“บันทึกการประชุมของ สัปดาห์ก่อนคะ พี่ราตรี”
พี่ราตรีเงยหน้าจากเอกสารตรงหน้า รับแฟ้มจากมือหล่อน ก่อนจะเริ่มลงมืออ่านรายงานการประชุมอย่างช้าๆ และเหมือนอย่างทุกครั้ง ไม่มีการแก้ไข ผลงานของหล่อนเรียบร้อยดีเสมอ
“น้ำ ถ่ายสำเนามาให้พี่เซ็น แล้วส่งไปให้หัวหน้าแผนกที่เข้าประชุมเซ็นรับทราบเก็บเอาไว้ ยกเว้นของ คุณวิทย์ กับหัวหน้าจิระ เดี๋ยวพี่จะเอาไปให้เอง”
คุณราตรี ยื่นแฟ้มบันทึกการประชุมคืนมาให้
“คะ”หล่อนรับคำ
หล่อนออกจะผิดหวังเล็กน้อย ดูเหมือนตลอดสัปดาห์ ที่ผ่านมา คุณราตรีจะกันหล่อนไม่ให้พบกับวิวัฒน์ และตัววิวัฒน์ เองก็ไม่โผล่หน้ามาหยอกล้อหล่อนเหมือนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
หล่อนพยายามทำงานตามปกติ โดยไม่ให้เรื่องวิวัฒน์ มารบกวนจิตใจเมื่อเตรียมสำเนา ส่งให้แต่ละแผนกเรียบร้อย จากนั้นก็ส่งให้พี่ราตรี เซ็นรับรองสำเนา หล่อนยังหวังเล็กๆ ว่าพี่ราตรีจะเปลี่ยนใจ ให้หล่อนไปส่งรายงานการประชุมที่แผนกของจิระ แต่เมื่อ หัวหน้ากองเลขาฯ ดึงเอกสารเก็บไว้ สองชุดหล่อนก็เองก็ได้แต่รับเอกสารคืนมา ที่จริงหล่อน อาจจะแวะไปหาชายหนุ่มเองก็ได้ที่แผนก แต่หล่อนอายเกินกว่าจะแวะไปหา วิวัฒน์โดยไม่มีสาเหตุ
“เหม่ออะไรจ๊ะ แม่น้ำแข็ง เดินเลยโต๊ะแล้วจ่ะ”เสียงทัก ดังจากข้าง
“พี่จ๋า น้ำคิดอะไรเพลินไปหน่อย” หล่อนตอบเบาๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน
ชื่อ น้ำแข็ง เป็นคำเรียกเล่นของ พี่ๆในกองเลขาฯ คงเพราะความเป็นคนยิ้มยาก ไม่แสดงอารมณ์ของหล่อน แต่ด้วยกริยา มารยาท และการทำงานที่ขยันขันแข็ง เรียบร้อย ทำให้หล่อนเป็นที่รักของรุ่นพี่ทุกคน รวมทั้งพี่ราตรีด้วย
“เหม่อ ไปถึงหวานใจ หรือไงจ๊ะ ?” พี่จ๋ายังชวนคุยต่อ
“หวานใจที่ไหนคะ ? น้ำไม่มีหรอกค่ะ”
“อ้าว นี่ทะเลาะกับคุณเล็ก หรือไง ถึงว่าไม่เห็นหวานใจ น้องน้ำโผล่มาหลายวันแล้ว”
“คุณเล็กไม่ได้ มีอะไรกับน้ำหรอกคะ ทุกทีเธอก็มาหาพี่ราตรี ไม่ได้มาหาน้ำ”
“เขารู้กันทั้งนั้นว่า คุณเล็ก มาหาแม่ บังหน้า แต่มาจีบน้ำของพี่จ๋า” พี่จ๋าพูดลอยหน้าลอยตา
“ไม่จริงหรอกค่ะ คุณเล็ก กับ น้ำไม่มีเรื่องแบบนั้น เราก็แค่เป็นเพื่อนรวมงานกันแค่นั้น” หล่อนตอบเสียงเรียบๆ
“เชื่อตายละ คุณเล็กไม่เห็นมาคุยกับเพื่อนร่วมงานอย่างพี่บ้างเลย”
“เชื่อไม่เชื่อ ก็แล้วแต่พี่จ๋า แต่น้ำยืนยันได้ค่ะ ว่าไม่คิดอะไรกับคุณเล็กจริงๆ” แม้ปากจะบอกว่าไม่ได้คิดอะไร แต่ภาพของชายหนุ่มขี้เล่น คนนั้นก็ลอยมาในความคิดทุกครั้งที่เอ่ยชื่อเขา หล่อนกำลังหลอกตัวเองอยู่หรือเปล่า
“จ้า พี่เชื่อน้ำ แต่พี่ไม่เชื่อ ว่าคุณเล็ก ไม่คิดอะไร วันหลังจะไปจับตัวมาซักให้รู้เรื่องเลยว่ามาจีบน้องน้ำแข็ง ของพี่หรือเปล่า”
“ไม่ต้องไปถามเธอหรอกค่ะ ถึงเธอคิด น้ำก็ไม่ได้คิดด้วย” หล่อนยังพยายามเตือนความรู้สึกตัวเอง “น้ำจะไปส่งรายงานการประชุมก่อนนะคะ” หล่อนตัดบท
ดูเหมือนน้ำเสียงหล่อนจะทำให้พี่จ๋า หน้าเสียไป จนรุ่นพี่ต้องเข้ามากอดปลอบให้อารมณ์เย็นลง
“พี่ล้อเล่นนะ อย่าโกรธสิจ๊ะ แม่น้ำแข็ง ใจเย็นๆนะ”
“น้ำ ไม่ได้โกรธค่ะ แต่น้ำต้องไปทำงานแล้ว” หล่อนขอตัวง่ายๆ ก่อนจะเดินออกไปส่งรายงานการประชุมตามแผนกต่าง
หล่อนกลายเป็นคนยิ้มยาก ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ?
