อุ เ บ ก ข า

กระทู้สนทนา
อุ เ บ ก ข า

การวางเฉยในสิ่งที่เราในสิ่งที่ควรเฉย
แต่ไม่ละเลยกิจที่เป็นหน้าที่ของตน
ไม่ไปวุ่นวายในหน้าที่ของคนอื่น
มีการระลึกว่าสัตว์โลกมีกรรมเป็นของตน

ท่านพุทธทาสให้คำนิยามว่าอุเบกขา คือ จ้องดูอยู่
ว่าควรจะเข้าไปช่วยเมื่อไหร่ เช่น ลูกเล็กๆเล่นอยู่
แม่จะคอยดูใกล้ๆลูกจะล้มบ้างลุกบ้างก็คอยดูอยู่
หากถึงคราวต้องช่วยก้เข้าไปช่วย

อุเบกขามี ๒ ระดับ

เบื้องต่ำ คือ ปุถุชนจะคอยวุ่นวายไปหมดทุกเรื่อง
แต่ผู้บำเพ็ญอุเบกขาจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับทุกเรื่อง
จะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เป็นประโยชน์

เบื้องสูง ผู้บำเพ็ญอุเบกขาจะทำประโยชน์ด้วยความสงบ

ดูตัวอย่างต้นไม้ ต้นไม้อยุ่นิ่งๆเงียบๆ
แต่ทำประโยชน์มากมายตลอดเวลา
ให้ออกซิเจน ให้อาหาร ให้ร่มเงา ให้ดอกสวย
ทำให้คนเห้นแล้วสบายใจ ให้กลิ่นหอมขจรไปไกล
ไม่ว่าใครก้ดมได้ไม่หวง

คนที่สงบมากคือคนที่ทำประโยชน์ได้มาก
อุเบกขา ๑๐ มีดังนี้

๑. ฌฬังคุเปกขา ไม่เร้าร้อนในเวทนา
เมื่อตาเห็นรูปเป็นต้น ไม่เกิดยินดียินร้าย เห็นสักแต่ว่าเห็น

๒. พรหมวิหารุเปกขา
วางเฉยไม่วุ่นวายกับเรื่องที่ควรวางเฉย
เช่นช่วยเหลือคนคนหนึ่งด้วยความเมตตาแล้ว
ด้วยกรุณาก็แล้ว ช่วยอยู่นั่นแล้ว ไม่ดีขึ้น
ก็ให้วางเฉยเพราะสัตว์โลกมีกรรมเป็นของของตน

๓. โพชฌังคุเปกขา
วางเฉยไม่เกี่ยวข้องกับตวามกำหนัด
เมื่อได้สมาธิแล้ว ความกำหนัดก็ระงับไป

๔. วีริยุเปกขา ปฏิบัติสายลางในการทำความเพียร
ไม่หย่อนเกินไปไม่ตึงเกินไป

๕. สังขารุเปกขา วางเฉยในสังขาร ไม่ยึดมั่นในสังขาร

๖. เวทนูเปกขา ไม่สุขไม่ทุกข์ รู้สึกเฉยๆ เอง
โดยไม่ต้องอาศัยอะไร

๗. วิปัสสนูเปกขา อาศัยการพิจารณาไตรลักษณ์
ทำให้รู้สึกวางเฉยได้

๘. ตัตรมัชฌัตตุเปกขา วางเฉยในอารมณ์ทุกอย่าง

๙. ฌานุเปกขา อุเบกขาในฌาน

๑๐. ปาริสุทธุเปกขา อุเบกขาอันบริสุทธิ์
มีสติบริสุทธิ์อยู่ในฌานที่๔



https://www.facebook.com/W.Indhasara
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่