อาทิตย์อับแสง (บทที่ 29)
“เห็นไหมครับ ผมบอกคุณแม่ไปตั้งกี่ครั้งแล้ว แต่คุณแม่ก็ไม่ยอมเชื่อ เป็นอย่างไรล่ะ ตอนนี้หมิงโดนพักงาน และกำลังโดนสอบ ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะครับ” อนุสรณ์ส่งเสียงดังราวตอกย้ำให้อีกฝ่ายจำใส่ใจ แล้วไหนหนังสือชี้แจงจากแอลทัสที่ส่งมาอย่างเป็นทางการ “เห็นว่าเงินลูกค้าหายไปหลายร้อยล้าน ส่วนใหญ่ก็ลูกค้าเก่าที่เคยอยู่กับทีมเอ นี่เงินของเราก็ท่าจะโดนด้วย”
เขาเห็นสีหน้าซีดของหญิงชรา คุณท่านเก็บอารมณ์และความรู้สึกไม่มิด และนั่นทำให้ลูกบุญธรรมต้องตอกย้ำในจุดอ่อน
“เสียทั้งเงิน เสียทั้งชื่อเสียง”
หนังสือจากแอลทัสบ่งบอกชัดว่าเรื่องการทุจริตยักยอกเงินกำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวน
หนังสือถูกส่งมาให้ลูกค้าเฉพาะเจาะจงแต่ละราย เพื่อเพียงคลายความกังวลเกี่ยวกับข่าวลือต่างๆ
ธนาคารแอลทัสยืนยันว่าจะดูแลรับผิดชอบเรื่องความเสียหายอย่างเป็นธรรม เพียงแต่ว่าสิ่งที่ธนาคารข้ามชาติไม่ได้บอกคือ…ความเสียหายมันเท่าใด และเกิดจากใคร
และความเป็น ธรรม จะได้มากน้อยแค่ไหน
แม้กระทั่งว่า ใคร…คือผู้ต้องสงสัย ทางธนาคารอ้อมค้อมไม่ชัดเจน แต่ก็บ่งบอกลางๆ ว่า…มีพนักงานต้องสงสัย!
และแม้ไม่ระบุชื่อ แต่ข่าวลือที่แพร่ขยายก็ระบุแล้วว่า…ภูเก็ต
“นั่นน่ะซิคะคุณพ่อ” อรจิราช่วยเสริมอีกแรง “นี่เชอร์รี่แฟนเก่าของหมิงก็ยังเปรยๆ เลยว่า ไม่รู้ว่าเงินของครอบครัวตัวเองโดนด้วยหรือเปล่า นี่ในแวดวงสังคมเขาว่าหมิงสารพัด เอ๋ก็พลอยโดนลูกหลงด้วย เพราะเป็นญาติ”
“พวกเธอพูดพอหรือยัง จะหยุดสร้างความรำคาญใจให้ฉันได้หรือยัง”
เสียงเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทำให้สองพ่อลูกหยุดกึก เพียงแต่ว่าไม่ตกใจเท่ากับการที่คุณผกามาศยกสายโทรศัพท์
“จัดการเรื่องเงินลงทุนของฉันที่อยู่กับแอลทัสด้วย”
คำสั่งไม่ได้ให้อนุสรณ์ผู้ดูแลเรื่องนี้อยู่ และคำสั่งไม่ได้หยุดแค่ทรัพย์สินของคุณท่านที่มีกับแอลทัส
ยังมีทรัพย์สินที่อื่นที่อนุสรณ์ดูแล
คนที่รับคำสั่ง คือทนายคู่ใจของคุณท่าน
“คุณแม่…”
“ในเมื่อลูกหลานมันไว้ใจไม่ได้ ฉันก็จะไม่ไว้ใจใครเลย”
“แต่เอ๋กับคุณพ่อไม่เกี่ยวนะคะ” อรจิรารีบแย้ง
