ต้องขอกล่าวไว้นิดนุงก่อนเลยว่า บทสุดท้ายนี้จะแตกต่างออกไปจากบทก่อนหน้า
(บทเรียนที่ 1 :
http://pantip.com/topic/31953592 )
(บทเรียนที่ 2 :
http://pantip.com/topic/31956394 )
(บทเรียนที่ 3 :
http://pantip.com/topic/31958333 )
เนื่องจากดิสเครดิตประเทศนี้มาเยอะพอสมควรแล้ว วันนี้เลยจะแฉด้านอื่นของประเทศนี้ดูบ้าง
เอ้า เริ่ม !!!!!!!!
เหตุเกิด ณ โรงแรม คิม ฮอย ประเทศเวียดนาม ก่อนเวลาขึ้นเครื่อง 2 ชั่วโมง
เพื่อน : มุงงงงงงงงงงง!!!!! โทรศัพท์กูหายยยยยยยย
เรา : อ่าวเชี่ยยยยย!!!!! ใช้ครั้งสุดท้ายเมื่อไร
เพื่อน : น่าจะที่สตาร์บัสค์ที่ห้างที่เราเพิ่งไปเดินมาว่ะ กูจำได้ว่าถ่ายรูปครั้งสุดท้ายที่นั่น
เรา : งั้นเอางี้ เด๋วนั่งแท็กซี่ไปกับกู ส่วนที่เหลือไปเจอกันที่สนามบิน
ด้วยความรีบอย่างขีดสุด ผลุกผลักไปโบกแท็กซี่โดยไม่สนใจแล้วว่าจะยี่ห้ออะไร
////แทรกสาระนิดนุงเนอะ คือที่เวียดนามแท็กซี่ที่ปลอดภัยมีแค่2ยี่ห้อเท่านั้น (จำไม่ได้ว่ายี่ห้ออะไรบ้าง ขอประทานอภัย) ส่วนที่เป็นแท็กซี่ปลอมจะอันตรายโคตรๆ อ่ะ กลับมาต่อที่เรื่องราว
ขณะที่นั่งอยู่บนแท็กซี่นั้น อยู่ดีๆคนขับแท็กซี่ก็พูดขึ้นมาเลยว่า
แท็กซี่ : Tip 100,000 Dong
เรา : ////อิ้งแพ๊พ สมองมัน blank ไปชั่วขณะ อีกแล้วหรา อิดอก แต่คราวนึกในใจไว้แล้ว กูจะสู้!!!!จนเลือดหยดสุดท้ายเลยถามกลับไปว่า
Why? (ทำไมต้องให้) and I don't understand. Why you set rate of tip (ไม่เข้าใจอ่ะ ทำไมต้องกำหนดราคาของทิปด้วย)
แท็กซี่ตอบกลับมาสั้นง่ายๆว่า
แท็กซี่ : It's normal (มันเป็นเรื่องปกติ)
เรา : But it not normal for me (แต่ไม่ปกติสำหรับฉัน) เอาสิๆๆๆๆ วันนี้ก่อนกลับกูจะกวนตีน
แท็กซี่ : But It's also not my business (แต่มันก็ไม่ใช่ธุระของฉันเหมือนกัน)
อ่ะ อิดอก!!! กวนตีนกว่ากูอีก เถียงไม่ชนะค่ะ เลยเลือกที่จะเงียบ ///คงดูอ่อนด๋อยมากสินะ
.
.
