งผมก็พยายามหาข้อมูลทั้งในเว็บต่างๆ พอจะสรุปว่า แผนการเติบโตภายใน 4 ปีนี้ บริษัทจะมีรายได้จากโครงการไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีการเติบโตที่สูงมากจะกลับมาติด Top Ten และจะกลับมามีกำไรในปีหน้า ซึ่งดูจากผลงานที่โดดเด่น และดูจากทีมผู้บริหารชุดใหม่ที่มีประสบการณ์สูงและมีเงินทุนที่พร้อมจากเจ้าของคนใหม่ จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่บริษัทอาจจะกลับมามีกำไรในปีนี้เร็วกว่าแผนเดิม
โดยที่อาจจะมีตัวเสริมให้บริษัทกลับมาเติบโตเร็วขึ้นไปอีกจากที่มีแผนจะนำเอาอาคารสำนักงานที่สาทรมาเข้ากองทุนอสังหา ซึ่งจะได้กำไรก้อนใหญ่เข้าบริษัทในปีนี้
เมื่อไรที่ผลดำเนินการเริ่มกลับมามีกำไร นั่นคือสัญญาณการ Turn Around ครั้งใหญ่ของ GOLD ซึ่งราคาปัจจุบันจะกลายเป็นถูกไปเลย ราคา Par ของ GOLD ตั้ง 10 บาท เป้าหมายแรกราคา Par จะยืนอย่างมั่นคงถ้าเริ่ม Turn Around ส่วนหลังจากเริ่มนั้นราคาที่เหมาะสมสำหรับหุ้น Turn Around จะวิ่งหาแนวต้านไม่เจอเพราะจะทำ New High ไปได้ไกล ซึ่งผมก็บอกไม่ได้ว่าเท่าไร เพราะถ้าดูจากหุ้น Turn Around ในอดีต ก็ไปกันหลายเด้งจนคาดไม่ถึง
สรุป Gold จะเป็นหุ้น Turn Around ตัวใหม่ เหมาะแก่การถือลงทุนระยะยาวถึงปีหน้าได้อย่างสบาย เป็น The Star ที่ผมบังเอิญเจอ แล้วเดี๋ยวต้องมาพิสูจน์กัน นักเก็งกำไรระยะสั้นอย่าเข้ามาถือนะครับ เหมาะกับ Vi มากกว่า ที่กล้าให้ Profit Run ไปเรื่อยๆ
มีโอกาสผมจะมาแชร์ข้อมูลให้กับเพื่อนในห้องสินธรเพิ่มเติมอีกนะครับ
หลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับที่นี่กันมากนัก เพราะช่วงหลังเงียบหายไปมาก บริษัทนี้เคยโดดเด่นในสินค้าคอนโด และทาวน์เฮ้าส์ในเมือง
เริ่มที่คอนโด หลังจากที่ดินในเมืองราคาสูงขึ้นมาก ทำให้ราคาขายเพิ่มสูงขึ้นมาก จากแต่ก่อนที่บริษัทเปิดคอนโดมากกี่ที่ก็ขายดีไปหมด แต่ตั้งแต่ปีที่แล้วปรากฏว่าเปิดที่ไหนก็ขายยากเพราะราคาสูงขึ้นเร็วไปเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แถมหลายที่กเกิดปัญหาได้ EIA แล้วและก่อสร้างตึกขึ้นไปหลายสิบชั้น กลับโดนชาวบ้านคัดค้านจนโดนราชการสั่งเบรก “ ทำเอาบริษัทเป๋ ไม่กล้าทำโครงการใหม่ถ้าไม่ชัวร์จริงๆ” เพื่อนผมบอก ประกอบกับการหาที่ดินในเมืองยากขึ้นมาก ทำให้โครงการใหม่ลดลงอย่างรุนแรง กระทบกับรายได้หลักของบริษัทจะเห็นผลปลายปีนี้เป็นต้นไป
ส่วนบ้านเดี่ยวของบริษัทนี้ก็พูดได้ว่าไม่แทบเคยประสบความสำเร็จ หลายปีก่อนผู้บริหารเคยที่ประกาศจะเลิกทำบ้านเดี่ยวเลยทีเดียว แถมเมื่อปีก่อนก็เกิดข่าวดังในห้องพันทิพธ์ ไม่แพ้คอนโดโฟม แต่เป็นหลังคาร่วงใส่รถ เพื่อนผมบอกตอนนั้นเหนื่อยเลยต้องเข้าไปเซอร์วิสลูกค้า ลูกค้าเอาอะไรก็ต้องยอม