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าพวกเธอเกี่ยว แต่ตอนนี้ฉันวางมือมานานแล้ว รู้สึกเบื่อเต็มที ก็เป็นการดีที่ฉันจะลุกขึ้นมาดูแลอะไรๆ ด้วยตัวเอง”
“คุณแม่จะเหนื่อย”
“ที่พวกเธอทำกันอยู่ทุกวันนี่…ไม่ได้ทำให้ฉันเหนื่อยหรอกหรือ” การย้อนย้ำชัดในความจริง
“เราไม่ได้ทำอะไรนะคะคุณย่า”
อีกครั้งที่อรจิราแย้ง เพียงแต่ว่าคราวนี้ดวงตาแข็งกร้าวของคุณหญิงผกามาศปรายมอง
“ถ้าเป็นเช่นนั้นฉันก็จะสบายใจ แต่ทั้งเธอและฉันก็ต่างรู้ไม่ใช่หรือว่ามันไม่ใช่”
ใช่…สองคนพ่อลูกย่อมรู้ดี เพียงแต่ว่าไม่มีใครเลยที่จะรู้ว่า คุณท่าน…รู้ มากน้อยแค่ไหน
รู้น้อย…ย่อมดี
แต่ถ้า…รู้มาก มันก็ไม่เป็นการดีสำหรับใครเลย
“หนูปีบได้เจอคุณภูเก็ตบ้างหรือเปล่าลูก” คุณมัลลิกาถามหลานสาวในเช้าของวันหนึ่ง “ไม่เห็นแวะมาอีกเลยตั้งแต่เมื่อเดือนก่อนโน้น”
และนั่นทำให้เกษรากลั้นหายใจก่อนจะลอบผ่อนมันออกช้าๆ
ครั้งสุดท้ายที่เขามาก็คืนนั้นที่ค้างคืน และอยู่จนกระทั่งณัฐกลับมาอีกครั้ง หลังจากนั้นภูเก็ตหายลับ หายไปนาน จนแม้แต่ยายจ๋ายังถามถึง…พ่อหนุ่มยิ้มสวย
คิดถึง…ไม่มีลูกศิษย์ให้เคี่ยวเข็ญ
เพียงแต่กับณัฐ ให้กับมาอีกกี่ครั้ง ยายจ๋าก็ไม่จำ และไม่คิดที่จะยอมรับ
“ไม่ค่ะ” เกษราตอบแค่นั้น ไม่อยากยอมรับเลยว่า…ได้เจอเขา ได้อยู่กับเขา เพราะความพลั้งเผลอใจ
จนกระทั่งเห็นเขาอยู่กับคนอื่น
ผู้หญิงคนนั้น…คืนนั้น
แล้วยังวันนั้นเมื่อคลับคล้ายว่า ผู้หญิงคนนั้นกลับมารอคอยเขาอยู่ด้านล่างบริเวณล็อบบี้ โดยที่ยังไม่รู้ตัวว่าเป็นเพียงอีกหนึ่งคนที่เขาเชยชมแล้วจึงเลยละไป
คงไม่ต่างจากเธอซินะ
ความคิดหยุดกึกเพียงแค่ตรงนี้ เกษราสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง
“ถ้าได้คุย บอกด้วยว่าป้ากับยายคิดถึง” แววตาที่มองหลานสาวเพ่งพินิจพิจารณา “หรือว่า…เกิดอะไรขึ้น”
เมื่อนั้นเกษราจึงหันมองผู้เป็นป้าทันที แล้วถอนหายใจโล่งอกเมื่อคุณมัลลิกากล่าว
“หนูปีบไปพูดอะไรไม่ดีหรือเปล่า”
“ทำไมป้าลิมองปีบในแง่ร้ายจังคะ” หญิงสาวสวมกอด ประจบผู้เป็นป้า “เห็นปีบเป็นตัวร้ายอยู่เรื่อย ทั้งๆ ที่ในชีวิตจริงนอกจอและในจอ ปีบออกจะนางเอ๊กนางเอกนะจ๊ะ”
“ก็มีแต่เราน่ะที่ทำไม่ดี คนดีไม่ยอมดีกับเขา ทีกับคนไม่ดี…” คุณมัลลิกาพยักเพยิกหน้าไปในบ้าน
ป้าหลานรู้ว่า…ใคร
ณัฐแวะมาหาเมื่อชั่วโมงก่อน และยังไม่ยอมกลับ