คงเป็นวันที่หล่อน ยอมรับการอุปการะ จากท่าน เพื่อแลก ชีวิตที่ดีขึ้นหล่อนต้องแลก อารมณ์ ความรู้สึก และศักดิ์ศรี และตอนนี้หล่อนกำลังเสีย วิวัฒน์ คนที่หล่อนรู้สึกรัก เป็นคนแรก
___________________________
ประชุมโต๊ะกาแฟ เป็นกิจกรรมที่ จิระ ขอให้มีทุกวันจันทร์ ที่ร้านกาแฟสดใกล้ๆกับบริษัท แต่ไม่บังคับแล้วแต่ถ้าใครว่างก็ให้ไปนั่งพูดคุย ปรึกษาเรื่องงานกันก่อนเวลาการทำงาน และจิระใช้บอกกำหนดการเป้าหมายการทำงานในแต่ละสัปดาห์ด้วย
“เมื่อวันเสาร์ พี่ไปพบ นายก้องเกียรติ มา” จิระเริมเล่าเรื่องของตัวเองก่อน“เขามาเป็นนายหน้าซื้อที่ แปลงของลุงสมควร”
“ก็นายเกียรติ เป็นนายหน้าขายให้เราเองนี่ครับ ตอนนี้จะมาขอซื้อกลับไม่แปลกไปหน่อยเหรอครับพี่จิ” ประสม พูดไปขณะที่มือหยิบน้ำตาลก้อนเติมลงในถ้วยกาแฟของตัวเอง
“เขาไปเป็นนายหน้าให้ รายใหม่แล้ว พรรคพวกพี่ เขาว่าแกไปกวาดที่ต่อจากแปลงของเราเกือบหมด ขาดก็แต่แปลงริมคลองที่เราซื้อเอาไว้ก่อน”
“ถ้าได้ราคาดี กรรมการคงแฮปปี้ มั้งพี่โครงการยังไม่เปิดตัวเลย ปล่อยที่ได้แล้ว” วิวัฒน์ อดเอ่ยถึงการประชุมเมื่อ สองสัปดาห์ก่อนไม่ได้
“พี่จะดึงเรื่องไว้ก่อน พี่อยากรู้ว่าใครเป็นนายทุนงานนี้ แล้วจะซื้อไปทำอะไร พี่ไม่เชื่อที่นายเกียรติบอกว่าจะเอาไปจัดสรร” จิระหน้าเครียดไปทันทีเมื่อเล่าถึงความสงสัยในตัวก้องเกียรติ
“แล้วพวกที่ที่ดินของพี่จิ ไม่รู้เลยเหรอครับว่า ใครรับซื้อที่ไป”
“น่าจะให้คนอื่นถือแทนชั่วคราว พี่ไปสืบมาแล้วว่าเป็น ลูกจ้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม คงโดนยืมชื่อมา มันลึกลับเกินไปจนน่าสงสัย”
“พี่จิคะ นิ พี่จิเสนอกรรมการไปเลยดีกว่า ถ้าเราดึงเรื่องไว้จนทางโน้นถอนตัวไปไม่ซื้อ พี่จิ จะโดนกรรมการเล่นงานอีก” นิพา สาวคนเดียวในทีม อดเป็นห่วงหัวหน้าไม่ได้
“โดนก็โดนสิ เรื่องนี้ต้อง มีข้อมูลเสนอ กรรมการด้วย อย่างน้อยต้องแน่ใจว่า เราขายที่ให้เขาไปแล้ว ไม่ย้อนมาเป็นหอกทิ่มเราที่หลัง เขาอาจจะเปิด มอลล์แข่งกับเราก็ได้ใครจะรู้”
“นิ ก็แค่เป็นห่วง กลัวพี่จิ จะโดนกรรมการ ต้อนอีก”
“ห่วงงานตัวเองก่อน อาทิตย์นี้ ไปตามเรื่องที่แบงค์ ให้พี่ด้วยแผนเราเสนอไปนานแล้ว ทำไมสินเชื่อยังไม่อนุมัติ” พูดจบก็หันไปทางประสม
“ประสม ไปตามเรื่องแบบก่อสร้างที่พี่ให้แก้ไว้ด้วย ต้องส่งให้โยธาตรวจแบบได้แล้วนะ เลทมามากแล้ว” สุดท้ายก็หันมาทางเขา
“เล็กติดต่อเรื่องถมปรับระดับที่ให้เรียบร้อย เสร็จแล้วไปขอให้ที่ดินรังวัดที่ใหม่ด้วย” จิระสั่งงานเสร็จ “ใครมีอะไรอีกไหม” คนที่เหลือได้แต่มองหน้ากัน วันนี้พี่จิอารมณ์ไม่ดีเงียบไว้ดีกว่า เมื่อไม่มีใครเสนออะไรแล้ว จิระก็ยกกาแฟซดหมดถ้วยเป็นอันปิดประชุม
-------------------------------------------------
