หลังจากอุบัติเหตุ "เกือบ 1 ปีผ่านไปกับร่างกายที่ไม่เหมือนเดิม"

แท๊กต่างๆที่ผมแท็ก มีความหมายทุกแท็กนะครับ รบกวนอ่านก่อน
-----------------------------------------------------------------------
แก้ไข1 ต่อให้แล้วครับผม
-------------------------------------------
อยากจะแชร์ครับ ว่าความรู้สึก มันเป็นยังไง ณ ตอนนี้

หลายๆคนอาจจะผ่านตากระทู้นี้มาบ้างครับ

"ประสบการณ์ "ชนหนัก" ครั้งแรกในชีวิต และจะขอเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับเหตุการณ์แย่ๆที่ตามมา"
http://pantip.com/topic/30982460

ใช่ครับ

ผมเอง

นี่ก็ผ่านมาเกือบปีแล้ว ผมรอดจากเหตุการครั้งนั้นด้วยร่างกายครบ 32 พร้อมประสบการณ์และความระมัดระวังที่มากขึ้น

"อ้าว แล้วร่างกายมันไม่เหมือนเดิมตรงไหน ก็ออกมาครบ32 สติอยู่ครบนี่"

ครับ นี่คือเหตุการณ์ที่ผมจะเล่าให้ฟังครับ

ผมยังเป็นนักศึกษา  ยังเรียนอยู่ครับ ชอบเล่นกีฬา ชอบขี่มอเตอร์ไซค์ ที่บ้านค้าขาย ทำงานที่บ้านทุกวัน

ก่อนหน้านั้น ผมเคยเล่นฟุตบอล เล่นบาส เล่นรักบี้

รูปร่างผมค่อนข้างตัวใหญ่ สูง 175 หนัก 80 ในตอนนั้น


กินหนัก ก็ต้องเล่นหนัก ผมชอบกินนู่นกินนี่ แต่ผมก็เล่นกีฬาแบบสุดๆเหมือนกัน ทำให้ผมรักษาร่างกายตัวเองไว้ได้ไม่อ้วนไปมากกว่านี้

เล่นมันทุกอย่าง บาส ฟุตบอล รักบี้ แบต เล่นหมด ไม่เจ็บไม่พัก ว่างั้นได้ครับ

แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ผมก็ใช้ชีวิตแบบเดิมไม่ได้ เพราะร่างกายแปลกไปครับ โดยมีคร่าวๆดังนี้

1.ข้อมือข้างซ้าย ผลจากการเอ็กซเรย์แล้วไม่พบการผิดปกติ ไม่หัก ไม่ร้าว แต่ผมรู้สึกว่าข้อมือมันขัดๆ พร้อมกับเวลายกของหนักช่วยงานที่บ้าน

หรือเล่นอะไรที่ต้องใช้แขน มือ อย่างตีแบต เล่นบาส หรือขับมอเตอร์ไซค์เป็นเวลานานๆ ผมทำได้ไม่เหมือนเดิม ปวดจนรู้สึกเจ็บ เมื่องอสุดก็ปวดเหมือน

ข้อมือซ้น  ผมเลยลองเอาผ้าพันไว้ + ไม่ใช้งานหนักนานพอสมควร ใช้แขนอีกข้างแทน

แต่กลับการเล่นฟุตบอล ที่เคยเป็นโกลด์ ตอนนี้โดนยิงอัดแล้วเอามือรับ เจ็บมากๆครับ เลยต้องเลิกไป

เลิกใช้แขนข้างนั้นไปซักพักปรากฎว่าดีขึ้นครับ ขยับแล้วไม่ขัด ไม่ปวด เลยลองกลับไปเล่นใหม่ ปรากฎว่าไม่หายครับ กลับมาเจ็บเหมือนเดิม รวมถึงรู้สึก

ปวดเวลายกของหนัก ซึ่งนั่นทำให้ผมค่อนข้างลำบากครับเวลาทำงาน รวมกับข้อสอง

รูปนี้คือตอนม.ต้นครับ ถ่ายกับเพื่อนๆ ตอนนั้นสูง 150-160 ไม่แน่ใจ หนัก 50-60ละมั้ง

รูปนี้ตอนปีหนึ่ง(ม.4)ครับ เริ่มเล่นเวทนิดๆเพราะเริ่มรู้ตัวว่าอ้วนไป 555


2. หลังครับ หลัง ปวดมาก ปวดแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ปวดช่วงหลังด้านล่างก่อนถึงก้นกบ รวมทั้งตึงขึ้นมาทั้งหลังครับ ทำให้ยกของหนักไม่ได้เหมือน

ปกติ แถมมีอาการเพิ่มด้วยคือ นั่งเก้าอี้ได้แปปเดียว ต้องบิด ต้องพัก ต้องก้ม ไม่งั้นปวดมากๆครับ เคยถึงขนาดนอนไม่หลับเลยครับ ต้องเอายามาทา

เอาที่แปะแก้ปวดมาแปะไว้ถึงดีขึ้น แต่ซักพักก็เป็นเหมือนเดิม รวมทั้งที่เคยชอบขี่มอเดอร์ไซค์ ก็ทำได้ไม่ดีเหมือนเคย บวกกับมอเตอร์ไซค์เป็นทรง
สปอร์ทนั่งนานๆแล้วปวดข้อมือกับหลังมากๆครับ