“ป้าลิอคติอีกแล้ว คุณณัฐเขาก็ไม่มีอะไรเสียหาย…”
“หนูปีบแน่ใจนะ” หางเสียงลงหนักคล้ายย้ำให้อีกฝ่าย…แน่ใจ
“แน่ใจซิคะ อีตาภูเก็ตนั่นเสียอีก มีแต่เรื่องเสียๆ”
“เรื่องอะไร” ความร้อนใจปรากฏชัดบนสีหน้าของผู้เป็นป้า แววตาคาดคั้นมองหลานสาวคนเดียว “มีอะไรหรือเปล่า คุณภูเป็นอะไร”
อาการร้อนใจเช่นนี้ไม่ต่างจากท่าทางของพีทซี่เมื่อแรกรับรู้…เรื่อง ปัญหาต่างๆ ของอีตาภูเก็ต
แต่ละคนล้วนหลงเสน่ห์ของอีตาภูเก็ตกันใหญ่…เกษรานึกค่อน ก่อนจะขึงขังตอบ
“ช่างเข้าเถอะจ้ะ ไม่ใช่เรื่องของเรา”
“มีอะไร เกิดอะไรขึ้นกับคุณภู บอกป้ามาเดี๋ยวนี้”
การคาดคั้น อาการร้อนใจของคุณมัลลิกาทำให้หญิงสาวถอนหายใจยาว
สงสารป้าที่เอ็นดู…ดู คนผิด
สงสารตัวเองที่…หลงอารมณ์ไปกับคารมของเขาคนนั้น
“อีตานั่นกำลังโดนสอบเรื่องฉ้อโกงเงินของลูกค้าธนาคารค่ะ”
“ตายจริง” ท่าทางของคุณมัลลิการาวว่าเป็นตัวเองเสียอีกที่จะตาย
“ยักยอกไปเกือบร้อยล้าน” เกษราถอนหายใจ รู้สึกขัดๆ “นี่เงินของปีบก็ยังไม่แน่ว่าหายไปเท่าไหร่ หายเพราะการลงทุนที่ขาดทุน หรือหายไปเพราะคนไม่ซื่อ”
“แล้วทำไมหนูปีบไม่บอกป้าก่อนหน้านี้”
“ปีบไม่อยากให้ป้าลิไม่สบายใจ อีกอย่างเงินนั่นก็ไม่น่าจะกี่ล้าน”
เงิน…ไม่กี่ล้านสำหรับนางเอกหมายเลขหนึ่งแล้วมันน้อยนิด ความเสียหายไม่เท่ากับความรู้สึก และหัวใจที่เสียไป
เพียงแต่ว่าคุณมัลลิกายังไม่ปักใจเชื่อ “หนูปีบเชื่อจริงๆ หรือว่าเป็นคุณภู”
“ก็ธนาคารว่าอย่างนั้นนี่คะ และทนายของปีบก็ขอดูหลักฐานเอกสาร ลายเซ็นก็ชัด ตอนนี้รอให้การสืบสวนเสร็จสิ้นเท่านั้น”
“จริงเหรอ” ความเคลือบแคลงใจยังมี คุณมัลลิกาไม่เคยดูคนผิด หรือว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกเสียแล้ว
“ตอนนี้ภูเก็ตโดนพักงาน”
“เขาเป็นถึงหลานคุณหญิงผกามาศ ไม่น่าใช่ ไม่น่าจะเดือดร้อนเงินทองขนาดนั้น”
“หลานที่คุณหญิงไม่รักไม่เคยเลี้ยงดูน่ะซิคะ เห็นว่าไม่มีส่วนในกองมรดกเสียด้วยซ้ำ ทรัพย์สินของคุณหญิงน่าจะตกเป็นของพ่อยัยอรจิรา นี่เห็นว่าเงินของคุณหญิงก็ถูกยักยอกไปเข้าหลักหลายล้านเหมือนกันค่ะ”
“น่าสงสารคุณภู” แววตาของคุณมัลลิกาสะท้านด้วยความรู้สึกหลายอย่าง
“อ้าว…ทำไมเป็นอย่างนั้น ยักยอกทรัพย์สินนะคะ”
“อย่าเพิ่งตัดสินง่ายๆ ซิหนูปีบ การสืบสวนยังไม่จบไม่ใช่เหรอ” คุณมัลลิกามองหน้าหลานสาว แววตาจริงจังมั่นใจ “ป้าไม่เคยดูคนผิด”