อิทธิจิบไวน์ แก้วที่สอง ของวันนี้ เขารอ ธาริณี มาเกือบชั่วโมงแล้ว แต่เขาไม่ได้อารมณ์เสียกับการที่ต้องรอ หญิงสาว นั้นเป็นข้อตกลงทีเขายอมรับเองธาริณี ยอมเป็นของเขา ก็ต่อเมื่อเขาให้อิสระหญิงสาวที่จะเรียน หรือทำงานในเวลากลางวัน ส่วนเวลาที่เหลือคือเวลาของเขา
เขารินไวน์แก้วที่สามให้ตัวเอง มันเป็นความภูมิใจเล็กๆ ที่เขาพิชิต ผู้หญิงอย่างธาริณีได้ แม้จะต้องแลกกับเงินจำนวนมาก และข้อตกลงหยุมหยิมของหญิงสาว เด็กเสิร์ฟในคลับหรู สาวสวยคนนั้น มีเสี่ยติดต่อให้เป็นเมียน้อยอยู่หลายราย เท่าที่เขารู้ แต่ธาริณี เลือกที่จะมาอยู่กับเขา เขาชอบความทุ่มเทของหญิงสาว ธาริณี เรียนจบวิทยาลัย ด้วยคะแนน ยอดเยี่ยม พอๆกับที่หญิงสาวทำหน้าที่ภรรยาลับ ให้เขาโดยไม่บกพร่อง น้ำจดจำทุกเรื่องที่เขาชอบ หรือไม่ชอบได้หมด ที่สำคัญคือ ธาริณีไม่เคย เรียกร้องอะไรจากเขา นอกเหนือไปจากเงินที่เขาให้ประจำทุกเดือน
หกโมง ห้านาที เมื่อประตูเปิดออก พร้อมๆ กับที่ ร่างของหญิงสาวเข้ามาภายในห้อง
“สวัสดีค่ะท่าน น้ำกลับมาสายนิดหน่อย รถติดเหลือเกิน วันนี้”
“ไม่เป็นไรหรอก หนูน้ำ ฉันก็อยากจะนั่งพักก่อนเหมือนกัน มา มานั่งตรงนี้ดีกว่า” อิทธิ เรียกให้หญิงสาว มานั่งข้างๆ บนโซฟายาว
“น้ำขอไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหมคะท่าน”
“ไม่ต้องหรอก ฉันชอบชุดนี้” นานครั้งเขาก็อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศจากเรื่องเซ็กซ์แบบเดิมๆ หญิงสาวในชุดสูททำงาน ก็ให้ความรู้สึกเร้าใจไปอีกแบบ
“งั้น น้ำขอไปหยิบแก้วก่อนนะค่ะ จะได้ดื่มเป็นเพื่อนท่านด้วย” หญิงสาวเดินไปหลังเค้าเตอร์บาร์ หยิบแก้วไวน์สำหรับตัวเอง แล้วกลับมานั่งข้างๆเขา
“คืนนี้ ฉันจะนอนค้างด้วย หนูน้ำทำแบบ คราวก่อนได้ไหม ช่วงนี้ดูเหมือนฉันไม่ค่อยจะมีแรงเลย” ขณะที่พูดมือเขาก็อดที่จะยื่นไปจับที่สะโพกกลมกลึงของหญิงสาวไม่ได้
ธาริณี ใช้สองมือโอบศีรษะเขา แล้วยื่นหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างๆหู
“ได้สิคะ ท่านนอนเฉยๆก็พอ ที่เหลือน้ำจะจัดการให้เอง”
--------------------------------------------------
ปริญญา เดินขึ้นบันได จากที่จอดรถ ใต้ดินของคอนโด ขึ้นมายัง ชั้นล๊อบบี้ เขาเดินตรงไปยังร้านมินิมาร์ท หลังจากบึ่งรถกลับรวดเดียวจากสุราษฎร์เขาเหนื่อยเกินกว่าจะทำอาหารเช้ากินเอง และเขาอยากเร่งกลับให้ถึงกรุงเทพเร็วๆจนไม่อยากจะหยุดแวะทานร้าน ระหว่าทางกลับ แซนด์วิช กับนมสด เป็นอาหารง่ายๆ ที่เขาซื้อกินประจำเวลาไม่ทำอาหารกินเอง
ขณะกำลังจ่ายเงินค่านมสด ความรู้สึกว่าถูกจ้องมองทำให้เขาต้องเหลียวไปยัง โซฟารับแขกบริเวณล๊อบบี้ของคอนโดมิเนี่ยม และก็เห็น บอร์ดี้การ์ด ของ รมช.อิทธิ
ความคุ้นเคยหน้า เกิดจากการราวี ของทั้งสองฝ่าย การใช้สายตาข่มขวัญ คู่ต่อสู้เกิดขึ้นเสมอ บอร์ดี้การ์ด ในชุดสูทสีดำจับจ้องสายตามาที่เขา ขณะที่ปริญญาเองก็ยกขวดนม ทำท่าชนแก้วให้อีกฝ่าย