ป่าวจร้า พอถึงจุดหมาย ดูมิเตอร์หยิบตังแบบพอดีเป้ะ เปิดประตู ส่งเงิน แล้ววิ่งเลยจร้า อิเพื่อนนี่ก็รู้ใจ ไม่ต้องพูด ไม่ต้องส่งซิกอะไร แมร่งวิ่งไปก่อนกูอีก เรียกได้ว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่มาก ฟินยิ่งกว่า
ต่อมาเข้าไปตามหาโทรศัพท์ เดินวนเวียนอยู่ที่โต้ะกว่า สิบรอบยังไงๆก็ไม่เจอ ไม่รู้จะทำยังไง ตัดสินใจ เอาว่ะ ถามพนักงานเลย (คือกลัวว่าถ้าขอความช่วยเหลือแล้วจะโดนเรียกค่าทิปแต่ตอนนั้นค่าโทรศัพท์แพงกว่ามากเลยช่างแมร่ง)
เรา : คือเมื่อกี้นี้เรามาใช้บริการ จำได้ไหมค่ะ แล้วเรานั่งตรงนั้น (พร้อมกับชี้นิ้วไปที่โต้ะ)
แต่ตอนที่ลุกออกไปเราลืมโทรศัพท์ มีใครเก็บได้บ้างมั้ย
เพื่อน : คือโทรศัพท์หายแล้วเมื่อกี้นั่งอยู่ตรงนั้น#$)(*&__M<>" bra bra bra (อิเพื่อนนี่ก็โวยวายสุดฤทธิ์)
พนักงาน : สักครู่นะครับ เด๋วผมไปเช็ดให้
พนักงานคนนั้นก็ไปสอบถามพนักงานที่เหลือเป็นภาษาเวียดนามว่ามีใครเห็นโทรศัพท์มั้ย
ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมทั้งบอกด้วยความเสียใจว่าไม่มีใครเห็นเลย
เรา : ถ้าจะขอดูกล้องวงจรปิดได้มั้ยค่ะ///ยิ้มหวานใส่ มองตาปริบๆ
เพื่อน : ยังไงก็ต้องขอดูจะได้รู้ว่าใครเอาไป ^*)$%()$*)#*%_$ bra bra bra (อินี่ก็ยังไม่เลิกโวยวาย)
พนักงาน : ได้ครับเด๋วผมไปบอกกับ ผู้จัดการร้านก่อนนะครับ แล้วก็วิ่งไปด้านหลัง
ตอนนั้นเพื่อนหน้าเสียสุดๆ ไหนจะโทรศัพท์หาย ไหนจะใกล้หมดเวลาตามหา
เพราะใกล้จะถึงเวลาที่ต้องไปสนามบินแล้วคือทุกอย่างบีบรัดไปหมด
และในขณะนั้น จู่ๆ เพื่อนก็เอามาจับแขนเรา พร้อมพูดว่า
เพื่อน : มุงๆ มีไรจะบอก
เรา : อะไรหล่ะ รีบๆพูดมาสิ
เพื่อน : อยู่ในกระเป๋าว่ะ
เรา : อะไรอยู่ในกระเป๋า
เพื่อน : โทรศัพท์
เรา : *^&_()%#)$^&)@)&%(&@(#% (ถึงทีกูโวยวายมั่งล่ะ ดีออก!!!!)
จากนั้นพนักงานก็วิ่งออกมาพร้อมกับเรียกให้เราเข้าไปกล้องวงจรปิดด้วยกัน
เอาไงดีล่ะทีนี้ นึกๆๆๆๆๆๆๆ เอาว่ะ
เรา : คือเราต้องไปแล้ว ถ้าไม่ไปตอนนี้เราตกเครื่องแน่ๆ ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือ
พนักงาน : งั้นผมขอเบอร์โทรศัพท์และเฟสบุคคุณไว้นะครับ ถ้าเจอโทรศัพท์ผมจะรีบบอกคุณทันที
โอ้วววว!!!!!!!! พระเจ้า หล่อขึ้นทันตาเห็น ในดงผู้ร้ายมักจะมีพระเอกอยู่เสมอ
เพื่อให้เนียนที่สุด คือง่ายๆ กะจะไม่บอกไงว่าเจอแล้ว คืออาย เพื่อนโวยวายไว้เยอะ
เรา : นี่เบอร์.......นี่เฟส....... จดลงกระดาษแล้วยื่นส่งให้เขาพร้อมทั้งเงินอีก 100,000ด้อง (150บาท)
พนักงาน : ไม่ต้องให้ทิปผมหรอกครับ มีอะไรที่ช่วยได้ผมก็อยากช่วย
เหยดดดดดดด (O_o) หล่อมากกว่าเดิมยิ่งกว่า อินี่ก็คะยั้นคะยอสุดฤทธิ์ ที่อยากให้มากๆไม่ใช่อะไรนะ คืออยากจะขอโทษที่เพื่อนโวยวายไว้เยอะ แต่สุดท้ายเค้าก็ไม่รับ บร้ะเจ้า!!!! เหลือเชื่อสุดๆ ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอแบบนี้หลังจากที่เจ็บมาเยอะ
เราได้แต่ขอบคุณจากใจจริงในน้ำใจของชาวเวียดนามคนนี้/// พิมไปน้ำตาจะไหลไป (อันนี้เว่อร์ไปงั้น)
เรากับเพื่อนเดินออกมาจากร้าน นึกในใจ วันนี้เราโชดดีจังว่ะ ของไม่หายแถมได้เห็นน้ำใจจากชาวเวียดนามกลับบ้านอย่างสบายใจแล้วเรา
สักพักแท็กซี่ก็จอดเทียบตรงหน้าเราเพื่อที่จะไปสนามบิน
ด้วยความรีบเพราะเวลามันจวนเจียนเหลือเกิน ขึ้นรถ ปิดประตู หันไปบอกแท็กซี่ " ไปสนามบินค่ะ "
/////////กริ้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!! แท็กซี่คันเดิมที่กูวิ่งหนีมันมา//// แล้วเขาก็ส่งยิ้มหวานให้.......น่ากลัวมากกกกกกกกกก
ในความโชดดีมักมีโชดร้ายตามมาด้วยเสมอ สุดท้ายเราก็ไม่พ้นความอำมหิตของแท็กซี่คันนั้นไปได้ ///ร้องไห้แป๊ป T_T
คติสอนใจจากเหตุการณ์นี้คือ : ความรีบโดยไม่ดูตาม้าตาเรือให้ดี มักนำภัยมาสู่ตน
จบปิ้ง!!!!