สำหรับ ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น บริษัทก็ทำมานานโดยเฉพาะในเมือง เคยประสบความสำเร็จมาหลายโครงการ แต่ 2-3 ปีที่ผ่านมากลับไม่เป็นเช่นนั้น ราคาที่ดินและวัสดุ ค่าแรงก่อสร้างแพงขึ้นมาก ทำให้ราคาของทาวน์เฮ้าส์ในเมืองแบบเดิมราคาเดิม3-4 ล้าน กลายเป็น 5-6 ล้าน ยอดขายขึ้นอืดเลยทีนี้ บริษัทเลยต้องหาสินค้าตัวใหม่เพื่อให้ราคาไม่แพง จึงออกสินค้าทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น แบรนด์ใหม่ โดยได้ทีมงานก่อสร้างจาก PS ด้วยความหวังว่าจะมาช่วยรายได้บริษัท แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เกือบทุกโครงการขายสู้คู่แข่งไม่ได้ เนื่องจากต้นทุนแพงกว่าคนอื่น ถึงแม้เพื่อนผมมันจะไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบสินค้าตัวนี้ แต่มันบอกว่างงเหมือนกัน ไหนบอกว่าได้คนจาก PS ซึ่งน่าจะได้ประสบการณ์เรื่องต้นทุนมา หาเป็นเช่นนั้นไม่ แต่กลับได้เรื่องความด้อยคุณภาพของสินค้ามาอย่างเดียว จนผู้บริหารทั้งหมดต้องเข้าไปดูงานของบริษัทอื่นบริษัทหนึ่งที่เพิ่งเริ่มทำได้ไม่ถึงปี แต่กลับมียอดขายมากกว่า AP ถึง 4 เท่า ทั้งที่เปิดมาพร้อมๆกันทำเลเดียวกัน
อีกประเด็นที่ให้ AP ถดถอย ซึ่งน่าจะเป็น Case ให้แต่ละบริษัทได้ศึกษาก็คือการรับผู้บริหารจากธุรกิจคนละประเภท ซึ่งมีทั้งที่ประสบความสำเร็จ เช่น SCB ที่เอาคนถนัดสินค้าอุปโภคเช่นผงซักฟอก ยาสีฟัน มาบริหารแบงค์และสามารถต่อยอดยกระดับธุรกิจได้สำเร็จ แต่กลับล้มเหลวและถดถอยสำหรับ AP ที่เอาคนถนัดขายยาสีฟัน มาขายบ้าน ยอดขายถดถอยอย่างต่อเนื่อง
1.5 QH
นี่ก็อีกบริษัทที่ปัจจัยพื้นฐานหลักได้เปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง ไม่มีนักวิเคราะห์คนไหนรู้ยังคงเชียร์อยู่ แต่พนักงานทุกคนรู้ว่าบริษัทได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว เพื่อนผมอีกคนเล่าให้ฟังถึงสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับบริษัทเพราะมันทำให้เกิดวิกฤตในระยะยาวตามมา มันเล่ายังกับหนังจีนโดยเรื่องมีอยู่ว่า
หลังจากการเปิดศึกโค่นอำนาจของเจ้าของตัวจริงที่ไม่ปลื้มและเหลืออดกับผู้บริหารที่ตนเองได้ฝากให้ดูแลบริษัทนี้มาเกือบ 10 ปี สั่งปลดกลางอากาศ เป็นข่าวใหญ่ในวงการแต่ไม่เป็นข่าวในสื่อ แต่ไม่น่าเชื่อเกมพลิกผู้บริหารผู้เป็นลูกจ้างมีหมัดเด็ดซัดกลับจนเจ้าของกลับมาเป็นผู้แพ้เฉยเลย นี่ก็เป็น Classic case ที่น่าศึกษา เอาไว้จะมาเล่าให้ฟัง
หลังจากเสร็จศึก ก็มีการลงโทษประหารนายทหารผู้ที่คิดปฏิวัติ ทุกคนก็คิดว่าบริษัทจะเดินต่อไปด้วยดี แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ในช่วงสงครามช่วงชิงอำนาจ เหล่าขุนศึกทหารเอกก็เบื่อกับปัญหาการเมืองแย่งอำนาจ และได้ถูกเชื้อเชิญจากบริษัทอื่น จึงได้ตัดสินใจย้ายบริษัท บางท่านอาจคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้บริหารย้ายค่าย ถูกต้องครับไม่แปลก แต่ถ้าการย้ายบริษัทครั้งนี้ เป็นกลุ่มผู้บริหารและพนักงานที่ถือว่าเป็น Keyman หลักที่เป็นผู้สร้างบริษัทให้เป็นอย่างทุกวันนี้ ทิ้งเหลือไว้แต่เหล่าพลทหาร เพื่อนผมเล่าต่อว่า ถ้าเทียบกับเมื่ออดีตที่ผู้บริหารได้ยกทีมไป SC ในครั้งนั้นเรียกว่าแค่กองร้อยเดียว แต่ครั้งนี้เรียกว่าทัพหลวงไปหมด
