ตามรักคืนเรือน ตอนที่ 16

กระทู้สนทนา
“หวาน ตรงนี้มันแถวบ้านแกหรือเปล่า”  เสียงหฤทัยดังมาจากโต๊ะทำงาน ในมือยังถือนิตยสารเกี่ยวกับการออกแบบบ้านและสวนในมือ

“ไหนค่ะพี่อ้อย “ คนถูกเรียกชื่อ เดินไปดูหนังสือในมือ รุ่นพี่อย่างสงสัย

“นี่ไง ข่าวนี้ สยามพัฒน์ผุดโปรเจค ใหญ่เตรียมรับชุมชนใหม่ ใกล้นิคมอุตสาหรรม สมุทรสาคร”

วาณีชะโงกหน้าดูภาพประกอบในนิตยสาร ภาพนั้นคุ้นตาหล่อนดี เพราะเป็นปากซอยเข้าบ้านสวน ที่ตอนนี้มีการถมปรับระดับที่เสร็จแล้ว ในภาพนั้นยังไม่มีการล้อมรั้วสังกะสี แสดงว่าเป็นภาพที่ถ่ายก่อนหล่อนจะไปค้างที่บ้านสวน

“กลุ่ม สยามพัฒน์ นี่มันลูกค้าแกด้วยนี่ยายหวาน จะไปเก็บงานวันนี้ใช่ไหม”

“ค่ะ วันนี้จะเก็บงานให้เสร็จ หวานเข้ามาเอาเอกสาร แล้วจะเลยเข้าไปวางบิลเลย”

“แหม บังเอิญจังเลยนะ จะได้เป็นเพื่อนบ้านกันที่บ้านสวน แล้วก็เป็นลูกค้ากันอีก” เสียงหฤทัยนั้นเปรยออกมาแบบไม่ได้สนใจอะไรนัก แต่คนฟังกลับสะดุดใจขึ้นมาในทันที

    หญิงสาวเคยคิดว่าที่เขามาว่าจ้างให้หล่อนแต่งสวน ก็เพราะจะหาข้ออ้างมาจีบหล่อน แต่การที่เขาไปงานศพคุณตากิจจา เพียงเพราะเคยซื้อศาลาริมน้ำจากคุณตาเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนมันก็ออกจะประหลาดเกินไป แล้วบรรดาคนที่เข้ามาติดต่อขอซื้อที่บ้านสวนจะมีคนของสยามพัฒน์บ้างไหม หล่อนไม่เคยได้สนใจ เพราะส่วนใหญ่ต้องการจะติดต่อณคุกัลยาแม่ของหล่อนมากกว่า เท่าที่ฟังจากปริญญา ที่ผืนนั้นมีการติดต่อขอซื้อในหลักเกือบร้อยล้านทีเดียว

    “พี่ อ้อยคะ หวานขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวลูกค้าจะรอ” หญิงสาวรีบขอตัว หล่อนไม่อยากคิดมากสำหรับตอนนี้ ความคิดแวบหนึ่งที่หล่อนรู้สึกขึ้นมา ถ้าเขาเข้ามาตีสนิทหล่อนเรื่องที่ดินล่ะ ถ้างานแต่งสวนเสร็จ หล่อนจะลองสืบเรื่องคุณทวดเองโดยไม่ต้องพึ่งคุณเล็ก

ความรู้สึกดีๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้น ดูเหมือนมันจะสลายไปเร็วเหลือเกิน

    ___________________________________________


         วิวัฒน์กลับมาถึงบ้านก็เกือบบ่ายสามแล้ว เขาถามหาวาณีกับคนงาน ที่กำลังเก็บเครื่องมือใส่รถกระบะถึงได้ทราบว่าหญิงสาว เดินตรวจงานอยู่ที่บริเวณศาลาริมน้ำ

    “ฮัลโหล คุณหวาน”

    “สวัสดีค่ะ คุณเล็ก”
    “เหนื่อยเหรอครับ”  เขาเดาจากสำเนียงหญิงสาวที่ดูเนือยๆกว่าทุกวัน

