อาทิตย์อับแสง (บทที่ 26) โดย มานัส

กระทู้สนทนา
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 26)


“คุณภูไปไหนหรือคะ” พีทซี่ถามเสียงใสเช่นทุกๆ ครั้งในเวลาประชุมที่ไม่เห็นชายหนุ่มผู้นั้น

แต่สำหรับพีทซี่แล้ว ไม่เจอหัวหน้าทีมเอในการประชุมกับแอลทัสในพักหลังๆ ก็ไม่แปลกเท่า เสียงของ…คุณภู…เวลารับสายเธอ

เมื่อก่อน การคุย เรื่องงาน มักผสมผสานกับ เรื่องสัพเพเหระ ไร้สาระบ้าง แต่ทุกครั้งแววเสียงของนายธนาคารก็จะเป็นกันเอง

จริงจังเรื่องงาน แต่เรื่องอื่น…จริงใจ

แต่คราวนี้ เสียงของภูเก็ตจริงจัง ไม่มีแววทีเล่นทีจริง หยอกล้อเช่นเคย

ยัยเกด! ต้องไปทำอะไรเขาแน่ๆ

คืนนั้น…ภูเก็ตเฝ้าอยู่หน้าบ้าน จนเกษรามาเห็น

ยัยเกด! ไปว่าอะไรเขาแน่ๆ

แล้วยังมี…ณัฐ

จนคราวนี้ พีทซี่อดไม่ได้ จึงต้องตวัดเสียงออกแววแง่งอนกับนายธนาคาร

“พีทซี่กับเกษราคนละคนกันนะคะคุณภู ถ้าโกรธ ถ้างอน อะไรคนโน้นล่ะก็…ไปลงที่คนโน้น ฉันไม่เกี่ยว เพราะพยายามช่วยแล้ว แต่ทั้งเกดและคุณภู…ต่างไม่มีฝีมือทั้งคู่”

“ผมไม่…” คราวนี้คนที่มักจะไหลลื่นกับคำพูด กลับรวบรวมประโยคไม่ได้

“ไม่ได้เรื่องน่ะซิคะ” ผู้จัดการดาราคนดังตัดบท “ชื่อเสียของคุณเรื่องผู้หญิงก็ใช่ย่อย แต่ทำไม๊…ทำไม ปราบยัยเกดไม่ได้”

“คือผมกับ…”

“ถึงพีทซี่ไม่ได้เรียนมาสูงแบบคุณ แต่ก็ดูคุณออก ดูคนออก เห็น…รู้จักคุณก็นานพอสมควร สายตาของคุณ การกระทำมันทำให้มองทะลุเข้าไปถึงตับไตไส้พุง เกดเอาคุณอยู่หมัด แต่คุณซิ…เฮ้ย! เกดก็มีใจให้ขนาดนี้”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ”

คำปฏิเสธนุ่มนวล ด้วยความคิด…เกษราหรือจะมีใจ

ใจ…ที่มี ก็คงเพียงเล็กน้อยเท่าที่เขาสัมผัสได้ลางๆ

เพราะเกษรามีอคติกับเขาเสมอ

ใจ…ของเกษราอาจจะโอนเอียงไปหาณัฐเสียมากกว่าด้วยซ้ำ

ไม่เช่นนั้น เงิน…ที่อยู่กับแอลทัสจะให้ณัฐดูแลทั้งหมดหรือ

แล้วไหนเรื่องห้องที่เธอไม่วายไล่เขาออกไปไม่เว้นในแต่ละวัน

“เอาเถอะ! ถ้าคุณคิดแบบนั้น แล้วอย่าหาว่าฉันไม่บอกไม่เตือน” พีทซี่กระชากเสียงขึ้นสูง “แต่มันน่าตลกที่เสือผู้หญิงอย่างคุณดูไม่ออก หรือว่าเพราะคุณรักเกดจริงๆ จังๆ ไม่เช่นนั้น สงสัยที่ผ่านมาเสืออย่างคุณก็เป็นแค่แมวเหมียวที่อยากเป็นเสือโคร่งเท่านั้นเอง”

เพียงแต่ว่าไม่มีคำตอบจากนายธนาคารรูปงาม เสียงที่อยู่ปลายสายเงียบกริบ สีหน้าเฉย ริมฝีปากเฉียบเป็นเส้นตรง จะมีเพียงแววตาที่สั่นระริก เป็นสิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้โกรธเคืองลูกค้าคนสำคัญ