สรุปแล้วประเทศนี้ยังไม่สิ้นคนดี ถึงแม้คนเลวจะเยอะกว่าก็ตามแต่
.
.
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นึกถึงเพื่อนชาวต่างชาติคนหนึ่งเราเคยคุยกับเค้าไว้ว่า
เรา : Why you choose to work in thailand (ทำไมมาทำงานที่นี้)
ฝรั่ง : Thai people is so nice and very very kind (คนไทยเป็นกันเองและใจดีมากๆ)
เรา : when you get something bad from bad people you will change your mind
(เมื่อคุณได้รับสิ่งที่ไม่ดีจากคนที่ไม่ดีคุณจะเปลี่ยนใจ)
ฝรั่ง : Every countries have a bad people (ทุกประเทศมีคนเลว)
เรา : ////อิ้งแพ้พ!!!! You're right (เออว่ะ พูดถูก)
โลกนี้ไม่มีพื้นที่ไหนที่มีแต่คนดี
The end
ไปเวียดนามไม่โดนโกงเป็นเรื่องแปลก : บทสุดท้าย
(บทเรียนที่ 1 : http://pantip.com/topic/31953592 )
(บทเรียนที่ 2 : http://pantip.com/topic/31956394 )
(บทเรียนที่ 3 : http://pantip.com/topic/31958333 )
เนื่องจากดิสเครดิตประเทศนี้มาเยอะพอสมควรแล้ว วันนี้เลยจะแฉด้านอื่นของประเทศนี้ดูบ้าง
เอ้า เริ่ม !!!!!!!!
เหตุเกิด ณ โรงแรม คิม ฮอย ประเทศเวียดนาม ก่อนเวลาขึ้นเครื่อง 2 ชั่วโมง
เพื่อน : มุงงงงงงงงงงง!!!!! โทรศัพท์กูหายยยยยยยย
เรา : อ่าวเชี่ยยยยย!!!!! ใช้ครั้งสุดท้ายเมื่อไร
เพื่อน : น่าจะที่สตาร์บัสค์ที่ห้างที่เราเพิ่งไปเดินมาว่ะ กูจำได้ว่าถ่ายรูปครั้งสุดท้ายที่นั่น
เรา : งั้นเอางี้ เด๋วนั่งแท็กซี่ไปกับกู ส่วนที่เหลือไปเจอกันที่สนามบิน
ด้วยความรีบอย่างขีดสุด ผลุกผลักไปโบกแท็กซี่โดยไม่สนใจแล้วว่าจะยี่ห้ออะไร
////แทรกสาระนิดนุงเนอะ คือที่เวียดนามแท็กซี่ที่ปลอดภัยมีแค่2ยี่ห้อเท่านั้น (จำไม่ได้ว่ายี่ห้ออะไรบ้าง ขอประทานอภัย) ส่วนที่เป็นแท็กซี่ปลอมจะอันตรายโคตรๆ อ่ะ กลับมาต่อที่เรื่องราว
ขณะที่นั่งอยู่บนแท็กซี่นั้น อยู่ดีๆคนขับแท็กซี่ก็พูดขึ้นมาเลยว่า
แท็กซี่ : Tip 100,000 Dong
เรา : ////อิ้งแพ๊พ สมองมัน blank ไปชั่วขณะ อีกแล้วหรา อิดอก แต่คราวนึกในใจไว้แล้ว กูจะสู้!!!!จนเลือดหยดสุดท้ายเลยถามกลับไปว่า
Why? (ทำไมต้องให้) and I don't understand. Why you set rate of tip (ไม่เข้าใจอ่ะ ทำไมต้องกำหนดราคาของทิปด้วย)
แท็กซี่ตอบกลับมาสั้นง่ายๆว่า
แท็กซี่ : It's normal (มันเป็นเรื่องปกติ)
เรา : But it not normal for me (แต่ไม่ปกติสำหรับฉัน) เอาสิๆๆๆๆ วันนี้ก่อนกลับกูจะกวนตีน
แท็กซี่ : But It's also not my business (แต่มันก็ไม่ใช่ธุระของฉันเหมือนกัน)
อ่ะ อิดอก!!! กวนตีนกว่ากูอีก เถียงไม่ชนะค่ะ เลยเลือกที่จะเงียบ ///คงดูอ่อนด๋อยมากสินะ
.