    “นิดหน่อยค่ะ” วาณียิ้มตอบเขา “คุณเล็กเดินดูรอบๆหรือยังค่ะ มีตรงไหนต้องแก้ไขอะไรไหม เดี๋ยวหวานจะได้จัดการให้ก่อนวางบิลงวดสุดท้าย”

    “คุณหวาน เดินเป็นเพื่อนผมได้ไหมครับ”

    “ได้ค่ะ”

    ท่าทีของหญิงสาวดูจะจดจ่อกับงานมากกว่าที่เคยเป็น เขาพยายามคิดว่าเพราะงานใกล้จะเสร็จทำให้วาณีเครียดนิดหน่อย เลยพยามพูดล้อเล่นบ้างก็ดูเหมือนจะได้ผลบ้างนิดหน่อย พอจะได้เห็นรอยยิ้มจากหญิงสาวบ้าง เป็นครั้งคราว ทุกอย่างดูเหมือนจะเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรต้องแก้ไขเพิ่มเติมอีก นอกจากสัญญาดูแลต้นไม้ที่ลงใหม่ต่อไปอีก 3 เดือน

    “ถ้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หวานขอรูปที่คุณเล็กถ่ายไว้เมื่อวานได้ไหมคะ หวานอยากให้คุณทวดได้ดูวันนี้เลย”

    “ได้สิครับ แต่ผมนึกว่ารอหลังทานข้าวเย็นก่อน ค่อยออกไปที่ศาลาพร้อมๆกัน”

    “หวานว่าคุยกับคุณทวดเสร็จแล้วจะขอตัวกลับเลยค่ะ วันนี้รู้สึกว่าไม่ค่อยสบาย ต้องขอโทษคุณเล็กด้วยที่ไม่ได้บอกก่อนล่วงหน้า”

    ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นแต่เขายังหาสาเหตุไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับวาณี เวลานี้เขาทำได้แค่เพียงปล่อยให้วาณีทำตามใจตัวเองไปก่อน แล้วค่อยสืบหาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

    “ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่สบายคุณหวานกลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้ครับ เรื่องคุณทวดไว้ค่อยมาคุยกับท่านวันหลัง หน้าคุณหวานดูซีดๆอยู่นะครับ”

    “ไม่เป็นไรค่ะ หวานยังไหวอยู่”

    เมื่อฝ่ายหญิงยืนยันเขาก็ได้แต่ทำตามนั้น หญิงสาวนั่งรออยู่ที่ระเบียงบ้าน ปล่อยให้เขาเข้าไปหยิบแท็บเล็ตที่เก็บภาพถ่ายรูปสีน้ำของคุณทวดเล็กออกมา ก่อนเดินไปด้วยกันเงียบๆ เป็นความเงียบที่ชวนอึดอัดสำหรับเขา ด้วยความที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่รู้ว่าจะเริ่มถามหญิงสาวยังไงถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น

    ________________________________________

    คุณทวด ดูรูปถ่ายจากแท็บเล็ตในมือชายหนุ่มทีละรูป โดยไม่เล่ารายละเอียดแต่ละรูปมากนักนอกจากรูปที่วาดในบริเวณใกล้บ้านสวน ถึงจะเล่าถึงบรรยากาศเก่าๆออกมาให้เหลนทั้งสองคนได้ฟัง แต่ดูเหมือนรูปทั้งหมดจะไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับช่วงเวลาที่คุณทวดเสียชีวิตเลย

    “มีเท่านี้รึ” เสียงคุณทวดถามเมื่อดูภาพสุดท้าย

    “ครับ เท่าที่เหลือเป็นมรดกมาถึงคุณพ่อ มีอยู่แค่นี้ครับ”

    “หลังจากฉันตาย พ่อเล็กก็มีไปวาดรูปที่โรงพยาบาล พ่อสินคงจะป่วย เลยไม่ได้มาตามนัด”    
    
    “ครับ ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น เพราะดูจากช่วงห่างของวันที่ในรูปแต่ละใบแล้ว มีช่องว่างช่วงก่อนเข้าโรงพยาบาลค่อนข้างนาน น่าจะเป็นเพราะคุณทวดเล็ก ป่วยหนักจนวาดภาพไม่ได้”