มาหาเมียน้อยอีกละสิ เขาคิดในใจ
ดูเหมือน อิทธิจะจงใจ เลือกซื้อห้อง คอนโดมิเนี่ยม ที่เดียวกับวาณีให้กับเมียน้อย เป็นเกมสงครามประสาท ที่อิทธิทำกับป้ากัลยา ทำให้ป้ากัลยาไม่กล้ามาเยี่ยมวาณี เพราะกลัวจะต้องเผชิญหน้ากับอดีตสามี
“เหนื่อยหน่อยนะคืนนี้” เขาพูดลอยๆ ตอนเดินผ่านบอร์ดี้การ์ดคู่นั้น
“ไม่ใช่เรื่องของแก” อีกฝ่ายก็ตอบลอยๆ กลับมาเช่นกัน
เหมือนเรื่องไร้สาระ แต่การทักทายเล็กๆน้อยๆ คือการบอกให้รู้ว่า“ข้าไม่กลัวเอ็ง” เป็นเกมสงครามน้ำลายเล็กๆ ที่เกิดขึ้นประจำทุกครั้ง อย่างน้อยก็ดีกว่าการชักปืน หรือ มีดออกมาดวลกัน
เขาจำหน้าของเมียน้อย อิทธิได้ดีแม้เขาจะไม่ค่อยจะได้มาค้างที่คอนโด เพราะต้องขึ้นล่องดูแลกิจการของครอบครัว สวยคม หน้าเรียบเฉยนั้น ดูไม่เหมือนเมียน้อยในจินตนาการที่เขาวาดไว้ ผู้หญิงคนนั้นเหมือนผู้หญิงทำงานทั่วๆไปตามบริษัทมากกว่า
พวกสิ้นคิด คำเดียวเท่านั้นที่เขาสรุปได้ ขณะกดปุ่มลิฟท์ เพื่อกลับไปยังห้องของตัวเอง
---------------------------------------------
..“หวาน หวาน ยายหวาน” เสียงเรียกคุ้นหูนั้น ปลุกให้หล่อนตื่น
“พี่ปุ่น กลับมาได้ยังไง เมื่อวานยังอยู่สุราษฎร์อยู่เลย” วาณี ลุกขึ้นมาถามพี่ชาย ขณะที่มองสำรวจไปรอบๆ เมื่อคืนหล่อนนอนที่ห้องรับแขกอีกแล้วตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้วที่หล่อนต้องอาศัยเสียงทีวีเป็นเพื่อน หล่อนไม่กล้าที่จะอยู่คนเดียว
กลัวผี คงเป็นแบบนี้เองก่อนหน้านี้ หล่อนมักคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่กลัวผี แต่ตอนนี้ แม้จะรู้ว่า อีกฝ่ายเป็นวิญญาณคุณทวด แต่ผียังไงก็เป็นผี
“ก็เห็นเรา เล่าว่ามีเรื่องอยากจะปรึกษา ก็เลยรีบกลับมาเร็วหน่อย”
“หวานก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร กลับมาแบบนี้เสียงานเสียการหมด”
“ไม่ต้องมาเป็นห่วงแทนพี่ ไปอาบน้ำ อาบท่าซะก่อน เสร็จแล้วค่อยมาเล่าให้พี่ฟัง ไอ้เรื่องที่อยากจะปรึกษา” เสียงทุ้มๆของพี่ชายดูเหมือน
จะทำให้ความกลัว หรือ ความกังวลต่างๆ หายไปหมด
พี่ปุ่นกลับมาแล้ว เรื่องทุกอย่างจะต้องดีขึ้น
“หวานขอเวลา อาบน้ำแต่งตัว สิบนาที” วาณี พูดก่อนจะพาตัวเองกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง ปล่อยให้พี่ชายนั่งพัก รออยู่ที่โซฟารับแขก
กว่าหล่อนจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็กินเวลาไปเกือบยี่สิบนาที พี่ชายต่างสายเลือด ยังคงนั่งรออยู่ในท่าเดิม บนโซฟายาว แต่สองตาหลับสนิท แม้ว่าจะตั้งใจแต่ต้น ว่าจะปรึกษาเรื่อง วิญญาณคุณทวดละเอียดกับพี่ปุ่น แต่หล่อนเองก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ทำได้แค่มานั่งเงียบๆอยู่บนโซฟาเดี่ยวอีกตัวข้างๆ
“เล่าได้หรือยัง พี่รอฟังอยู่” คนพูดนั้นยังหลับตาอยู่
“พี่ปุ่น เคยเห็นผีไหมคะ?”