.
ป่าวจร้า พอถึงจุดหมาย ดูมิเตอร์หยิบตังแบบพอดีเป้ะ เปิดประตู ส่งเงิน แล้ววิ่งเลยจร้า อิเพื่อนนี่ก็รู้ใจ ไม่ต้องพูด ไม่ต้องส่งซิกอะไร แมร่งวิ่งไปก่อนกูอีก เรียกได้ว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่มาก ฟินยิ่งกว่า
ต่อมาเข้าไปตามหาโทรศัพท์ เดินวนเวียนอยู่ที่โต้ะกว่า สิบรอบยังไงๆก็ไม่เจอ ไม่รู้จะทำยังไง ตัดสินใจ เอาว่ะ ถามพนักงานเลย (คือกลัวว่าถ้าขอความช่วยเหลือแล้วจะโดนเรียกค่าทิปแต่ตอนนั้นค่าโทรศัพท์แพงกว่ามากเลยช่างแมร่ง)
เรา : คือเมื่อกี้นี้เรามาใช้บริการ จำได้ไหมค่ะ แล้วเรานั่งตรงนั้น (พร้อมกับชี้นิ้วไปที่โต้ะ)
แต่ตอนที่ลุกออกไปเราลืมโทรศัพท์ มีใครเก็บได้บ้างมั้ย
เพื่อน : คือโทรศัพท์หายแล้วเมื่อกี้นั่งอยู่ตรงนั้น#$)(*&__M<>" bra bra bra (อิเพื่อนนี่ก็โวยวายสุดฤทธิ์)
พนักงาน : สักครู่นะครับ เด๋วผมไปเช็ดให้
พนักงานคนนั้นก็ไปสอบถามพนักงานที่เหลือเป็นภาษาเวียดนามว่ามีใครเห็นโทรศัพท์มั้ย
ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมทั้งบอกด้วยความเสียใจว่าไม่มีใครเห็นเลย
เรา : ถ้าจะขอดูกล้องวงจรปิดได้มั้ยค่ะ///ยิ้มหวานใส่ มองตาปริบๆ
เพื่อน : ยังไงก็ต้องขอดูจะได้รู้ว่าใครเอาไป ^*)$%()$*)#*%_$ bra bra bra (อินี่ก็ยังไม่เลิกโวยวาย)
พนักงาน : ได้ครับเด๋วผมไปบอกกับ ผู้จัดการร้านก่อนนะครับ แล้วก็วิ่งไปด้านหลัง
ตอนนั้นเพื่อนหน้าเสียสุดๆ ไหนจะโทรศัพท์หาย ไหนจะใกล้หมดเวลาตามหา
เพราะใกล้จะถึงเวลาที่ต้องไปสนามบินแล้วคือทุกอย่างบีบรัดไปหมด
และในขณะนั้น จู่ๆ เพื่อนก็เอามาจับแขนเรา พร้อมพูดว่า
เพื่อน : มุงๆ มีไรจะบอก
เรา : อะไรหล่ะ รีบๆพูดมาสิ
เพื่อน : อยู่ในกระเป๋าว่ะ
เรา : อะไรอยู่ในกระเป๋า
เพื่อน : โทรศัพท์
เรา : *^&_()%#)$^&)@)&%(&@(#% (ถึงทีกูโวยวายมั่งล่ะ ดีออก!!!!)