การถดถอยกำลังจะเริ่มเห็นผลในปีนี้ ตอนนี้พนักงานส่วนใหญ่ท้อแท้ เพื่อนผมบอกว่าบริษัทขาดคนขนาดไหนรู้มั๊ย ขนาดเมื่อตำแหน่งผู้อำนวยการว่างหลายตำแหน่ง ไม่รู้จะเอาใครขึ้น สุดท้ายก็โฟร์แมนเด็กๆอายุ 30กว่าๆ มาเป็นผู้อำนวยการ ผิดกับบริษัทแม่อย่าง LH ที่มีมาตรฐานของพนักงานสูงกว่ามาก
จบไปหนึ่งเรื่องกับวิกฤตที่คนในไม่อยากจะเล่า แต่คนนอกอยากรู้ และนักวิเคราะห์เองก็ไม่รู้ ยอดขายของบ้านระดับบนเกิดการหดตัวอย่างแรง แต่บริษัทยังต้องฝืนทำแม้จะไม่เหลือกำไร แต่เพื่อภาพลักษณ์ของบริษัท ต่างจาก LH ที่ไม่ฝืน ตัดสินใจยกเลิกการทำโครงการบ้านระดับบนแล้ว
บริษัทรู้ดีถึงปัญหาดีมานด์บ้านระดับกลาง-บน ได้เปลี่ยนกลยุทธ์ไปเพิ่มสินค้าระดับล่าง ซึ่งในปีที่ผ่านมาก็เหมือนจะไปได้ดีมากกับบริษัทลูกซึ่งกลายเป็นความหวังใหม่ของบริษัทที่จะมาช่วยเพิ่มรายได้กับบริษัท แต่จากความโชคไม่ดี จากปัญหาความขัดแย้งภายในบริษัทดังที่เล่ามาข้างต้น ทำให้ทีมผู้บริหารบริษัทลูกที่ทำบ้านราคาถูกได้ยกทีมกันออกไปบริษัทอื่นเกือบหมด ทำให้อนาคตของบริษัทกำลังตกต่ำลงต่อเนื่อง
ยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจอยากจะเล่าแต่ขอไว้โอกาสหน้านะครับ เดี๋ยวจะไม่ได้เล่าถึงบริษัทอื่นบ้าง
2.กลุ่มที่ทรงตัว ยังถือได้ แต่ก็คงจะเติบโตไม่มากแล้ว
2.1 PS
เป็นบริษัทที่ได้เติบโตอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ปี จนบริษัทสามารถทำรายได้เป็นอัน 1 ได้สำเร็จ แต่หลังจากที่บริษัทได้ขยายโครงการไปทั่วทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด ในทุกสินค้าไม่ว่าจะเป็นบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ คอนโด ก็เริ่มจะเกิดภาวการณ์ชะลอตัวเนื่องจากกำลังมาเจอจุดแนวต้านของรายได้(คล้ายๆกับแนวต้านราคาหุ้น) เนื่องจากเดิมมีการเปิดโครงการหลายโครงการอยู่มากแล้ว ไม่รู้จะขยายโครงการไปยังไงเพราะจะเปิดตรงไหนก็ต้องแข่งกันเอง เพราะลูกค้าที่ซื้อคนอื่นก็ไม่ซื้อ PS เพราะกลัวในชื่อเสียงเรื่องคุณภาพอันยาวนาน จึงมีเฉพาะลูกค้าของ PS ที่จะไม่สนใจในคุณภาพมากนักแต่จะสนใจในราคาเป็นสำคัญ เป็นเหตุให้การขยายตัวของ PS เริ่มชะลอตัว แม้ PS จะมองหาตลาดใหม่ เช่นต่างประเทศ แต่ก็ล้มเหลวไม่ว่าจะไปลงทุนในอินเดีย หรือ เวียดนาม
เดิมรายได้หลักจะมาจากทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวซึ่งเริ่มอิ่มตัว ภายหลังสินค้าที่ทำให้ PS ขยายตัวในช่วงไม่กี่ปี มาจากตลาดคอนโด แต่ปัจจุบันเริ่มชะลอตัวอย่างมากเนื่องจากเกิดการล้นของคอนโด ทำให้ยอดขายจะไม่เป็นอย่างที่ตั้ง
แต่จุดแข็งอย่างหนึ่งของ PS ที่ยังจะทำให้บริษัทยังสามารถเติบโตได้อยู่ แต่คงไม่โตเร็วเหมือนแต่ก่อนมาจาก