-----------------------------------
ตามรักคืนเรือน ตอนที่ 11
พี่ราตรีเงยหน้าจากเอกสารตรงหน้า รับแฟ้มจากมือหล่อน ก่อนจะเริ่มลงมืออ่านรายงานการประชุมอย่างช้าๆ และเหมือนอย่างทุกครั้ง ไม่มีการแก้ไข ผลงานของหล่อนเรียบร้อยดีเสมอ
“น้ำ ถ่ายสำเนามาให้พี่เซ็น แล้วส่งไปให้หัวหน้าแผนกที่เข้าประชุมเซ็นรับทราบเก็บเอาไว้ ยกเว้นของ คุณวิทย์ กับหัวหน้าจิระ เดี๋ยวพี่จะเอาไปให้เอง”
คุณราตรี ยื่นแฟ้มบันทึกการประชุมคืนมาให้
“คะ”หล่อนรับคำ
หล่อนออกจะผิดหวังเล็กน้อย ดูเหมือนตลอดสัปดาห์ ที่ผ่านมา คุณราตรีจะกันหล่อนไม่ให้พบกับวิวัฒน์ และตัววิวัฒน์ เองก็ไม่โผล่หน้ามาหยอกล้อหล่อนเหมือนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
หล่อนพยายามทำงานตามปกติ โดยไม่ให้เรื่องวิวัฒน์ มารบกวนจิตใจเมื่อเตรียมสำเนา ส่งให้แต่ละแผนกเรียบร้อย จากนั้นก็ส่งให้พี่ราตรี เซ็นรับรองสำเนา หล่อนยังหวังเล็กๆ ว่าพี่ราตรีจะเปลี่ยนใจ ให้หล่อนไปส่งรายงานการประชุมที่แผนกของจิระ แต่เมื่อ หัวหน้ากองเลขาฯ ดึงเอกสารเก็บไว้ สองชุดหล่อนก็เองก็ได้แต่รับเอกสารคืนมา ที่จริงหล่อน อาจจะแวะไปหาชายหนุ่มเองก็ได้ที่แผนก แต่หล่อนอายเกินกว่าจะแวะไปหา วิวัฒน์โดยไม่มีสาเหตุ
“เหม่ออะไรจ๊ะ แม่น้ำแข็ง เดินเลยโต๊ะแล้วจ่ะ”เสียงทัก ดังจากข้าง
“พี่จ๋า น้ำคิดอะไรเพลินไปหน่อย” หล่อนตอบเบาๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน
ชื่อ น้ำแข็ง เป็นคำเรียกเล่นของ พี่ๆในกองเลขาฯ คงเพราะความเป็นคนยิ้มยาก ไม่แสดงอารมณ์ของหล่อน แต่ด้วยกริยา มารยาท และการทำงานที่ขยันขันแข็ง เรียบร้อย ทำให้หล่อนเป็นที่รักของรุ่นพี่ทุกคน รวมทั้งพี่ราตรีด้วย
“เหม่อ ไปถึงหวานใจ หรือไงจ๊ะ ?” พี่จ๋ายังชวนคุยต่อ
“หวานใจที่ไหนคะ ? น้ำไม่มีหรอกค่ะ”
“อ้าว นี่ทะเลาะกับคุณเล็ก หรือไง ถึงว่าไม่เห็นหวานใจ น้องน้ำโผล่มาหลายวันแล้ว”
“คุณเล็กไม่ได้ มีอะไรกับน้ำหรอกคะ ทุกทีเธอก็มาหาพี่ราตรี ไม่ได้มาหาน้ำ”
“เขารู้กันทั้งนั้นว่า คุณเล็ก มาหาแม่ บังหน้า แต่มาจีบน้ำของพี่จ๋า” พี่จ๋าพูดลอยหน้าลอยตา
“ไม่จริงหรอกค่ะ คุณเล็ก กับ น้ำไม่มีเรื่องแบบนั้น เราก็แค่เป็นเพื่อนรวมงานกันแค่นั้น” หล่อนตอบเสียงเรียบๆ
“เชื่อตายละ คุณเล็กไม่เห็นมาคุยกับเพื่อนร่วมงานอย่างพี่บ้างเลย”
“เชื่อไม่เชื่อ ก็แล้วแต่พี่จ๋า แต่น้ำยืนยันได้ค่ะ ว่าไม่คิดอะไรกับคุณเล็กจริงๆ” แม้ปากจะบอกว่าไม่ได้คิดอะไร แต่ภาพของชายหนุ่มขี้เล่น คนนั้นก็ลอยมาในความคิดทุกครั้งที่เอ่ยชื่อเขา หล่อนกำลังหลอกตัวเองอยู่หรือเปล่า
“จ้า พี่เชื่อน้ำ แต่พี่ไม่เชื่อ ว่าคุณเล็ก ไม่คิดอะไร วันหลังจะไปจับตัวมาซักให้รู้เรื่องเลยว่ามาจีบน้องน้ำแข็ง ของพี่หรือเปล่า”
“ไม่ต้องไปถามเธอหรอกค่ะ ถึงเธอคิด น้ำก็ไม่ได้คิดด้วย” หล่อนยังพยายามเตือนความรู้สึกตัวเอง “น้ำจะไปส่งรายงานการประชุมก่อนนะคะ” หล่อนตัดบท
ดูเหมือนน้ำเสียงหล่อนจะทำให้พี่จ๋า หน้าเสียไป จนรุ่นพี่ต้องเข้ามากอดปลอบให้อารมณ์เย็นลง
“พี่ล้อเล่นนะ อย่าโกรธสิจ๊ะ แม่น้ำแข็ง ใจเย็นๆนะ”
“น้ำ ไม่ได้โกรธค่ะ แต่น้ำต้องไปทำงานแล้ว” หล่อนขอตัวง่ายๆ ก่อนจะเดินออกไปส่งรายงานการประชุมตามแผนกต่าง
หล่อนกลายเป็นคนยิ้มยาก ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ?