ทว่าทั้งหมดนั้นพีทซี่ไม่ได้เห็น จนในที่สุดภูเก็ตเอ่ย

“คุณพีทซี่พูดถูก” คนพูดไม่ได้บอกว่า…ถูกตรงไหน

ภูเก็ตวกเข้ามาเรื่องงาน เรื่องเงินอีกครั้ง อย่างชาญฉลาด จนผู้จัดการดาราคนดังไม่แน่ใจนักว่า…เรากลับมาคุยกันเรื่องนี้อีกครั้งตั้งแต่เมื่อไร

เพียงแต่ว่าเรื่องงาน…เรื่องเงิน…จริงจัง เสียงที่ย้ำยังลงหนัก

“ให้น้องๆ ทุกคนในสังกัดเช็คใบรายงานสินทรัพย์ประจำเดือนด้วยนะครับ และถ้ามีเก็บย้อนหลังสี่เดือนก็จะดีมาก” และเขาก็ไม่ลืมที่จะเตือน “คุณพีทซี่ช่วยดูของคุณเกษราด้วย”

เสียงเร่งร้อนราวว่าเป็นเรื่องด่วนที่นายธนาคารย้ำนัก ทำให้พีทซี่เพียงแต่รับคำ “ค่ะๆๆ”

“ถ้ามีอะไรผิดปรกติให้รีบบอกผมเลยนะครับ แต่อย่าเพิ่งบอกใครที่ธนาคาร”

เขากำชับ แล้วแถมฝากให้พีทซี่เตือนเกษราครั้งแล้วครั้งเล่า จนเธออดไม่ได้ที่จะค่อนในใจ…ห่วงเราหรือห่วงยัยเกดกันแน่!

และทุกครั้งที่พีทซี่ก็ไม่เคยลืมที่จะเตือน

และเช่นกัน…ทุกครั้งที่โดนเตือน นางเอกหมายเลขหนึ่งก็มักมี…อาการหงุดหงิด

‘จะบอกทำไม อีตานั่นไม่ได้ดูแลบัญชีของฉันนี่ ยุ่งไม่เข้าเรื่อง’

เกษราโวยวาย ทำเป็นไม่ใส่ใจ ไม่ชอบใจ แต่…ก็ต้องแอบกุมขมับตรวจสอบเงินที่มีอยู่กับแอลทัส

หญิงสาวไม่ได้เรียนมาสูง ที่เรียนจบก็แค่ปริญญาแปะข้างฝาให้สังคมรู้ว่านางเอกหมายเลขหนึ่งก็จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง

เรียนให้ผ่าน ด้วยคะแนนไม่น่าเกลียดเกินไปนัก

เพียงแต่ว่าเธอไม่ได้โง่ หรืออ่อนหัดเรื่องเงินๆ ทองๆ จนไม่รู้ว่าอะไรบางอย่างในตัวเลขบัญชีนั้นแปลก ข้อมูลการลงทุนเปลี่ยนไป จนเธอไม่แน่ใจนักว่าเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไร หากการยืนยันของณัฐก็ทำให้เธอโล่งใจ เขาเท้าความย้อนไปถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ รวมถึงเหตุผลจนในที่สุด เกษราต้องเป็นฝ่ายเตือนผู้จัดการส่วนตัว

“ระวังอีตาภูเก็ตของหล่อนเถอะ”

การเตือนมีบ่อยพอๆ กับที่พีทซี่เตือนเธอเรื่องของ…บัญชี

และเรื่อง…ณัฐ

หากเกษราก็ไม่สนใจที่จะระแวง พอๆ กับที่พีทซี่ไม่คิดที่จะระวัง…อีตาภูเก็ต ตามที่เธอได้เตือนไป

ภูเก็ต…ให้พูดถึงทุกครั้ง หญิงสาวมักแอบอมยิ้ม

นึกถึงทุกครั้ง เธอมักแอบคิดถึง

คิดจนหลายที…ฝัน

‘แล้วหนูปีบล่ะ คิดจะรักผมบ้างหรือเปล่า’

คำถามออดอ้อนอ่อนหวานมักตามมาหลอกหลอน และทุกครั้งเกษราจะย้ำกับตัวเอง…ไม่!