- ต้นทุนสินค้า ที่ถูกกว่ารายอื่น ทำให้ราคาขายถูกกว่า ซึ่งลูกค้าระดับล่างยังมีจำนวนมากและลูกค้าระดับล่างให้ความสำคัญในราคามากกว่าคุณภาพ ทำให้ยังครองใจในลูกค้าระดับนี้อย่างเหนียวแน่น
- ได้มีอาชีพจากการซื้อตัวมาจากบริษัทคู่แข่งที่มีฝีมือจำนวนมาก และทุกคนก็ทุ่มเทกันอย่างสุดตัวเพราะเนื่องจากค่าตัวแพงและหากท่านใดผลงานไม่เข้าตา เจ้าของ(ได้ชื่อว่าโหดที่สุดในทุกบริษัท)ก็ไล่ออกฟ้าแล๊ปให้เห็นมาแล้วหลายราย จนทุกคนขวัญผวาจนไม่กล้าตกเป้า ทำงานกันดึกๆดื่นๆโดยอัตโนมัติ นี่ก็เป็นจุดแข็งที่ต่างจากที่อื่น
โดยสรุปก็เป็นบริษัทที่ยังเติบโตได้อยู่ แต่คงไม่โตเร็วเหมือนแต่ก่อนแล้ว ก็เลยยังพอลงทุนถือหุ้นต่อไปได้อยู่ ยังมีเรื่องเล่าอีกหลายเรื่องของที่นี่ แล้วจะทยอยมาเล่าเพิ่มเติมอีกภายหลังครับ
3.หุ้น Turn Around แห่งปี
คงเป็นเรื่องยากในปัจจุบันนี้ที่จะได้เจอหุ้นดาวเด่นของกลุ่มอสังหาฯ ต้องขอบคุณเพื่อนๆในวงการที่พูดถึงบริษัทนี้กันมาก จนผมเอะใจ เลยต้องใช้เวลานานในการเซาะหาข้อมูลที่น่าสนใจในบริษัทนี้จนมั่นใจว่านี่จะเป็นหุ้น ที่จะโดดเด่นที่สุดภายใน 2 ปีนี้ คือ
3.1 ***** GOLD ******
ไม่น่าเชื่อว่า เป็นบริษัทที่เกิดมานานกว่า 20 ปี ทำธุรกิจอสังหามานาน แต่ไม่ประสพความสำเร็จนัก และมีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่มาหลายครั้ง และขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปี จนกลายเป็นบริษัทที่ถูกลืมจากวงการจนกระทั่ง
หลังจากได้เปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นของกลุ่มเสี่ยเจริญ ซึ่งทำให้แสงไฟเริ่มจับตามาที่นี่ หลังจากได้กลุ่มทุนใหญ่ และเริ่มควานหาทีมบริหารมืออาชีพและก็ได้ทีมผู้บริหารจาก QH ทีมใหญ่มาเสริมทัพจนสมบูรณ์
พรรคพวกในวงการต่างพูดถึงบริษัทนี้กันมากหลังจากที่เปลี่ยนทีมบริหารไม่ถึงปี ก็สามารถเปิดโครงการใหม่ด้วยยอดขายทล่มทลายในภาวะวิกฤตการเมืองและการชะลอของเศรษฐกิจ โดยที่ในภาวะปกติก่อนวิกฤตการเมือง เมื่อเปิดขายโครงการบ้านใหม่อย่างของบริษัทใหญ่ของเพื่อนๆผมหลายที่ โครงการที่ขายดีจะมียอดขายตอนเปิดตัวประมาณ 100-150 ล้านบาท แต่ของที่ GOLD สามารถสวนกระแสเศรษฐกิจเปิดโครงการมา 3 โครงการแรกในต้นปี สามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 300-400 ล้านบาท สูงกว่าบริษัทใหญ่ทั้งหลายอย่างขาดลอย ซึ่งตอนที่เพื่อนผมพูดถึงบริษัทนี้ ได้เปิดไปแล้ว 2 โครงการ ผมได้มาทันเข้าไปชมโครงการที่ 3 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายเมษายนนี้
ภาพที่เห็นถึงกับอึ้ง ลูกค้าต่างแย่งกันซื้อทาวน์เฮ้าส์ เหมือนกับเมื่อก่อนที่คอนโดขายดีไม่ผิด ลูกค้ามากจนล้นสำนักงานขาย เป็นอย่างที่เพื่อนผมเคยพูดถึง2โครงการก่อนหน้านี้ของ Gold แล้วผมก็เลยดินดูทาวน์เฮ้าส์ที่เป็นห้องตัวอย่าง ถึงกับอึ้งเป็นครั้งที่ 2 !!! ว่า “ทาวน์เฮ้าส์เดี๋ยวนี้มันพัฒนาไปถึงขนาดนี้แล้วหรือ ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น มีตั้ง 4 ห้องนอน แถมมีห้องโรงหนังส่วนตัวอีก !!!”
