โรงเรียนของผม ๕ เม.ย.๕๗

รำนึงก่อนถึงวันลา (๔)

โรงเรียนของผม

        ตามประวัติ โรงเรียนวัดราชาธิวาส  ซึ่งพิมพ์แจกจ่ายในวาระครบรอบ  ๘๐ ปีและ ๘๔ ปี ของ  โรงเรียนวัดราชาธิวาส  มีความโดยสรุป ดังนี้


        โรงเรียนนี้ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ  ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๖  ซึ่งตรงกับ วันพฤหัสบดี แรม๑๐ ค่ำ เดือน ๓ ปีเถาะ  รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๒  จุลศักราช  ๑๒๖๕ โดยใช้หอสำหรับสวดพระพุทธมนต์  ซึ่งตั้งอยู่ด้านตะวันออกหลังเจดีย์  เป็นสถานที่เรียนแห่งแรก  

        ๑๗ พฤษภาคม ๒๔๕๒  ได้ปลูกสร้างอาคารโรงเรียนชั่วคราว  เป็นรูปตัวแอล L หลังคาทรงปั้นหยา  กว้าง๖ เมตร  ยาว ๒๔ เมตร  เป็นอาคารขนาด ๔ ห้องเรียน  ค่าก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน  ๒๐๐๐.- (สองพันบาทถ้วน)  โดยใช้เงินมรดกของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไชยันต์มงคล กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย  พระโอรสของ   พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  

        ๖ มิถุนายน ๒๔๖๒  ได้ก่อสร้าง ตึกไชยันต์ ๒๔๖๒  เป็นอาคารเรียนถาวรหลังแรก  เป็นตึก ๒ ชั้น หลังคามุงกระเบื้อง ยาว ๒๕วา หรือ ๕๐ เมตร มีมุขยื่นออกไปทางด้านหลัง สำหรับเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธไสยาสน์ ซึ่งออกแบบโดย  สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์  มีฉายาว่า พระนิพพานทรงญาณ สถิตย์เหนือแท่นบรรจุพระอัฐิและพระอังคารของ  พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย  รวมทั้งพระประยูรญาติแห่ง
ราชสกุล ไชยันต์  ห้องโถงที่ติดต่อกับมุขนี้  ใช้เป็นหอประชุมของโรงเรียน  หน้าตึกหันไปทางทิศตะวันตก  มีห้องเรียน ๘ ห้อง  สิ้นเงินในการก่อสร้าง ๔๔,๖๐๐.- บาท (สี่หมื่นสี่พันหกร้อยบาทถ้วน) จากเงินมรดกของ  กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย  จำนวนทั้งสิ้น ๕๕,๔๘๐.๙๙ บาท (ห้าหมื่นห้าพันสี่ร้อยแปดสิบบาทเก้าสิบเก้าสตางค์)  เงินที่เหลือได้นำไปก่อสร้างโรงไม้ เป็นห้องเรียน ๒ ห้อง โรงพลศึกษา ทำรั้วและประตูโรงเรียน  กับสร้างถนนจากประตูโรงเรียน หน้าตึกไชยันต์ ยาว ๙๔ วา หรือ ๑๘๘ เมตร

        ๒๕ มกราคม ๒๔๗๙  หม่อมเจ้าหญิงสุภางค์พักตร์ ไชยันต์  พระชายาใน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ทรงบริจาคทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ สร้างตึก สามพี่น้อง  เป็นสถานศึกษา เพื่อทรงอุทิศส่วนกุศลแด่ พระธิดาและพระโอรสรวม ๓ พระองค์ คือ

            หม่อมเจ้าหญิง อำไพสุพันธ  ไชยันต์

            หม่อมเจ้าชาย จันทร์จุฑา  ไชยันต์

            หม่อมเจ้าชาย มหาฤกษ์  ไชยันต์

        อาคารหลังนี้เป็นตึก ๒ ชั้น  ยาว ๑๒.๓๐ เมตร  กว้าง ๙.๖๕ เมตร  สูงเท่าระดับตึกไชยันต์  ต่อระเบียงร่วมกับตึกไชยันต์ ๒๔๖๒ ชั้น
บน ทางด้านทิศเหนือ  สิ้นค่าก่อสร้าง ๔๓๐๐.- บาท (สี่พันสามร้อยบาทถ้วน)  ใช้ชื่อ ตึกสามพี่น้อง ๒๔๗๙

        นาวาเอก หลวงสินธุสงครามชัย  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการ  เป็นประธานในการเปิดตึกสามพี่น้อง เมื่อ  ๒๕ มีนาคม ๒๔๗๙  

        ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๑  กระทรวงศึกษาธิการได้อนุมัติเงินจำนวน  ๑,๐๐๐,๐๐๐

