ตามรักคืนเรือ ตอนที่ 18

กระทู้สนทนา
“เหี่ย เอ้ย”  เสียงสบถ ของอิทธิ ทำให้หล่อนต้องชะโงกหน้าจากเคาเตอร์ครัวออกมาดู ไม่บ่อยนักที่ ท่านจะหัวเสียถึงขนาดสบถเสียงดังๆออกมา
      
    ...
    
    “แล้วมันตายไหม ?”

    ....

    “ทำไมไม่จับแค่ยายหวาน คนเดียว แล้วไปชนไอ้ลูกเจ้าของสยามพัฒน์ทำไม อย่างนี้เรื่องมันจะไม่จบง่ายๆนะสิ” คำว่าลูกชายเจ้าของสยามพัฒน์ ทำเอาใจของทาริณีหายวูบไป หล่อนพยายามคิดในแง่ดี หุ้นส่วนคนอื่นก็มีลูกชาย อาจจะไม่ใช่วิวัฒน์ก็ได้
    
    .....
    
    “ให้แน่ใจว่ามันไม่เห็นหน้าคุณเกียรติ ต่อให้คนอื่นสงสัย ถ้าไม่มีหลักฐาน ก็โยงมาไม่ถึงเรา ส่วนเรื่องยายหวาน กับ ยายกัล ไว้ผมจะหาทางคุยเอง ยังไงก็ครอบครัวเดียวกัน คงไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โตจนเป็นข่าว”
    
    ...
    
    “ผมไม่สนว่าคุณเกียรติ จะใช้วิธีไหน จำไว้แค่สองเรื่องคือ ผมไม่เกี่ยว กับ อย่าให้มันให้ปากคำได้ แล้วก็ไม่ต้องมาบอกผมว่ามันตายแล้วหรือยังหายใจอยู่” เสียงอิทธิเงียบไปพักใหญ่ ระหว่างฟังปลายสายอีกฝ่ายพูดก็ขมวดคิ้วตลอดเวลา

    ...

    “ผมไม่ไว้ใจ เอางี้ คุณเกียรติ ตอนนี้อยู่ที่ไหน”

    ...

    “หนึ่งทุ่ม วันนี้ไปรอที่โรงสีเก่า ผมจะส่งมือดีไปด้วย สอง สาม คน คุณเกียรติคุยกับพวกนี้เอาเองว่าจะทำยังไง พวกนี้มืออาชีพ”
    
    ...

    “แล้วก็ ดูแลยายหวานให้ดี อย่าให้ยายหวานรู้ว่าผมมีเอี่ยวเรื่องนี้  ไม่งั้นผมจะเคลียร์ให้เรื่องนี้จบลำบาก แล้วคนที่ซวยจะเป็นคุณเกียรติเอง”

    อิทธิ กดวางสายไปแล้ว แต่หล่อนยังไม่กล้าออกไปจากบริเวณครัว สีหน้าของอิทธิ นั้นเครียดจนไม่น่าเข้าใกล้ เสียงกดโทรศัพท์มือถือ ยืดเวลาให้หล่อนหลบหน้า อิทธิไปได้อีกครู่ใหญ่

    “พงษ์ เหรอ ผมอยากยืมเด็กมือดีสัก สอง สาม คน”
    
    ...

    “ไอ้เกียรติ ไปก่อเรื่องไว้ จะขอแรงไปเก็บกวาดให้หน่อย”

    ...

    “แล้วก็ ลูกสาวผมอยู่กับไอ้เกียรติ ฝากเด็กเฮียคุ้มกันด้วย”

    ...

    “เฮ้ย ลูกเมียเก่า”

    ...

    “ให้เด็กเฮีย อยู่เฝ้าจนลูกผมกลับบ้านนะ จบงานแล้วก็เก็บไอ้เกียรติเลย”

    ...

    “ไม่ ผมไม่เสี่ยงแล้ว”

    ...