    “ช่วงนั้น แหละที่พ่อสินวาดภาพฉันไว้หลายรูปเลย” เสียงของคุณทวดนั้นเศร้า แต่มีรอยยิ้มน้อยๆเมื่อเอ่ยถึงช่วงเวลานั้น

    “แต่ทำไมถึงไม่มีรูปของคุณทวดเหลือเลยล่ะคะ” วาณีถามขึ้นด้วยความสงสัย “ในบันทึกของคุณทวดสิน ก็เหมือนจะฉีกหน้าที่จดบันทึกถึงคุณทวดออกไปหมดด้วย”

    คุณละเอียดหันไปมองทางชายหนุ่ม สายตานั้นเหมือนจะถามว่าชายหนุ่มมีคำตอบสำหรับเรื่องนี้ไหม “พ่อเล็ก พอจะทราบไหมว่าทำไมพ่อสินถึงได้ไม่มีบันทึกเรื่องของฉันเหลืออยู่เลย”

    “ผมเองก็พยายามหาสาเหตุอยู่ครับ”

    “ขอบใจนะที่ช่วยสืบให้ฉัน”

    “ผมจะลองสอบถามจากลูกศิษย์ของคุณทวดดูครับ น่าจะพอได้ข้อมูลบ้างเพราะท่านสอนที่วิทยาลัยหลายปี น่าจะพอมีลูกศิษย์ที่พอรู้เรื่องบ้าง แต่คงต้องใช้เวลามากหน่อย ”

    “ฉันรอมาหลายสิบปีแล้ว นานแค่ไหนฉันก็รอได้จ้ะ พ่อเล็ก”

    “หวานก็จะช่วยด้วยค่ะ”

    “ขอบใจทั้งคู่มากนะ” คุณทวดทิ้งคำขอบคุณไว้ก่อนร่างจะค่อยๆเลือนหายไป ขณะที่หล่อนพยายามไม่มองไปทางชายหนุ่มข้างๆ สายตาของเขาเหมือนมีคำถามมากมาย ที่หล่อนไม่พร้อมจะตอบในตอนนี้

___________________________________________________________________


    เสียงกริ่งสายโทรศัพท์ภายใน ทำให้เขาต้องละสายตาจากงานเอกสารตรงหน้า ปกติช่วงเวลาใกล้เลิกงาน มักเป็นสายเพื่อนร่วมนัดกันไปสังสรรค์ หลังเวลางาน แต่วิวัฒน์ไม่อยู่ในอารมณที่จะออกไปสังสรรค์ ช่วงนี้

    “เล็กพี่ฝากดูงานที่นี่แทนพี่สัก 3-4 วันนะ” เสียงจีระ พูดมาจากสายภายในของบริษัท

    “พี่จิ จะไปไหนครับ ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

    “พี่จะไปสุราษ เพิ่งโทรคุยกับคุณกัลยา เผอิญพี่ได้เบอร์มาจากเพื่อนตำรวจ เคยไปประจำที่นั่นคุ้นเคยกับครอบครัวนั้น ช่วยคุยให้แต่พี่จะไปคุยรายละเอียดด้วยตัวเองพรุ่งนี้” เสียงจีระเล่ารายละเอียดประกอบกับเสียงเก็บเอกสารรอดมาตามสาย

    “แล้วไม่ให้ผมไปด้วยเหรอครับ” เขารีบเสนอตัว เผื่อจะเข้าทางผู้ใหญ่ไว้ก่อน

    “ท่านรอง ไม่อนุมัติ” คำตอบสวนมาแบบมีเสียงหัวเราะตามหลัง “แกเลยต้องเฝ้าออฟฟิสก์ให้พี่ช่วงที่พี่ไม่อยู่ ยังไงพี่จะแอบเชียร์แกให้นะ ไอ้น้องรัก”

    “ไม่ต้องก็ได้ครับ เกรงใจ แล้วงานทางนี้จะเดินตามแผนเดิม หรือจะให้รอ พี่จี กลับมาก่อน”