(หนึ่งล้านบาทถ้วน)  ให้ปลูกสร้างอาคารเรียน เป็นอาคาร ๓ ชั้น ยาว ๔๕ เมตร กว้าง ๑๐ เมตรเรียกว่าอาคาร ๓๑๒ ตั้งขนานกับคลองท่อ (คลองสุนันทา) ด้านหน้าตึกหันไปทางทิศเหนือ ตรงกับประตูโรงเรียน  ได้ชื่อว่า  ตึกวาสุกรี ๒๕๐๑

        พ.ศ.๒๕๑๑  กระทรวงศึกษาธิการได้อนุมัติเงินจำนวน ๑,๘๐๐.๐๐๐.- บาท        ( หนึ่งล้านแปดแสนบาทถ้วน)  ให้ปลูกสร้างอาคารเรียน เป็นอาคาร ๔ ชั้น  เรียกว่าอาคาร ๔๑๘ ตั้งอยู่ริมสนามฟากตรงข้ามกับตึกไชยันต์  หันด้านหน้าไปทางทิศตะวันออก  ใช้ชื่อว่า ตึกสมอราย  ๒๕๑๑ และได้ต่อเติมออกไปทางทิศใต้ เมื่อ ๑๕ กันยายน ๒๕๑๕ เป็นเงินอีก ๕๐๐,๐๐๐,- บาท (ห้าแสนบาทถ้วน)

        ๖ มกราคม ๒๕๑๘  กระทรวงศึกษาธิการได้อนุมัติเงินจำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐.- บาท (ห้าล้านบาทถ้วน)  โดยรื้อตึกไชยันต์ ๒๔๖๒ เนื่องจากชำรุดแตกร้าว และทรุดลงไม่ปลอดภัยแก่นักเรียน เพราะอาคารหมดอายุแล้ว  และปลูกสร้างใหม่เป็นอาคาร ๖ ชั้น  ความยาว ๔๐ เมตร กว้าง ๘ เมตร ใช้งบประมาณก่อสร้างเป็น ๓ ระยะ สร้างเสร็จเมื่อ ๕ มกราคม ๒๕๑๙  เรียกว่าอาคาร ๖๒๔  เป็นรูปตัวแอล L ให้ชื่อว่า ตึกไชยันต์  ตามเดิม  และได้ย้ายพระพุทธไสยาสน์  หรือ  พระนิพพานทรงญาณ  มาประดิษฐาน ณ ห้องประชุมใหญ่ของตึกใหม่นี้ด้วย

        ถึง พ.ศ.๒๕๒๐ ได้รับงบประมาณการก่อสร้างต่อเติมตึกไชยันต์อีก ๔,๐๐๐,๐๐๐บาท (สี่ล้านบาทถ้วน)  

                  พ.ศ.๒๕๒๓ ได้รับงบประมาณการก่อสร้างต่อเติม ตึกไชยันต์ อีก ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท (สองล้านห้าแสนบาทถ้วน)  การก่อสร้างจึงเสร็จสมบูรณ์  สามารถเชื่อมต่อกับ  ตึกสมอราย และตึกวาสุกรี ได้ตลอด

        พ.ศ.๒๕๒๕  ได้รับงบประมาณจำนวน ๖,๒๐๐,๐๐๐.- บาท (หกล้านสองแสนบาทถ้วน)  เพื่อสร้างตึกเอนกประสงค์ เป็นอาคาร ๔ ชั้น  โดยชั้นบนเป็นดาดฟ้าสำหรับใช้เป็นสนามบาสเกตบอล  และจำเป็นต้องรื้อตึกสามพี่น้อง  เพื่อใช้พื้นที่ในการก่อสร้างอาคารเอนกประสงค์หลังนี้  

        ทั้งนี้  ด้วยความสำนึกในพระคุณของราชสกุลไชยันต์  ที่ได้เมตตาอุปถัมภ์โรงเรียนวัดราชาธิวาส ด้วยดีเสมอมา  และเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อราชสกุลไชยันต์ จึงให้ชื่ออาคารเอนกประสงค์นี้ว่า ตึกสามพี่น้อง เช่นเดิม  และได้สร้างรูปจำลองตึก  ไชยันต์ ๒๔๖๒  กับ ตึกสามพี่น้อง ๒๔๗๙  ไว้เป็นอนุสรณ์ด้วย