หลังจากสำรวจโครงการของ Gold เสร็จ ก็เลยไปดูโครงการทาวน์เฮ้าส์แถวนั้นต่อได้แก่โครงการของ PS , AP ,QH สิ่งที่พบเห็นคือ
- โครงการของ PS , AP ,QH ต่างเงียบเหงา ผิดกับโครงการของ Gold ที่ลูกค้าแย่งกันซื้ออย่างไม่น่าเชื่อ
- ไม่น่าเชื่อว่าสินค้าของ Gold ออกแบบดีกว่าของ PS , AP ,QH อย่างเหนือชั้นกว่ามาก ทำให้ดูว่าของ PS , AP ,QH เหมือนกับเป็นของ บริษัท No Name ทำอย่างนั้นเลย
หลังจากกลับจากเข้าชมโครงการต่างๆก็ได้กลับไปคุยกับเพื่อนๆในวงการอีกครั้ง เพื่อนทุกคนจากหลายบริษัทใหญ่ที่มีชื่อ ต่างพูดตรงกันว่า “นี่คือ น้องใหม่ของวงการที่โดดเด่นที่สุด”
ซึ่งผมก็พยายามหาข้อมูลทั้งในเว็บต่างๆ พอจะสรุปว่า แผนการเติบโตภายใน 4 ปีนี้ บริษัทจะมีรายได้จากโครงการไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีการเติบโตที่สูงมากจะกลับมาติด Top Ten และจะกลับมามีกำไรในปีหน้า ซึ่งดูจากผลงานที่โดดเด่น และดูจากทีมผู้บริหารชุดใหม่ที่มีประสบการณ์สูงและมีเงินทุนที่พร้อมจากเจ้าของคนใหม่ จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่บริษัทอาจจะกลับมามีกำไรในปีนี้เร็วกว่าแผนเดิม
โดยที่อาจจะมีตัวเสริมให้บริษัทกลับมาเติบโตเร็วขึ้นไปอีกจากที่มีแผนจะนำเอาอาคารสำนักงานที่สาทรมาเข้ากองทุนอสังหา ซึ่งจะได้กำไรก้อนใหญ่เข้าบริษัทในปีนี้
เมื่อไรที่ผลดำเนินการเริ่มกลับมามีกำไร นั่นคือสัญญาณการ Turn Around ครั้งใหญ่ของ GOLD ซึ่งราคาปัจจุบันจะกลายเป็นถูกไปเลย ราคา Par ของ GOLD ตั้ง 10 บาท เป้าหมายแรกราคา Par จะยืนอย่างมั่นคงถ้าเริ่ม Turn Around ส่วนหลังจากเริ่มนั้นราคาที่เหมาะสมสำหรับหุ้น Turn Around จะวิ่งหาแนวต้านไม่เจอเพราะจะทำ New High ไปได้ไกล ซึ่งผมก็บอกไม่ได้ว่าเท่าไร เพราะถ้าดูจากหุ้น Turn Around ในอดีต ก็ไปกันหลายเด้งจนคาดไม่ถึง
สรุป Gold จะเป็นหุ้น Turn Around ตัวใหม่ เหมาะแก่การถือลงทุนระยะยาวถึงปีหน้าได้อย่างสบาย เป็น The Star ที่ผมบังเอิญเจอ แล้วเดี๋ยวต้องมาพิสูจน์กัน นักเก็งกำไรระยะสั้นอย่าเข้ามาถือนะครับ เหมาะกับ Vi มากกว่า ที่กล้าให้ Profit Run ไปเรื่อยๆ
มีโอกาสผมจะมาแชร์ข้อมูลให้กับเพื่อนในห้องสินธรเพิ่มเติมอีกนะครับ
แสดงความคิดเห็น
[i][b]*********** แนะนำหุ้น Turn Around แห่งปี ของกลุ่มอสังหาฯ ************[/b][/i]
สวัสดีพี่น้องและเพื่อนชาวสินธร หลายปีมากๆเลยนะครับที่ผมไม่ได้เข้ามาพูดคุยในห้องนี้ หลังจากปี 48 ผมก็ต้องกลับบ้านต่างจังหวัดเพื่อกลับไปสืบทอดกิจการของครอบครับเนื่องจากการจากไปกระทันหันของคุณพ่อผม ถึงมันจะไม่ใช่ธุรกิจที่ผมถนัดและชอบ แต่ก็ต้องทำด้วยความที่ไม่อยากเห็นกิจการที่พ่อสร้างมาล่มสลายไป