    “ได้ ผมจัดการให้เอง ขอบคุณเฮียมาก”

    มีเสียงอิทธิ ถอนหายใจ หลังจากวางสายโทรศัพท์ ทาริณีชะโงกหน้าออกไปดูให้แน่ใจว่าอิทธิไม่ได้โทรศัพท์หาใครอีก จึงยกถาด ขวดวิสกี้ กับถังน้ำแข็งออกไป

    “ดื่มหน่อยไหมคะ ”

    “ไม่ล่ะ น้ำ ผมจะไปต่างประเทศสักอาทิตย์นะ เดี๋ยวผมกลับเลยดีกว่า แล้วนี่เก็บไว้ใช้แล้วกัน”  อิทธิล้วงธนบัตรปึกใหญ่ส่งให้หล่อน

    หล่อนรับไว้ แล้วหย่อนลงในกระเป๋า ด้านหน้าผ้ากันเปื้อน ค่อยช่วยอิทธิสวมเสื้อนอก
ก่อนจะหอมแก้มอวยพรให้เดินทางปลอดภัย ทันทีที่อิทธิพ้นจากประตูห้อง หล่อนรีบกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนเลขา ที่คุ้นเคยกันดี และที่สำคัญ อิ๋ง เป็นเจ้าแม่ขาเม้าท์ที่รู้ทุกเรื่องในบริษัทตั้งแต่เรื่องคนขับรถไปจนถึงกรรมการผู้จัดการ

    “ไงยายน้ำ จะโทรมาถามข่าวคุณเล็กเหรอ ? ” คำถามจากอีกปลายสายทำให้ ลมหายใจหล่อนแทบจะขาดห้วงไป

    “คุณเล็กเป็นอะไรเหรอ”

    “อ้าวยังไม่รู้เหรอ โดนรถชนจ๊ะ ปลอดภัยแล้วแต่ยังไม่ได้สติ นี่ฉันรู้จากสายตรงเลยนะ พี่ราตรีจะไปเฝ้าลูกชาย พรุ่งนี้จะไม่เข้าออฟฟิท  ฝากงานให้ฉันทำแทน เลยถือโอกาสถามข่าวหวานใจแกให้”

    “แล้วจับคนชนได้หรือยัง ?” หล่อนถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

    “ยังจ๊ะ แต่ดูเหมือนจะมีอะไรมากกว่านั้นนะ เพราะคุณวิทย์ยังไม่ให้แจ้งความ”

    ถ้าคุณวิทย์ ไม่ให้แจ้งความ ก็แสดงว่าคุณวิทย์รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องชนแล้วหนีธรรมดา และน่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับการจับวาณีด้วย แล้ววาณีกับวิวัฒน์เกี่ยวพันกันยังไงบ้าง หล่อนไม่พยายามสอดรู้สอดเห็นเรื่องของ อิทธิ จะรู้เพียงเรื่องที่เขาเล่าให้ฟังเอง ก็มักจะเป็นเรื่องของ อารยา ลูกของเขากับภรรยาใหม่ หรือไม่ก็เรื่องของวาณีลูกที่เกิดกับภรรยาเก่า แต่เรื่องของวาณีที่มักจะได้ฟังจะเป็นเรื่องที่เขาเล่าเกี่ยวกับงานของวาณี มากกว่าอย่างอื่น ขณะที่เรื่องของอารยาจะเป็นเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ชวนปวดหัว ปนกับความขำ ถ้ามองจริงๆแล้ว อิทธิเป็นคนที่รักลูกมาก เพียงแต่เขาหยุดเรื่องผู้หญิงไม่ได้

    “แล้วอิ๋วรู้ไหมว่าคุณวัฒน์ อยู่โรงพยาบาลไหน”