    “เดินตามแผนเดิม นั้นแหละ ยังไม่รู้ว่าจะได้ที่เพิ่มไหม มีโอกาสก็ลองไปคุยดูก่อน ถ้าได้เพิ่มก็ต้องมาวางแผนกันใหม่ เพราะงานทางนี้เริ่มไปแล้ว ”

    “โอเคพี่ ยังไงก็ซื้อของฝากติดมือมาด้วยแล้วกัน ไปไหนไม่เคยคิดถึงน้อง ถึงนุ่งเลย”

    “น้องนุ่ง พี่ไม่ค่อยคิดถึงหรอก ไว้น้องไม่นุ่ง ค่อยน่าคิดหน่อย”

    “เดินทางปลอดภัยครับ พี่จีระ”

    “แล้วจะเอาข่าวดีกลับมาฝาก”


-----------------------------------------------


      เฮ เสียงนักพนัน ร้องพร้อมกันลอบโต๊ะ เมื่อเจ้ามือหงายไพ่ออกมาได้แค่ 2 แต้ม จะมีก็แต่ ก้องเกียรติเท่านั้นที่ไม่เฮตามด้วย ไพ่ในมือเขามีแค่ 1 แต้มเท่านั้น วันนี้ไม่ใช่วันของเขา ขณะที่เจ้ามือจ่ายชิพให้กับนักพนันรอบๆโต๊ะ ชิพตรงหน้าเขาก็ถูกเก็บไปพร้อมๆกันด้วย

     “น้อง แลกชิพให้พี่ 5 หมื่น” ก้องเกียรติ หันไปบอกพนักงานที่ดูแลแขก แต่ละโต๊ะ พนักงานเดินหายไปทางห้องแลกชิพ  

       ขอแก้ตัวอีกสักเกม โชคร้ายของเขาน่าจะหมดไปกับเกมเมื่อกี้แล้ว มันน่าจะเป็นเกมสุดท้ายแล้วที่เขาจะเสีย

    เขาวางชิพที่เหลือ ลงตรงหน้าก่อนที่เจ้ามือจะแจกไพ่ ขณะที่เปิดไพ่ดูเหมือนโชคร้ายของเขาจะยังไม่หมด บอด เขาโยนไพ่ตรงหน้าอย่างหัวเสีย ตอนที่เจ้ามือประกาศป๊อก 9

    “คุณเกียรติครับ บัญชีของคุณเกียรติเต็มแล้วครับ ทางห้องชิพออกชิพเพิ่มให้ไม่ได้ครับ ถ้าคุณเกียรติไม่เติมเงินเข้าบัญชีก่อน” พนักงานเข้ามากระซิบที่ข้างหูเขา จริงๆเขารู้ตั้งแต่แลกชิพรอบที่แล้วว่าใกล้จะเต็มวงเงินแลกชิพที่เขาได้รับจากทางบ่อนแล้ว แต่เขาเป็นลูกค้าที่นี่มานานและไม่ค่อยจะมีปัญหากับทางบ่อน น่าจะผ่อนผันให้เขาบ้าง

    “ ลองถามคุณพงษ์ให้ฉันหน่อยว่าจะออกชิพให้พี่ก่อนได้ไหม วันนี้พี่ไม่ได้เอาสมุดเช็คมา” เฮียพงษ์ หรือพงษ์ศักดิ์ เป็นเจ้าของบ่อนแห่งนี้ รู้จักคุ้นเคยกันดีจนเขาได้เครดิต เกือบ 2 ล้านบาทซึ่งตอนนี้มันเต็มวงเงินแล้ว

    “เฮียอยู่ที่ห่องแลกชิพครับ เฮียบอกว่านอกจากเครดิตที่คุณเกียรติค้างแล้ว เช็คที่คุณเกียรติขอแลกไว้ ถ้าคุณเกียรติไม่มาเคลียร์ เฮียจะเอาไปขึ้นเงินอาทิตย์หน้า

     นี่เป็นการไล่เขากลับอย่างอ้อมๆ ไม่เหลือชิพให้เล่นแล้ว เฮียพงษ์ ยังใช้เด็กประจำโต๊ะมาทวงเงินเขาอีก ไม่ต่างอะไรกับการโดนเหยียบหน้า แต่เฮียพงษ์ มีดีพอที่จะเหยียบหน้าเขา บ่อนนี้ใหญ่ระดับที่เปิดมาได้ 3 ปีโดยไม่เคยปิดแม้แต่วันเดียว ไม่เคยโดนตรวจค้น แม้สถานีตำรวจจะอยู่ห่างไปแค่ 3 ร้อยกว่าเมตรเท่านั้น