“ป้าโดนเสน่ห์อีตาภูเก็ตเข้าแล้ว” เกษราแย้ง รู้สึกคันที่หัวใจยิ่งนัก
“ก็คงไม่ต่างจากหนูปีบล่ะมัง”
และนั่นทำให้เกษราสะดุ้งด้วยความคิด เธอ…คิดเช่นไรกับเรื่องทั้งหมดกันหนอ
ทั้งป้าลิ…พีทซี่ก็ช่างมั่นใจในตัวเขาเหลือเกิน
แล้วยัง…ท่านเจ้าสัว
‘เธอสนิทกับภูเก็ตแค่ไหนกันนะเกษรา เขาเคยเช่าห้องของเธอ เคยเป็นนายแบงก์ของเธอ’
‘สนิทน้อยกว่าท่านเจ้าสัวแน่นอนค่ะ’ เกษรากล่าวเสียงหนัก หากไม่ได้เปรยให้เจ้าสัวเกรียงไกรรู้ว่าเธอ…รู้ ตื้นลึกแค่ไหน
นั่นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่รู้จักกันมา…มีการเอ่ยถึงคนอื่น และคนอื่นคนนั้นเคยเป็นเด็กในการดูแลของเจ้าสัว และยังเคยเป็นถึงว่าที่ลูกเขย
เกษราจำได้ว่าคราวนั้น คนที่ชาญฉลาดด้วยไหวพริบและมากด้วยประสบการณ์ชีวิตอย่างเช่นเกรียงไกรแน่นิ่งไป ไร้คำตอบหรือคำอธิบายใดๆ ส่วนเธอเองก็แน่นิ่งไปด้วยความรู้สึกและความคิดหลายอย่างเช่นกัน
(ต่อ)
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 29) โดย มานัส
“เห็นไหมครับ ผมบอกคุณแม่ไปตั้งกี่ครั้งแล้ว แต่คุณแม่ก็ไม่ยอมเชื่อ เป็นอย่างไรล่ะ ตอนนี้หมิงโดนพักงาน และกำลังโดนสอบ ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะครับ” อนุสรณ์ส่งเสียงดังราวตอกย้ำให้อีกฝ่ายจำใส่ใจ แล้วไหนหนังสือชี้แจงจากแอลทัสที่ส่งมาอย่างเป็นทางการ “เห็นว่าเงินลูกค้าหายไปหลายร้อยล้าน ส่วนใหญ่ก็ลูกค้าเก่าที่เคยอยู่กับทีมเอ นี่เงินของเราก็ท่าจะโดนด้วย”
เขาเห็นสีหน้าซีดของหญิงชรา คุณท่านเก็บอารมณ์และความรู้สึกไม่มิด และนั่นทำให้ลูกบุญธรรมต้องตอกย้ำในจุดอ่อน
“เสียทั้งเงิน เสียทั้งชื่อเสียง”
หนังสือจากแอลทัสบ่งบอกชัดว่าเรื่องการทุจริตยักยอกเงินกำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวน
หนังสือถูกส่งมาให้ลูกค้าเฉพาะเจาะจงแต่ละราย เพื่อเพียงคลายความกังวลเกี่ยวกับข่าวลือต่างๆ
ธนาคารแอลทัสยืนยันว่าจะดูแลรับผิดชอบเรื่องความเสียหายอย่างเป็นธรรม เพียงแต่ว่าสิ่งที่ธนาคารข้ามชาติไม่ได้บอกคือ…ความเสียหายมันเท่าใด และเกิดจากใคร
และความเป็น ธรรม จะได้มากน้อยแค่ไหน
แม้กระทั่งว่า ใคร…คือผู้ต้องสงสัย ทางธนาคารอ้อมค้อมไม่ชัดเจน แต่ก็บ่งบอกลางๆ ว่า…มีพนักงานต้องสงสัย!