    เพื่อนเลขาบอกชื่อโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งให้ หล่อนถามรายละเอียดเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย ก่อนจะวางสาย ซึ่งเพื่อนสาวก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากนัก ดูเหมือนราตรีเองก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดของอุบัติเหตุนี้ให้คนอื่นทราบเหมือนกัน
    
    ตอนนี้ที่หล่อนรู้อย่างเดียวคือ ชีวิตของวิวัฒน์ กำลังอยู่ในอันตราย และหล่อนต้องหาทางช่วยเขา แต่จะช่วยยังไง ตำรวจ ด้วยอิทธิพลของอิทธิ หล่อนไว้ใจตำรวจไม่ได้ ถ้าตำรวจเป็นพวกของอิทธิ นอกจากจะช่วยวิวัฒน์ไม่ได้แล้ว หล่อนเองก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย หรือหล่อนจะไปบอกวิทยาเอง เขาจะเชื่อหล่อนไหม นั้นเท่ากับหล่อนต้องเปิดเผยฐานะเมียเก็บของอิทธิให้วิทยารู้ แล้วถ้าเขาไม่เชื่อล่ะ ?  ใครที่จะกล้าชนกับ อิทธิพลของ อิทธิ ได้


        --------------------------------------------------

        ปริญญา นั่งรออยู่บนโซฟา แต่ใจของเขานั้นอยากจะวิ่งออกไปเอาปืนจ่อหัวก่อเกียรติ ให้บอกมาว่าน้องสาวของเขาอยู่ที่ไหน แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้ว่ากำลังโดนจับตาดูอยู่ ตอนนี้สถานการณ์จึงเหมือนทะเลที่เงียบสงบก่อนที่พายุจะเข้า ทางฝ่ายเขา เรียกระดมคนเท่าที่มี รวมถึงขอแรงจากเส้นสายของนักเลงชาวใต้ด้วยกันผ่านทางพ่อของเขา ขณะที่ทางป้ากัลยาเองก็พยายามติดต่อลูกน้องเก่าของคุณตากิจจา ให้ช่วยสืบหาที่อยู่ของวาณี หรือ ก่อเกียรติ แต่ทุกอย่างยังไร้วี่แวว

    กรี๊งงงงง  

    เสียงกกริ่งจากประตูหน้า ดึงเขากลับสู่สภาพความเป็นจริง คงเป็นลูกน้องที่เขาเรียกระดมพล เข้ามารายงานผล เขารีบเดินไปเปิดประตูห้อง แต่ภาพที่เขาพบ กลับเป็นคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอที่สุดในเวลานี้

        “คุณมาทำไม ?”  เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมน้ำเสียงของตัวเองถึงได้ห้วนและตัดร
อย่างนั้นอาจจะเพราะ เรื่องของก้องเกียรติส่วนใหญ่แล้วจะมีอิทธิอยู่เบื้องหลัง จะอย่างไรธาริณีก็เป็นผู้หญิงของอิทธิ

       “ฉันมีเรื่องให้คุณช่วย”

      “ตอนนี้ผมมีเรื่องยุ่งมากพออยู่แล้ว ผมช่วยใครไม่ได้หรอก”

     “ถ้าเรื่องยุ่งๆของคุณ เป็นเรื่องคุณหวาน คุณยิ่งต้องช่วยฉัน”

      “คุณรู้อะไรเกี่ยวกับยายหวาน” มือหนึ่งเขากระชากตัวธาริณีเข้ามาในห้อง ขณะที่อีกมือผลักประตูห้องปิดลง

ฉันรู้ว่าจะหาตัวคุณหวานได้ที่ไหน แต่คุณต้องช่วยเพื่อนฉันด้วย ท่านอิทธิสั่งเก็บเขาวันนี้”

    เขาผลักหญิงสาว ให้นั่งลงบนโซฟาตัวหนึ่ง ขณะที่เขานั่งลงบนอีกตัวหนึ่ง ธาริณีเจรจาสำเร็จสำหรับคำขอร้องของหล่อน ตอนนี้ข้อมูลอะไรก็แล้วแต่เกี่ยวกับวาณี เขายินตีจะรับฟังหมด