ไม่แม้แต่จะอยากจำเหตุการณ์ที่บ้าน แล้วไหนจะอ้อมกอดของเขา

เพียงแต่ว่าคืนนี้…ให้ดึกดื่นแค่ไหน แต่หญิงสาวก็จำได้

คืนนี้…คืนสุดท้ายของสัญญาเช่าห้องระหว่างเธอกับเขา พรุ่งนี้อีตาภูเก็ตต้องคืนห้อง สมอย่างที่ใจเธอต้องการเสียที

และแม้จะเป็นคืนสุดท้าย แต่เกษราก็รับรู้มาแล้วว่า เขาขนข้าวของออกไปเมื่อหลายวันก่อน กุญแจห้องก็ถูกส่งคืนมาให้เธอเมื่อวานนี้

ห้องที่อยู่เพียงกำแพงขวางกั้นบัดนี้คงว่างเปล่าเดียวดาย…ยิ่งกว่าเดิม

หญิงสาวแตะเบาๆ บนบานประตูไม้ใหญ่ นึกอยากเห็นเหลือเกินว่า ห้องข้างๆ ในเวลาที่ไร้เงาของเขาแล้วจะเป็นเช่นไร

ในที่สุดมือเล็กอีกข้างหยิบกุญแจห้องออกมา ไขประตูเปิดช้าๆ ชั่งใจ








ห้องพักที่ควรจะมืดสนิทกลับมีแสงไฟสว่างจากบริเวณครัว ทำให้ส่วนอื่นๆ ของห้องรับแสงเป็นแววสลัวร่ำไร เกษราเขยิบตัวเข้าข้างในมาด้วยความคิด…คงมีใครลืมปิดไฟ

เธอมองไปรอบๆ ห้อง เห็นแม้ว่าชุดโซฟา และโต๊ะเตี้ยเล็กๆ แล้วไหนจะบรรดาเครื่องเสียงที่มีทั้งโทรทัศน์จอแบนเครื่องใหญ่ แทบไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมเลย…เว้นแต่เครื่องเปียโนไฟฟ้าที่เคยตั้งชิดริมกำแพงอีกด้าน

เพียงแต่เสียงท่วงทำนองคุ้นเคยที่เขาเคยเล่นยังคงแล่นย้ำอยู่ในความทรงจำของเธอไม่วายเว้น

Moon river, wider than a mile
I’m crossing you in style, some day.
Old dream maker,
You heartbreaker…


[Moon River” คำร้องโดย Johnny Mercer]



‘หนูปีบ…ผมคิดจะรักคุณนะ’

เสียงทุ้มยังคงแว่วเข้ามาในความทรงจำ และเป็นอีกครั้งในหลายรอบที่เกษราสะบัดความคิดทุกอย่างออกไป

เตือนตัวเองด้วยความเคยชิน

รักเล่ห์…หาบเสน่ห์ไปทั่วแคว้น
รักสุดแสนคิดคดปดทุกหน
รักร้อยพันนับหมื่นชื่นใจคน
รักเพียงหนให้รู้จักว่ารักลวง


ผู้ชายมากเล่ห์ มากเสน่ห์ มากรักอย่างภูเก็ตเคยคิดจะรักใครด้วยหรือ เว้นเสียจาก…ระริน

เธอยังคงจำได้…ถ้อยสำเนียงเสียงรันทดยามที่เขาเมาเหล้า เมาอารมณ์เพ้อหา

ระริน…ผู้มีค่ากับเขาเกินกว่าผู้หญิงอื่นๆ ทุกคน

ระริน…ลูกสาวเจ้าสัวเกรียงไกร

พร้อมด้วยเงิน ด้วยฐานะ ชาติตระกูล

เมื่อเป็นเช่นนั้นเกษราก็อดคิดไม่ได้ ผู้ชายอย่างภูเก็ต…รัก อาวรณ์ หรือว่าแสนเสียดายกันแน่

ความคิดที่ไปไกลเกินกว่าที่สติของเธอต้องการ ทำให้เกษราต้องฝืนหันมองไปรอบๆ อีกครั้ง สายตาสะดุดกึกที่โต๊ะกินข้าว

ที่ตรงนี้เขาเคยนั่งเพียงลำพังเมื่อคราที่เธอเข้ามาในห้องนี้ครั้งแรก โดยที่เธอฉุดลากพีทซี่ไปนั่งบนโซฟาสีน้ำตาลอ่อนในบริเวณห้องรับแขก

และหญิงสาวก็คิดไปถึงเมื่อครั้งแรกที่เจอบนเครื่องบิน น่าแปลกที่เธอจำได้แม่นยำ

รอยยิ้มเจื่อนๆ แฝงเสน่ห์บางอย่าง ของชายหนุ่มหน้าตาคมคาย ดวงตาฉ่ำ ผิวบางที่มีไรเคราขึ้นจางๆ