จากนั้นพนักงานก็วิ่งออกมาพร้อมกับเรียกให้เราเข้าไปกล้องวงจรปิดด้วยกัน
เอาไงดีล่ะทีนี้ นึกๆๆๆๆๆๆๆ เอาว่ะ
เรา : คือเราต้องไปแล้ว ถ้าไม่ไปตอนนี้เราตกเครื่องแน่ๆ ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือ
พนักงาน : งั้นผมขอเบอร์โทรศัพท์และเฟสบุคคุณไว้นะครับ ถ้าเจอโทรศัพท์ผมจะรีบบอกคุณทันที
โอ้วววว!!!!!!!! พระเจ้า หล่อขึ้นทันตาเห็น ในดงผู้ร้ายมักจะมีพระเอกอยู่เสมอ
เพื่อให้เนียนที่สุด คือง่ายๆ กะจะไม่บอกไงว่าเจอแล้ว คืออาย เพื่อนโวยวายไว้เยอะ
เรา : นี่เบอร์.......นี่เฟส....... จดลงกระดาษแล้วยื่นส่งให้เขาพร้อมทั้งเงินอีก 100,000ด้อง (150บาท)
พนักงาน : ไม่ต้องให้ทิปผมหรอกครับ มีอะไรที่ช่วยได้ผมก็อยากช่วย
เหยดดดดดดด (O_o) หล่อมากกว่าเดิมยิ่งกว่า อินี่ก็คะยั้นคะยอสุดฤทธิ์ ที่อยากให้มากๆไม่ใช่อะไรนะ คืออยากจะขอโทษที่เพื่อนโวยวายไว้เยอะ แต่สุดท้ายเค้าก็ไม่รับ บร้ะเจ้า!!!! เหลือเชื่อสุดๆ ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอแบบนี้หลังจากที่เจ็บมาเยอะ
เราได้แต่ขอบคุณจากใจจริงในน้ำใจของชาวเวียดนามคนนี้/// พิมไปน้ำตาจะไหลไป (อันนี้เว่อร์ไปงั้น)
เรากับเพื่อนเดินออกมาจากร้าน นึกในใจ วันนี้เราโชดดีจังว่ะ ของไม่หายแถมได้เห็นน้ำใจจากชาวเวียดนามกลับบ้านอย่างสบายใจแล้วเรา
สักพักแท็กซี่ก็จอดเทียบตรงหน้าเราเพื่อที่จะไปสนามบิน
ด้วยความรีบเพราะเวลามันจวนเจียนเหลือเกิน ขึ้นรถ ปิดประตู หันไปบอกแท็กซี่ " ไปสนามบินค่ะ "
/////////กริ้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!! แท็กซี่คันเดิมที่กูวิ่งหนีมันมา//// แล้วเขาก็ส่งยิ้มหวานให้.......น่ากลัวมากกกกกกกกกก
ในความโชดดีมักมีโชดร้ายตามมาด้วยเสมอ สุดท้ายเราก็ไม่พ้นความอำมหิตของแท็กซี่คันนั้นไปได้ ///ร้องไห้แป๊ป T_T
คติสอนใจจากเหตุการณ์นี้คือ : ความรีบโดยไม่ดูตาม้าตาเรือให้ดี มักนำภัยมาสู่ตน
จบปิ้ง!!!!
สรุปแล้วประเทศนี้ยังไม่สิ้นคนดี ถึงแม้คนเลวจะเยอะกว่าก็ตามแต่
.
.
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นึกถึงเพื่อนชาวต่างชาติคนหนึ่งเราเคยคุยกับเค้าไว้ว่า
เรา : Why you choose to work in thailand (ทำไมมาทำงานที่นี้)
ฝรั่ง : Thai people is so nice and very very kind (คนไทยเป็นกันเองและใจดีมากๆ)
เรา : when you get something bad from bad people you will change your mind
(เมื่อคุณได้รับสิ่งที่ไม่ดีจากคนที่ไม่ดีคุณจะเปลี่ยนใจ)
ฝรั่ง : Every countries have a bad people (ทุกประเทศมีคนเลว)
เรา : ////อิ้งแพ้พ!!!! You're right (เออว่ะ พูดถูก)
โลกนี้ไม่มีพื้นที่ไหนที่มีแต่คนดี
The end