        และเมื่อถึง พ.ศ.๒๕๓๕  ในสมัยที่ คุณนิวัฒน์ ทรัพย์ประดิษฐ์  เป็นนายกสมาคมนักเรียนเก่าราชาธิวาส ได้ก่อสร้างอาคารที่ทำการสมาคมขึ้น  ทางด้านทิศเหนือของโรงเรียน  ตรงปลายสุดของตึกอาคารสมอราย  หันหน้าไปทางตรอกวัดราชาธิวาส  ออกแบบโดย  คุณอรรถจิตต์  จามิกรณ์  สถาปนิกนักเรียนเก่า  ซึ่งเลียนแบบตึกไชยยันต์ ๒๔๖๒  เป็นตึก  ๒ ชั้น กว้าง ๔ เมตรเศษ ยาว ๑๕ เมตรเศษ  โดยใช้เงินบริจาคของศิษย์เก่า และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคม เป็นจำนวนหนึ่งล้านบาทเศษ  และได้จัดงานฉลองใน วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์  ๒๕๓๕  อันเป็นวันเกิดของโรงเรียนปีที่ ๘๙

        เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๕  มีรายชื่อนักเรียนเก่าที่สมัครเป็นสมาชิกสมาคม  ประมาณ  ๓๐๐ คนเศษ  ปัจจุบัน  พ.ศ.๒๕๔๓ มีนักเรียนเก่าเป็นสมาชิกที่สามารถติดต่อได้  ประมาณ               ๙๐๐ คน

           และจากหนังสือ ที่ระลึกการจัดงานประจำปี ของสมาคมศิษย์เก่าราชาธิวาส  เมื่อ     ๖ เมษายน ๒๕๑๒  ได้บันทึกไว้ว่า นักเรียนรุ่นที่ ๑ เข้าเรียนเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๙ นั้น มีจำนวน ๓๕ คนจึงไม่ทราบว่านักเรียนตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๔๖ ถึง พ.ศ.๒๔๕๘  เป็นเวลา ๑๓ ปีนั้น มีจำนวนเท่าใด และมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไรกันบ้าง     เข้าใจว่าคงจะเป็นการเริ่มใช้เลขประจำตัวนักเรียน  ตั้งแต่ปีที่ ๑๔ นี้เอง

        สำหรับผม ได้เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมวัดราชาธิวาส  เป็นรุ่นที่ ๒๖ เมื่อ ปี         พ.ศ.๒๔๘๔  ในชั้นมัธยมปีที่ ๒ หมายเลขประจำตัว ๒๖๕๓  ส่วน คุณเฉนียน สวัสดิ์วรรณกิจ    อดีตพนักงานอาวุโสของธนาคารแห่งประเทศไทย  เพื่อนรักของผมนั้น เข้าเรียนรุ่นเดียวกัน ในชั้นมัธยมปีที่ ๑ หมายเลขประจำตัว ๒๖๙๘  

        ผมเริ่มเรียนที่โรงไม้ซึ่งได้ก่อสร้างขึ้น  พร้อมกับตึกไชยันต์เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๒ นั้นเอง

                          ขณะนั้นครูใหญ่คือ ขุนวิรุฬจรรยา (จันทร์ เงินมาก)  และ ครูสุด  จุลโลบล  เป็นครูผู้ปกครอง  ผมเรียนอยู่จนถึง พ.ศ.๒๔๘๙  จึงได้ลาออกไปประกอบอาชีพ  โดยไม่จบชั้นมัธยมปีที่ ๖

        คุณครูสุด  จุลโลบล  ได้รับราชการเป็นครู อยู่ในโรงเรียนวัดราชาธิวาส  ตั้งแต่     พ.ศ.๒๔๗๕  จนถึง พ.ศ.๒๔๙๐  รวมเวลา  ๑๕ ปี  จึงมีลูกศิษย์มากมาย  

                       ตั้งแต่รุ่นที่ ๑๘ / ๒๔๗๖  เช่น พันเอก ถนอม  เกิดสุข  อดีตเลขาธิการสมาคมนักเรียนเก่าราชาธิวาส  

                       รุ่นที่ ๒๐ /๒๔๗๘   ร้อยตรี เสริญ  สุนทรชาติ  อดีตนายกสมาคมนักเรียนเก่า ราชาธิวาส  

                         รุ่นที่ ๒๑ /๒๔๗๙ คุณชาญ  แก้วชูใส  ทนายความชื่อดัง  พลโท เทียบ      กรมสุริยศักดิ์  อดีตแม่ทัพภาคที่ ๓   พลอากาศเอก ประพันธ์  ธูปเตมีย์  อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ  

                         รุ่นที่ ๒๓/๒๔๘๑ นาวาอากาศเอก ประพนธ์ โตจำเริญ  (สุนทรจามร) อดีตนักร้องคณะสุนทราภรณ์  คุณอุดม  หิรัญพฤกษ์  อดีตผู้ตรวจราชการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์    พลเรือเอก เสวก  ตาดทอง  อดีตรองผู้บัญชาการทหารเรือ  