แล้วยังคำพูด ‘ถ้านิสัยยังเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีใครทนคุณหรอก คุณก็คงต้องเสียใจไปจนตายเพราะผู้ชาย’

และเพราะคำพูดจากผู้ชายคนนั้น ทำให้เธอผูกใจเจ็บไม่วายเว้น

หาเรื่องเขาทุกทาง โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเขาคือผู้เช่าห้องของเธอ

แล้วไหน… ‘เป็นญาติของอรจิรา’

เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจะรักเขาได้หรือ…

“ไม่มีทาง” เกษราย้ำหนักกับตัวเองเมื่อคิด ก่อนจะผ่อนลมหายใจ

เพียงแต่ว่าลมหายใจบางๆ ขาดรอยหายไปทันทีที่สายตาของหญิงสาวบรรจบกับขวดไวน์แดงที่แสนคุ้นเคยที่บัดนี้ตั้งตระหง่านบนโต๊ะกินข้าวข้างๆ แก้วไวน์ทรงใหญ่ที่วางไว้

ไวน์ชั้นเยี่ยมจากแคลิฟอร์เนีย มีไม่กี่คนที่รู้ว่าเธอชอบ

อาจเพราะพีทซี่เตรียมไว้ต้อนรับเธอก็เป็นได้

เพียงแต่ว่าการเคลื่อนไหวจากหางตาทำให้มือที่กำลังเอื้อมไปหยิบขวดไวน์พลันหุบกลับ แล้วหันไปทางนั้นทันที

สีหน้าของเขาที่ชะงักนิ่ง มีแววประหลาดใจนั้นคงไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่นัก

ภูเก็ต!

เกษราไม่เห็นเขาอีกเลยตั้งแต่วันอาทิตย์ก่อนโน้นที่บ้านแปดริ้ว ราวเหมือนว่าภูเก็ตจงใจห่างหายไป เพราะแม้แต่การคืนกุญแจ เขาก็คืนผ่านพีทซี่ โดยไม่แพร่งพรายหรือกวนใจเธอแม้เพียงเศษเสี้ยววินาที

“ภูเก็ต”

ในเวลานี้เป็นเธอที่อุทาน ตกใจ…ในความคุ้นเคยบางอย่างโดยเฉพาะในรอยยิ้มของเขา ที่แจ่มชัดราวพระจันทร์วันเพ็ญของคืนนี้

หากทว่า รอยยิ้ม ความคุ้นเคยทุกอย่างพลันหายไปพร้อมกับอาการหยุดกึกของคนร่างสูงเมื่อเสียงแผดของเธอดังขึ้น

“มาทำอะไร!”

“ผมยังมีเวลาถึงเที่ยงคืนของวันนี้นะหนูปีบ” การเตือนเบา สะกดอารมณ์ทั้งหมดทั้งปวง

“แต่คุณคืนกุญแจ…”

“คืนให้ก่อน เพราะเผื่อไม่ได้เจอคุณ หรือไม่เจอพีทซี่กับเหมียวเปรี้ยวของคุณ ผมยังมีอีกดอก กะว่าจะวางทิ้งไว้ให้” เขานิ่งไป ดวงตาเกือบเป็นเศร้ามองนาฬิกาข้อมือ แล้วพึมพำแผ่วเบา “อย่าห่วงเลยหนูปีบ ผมเหลือเวลาอีกไม่นานหรอก ว่าแต่คุณเถอะใจร้อนอยากได้ห้องคืนขนาดนี้เชียวหรือ”

“ใช่”

หางเสียงค่อนข้างตวัดหากพยายามอย่างยิ่งที่จะกดเก็บอารมณ์ทั้งหมด…อย่าให้เขารู้!

เกษรามองอย่างหวาดหวั่นในทุกย่างก้าวของร่างสูงที่เขยิบเข้ามาใกล้ สายตาคมเข้มล้ำลึกแฝงรอยเศร้าละเอียดอ่อนมองราวว่าจะกรีดรอยแผลไว้ในใจและความรู้สึกของเธอเสียยิ่งนัก ใจของเธอเต้นรัว เร็วพอๆ กับร่างเล็กที่ถอยร่นไปสองสามก้าว ระแวดระวังตัว และแล้วเธอก็หยุดกึกพร้อมกับที่เขาหยุดหน้าโต๊ะกินข้าว ล้วงเข้าไปในกระเป๋าของกางเกงผ้าเนื้อดี