และแม้ไม่ระบุชื่อ แต่ข่าวลือที่แพร่ขยายก็ระบุแล้วว่า…ภูเก็ต
“นั่นน่ะซิคะคุณพ่อ” อรจิราช่วยเสริมอีกแรง “นี่เชอร์รี่แฟนเก่าของหมิงก็ยังเปรยๆ เลยว่า ไม่รู้ว่าเงินของครอบครัวตัวเองโดนด้วยหรือเปล่า นี่ในแวดวงสังคมเขาว่าหมิงสารพัด เอ๋ก็พลอยโดนลูกหลงด้วย เพราะเป็นญาติ”
“พวกเธอพูดพอหรือยัง จะหยุดสร้างความรำคาญใจให้ฉันได้หรือยัง”
เสียงเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทำให้สองพ่อลูกหยุดกึก เพียงแต่ว่าไม่ตกใจเท่ากับการที่คุณผกามาศยกสายโทรศัพท์
“จัดการเรื่องเงินลงทุนของฉันที่อยู่กับแอลทัสด้วย”
คำสั่งไม่ได้ให้อนุสรณ์ผู้ดูแลเรื่องนี้อยู่ และคำสั่งไม่ได้หยุดแค่ทรัพย์สินของคุณท่านที่มีกับแอลทัส
ยังมีทรัพย์สินที่อื่นที่อนุสรณ์ดูแล
คนที่รับคำสั่ง คือทนายคู่ใจของคุณท่าน
“คุณแม่…”
“ในเมื่อลูกหลานมันไว้ใจไม่ได้ ฉันก็จะไม่ไว้ใจใครเลย”
“แต่เอ๋กับคุณพ่อไม่เกี่ยวนะคะ” อรจิรารีบแย้ง
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าพวกเธอเกี่ยว แต่ตอนนี้ฉันวางมือมานานแล้ว รู้สึกเบื่อเต็มที ก็เป็นการดีที่ฉันจะลุกขึ้นมาดูแลอะไรๆ ด้วยตัวเอง”
“คุณแม่จะเหนื่อย”
“ที่พวกเธอทำกันอยู่ทุกวันนี่…ไม่ได้ทำให้ฉันเหนื่อยหรอกหรือ” การย้อนย้ำชัดในความจริง
“เราไม่ได้ทำอะไรนะคะคุณย่า”
อีกครั้งที่อรจิราแย้ง เพียงแต่ว่าคราวนี้ดวงตาแข็งกร้าวของคุณหญิงผกามาศปรายมอง
“ถ้าเป็นเช่นนั้นฉันก็จะสบายใจ แต่ทั้งเธอและฉันก็ต่างรู้ไม่ใช่หรือว่ามันไม่ใช่”
ใช่…สองคนพ่อลูกย่อมรู้ดี เพียงแต่ว่าไม่มีใครเลยที่จะรู้ว่า คุณท่าน…รู้ มากน้อยแค่ไหน
รู้น้อย…ย่อมดี
แต่ถ้า…รู้มาก มันก็ไม่เป็นการดีสำหรับใครเลย
“หนูปีบได้เจอคุณภูเก็ตบ้างหรือเปล่าลูก” คุณมัลลิกาถามหลานสาวในเช้าของวันหนึ่ง “ไม่เห็นแวะมาอีกเลยตั้งแต่เมื่อเดือนก่อนโน้น”
และนั่นทำให้เกษรากลั้นหายใจก่อนจะลอบผ่อนมันออกช้าๆ
ครั้งสุดท้ายที่เขามาก็คืนนั้นที่ค้างคืน และอยู่จนกระทั่งณัฐกลับมาอีกครั้ง หลังจากนั้นภูเก็ตหายลับ หายไปนาน จนแม้แต่ยายจ๋ายังถามถึง…พ่อหนุ่มยิ้มสวย
คิดถึง…ไม่มีลูกศิษย์ให้เคี่ยวเข็ญ
เพียงแต่กับณัฐ ให้กับมาอีกกี่ครั้ง ยายจ๋าก็ไม่จำ และไม่คิดที่จะยอมรับ