คงเป็นวันที่หล่อน ยอมรับการอุปการะ จากท่าน เพื่อแลก ชีวิตที่ดีขึ้นหล่อนต้องแลก อารมณ์ ความรู้สึก และศักดิ์ศรี และตอนนี้หล่อนกำลังเสีย วิวัฒน์ คนที่หล่อนรู้สึกรัก เป็นคนแรก
___________________________
ประชุมโต๊ะกาแฟ เป็นกิจกรรมที่ จิระ ขอให้มีทุกวันจันทร์ ที่ร้านกาแฟสดใกล้ๆกับบริษัท แต่ไม่บังคับแล้วแต่ถ้าใครว่างก็ให้ไปนั่งพูดคุย ปรึกษาเรื่องงานกันก่อนเวลาการทำงาน และจิระใช้บอกกำหนดการเป้าหมายการทำงานในแต่ละสัปดาห์ด้วย
“เมื่อวันเสาร์ พี่ไปพบ นายก้องเกียรติ มา” จิระเริมเล่าเรื่องของตัวเองก่อน“เขามาเป็นนายหน้าซื้อที่ แปลงของลุงสมควร”
“ก็นายเกียรติ เป็นนายหน้าขายให้เราเองนี่ครับ ตอนนี้จะมาขอซื้อกลับไม่แปลกไปหน่อยเหรอครับพี่จิ” ประสม พูดไปขณะที่มือหยิบน้ำตาลก้อนเติมลงในถ้วยกาแฟของตัวเอง
“เขาไปเป็นนายหน้าให้ รายใหม่แล้ว พรรคพวกพี่ เขาว่าแกไปกวาดที่ต่อจากแปลงของเราเกือบหมด ขาดก็แต่แปลงริมคลองที่เราซื้อเอาไว้ก่อน”
“ถ้าได้ราคาดี กรรมการคงแฮปปี้ มั้งพี่โครงการยังไม่เปิดตัวเลย ปล่อยที่ได้แล้ว” วิวัฒน์ อดเอ่ยถึงการประชุมเมื่อ สองสัปดาห์ก่อนไม่ได้
“พี่จะดึงเรื่องไว้ก่อน พี่อยากรู้ว่าใครเป็นนายทุนงานนี้ แล้วจะซื้อไปทำอะไร พี่ไม่เชื่อที่นายเกียรติบอกว่าจะเอาไปจัดสรร” จิระหน้าเครียดไปทันทีเมื่อเล่าถึงความสงสัยในตัวก้องเกียรติ
“แล้วพวกที่ที่ดินของพี่จิ ไม่รู้เลยเหรอครับว่า ใครรับซื้อที่ไป”
“น่าจะให้คนอื่นถือแทนชั่วคราว พี่ไปสืบมาแล้วว่าเป็น ลูกจ้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม คงโดนยืมชื่อมา มันลึกลับเกินไปจนน่าสงสัย”
“พี่จิคะ นิ พี่จิเสนอกรรมการไปเลยดีกว่า ถ้าเราดึงเรื่องไว้จนทางโน้นถอนตัวไปไม่ซื้อ พี่จิ จะโดนกรรมการเล่นงานอีก” นิพา สาวคนเดียวในทีม อดเป็นห่วงหัวหน้าไม่ได้
“โดนก็โดนสิ เรื่องนี้ต้อง มีข้อมูลเสนอ กรรมการด้วย อย่างน้อยต้องแน่ใจว่า เราขายที่ให้เขาไปแล้ว ไม่ย้อนมาเป็นหอกทิ่มเราที่หลัง เขาอาจจะเปิด มอลล์แข่งกับเราก็ได้ใครจะรู้”
“นิ ก็แค่เป็นห่วง กลัวพี่จิ จะโดนกรรมการ ต้อนอีก”
“ห่วงงานตัวเองก่อน อาทิตย์นี้ ไปตามเรื่องที่แบงค์ ให้พี่ด้วยแผนเราเสนอไปนานแล้ว ทำไมสินเชื่อยังไม่อนุมัติ” พูดจบก็หันไปทางประสม
“ประสม ไปตามเรื่องแบบก่อสร้างที่พี่ให้แก้ไว้ด้วย ต้องส่งให้โยธาตรวจแบบได้แล้วนะ เลทมามากแล้ว” สุดท้ายก็หันมาทางเขา
“เล็กติดต่อเรื่องถมปรับระดับที่ให้เรียบร้อย เสร็จแล้วไปขอให้ที่ดินรังวัดที่ใหม่ด้วย” จิระสั่งงานเสร็จ “ใครมีอะไรอีกไหม” คนที่เหลือได้แต่มองหน้ากัน วันนี้พี่จิอารมณ์ไม่ดีเงียบไว้ดีกว่า เมื่อไม่มีใครเสนออะไรแล้ว จิระก็ยกกาแฟซดหมดถ้วยเป็นอันปิดประชุม
-------------------------------------------------