เกือบ 10 ปี ที่ทุ่มเทเรียนรู้และปรับปรุงให้ธุรกิจก้าวทันกับการแข่งขันและการเปลี่ยนไปของสังคม จนธุรกิจอยู่ตัวพอที่จะปล่อยวางให้น้องสาวดูแลแทนได้ มีเวลาที่จะไปทำในสิ่งที่ชอบและห่างเหินไปนาน นั่นคือ “ตลาดหุ้นและห้องสินธรที่รักของผม” ที่นี่มีเพื่อนที่คอยแบ่งปันข้อมูลไม่ว่าผิดหรือถูก แต่เวลาก็จะพิสูจน์ได้ว่าใครรู้จริง หรือข้อมูลน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด ตัวเราคือผู้ตัดสินใจสุดท้าย
หลังจากได้เป็นลูกจ้างใน่บริษัทอสังหาที่อยู่อาศัยที่เคยทำมา 15 ปี และต้องไปจากมันไป 10 ปี เมื่อต้นปีที่กลับมากรุงเทพ เกือบ 4 เดือนที่จะทยอยเดินสายนัดเจอเพื่อนๆเก่าในวงการจนเกือบครบ เพื่อนๆเราส่วนใหญ่เป็นใหญ่เป็นโตกันไปอยู่บ่ริษัทต่าง นับไปนับมาก็เกือบครบ Top 10 ของบริษัทในตลาด น่าตื่นเต้นมากกับการเปลี่ยนไปของวงการนี้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คุ้มมากกับเวลาแค่ 2 เดือนที่พบปะเพื่อนฝูงแล้วได้ฟังถึงเรื่องราวต่างๆของวงการนี้ ทำให้รู้เรื่องราวในช่วงที่เราหายไป เหมือนกลับได้มาอยู่วงการนี้อีกครั้ง สิ่งที่ผมได้รับทราบข้อมูลของบริษัทต่างๆ ซึ่งเป็นข้อมูลที่คนนอกวงการยากที่จะรู้ ทำให้ไม่สามารถประเมินอนาคตแต่ละบริษัทได้ ต้องคอยฟังข้อมูลจากนักวิเคราะห์ซึ่งส่วนใหญ่จะช้าและคลาดเคลื่อน
ทำให้ผมตัดสินใจจะบ่นอะไรบางอย่าง เพื่อติดอาวุธให้กับเพื่อนๆในห้องนี้อีกครั้ง เพื่อที่จะได้ปรับพอร์ทหุ้นอสังหาให้ทันกับการเปลี่ยนไปครั้งใหญ่นับจากนี้ ขอย้ำว่าสิ่งที่พวกเรารับรู้ข่าวสารที่เผยแพร่นั้นมันล้าสมัยและไม่ได้บอกถถึงอนาคตที่เปลี่ยนไปของแต่ละบริษัทว่าจะเป็นยังไงเพราะอะไร ตามผมมาเลยครับ ผมแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้
1.กลุ่มที่ควรถอยห่างในปีนี้ เพราะมันกำลังชะลอและถดถอยอีกเป็นปี
1.1 LH
เมื่อกว่า 10 ปีก่อน ที่ผมได้แนะนำบริษัทนี้ในตอนที่ยังไม่ค่อยมีใครมองมัน แต่ตอนนั้นเวลาผ่านไปไม่กี่เดือนก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ข้อมูลที่แท้จริงในปัจจัยพื้นฐานเชิงลึก คือ สิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งคนในวงการก็รู้ข้อมูลเหล่านี้ แต่นักวิเคราะห์กลับไม่รู้ ผมไม่อยากให้นักลงทุนรายย่อยอย่างพวกเราต้องเสียเปรียบกับพวกกองทุนหรือโบรกต่างๆ ถ้าธุรกิจอื่นผมอาจไม่ค่อยมีความรู้ แต่ถ้าเป็นธุรกิจของวงการที่อยู่อาศัย ผมมั่นใจว่าไม่มีนักวิเคราะห์โบรกเกอร์ไหนจะเห็นภาพเชิงลึกหรืออนาคตที่จะเปลี่ยนแปลงได้เท่ากับคนเพื่อนเยอะแบบผม