มือใหญ่วางลูกกุญแจบนโต๊ะ เขากระพริบตาสองสามทีกลบแววล้ำลึกในดวงตา

“ส่วนปีเตอร์ ไมเคิลขวดนี้ผมเตรียมไว้ให้คุณ คิดว่าคุณคงดีใจมากที่ในวันพรุ่งนี้เข้ามาในห้องแล้วจะไม่ต้องเจอผมอีกต่อไป”

เสียงนั้นราบเรียบ แต่บาดลึกในใจของคนฟัง ทำให้เธอกลืนก้อนแข็งๆ ในลำคอ

ถ้าไม่มีอีตาภูเก็ต!

เพียงแต่ว่าตอนนี้ เธอมีเขาอยู่ตรงหน้า!

“แล้วคุณจะไปอยู่ที่ไหน” นี่คือสิ่งที่เกษราใคร่รู้นัก

“ก็เคยบอกไปแล้วไง ผมไม่ไปไกลจากที่ทำงานหรอก ความสะดวกสบายสำคัญมากนะ แต่อย่าห่วงเลยหนูปีบ คุณจะไม่ได้เจอผมอีก ผมรับรอง”

นั่นทำให้หญิงสาวหยุดชะงักมองอย่างพิศวง

…ไม่ได้เจอกันอีก!

ผิวขาวอมชมพูออกสีงามประหลาดเพียงเพราะความอาลัยลึกๆ ในดวงจิตที่เจ้าตัวไม่เคยคิดว่าจะมีให้แก่ผู้ชายคนนี้

แต่ในเวลานี้…เธอต้องกลบทุกอย่างให้เร็วที่สุด ให้เหมือนว่านี่เป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น

“เกลียดผมขนาดนี้เชียวหรือหนูปีบ” เสียงมีริ้วรอยขื่นอยู่ในคอ ขมๆ ประหลาดๆ

แต่นั่นทำให้คนฟังหวิววาบในหัวใจ ฉุดนึกคิด…รังเกียจหรือ

‘คนเจ้าเล่ห์ชีกอ โรคจิต…ไอ้คนบ้า’

แล้วยังมีอะไรอีกหนอ

แต่ตอนนี้เกษราคิดไม่ออก ต้องโทษอีตาภูเก็ต เพราะว่าเขาทำลายความคิดของเธอไปจนหมดสิ้น เมื่อร่างสูงก้าวเข้ามาหยุดห่างเพียงเสี้ยวลมหายใจ

“ฉันไม่ชอบคุณ” ริมฝีปากขบเม้มคล้ายว่าไม่พอใจ เกษรามองเพียงแต่แผงหน้าอกก้าวของคนที่อยู่ตรงหน้า ย้ำในใจลึกๆ ของตนเองว่า

ไม่ชอบ และไม่ชอบ!

เพียงแต่ว่าเกษราไม่ได้…เกลียด

และเหมือนว่าเขาอาจจะรับรู้ได้บางอย่าง เพราะร่างสูงเขยิบเข้ามาใกล้

“คืนนี้ผมไม่มีเสียงเปียโนหลอกล่อคุณเช่นเคย เอาเป็นเพียงแค่ความจริงใจจากผมได้ไหมหนูปีบ ก่อนหน้านี้ผมไม่แน่ใจนัก ใช้เวลาเป็นเดือนเพื่อเคลียร์ตัวและใจของตัวเอง แต่ตอนนี้ผมมั่นใจว่าผมจริงใจกับคุณ” เขาทอดเสียงได้อ่อนนักทว่าหนักแน่นทุกพยางค์

แน่น…พอๆ กับอ้อมแขนที่กระชับร่างของเธอเข้ามาอิงแอบแนบอก

เกษรางุนงงกับเหตุการณ์ทุกอย่าง แล้วไหนจะเสียงละมุนของเขา

“หนูปีบ…”

หัวใจที่กระตุกแรงขานรับเขาแทนคำพูด รู้สึกว่าเขากอดเธอแน่นขึ้นอีก เกษรารู้สึกกระทั่งว่าเธอตอบรับอ้อมแขนและริมฝีปากของเขาด้วยอาการกึ่งลังเลไม่แน่ใจ

จนในที่สุด…หัวใจวาบหวิวเหมือนจะขาดไปในบัดนั้น ต้องยอมรับว่า  เธอแน่ใจและมั่นใจในทุกวินาทีหลังจากนั้น



(ต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่