อิทธิจิบไวน์ แก้วที่สอง ของวันนี้ เขารอ ธาริณี มาเกือบชั่วโมงแล้ว แต่เขาไม่ได้อารมณ์เสียกับการที่ต้องรอ หญิงสาว นั้นเป็นข้อตกลงทีเขายอมรับเองธาริณี ยอมเป็นของเขา ก็ต่อเมื่อเขาให้อิสระหญิงสาวที่จะเรียน หรือทำงานในเวลากลางวัน ส่วนเวลาที่เหลือคือเวลาของเขา
เขารินไวน์แก้วที่สามให้ตัวเอง มันเป็นความภูมิใจเล็กๆ ที่เขาพิชิต ผู้หญิงอย่างธาริณีได้ แม้จะต้องแลกกับเงินจำนวนมาก และข้อตกลงหยุมหยิมของหญิงสาว เด็กเสิร์ฟในคลับหรู สาวสวยคนนั้น มีเสี่ยติดต่อให้เป็นเมียน้อยอยู่หลายราย เท่าที่เขารู้ แต่ธาริณี เลือกที่จะมาอยู่กับเขา เขาชอบความทุ่มเทของหญิงสาว ธาริณี เรียนจบวิทยาลัย ด้วยคะแนน ยอดเยี่ยม พอๆกับที่หญิงสาวทำหน้าที่ภรรยาลับ ให้เขาโดยไม่บกพร่อง น้ำจดจำทุกเรื่องที่เขาชอบ หรือไม่ชอบได้หมด ที่สำคัญคือ ธาริณีไม่เคย เรียกร้องอะไรจากเขา นอกเหนือไปจากเงินที่เขาให้ประจำทุกเดือน
หกโมง ห้านาที เมื่อประตูเปิดออก พร้อมๆ กับที่ ร่างของหญิงสาวเข้ามาภายในห้อง
“สวัสดีค่ะท่าน น้ำกลับมาสายนิดหน่อย รถติดเหลือเกิน วันนี้”
“ไม่เป็นไรหรอก หนูน้ำ ฉันก็อยากจะนั่งพักก่อนเหมือนกัน มา มานั่งตรงนี้ดีกว่า” อิทธิ เรียกให้หญิงสาว มานั่งข้างๆ บนโซฟายาว
“น้ำขอไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหมคะท่าน”
“ไม่ต้องหรอก ฉันชอบชุดนี้” นานครั้งเขาก็อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศจากเรื่องเซ็กซ์แบบเดิมๆ หญิงสาวในชุดสูททำงาน ก็ให้ความรู้สึกเร้าใจไปอีกแบบ
“งั้น น้ำขอไปหยิบแก้วก่อนนะค่ะ จะได้ดื่มเป็นเพื่อนท่านด้วย” หญิงสาวเดินไปหลังเค้าเตอร์บาร์ หยิบแก้วไวน์สำหรับตัวเอง แล้วกลับมานั่งข้างๆเขา
“คืนนี้ ฉันจะนอนค้างด้วย หนูน้ำทำแบบ คราวก่อนได้ไหม ช่วงนี้ดูเหมือนฉันไม่ค่อยจะมีแรงเลย” ขณะที่พูดมือเขาก็อดที่จะยื่นไปจับที่สะโพกกลมกลึงของหญิงสาวไม่ได้
ธาริณี ใช้สองมือโอบศีรษะเขา แล้วยื่นหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างๆหู
“ได้สิคะ ท่านนอนเฉยๆก็พอ ที่เหลือน้ำจะจัดการให้เอง”
--------------------------------------------------
ปริญญา เดินขึ้นบันได จากที่จอดรถ ใต้ดินของคอนโด ขึ้นมายัง ชั้นล๊อบบี้ เขาเดินตรงไปยังร้านมินิมาร์ท หลังจากบึ่งรถกลับรวดเดียวจากสุราษฎร์เขาเหนื่อยเกินกว่าจะทำอาหารเช้ากินเอง และเขาอยากเร่งกลับให้ถึงกรุงเทพเร็วๆจนไม่อยากจะหยุดแวะทานร้าน ระหว่าทางกลับ แซนด์วิช กับนมสด เป็นอาหารง่ายๆ ที่เขาซื้อกินประจำเวลาไม่ทำอาหารกินเอง
ขณะกำลังจ่ายเงินค่านมสด ความรู้สึกว่าถูกจ้องมองทำให้เขาต้องเหลียวไปยัง โซฟารับแขกบริเวณล๊อบบี้ของคอนโดมิเนี่ยม และก็เห็น บอร์ดี้การ์ด ของ รมช.อิทธิ
ความคุ้นเคยหน้า เกิดจากการราวี ของทั้งสองฝ่าย การใช้สายตาข่มขวัญ คู่ต่อสู้เกิดขึ้นเสมอ บอร์ดี้การ์ด ในชุดสูทสีดำจับจ้องสายตามาที่เขา ขณะที่ปริญญาเองก็ยกขวดนม ทำท่าชนแก้วให้อีกฝ่าย