เพราะโลกได้เปลี่ยนไปมาก ในหลายปีที่ผ่านมาหลายบริษัทเปลี่ยนไปอย่างมาก แต่ถ้าจะเปรียบบริษัทนี้ มันจะคล้ายกับ “คนแก่ที่มีประสบการณ์ มีเงิน แต่ไม่มีแรง “ นี่คือคำพูดจากคนในซึ่งผมฟังแล้วเห็นภาพชัดเลย
หลังจากวิกฤตต้มยำกุ้ง LH เป็นบริษัทแรกที่พลิกฟื้นกลับมาก่อนใครและเติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง จนเมื่อหลายปีก่อนรายได้มาถึง 2 หมื่นล้านบาท การเติบโตก็หยุดนิ่งและชะลอเป็นเวลานาน นโยบายบริษัทก็เปลี่ยนไปเป็นแนวอนุรักษ์นิยม จากรายได้อันดับ 1 ก็กลายเป็น 2 และ 3 และก็มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นอันดับ 4 ในปีนี้ การที่บริษัทไม่คิดที่จะเติบโตมันก็เหมือนการการถอยหลัง เพราะว่าบริษัทอื่นกำลังเดินและวิ่งไปข้างหน้า
ในรอบนี้ผมไม่ขอแนะนำสำหรับบริษัทนี้ครับ ถึงแม้ว่าจะเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงดี สินค้ามีคุณภาพดี การบริการหลังการขายดี แต่อย่างอื่นสู้บริษัทคู่แข่งไม่ได้เมื่อเทียบในราคาเท่ากัน เช่น วัสดุที่ให้ ดีไซน์ ทำให้คนรุ่นใหม่กลับไม่ค่อยชอบเพราะไม่โดน คนที่ชอบก็เป็นรุ่นลุงคุณป้า ถึงจะมีกำลังซื้อมากแต่ก็มีจำนวนลดลงเรื่อยๆ ผิดกับคนรุ่นใหม่ที่เพิ่มขึ้น จึงเป็นเหตุผลทำให้รายได้ไม่ไปไหน เพราะกลุ่มลูกค้าไม่ค่อยเพิ่มขึ้น ผิดกับ SIRI ที่ได้ใจคนรุ่นใหม่เต็มๆ
1.2 SIRI
.” ทำยังไงก็ได้ให้มียอดขายเป็นที่ 1 “ เพื่อนผมพูดให้ฟังว่ามันต้องสั่งลูกน้องอย่างนี้ เพราะนี่คือเป้าหมายสูงสุดที่ถูกสั่งลงมา การที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อยอดขายอันดับหนึ่งโดยไม่ได้ใส่ใจในคุณภาพของสินค้าและผลกำไรของบริษัท สุดท้ายธุรกิจนั้นก็จะไม่สามารถก้าวเดินไปอย่างยั่งยืนได้
เป็นที่ฮือฮากับคอนโดโฟมที่เป็นข่าวดัง เป็นเรื่องที่สะท้อนถึงการพัฒนาในเรื่องคุณภาพ หลายท่านสงสัยว่าทำไมขายดีแล้วกลับไม่มีกำไร ผมก็ถามเพื่อนผมเหมือนกัน มันก็อธิบายให้เห็นว่า
กำไร = ยอดขาย – ต้นทุนก่อสร้าง –ค่าใช้จ่ายบริหาร – โปรโมชั่นลูกค้า
• เป็นบริษัทที่ใช้งบโฆษณาได้อย่างสนุกมาก เพื่อนผมบอกว่าที่เดิมถูกจำกัดงบอย่างมาก แต่ที่นี่ไม่อั้น ขอให้ขายได้
• ยอดขายสูงมาก แต่เป็นยอดขายที่เกิดจากลดราคาและการให้โปรโมชั่นลูกค้าที่สูงกว่าเพื่อให้ลูกค้าซื้อ
• มีการเก็งกำไรในคอนโดจากพนักงานอย่างมาก และการให้จ่ายดาวน์น้อยมากเพื่อให้ตัดสินใจจอง และเก็งกำไร
• เมื่อมียอดขายมากกว่าเดิมก็มีปัญหาว่าไม่มีผู่รับเหมา ก็ต้องจ้างแพงกว่าคนอื่นเพื่อที่จะดึงผู้รับเหมา ก็ทำให้ต้นทุนแพงกว่าที่ตั้งไว้