“ไม่ค่ะ” เกษราตอบแค่นั้น ไม่อยากยอมรับเลยว่า…ได้เจอเขา ได้อยู่กับเขา เพราะความพลั้งเผลอใจ
จนกระทั่งเห็นเขาอยู่กับคนอื่น
ผู้หญิงคนนั้น…คืนนั้น
แล้วยังวันนั้นเมื่อคลับคล้ายว่า ผู้หญิงคนนั้นกลับมารอคอยเขาอยู่ด้านล่างบริเวณล็อบบี้ โดยที่ยังไม่รู้ตัวว่าเป็นเพียงอีกหนึ่งคนที่เขาเชยชมแล้วจึงเลยละไป
คงไม่ต่างจากเธอซินะ
ความคิดหยุดกึกเพียงแค่ตรงนี้ เกษราสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง
“ถ้าได้คุย บอกด้วยว่าป้ากับยายคิดถึง” แววตาที่มองหลานสาวเพ่งพินิจพิจารณา “หรือว่า…เกิดอะไรขึ้น”
เมื่อนั้นเกษราจึงหันมองผู้เป็นป้าทันที แล้วถอนหายใจโล่งอกเมื่อคุณมัลลิกากล่าว
“หนูปีบไปพูดอะไรไม่ดีหรือเปล่า”
“ทำไมป้าลิมองปีบในแง่ร้ายจังคะ” หญิงสาวสวมกอด ประจบผู้เป็นป้า “เห็นปีบเป็นตัวร้ายอยู่เรื่อย ทั้งๆ ที่ในชีวิตจริงนอกจอและในจอ ปีบออกจะนางเอ๊กนางเอกนะจ๊ะ”
“ก็มีแต่เราน่ะที่ทำไม่ดี คนดีไม่ยอมดีกับเขา ทีกับคนไม่ดี…” คุณมัลลิกาพยักเพยิกหน้าไปในบ้าน
ป้าหลานรู้ว่า…ใคร
ณัฐแวะมาหาเมื่อชั่วโมงก่อน และยังไม่ยอมกลับ
“ป้าลิอคติอีกแล้ว คุณณัฐเขาก็ไม่มีอะไรเสียหาย…”
“หนูปีบแน่ใจนะ” หางเสียงลงหนักคล้ายย้ำให้อีกฝ่าย…แน่ใจ
“แน่ใจซิคะ อีตาภูเก็ตนั่นเสียอีก มีแต่เรื่องเสียๆ”
“เรื่องอะไร” ความร้อนใจปรากฏชัดบนสีหน้าของผู้เป็นป้า แววตาคาดคั้นมองหลานสาวคนเดียว “มีอะไรหรือเปล่า คุณภูเป็นอะไร”
อาการร้อนใจเช่นนี้ไม่ต่างจากท่าทางของพีทซี่เมื่อแรกรับรู้…เรื่อง ปัญหาต่างๆ ของอีตาภูเก็ต
แต่ละคนล้วนหลงเสน่ห์ของอีตาภูเก็ตกันใหญ่…เกษรานึกค่อน ก่อนจะขึงขังตอบ
“ช่างเข้าเถอะจ้ะ ไม่ใช่เรื่องของเรา”
“มีอะไร เกิดอะไรขึ้นกับคุณภู บอกป้ามาเดี๋ยวนี้”
การคาดคั้น อาการร้อนใจของคุณมัลลิกาทำให้หญิงสาวถอนหายใจยาว
สงสารป้าที่เอ็นดู…ดู คนผิด
สงสารตัวเองที่…หลงอารมณ์ไปกับคารมของเขาคนนั้น
“อีตานั่นกำลังโดนสอบเรื่องฉ้อโกงเงินของลูกค้าธนาคารค่ะ”
“ตายจริง” ท่าทางของคุณมัลลิการาวว่าเป็นตัวเองเสียอีกที่จะตาย
“ยักยอกไปเกือบร้อยล้าน” เกษราถอนหายใจ รู้สึกขัดๆ “นี่เงินของปีบก็ยังไม่แน่ว่าหายไปเท่าไหร่ หายเพราะการลงทุนที่ขาดทุน หรือหายไปเพราะคนไม่ซื่อ”