   “บอกเฮียด้วย ว่าไม่เกิน อาทิตย์หน้าฉันจะมาเคลียร์บัญชีที่เหลือให้” ก้องเกียรติ บอกกับพนักงานคนเดิม ตอนลุกออกจากโต๊ะ  เขาพยายามรักษาฟอร์มนักเลงใหญ่ไว้ ขณะที่กำลังหาวิธีคืนเงินให้เฮียพงษ์  อิทธิ จะยอม   ช่วยเขาอีกสักครั้งไหม
    
__________________________________


    “ไม่”  คำตอบสั้นๆ ที่ทำให้ใจเขาหล่นไปอยู่ที่หัวแม่เท้า  “ผมให้คุณเกียรติไม่ได้อีกแล้วนะ เว้นแต่คุณเกียรติจะมีอะไรมาแลก” เสียงอิทธิ ช้าแต่หนักแน่น

    “ถ้าเรื่องที่ดิน ผมกำลังพยายามอยู่ ครับ”  เขาได้แต่ก้มหน้าตอบ ศักดิ์ศรีมันไม่เหลือแล้วสำหรับเขา ถ้าเขาไม่ได้เงินไปคืนเฮียพงษ์ นอกจากเรื่องเช็คที่จะเป็นคดีแล้ว ยังมีเรื่องความปลอดภัยของชีวิตเขาอีกที่ต้องเป็นห่วง

     “ก็พยายามให้มากขึ้น กว่านี้อีก ผมเตรียมเงินค่าคอม ให้คุณเกียรติแล้วนะ ถ้าได้ฉโนดเมื่อไหร่ คุณเกียรติ มาเอาเช็คที่ผมได้เลย” พร้อมกับคำพูด อิทธิหยิบเช็ค ขึ้นมาให้อดีตพี่เขยดู

      จำนวนเงินบนเช็คนั้นทำให้เขาต้องนับเลขศูนย์ต่อท้ายให้แน่ใจอีกครั้ง “ มันมากกว่าที่ท่านเคยพูดไว้นี่ครับ”

   “ผมเพิ่มให้เป็นโบนัส เพราะเห็นว่าเป็นที่แปลงสุดท้ายแล้ว ถ้าได้แปลงนี้มาก็ถือว่าปิดจ็อบ ผมเพิ่มให้อีก 3  ล้านเป็น เงินส่วนตัวของผม”

    “ขอบคุณครับ” เงินนั่นนอกจากจะใช้หนี้หมดแล้ว ยังเหลือให้เขาใช้ไปต่อทุนได้อีกเยอะทีเดียว “ท่านไม่ต้องห่วงครับ รับรองว่าไม่นานนี้มีข่าวดี มาให้ท่านแน่ๆ”

   “ผมตั้งความหวังไว้กับคุณเกียรตินะ”อิทธิพูดก่อนจะพับเก็บเช็คเข้ากระเป๋าเสื้อ

    “ถ้าอย่างนั้นผมลากลับละครับ” ในเมื่อแผนยืมเงินไม่สำเร็จ ก็เหลือแต่ต้องหาทางซื้อที่จากยายกัลย์ให้ได้เท่านั้น ถ้าได้ที่นั้นมาปัญหาทั้งหมดก็แก้ได้

    เขาลาอิทธิกลับ เพื่อกลับมาวางแผนบีบให้กัลยา ยอมขายที่ให้ สี่งเดียวที่จะบีบกัลยาได้มีแต่ยายหวานเท่านั้นที่จะทำให้กัลยายอมได้ ถึงจะต้องจับหลานตัวเองมาขู่เขาก็จะทำ เขาจะไม่ทำอันตรายหลานหรอก ก็แค่ขู่เท่านั้น เขาไม่ใช่คนเลวขนาดจะทำร้ายหลานแท้ๆได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่