• เมื่อทำยอดขายได้ ก็แจกโบนัสและขึ้นเงินเดือนพนักงานกันถ้วนหน้า โดยไม่ได้สนใจในผลกำไรสุทธิ
ดังนั้น ต้นทุนก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายบริหารและ โปรโมชั่น กลับโตมากกว่ายอดขายอีก ทำให้สุดท้ายไม่เหลือกำไร ผู้ถือหุ้นได้แต่อ้าปากค้าง แต่พนักงานกลับมีความสุขกันถ้วนหน้า ได้โบนัสดี แถมได้ไปเที่ยวต่างประเทศทุกปี
ตอนนี้ฟองสบู่คอนโดของบริษัทได้เกิดขึ้นแล้ว บริษัทจะลดการเปิดคอนโดใหม่จากหน้ามือเป็นหลังมือ เนื่องจากจุกจากปัญหาการทิ้งดาวน์คอนโดที่ทยอยสร้างเสร็จ ที่ผ่านมามีการเก็งกำไรสูงมากจากการให้ดาวน์และจองด้วยเงินเพียงเล็กน้อย เพื่อให้มียอดขาย
ส่วนยอดขายแนวราบ ก็หดตัวอย่างแรงจากปัญหาต้นทุนก่อสร้างที่สูงมากกว่าคู่แข่ง ทำให้ไม่เหลือ กำไรเท่าไร
***** เป็นบริษัทที่มีหนี้สินจากการกู้สูงมากๆ ซึ่งทำให้มีดอกเบี้ยจ่ายที่สูงมากๆเช่นกัน และเมื่อสภาพตลาดโดยรวมหดตัวอย่างชัดเจน ยอดขายก็จะลดลงจากเป้ามาก แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ไม่ได้ลดลงตาม นี่คือวิกฤตที่กำลังจะเกิดในเร็วๆนี้ ซึ่งยากจะประเมินผลกระทบ
1.3 SC
จากบริษัทที่มียอดขายปีละไม่กี่ร้อยล้าน ทั้งที่เป็นบริษัทที่มีทุนหนาจากกลุ่มชินวัตร มีการเปลี่ยนผู้บริหารมาหลายคน แต่ก็ไม่สามารถทำให้รายได้บริษัทดีขึ้น จนกระทั่งเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา ได้ทีมผู้บริหารชุดใหญ่มาจาก QH ทำให้บริษัทที่เรียกได้ว่าไม่มีใครรู้จัก กลับมียอดขายก้าวกระโดดได้ ทำยอดขายปีละหมื่นล้านบาท
อ้าวแล้วบริษัทนี้ควรถอยห่างเพราะอะไร ในการประเมินผมขอไม่พูดถึงเรื่องการเมืองที่เกี่ยวข้อง แต่ขอพูดถึงเรื่องปัจจัยพื้นฐานซึ่งเป็นเรื่องสำคัญคือตัวขับเคลื่อนหลักของบริษัทมากกว่า
ผมขอกล่าวว่าปัจจุบันบริษัทได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว หลังจากนี้จะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างชัดเจน อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ หลังจากเมื่อปีที่แล้วเจ้าของได้ส่งลูกเขยเข้ามาดูแล ก็เกิดความขัดแย้งในการทำงานอย่างรุนแรง จนเกิดการสั่งปลด MD ผู้ซึ่งทำให้บริษัทมีรายได้อย่างทุกวันนี้
จากปัญหาภายในข้างต้น ยังมีปัญหาสินค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่อยู่ราคาระดับบน ซึ่งมีการหดตัวแรงที่สุดเมื่อเทียบกับสินค้าระดับล่าง เป็นปัจจัยคุกคามบริษัทให้หนักเข้าไปอีก ส่วนเรื่องผลกระทบจากการเมืองกับบริษัทนี้ คงไม่ต้องพูด ทุกคนน่าจะรู้กันอยู่