    “เพื่อนของคุณเป็นใคร แล้วทำไมอิทธิต้องสั่งเก็บ แล้วทำไมผมต้องเชื่อคุณ”

    “เพื่อนฉัน อยู่กับคุณหวานตอนเธอถูกจับไป ท่านอิทธิคิดว่าเขาเห็นตัวคนจับตัวคุณหวานไป เลยอยากจะให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครสาวกลับมาถึง เขาชื่อวิวัฒน์ เป็นเพื่อนที่ทำงานเดียวกับฉัน ส่วนทำไมคุณต้องเชื่อฉัน ฉันคิดว่าตอนนี้คุณคงไม่มีทางเลือกว่าจะไม่เชื่อ หรือไม่เชื่อฉัน”  

    หล่อนเตรียมคำตอบมาดี เพราะคำตอบของหล่อนตรงประเด็น และเขาไม่มีทางเลือกจริงๆ ตอนนี้ ธาริณี เป็นเบาะแสเดียวที่เขามี และถ้าจะเก็บเบาะแสเดียวที่มีนี้ไว้เข้าต้องช่วยวิวัฒน์ให้ได้

    “ตกลง ฉันจะช่วยเธอ แต่เธอต้องเล่ารายละเอียดทั้งหมดที่เธอรู้ เราถึงจะช่วยเพื่อนเธอได้”

    “นอกจากนั้น ฉันอยากได้ที่ซ่อนตัว ของฉันกับ น้องสาว ถ้าเรืองนี้จบลง ฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ได้” สายตาของหญิงสาวนั้น เป็นสายตาของนักต่อรอง ที่เขาเคยเห็นในหมู่นักเลง ไม่คิดว่าจะได้เห็นในหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้าเขา  เขาค้อมตัวมาข้างหน้าจ้องกลับสายตานั้นก่อนจะตอบหล่อนกลับไป

    “เรื่องนั้นฉันจะจัดการให้ เล่าเรื่องของเธอมาได้แล้ว”

    _______________________________________________


    ตั้งแต่รู้เงื่อนไขคือเรื่องที่ดินบ้านสวนจากพ่อ เขาก็มั่นใจว่าเป็นแผนของก้องเกียรติ เพราะคงไม่มีใครเดาจุดอ่อนของกัลยา ได้แม่นยำเท่ากับคนที่รู้จักกัลยาดี นับตัวคนแล้วก็เหลือไม่กี่คน และคนที่กล้าจะจับวาณีเรียกค่าไถ่ก็คงมีเพียงแค่ก้องเกียรติแค่นั้น แต่ที่เขาคิดไม่ถึงคือก้องเกียรติกล้าถึงขนาดจะฆ่าคน และอิทธิ ที่เขาเคยมองในแง่ดีว่าผู้ชายคนนั้นยังมีความเป็นพ่อ เพราะถ้าเป็นเรื่องที่วาณีร้องขอ อิทธิจะยอมถอยให้เสมอ แต่วันนี้ ผู้ชายคนนั้นร่วมมือกับก้องเกียรติ ลักพาตัวลูกสาวตัวเอง เพื่อที่ดินแปลงเดียว

    “จริงๆ ผมส่งคนตามเฝ้าก้องเกียรติไว้แล้ว  แต่ดูเหมือนฝ่ายโน้นจะรู้ตัวว่าโดนตาม เลยมีทั้งตัวปลอม ตัวจริง เข้าๆออกๆ จนคนของผมงงไปหมด ถ้ารู้จุดที่ตัวจริงจะไปแน่นอนก็คงง่ายขึ้นเยอะ”

    “ตอนนี้เหลือเวลา อีกไม่กี่ชั่วโมง ก็จะถึงเวลานัดแล้ว คุณต้องหาทางช่วยเพื่อนฉันด้วย”