มาหาเมียน้อยอีกละสิ เขาคิดในใจ
ดูเหมือน อิทธิจะจงใจ เลือกซื้อห้อง คอนโดมิเนี่ยม ที่เดียวกับวาณีให้กับเมียน้อย เป็นเกมสงครามประสาท ที่อิทธิทำกับป้ากัลยา ทำให้ป้ากัลยาไม่กล้ามาเยี่ยมวาณี เพราะกลัวจะต้องเผชิญหน้ากับอดีตสามี
“เหนื่อยหน่อยนะคืนนี้” เขาพูดลอยๆ ตอนเดินผ่านบอร์ดี้การ์ดคู่นั้น
“ไม่ใช่เรื่องของแก” อีกฝ่ายก็ตอบลอยๆ กลับมาเช่นกัน
เหมือนเรื่องไร้สาระ แต่การทักทายเล็กๆน้อยๆ คือการบอกให้รู้ว่า“ข้าไม่กลัวเอ็ง” เป็นเกมสงครามน้ำลายเล็กๆ ที่เกิดขึ้นประจำทุกครั้ง อย่างน้อยก็ดีกว่าการชักปืน หรือ มีดออกมาดวลกัน
เขาจำหน้าของเมียน้อย อิทธิได้ดีแม้เขาจะไม่ค่อยจะได้มาค้างที่คอนโด เพราะต้องขึ้นล่องดูแลกิจการของครอบครัว สวยคม หน้าเรียบเฉยนั้น ดูไม่เหมือนเมียน้อยในจินตนาการที่เขาวาดไว้ ผู้หญิงคนนั้นเหมือนผู้หญิงทำงานทั่วๆไปตามบริษัทมากกว่า
พวกสิ้นคิด คำเดียวเท่านั้นที่เขาสรุปได้ ขณะกดปุ่มลิฟท์ เพื่อกลับไปยังห้องของตัวเอง
---------------------------------------------
..“หวาน หวาน ยายหวาน” เสียงเรียกคุ้นหูนั้น ปลุกให้หล่อนตื่น
“พี่ปุ่น กลับมาได้ยังไง เมื่อวานยังอยู่สุราษฎร์อยู่เลย” วาณี ลุกขึ้นมาถามพี่ชาย ขณะที่มองสำรวจไปรอบๆ เมื่อคืนหล่อนนอนที่ห้องรับแขกอีกแล้วตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้วที่หล่อนต้องอาศัยเสียงทีวีเป็นเพื่อน หล่อนไม่กล้าที่จะอยู่คนเดียว
กลัวผี คงเป็นแบบนี้เองก่อนหน้านี้ หล่อนมักคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่กลัวผี แต่ตอนนี้ แม้จะรู้ว่า อีกฝ่ายเป็นวิญญาณคุณทวด แต่ผียังไงก็เป็นผี
“ก็เห็นเรา เล่าว่ามีเรื่องอยากจะปรึกษา ก็เลยรีบกลับมาเร็วหน่อย”
“หวานก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร กลับมาแบบนี้เสียงานเสียการหมด”
“ไม่ต้องมาเป็นห่วงแทนพี่ ไปอาบน้ำ อาบท่าซะก่อน เสร็จแล้วค่อยมาเล่าให้พี่ฟัง ไอ้เรื่องที่อยากจะปรึกษา” เสียงทุ้มๆของพี่ชายดูเหมือน
จะทำให้ความกลัว หรือ ความกังวลต่างๆ หายไปหมด
พี่ปุ่นกลับมาแล้ว เรื่องทุกอย่างจะต้องดีขึ้น
“หวานขอเวลา อาบน้ำแต่งตัว สิบนาที” วาณี พูดก่อนจะพาตัวเองกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง ปล่อยให้พี่ชายนั่งพัก รออยู่ที่โซฟารับแขก
กว่าหล่อนจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็กินเวลาไปเกือบยี่สิบนาที พี่ชายต่างสายเลือด ยังคงนั่งรออยู่ในท่าเดิม บนโซฟายาว แต่สองตาหลับสนิท แม้ว่าจะตั้งใจแต่ต้น ว่าจะปรึกษาเรื่อง วิญญาณคุณทวดละเอียดกับพี่ปุ่น แต่หล่อนเองก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ทำได้แค่มานั่งเงียบๆอยู่บนโซฟาเดี่ยวอีกตัวข้างๆ
“เล่าได้หรือยัง พี่รอฟังอยู่” คนพูดนั้นยังหลับตาอยู่
“พี่ปุ่น เคยเห็นผีไหมคะ?”
-----------------------------------