“แล้วทำไมหนูปีบไม่บอกป้าก่อนหน้านี้”
“ปีบไม่อยากให้ป้าลิไม่สบายใจ อีกอย่างเงินนั่นก็ไม่น่าจะกี่ล้าน”
เงิน…ไม่กี่ล้านสำหรับนางเอกหมายเลขหนึ่งแล้วมันน้อยนิด ความเสียหายไม่เท่ากับความรู้สึก และหัวใจที่เสียไป
เพียงแต่ว่าคุณมัลลิกายังไม่ปักใจเชื่อ “หนูปีบเชื่อจริงๆ หรือว่าเป็นคุณภู”
“ก็ธนาคารว่าอย่างนั้นนี่คะ และทนายของปีบก็ขอดูหลักฐานเอกสาร ลายเซ็นก็ชัด ตอนนี้รอให้การสืบสวนเสร็จสิ้นเท่านั้น”
“จริงเหรอ” ความเคลือบแคลงใจยังมี คุณมัลลิกาไม่เคยดูคนผิด หรือว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกเสียแล้ว
“ตอนนี้ภูเก็ตโดนพักงาน”
“เขาเป็นถึงหลานคุณหญิงผกามาศ ไม่น่าใช่ ไม่น่าจะเดือดร้อนเงินทองขนาดนั้น”
“หลานที่คุณหญิงไม่รักไม่เคยเลี้ยงดูน่ะซิคะ เห็นว่าไม่มีส่วนในกองมรดกเสียด้วยซ้ำ ทรัพย์สินของคุณหญิงน่าจะตกเป็นของพ่อยัยอรจิรา นี่เห็นว่าเงินของคุณหญิงก็ถูกยักยอกไปเข้าหลักหลายล้านเหมือนกันค่ะ”
“น่าสงสารคุณภู” แววตาของคุณมัลลิกาสะท้านด้วยความรู้สึกหลายอย่าง
“อ้าว…ทำไมเป็นอย่างนั้น ยักยอกทรัพย์สินนะคะ”
“อย่าเพิ่งตัดสินง่ายๆ ซิหนูปีบ การสืบสวนยังไม่จบไม่ใช่เหรอ” คุณมัลลิกามองหน้าหลานสาว แววตาจริงจังมั่นใจ “ป้าไม่เคยดูคนผิด”
“ป้าโดนเสน่ห์อีตาภูเก็ตเข้าแล้ว” เกษราแย้ง รู้สึกคันที่หัวใจยิ่งนัก
“ก็คงไม่ต่างจากหนูปีบล่ะมัง”
และนั่นทำให้เกษราสะดุ้งด้วยความคิด เธอ…คิดเช่นไรกับเรื่องทั้งหมดกันหนอ
ทั้งป้าลิ…พีทซี่ก็ช่างมั่นใจในตัวเขาเหลือเกิน
แล้วยัง…ท่านเจ้าสัว
‘เธอสนิทกับภูเก็ตแค่ไหนกันนะเกษรา เขาเคยเช่าห้องของเธอ เคยเป็นนายแบงก์ของเธอ’
‘สนิทน้อยกว่าท่านเจ้าสัวแน่นอนค่ะ’ เกษรากล่าวเสียงหนัก หากไม่ได้เปรยให้เจ้าสัวเกรียงไกรรู้ว่าเธอ…รู้ ตื้นลึกแค่ไหน
นั่นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่รู้จักกันมา…มีการเอ่ยถึงคนอื่น และคนอื่นคนนั้นเคยเป็นเด็กในการดูแลของเจ้าสัว และยังเคยเป็นถึงว่าที่ลูกเขย
เกษราจำได้ว่าคราวนั้น คนที่ชาญฉลาดด้วยไหวพริบและมากด้วยประสบการณ์ชีวิตอย่างเช่นเกรียงไกรแน่นิ่งไป ไร้คำตอบหรือคำอธิบายใดๆ ส่วนเธอเองก็แน่นิ่งไปด้วยความรู้สึกและความคิดหลายอย่างเช่นกัน
(ต่อ)