                         รุ่นที่ ๒๔/๒๔๘๒  คุณระวิ  ฤกษ์จำนงค์  อดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ  

                          รุ่นที่ ๒๕/๒๔๘๓  พลเอก ครุฑ  จันเทรมะ  อดีตเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก และรุ่น ๒๖/๒๔๘๔ ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับผม อีกมากมาย

        คุณครูสุด  จุลโลบล  เกิดเมื่อ  วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๔๔๖  อันเป็นปีที่ก่อตั้งโรงเรียนวัดราชาธิวาส  โดยที่ท่านมีอายุแก่กว่าโรงเรียนเพียง ๒ เดือน  ท่านได้ถึงแก่กรรมเมื่อ วันที่          ๒๔ เมษายน ๒๕๓๗  ท่านมีอายุครบ ๑๐๐ ปี ใน ๔ ธันวาคม ๒๕๔๖                         

        การก่อตั้งโรงเรียนวัดราชาธิวาส ได้เวียนมาถึงรอบ ๑๐๐ ปี ใน วันที่                  ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖  ซึ่งจะตรงกับ วันอังคาร ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๓ ปีมะแม  รัตนโกสินทร์        ศก ๒๒๑  จุลศักราช ๑๓๖๔    ในวาระอันเป็นมงคลนี้จึงขอบันทึกไว้ เพื่อความถูกต้องสมบูรณ์  ดังต่อไปนี้

        โรงเรียนวัดราชาธิวาส  ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๖ ซึ่งขณะนั้นประเทศไทยได้กำหนดให้ วันที่ ๑ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ หรือเปลี่ยนพุทธศักราชใหม่ โรงเรียนวัดราชาธิวาส จึงถือกำเนิดขึ้นมาในปลายปี พ.ศ.๒๔๔๖ เมื่อถึงวันที่  ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๗  นั้น  โรงเรียนก็จะมีอายุครบ ๑ ปีแรก  ต่อมาเมื่อถึงวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๒  โรงเรียนก็จะมีอายุครบ  ๓๖ ปี  

                          ในปีต่อมาทางราชการได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ เป็นวันที่ ๑ มกราคม  ดังนั้นใน     พ.ศ.๒๔๘๓ จึงมีเพียง ๙ เดือน คือ เมษายน - ธันวาคม เท่านั้น  เพราะเดือน มกราคม กุมภาพันธ์ และ มีนาคม กลายเป็น พ.ศ.๒๔๘๔ ไปเสียแล้ว  ทำให้โรงเรียนวัดราชาธิวาส ครบ ๓๗ ปีใน วันที่     ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๔  ไปด้วย  จากนั้นจึงครบ ๔๗ ปี ๕๗ ปี ๖๗ ปี ๗๗ ปี ๘๗ ปี และ ๙๗ ปี ใน  พ.ศ.๒๔๙๔, ๒๕๐๔, ๒๕๑๔, ๒๕๒๔, ๒๕๓๔  และ ๒๕๔๔ ตามลำดับ

        และเมื่อถึง ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ จึงจะครบ ๑๐๐ ปีบริบูรณ์
ผมได้แนะนำไปกับผู้ที่เกี่ยวข้องว่า การเรียกวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ ว่า ครบรอบ ๙๙ ปี เป็นการไม่ถูกต้อง เพราะที่แท้จริงเพิ่งจะขึ้นปีที่ ๙๙ เท่านั้น

                         เมื่อเป็นดังนี้การที่จะแก้ไขให้นุ่มนวลที่สุด ไม่ให้ขัดหูขัดตา  ก็น่าจะเรียกเป็นกลาง ๆ   ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ……๙๙ ปี ราชาธิวาส  และเมื่อถึง พ.ศ.๒๕๔๖  ก็จะเป็น   ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖……..๑๐๐ ปี ราชาธิวาส  หรือ หนึ่งศตวรรษของราชาธิวาส          ๒๔๔๖ - ๒๕๔๖ หรือ ศตวรรษแรก ของราชาธิวาส  ๒๔๔๖ - ๒๕๔๖  

                          แล้วเราก็ฉลองใหญ่กันตามความตั้งใจเดิม  เพราะเป็นปีสุดท้ายของศตวรรษแรก  และถ้าจะฉลองกันทั้งปี ตั้งแต่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ ถึง ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ ก็จะดีไม่น้อย และจะได้เป็นตัวอย่างให้ปรากฏ ในประวัติศาสตร์ของโรงเรียนต่อไป

        เพราะโรงเรียนวัดราชาธิวาสนั้น จะยังคงอยู่ต่อไปในอนาคต อีกหลายศตวรรษอย่างแน่นอน.    


###########


มกราคม ๒๕๕๗
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่