    เขามองไปที่หญิงสาวตรงหน้า คำว่า เพื่อน ของหล่อนหมายความตามนั้นจริงไหม คุณเล็กที่เขารู้จักก็มีเสน่ห์ใช่เล่น ธาริณีกับวิวัฒน์ จะมีอะไรมากกว่าความเป็นเพื่อนไหม ความรู้สึกที่เริ่มกรุ่นๆ ในใจเขาดูจะไม่ค่อยจะเหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้ ที่ควรจะเป็นห่วงน้องสาวเป็นอันดับแรก

    “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เรายังมีเวลาพอสมควร กว่าพวกนั้นจะกลับเข้ากรุงเทพ ก็ต้องใช้เวลาอีกเป็นชั่วโมง ถึงตอนนั้นคุณเล็ก ก็คงย้ายโรงพยาบาลไปแล้ว”

    เขากดโทรศัพท์มือถือ หาเบอร์ของจีระ ที่ได้มาจากพ่อ ตอนนี้ จีระ กลายเป็นคนคอยประสานงานสำหรับการช่วยเหลือวาณี ระหว่างครอบครัวเขากับ ครอบครัวของวิทยา เขายังไม่เคยคุยกับจีระ แต่จากคำบรรยายของพ่อ ผู้ชายคนนี้คล่องจนน่ากลัว

    “สวัสดีครับ เรียนสายคุณจีระครับ”
    
    “ครับ จีระพูดครับ”

    “ผมปริญญาครับ”

    “อา  ว่าไงครับ มีข่าวคืบหน้าอะไรหรือเปล่าครับ”

    “ครับ คือเราได้ข่าววงในมาว่าจะมีคนเข้าไปทำร้ายคุณเล็กที่โรงพยาบาลอีก อาจจะเป็นคืนนี้ หรือพรุ่งนี้” เขาพยายามเลือกคำที่ดูไม่รุนแรงเกินไป

    “หมายถึงคนที่ขับรถชน เล็ก ใช่ไหมครับ”

    “ครับ พวกนั้นแหละครับ”

    “ถ้างั้นคุณ ปุ่นก็น่าจะรู้ที่อยู่คุณหวานแล้ว มีอะไรให้ทางผมช่วยไหมครับ”

    “ยังไม่รู้ที่อยู่ที่แน่นอนครับ แต่ก็พอจะมีทางสืบได้แล้วครับ ผมมีแผนอยู่ แต่อยากจะปรึกษากับทางคุณจีระด้วย ถ้าสำเร็จก็น่าจะช่วยยายหวานได้ภายในวันนี้ หรือไม่ก็พรุ่งนี้”

    “โอเค ครับตอนนี้ผมถึงกรุงเทพแล้ว กำลังเข้าไปที่ออฟฟิท คุณปุ่นสะดวกคุยที่ไหน นัดมาได้เลยครับ”
    “เอาเป็นที่บ้านคุณวิทยา ดีกว่าครับ ที่นั่นปลอดภัยแน่ๆ คุณจีระลองปรึกษาคุณวิทย์ เรื่องย้ายคุณเล็กออกจากโรงพยาบาล เพื่อความปลอดภัย แต่ผมอยากให้ทำแบบลับๆ”

    “ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้ ผมเข้าไปที่บ้านคุณวิทย์ได้ใน ครึ่งชั่วโมง ผมจะไปรอที่นั่นแล้วกัน”

    “แล้วเจอกันครับ” เขากดวางสาย

    “ตกลงตามนี้นะครับ ผมคงไปถึง ไม่เกินชั่วโมง” จีระน่าจะคล่องอย่างที่พ่อเขาว่าไว้ ดูเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่าย และตัดสินใจได้ไว เขาหันมามอง เจ้าของข่าววงใน ที่กำลังจ้องตาเขาไม่กระพริบ

    “พวกคุณร่วมมือกันอยู่ ?”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่