3.หน้าแข้งครับ ตอนนั้นหน้าแข้งมีแผลโดนอะไรซักอย่างคมๆบาด และกระแทก ทำให้ปวดมาก ผิวหนังช่วงนั้นตึงมากครับ เป็นแผลเป็นค่อนข้างเยอะ,

แต่นั่นก็เป็นเพียงหนึ่งในปัญหาครับ  เพราะปัญหาจริงๆคือ หน้าแข้งส่วนนี้ โดนอะไรไม่ได้เลยครับในตอนนั้น ถึงแผลจะหายแล้ว แต่พอกดไป ส่วนนั้น

"ไม่มีความรุ้สึกครับ" เหมือนเวลาขาชาแล้วเอามือบีบๆ แบบนั้นเลย(ดึงขนหน้าแข้งยังไม่เจ็บ) ตอนนั้นตกใจมากครับ และสีผิวก็เป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง แต่ก็คิดอีกแง่
"อย่างน้อยก็ยังเดินได้วะ" ถึงจะวิ่ง หรือเล่นกีฬาหนักๆยังไม่ได้ก็ตาม

หลังจากนั้นพักนึง เริ่มมีความรู้สึกครับ แผลและสีผิวส่วนนั้นเริ่มกลายเป็นสีของคนทั่วไป ออกขาวๆ เหลืองๆ ...แต่ขอโทษ ผมดำครับ

ส่วนนั้นออกเป็นสีเหลืองจนเห็นได้ชัด ผมหมั่นทายา และกินยาตามที่หมอให้มา+ไปตรวจอาการเพิ่มนิดหน่อยที่คลีนิก

ทำให้กลายเป็นปกติครับ แต่อาการที่ว่า แตะแล้วเจ็บ เดิน หรือวิ่ง แล้วปวด ยังคงเป็นอยู่ครับ

หลังจากนั้นจนถึงทุกวันนี้ แผลเป็นแบบในรูปครับ

(รอยด่างๆดำๆนั่นคือแผลเป็นทั้งหมดครับ)




และอาการ ออกกำลังกาย วิ่งหรือเดินมากๆ แล้วเจ็บจี๊ดๆ + กดไปยังเจ็บอยู่ + ผิวหนังส่วนนั้นตึงมาก(อาจเพราะแผลเป็น)  ก็ยังอยู่ครับ


อาการแค่นี้ อาจจะเล็กน้อยนะครับ ผมว่าผมโชคดีมากๆที่เป็นแค่นี้ เทียบกับคนที่ต้องสูญเสียอวัยวะ หรือการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ หรือทั้งตัวไป

มันจิ๊บจ๊อยมากครับ

แต่เพราะเรื่องแค่นี้แหละ มันทำให้ความสุขหลายๆอย่างของเราน้อยลงจนแทบหมดไป



เมื่อผมไม่ได้เล่นกีฬา ออกกำลังกาย แน่นอนครับ กินแบบผม น้ำหนักพุ่งปรี๊ดแน่นอน ปัจจุบัน หนัก 102 สูง 177ครับ

รู้สึกได้เลยว่า ร่างกายแย่ลงกว่าเดิมเยอะมากๆ

ตอนปีหนึ่ง (ม.สี่) สอบร.ด. ทุกอย่างผ่าน ถึงจะหอบแฮ่กๆแทบตาย แต่ก็ผ่านมาได้


วิดพื้น ตอนนั้น 22 ที ถ้าจำไม่ผิด ได้พอดี  เวลาเหลือนิดหน่อย
ปัจจุบัน  ลองเล่นๆ วิดพื้น .. "ได้แค่เจ็ดครั้ง" มากกว่านั้นแขนไม่มีแรง + ปวดข้อมือมากๆ ฝืนจะขึ้นอีกก็เหมือนไหล่ไม่มีแรงร่วงไปเฉยๆ

วิ่ง ตอนนั้นจำได้ว่า วิ่งสองรอบครึ่ง(ถ้าจำไม่ผิด) กำหนดเวลามาให้เท่าไหร่จำไม่ได้ แต่ตอนนั้นวิ่งได้เรื่อยๆ เข้าเส้นชัยตอนห้าวิสุดท้ายพอดี
ปัจจุบัน ... นับเวลาไม่ได้ เพราะออกวิ่งแต่แค่ครึ่งรอบ หลังจากนั้นต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่ง เจ็บขาไปหมด แถมหายใจไม่ทัน แรงหายไปไหน ฝืนวิ่งหน่อยจะล้มเอาให้ได้ เดินซะมากกว่าวิ่ง

ซิทอัพ ถ้าจำไม่ผิด 34 ที ตอนนั้นฟิตมาก อันนี้ชิลเลย เหนื่อย แต่ทำได้แน่นอน
ปัจจุบัน ยี่สิบครั้งก็หายใจไม่ทันแล้วครับ

เคยไปลองเตะบอลกับเพื่อนๆ เมื่อเป็นผู้รักษาประตูไม่ได้ ขอเล่นกองหลังละกัน อย่างน้อยไล่บอลทันก็ยังดี ปรากฎว่าวิ่งได้ไม่ถึงห้านาที
เหมือนเคยครับ สภาพร่างกายที่ย่ำแย่ น้ำหนักที่เพิ่มเอาเพิ่มเอา หายใจไม่ทัน ใจเต้นแรงจนรู้สึกเหมือนจะวูบไปซะตั้งแต่ตรงนั้น
ยังไม่ทันพักหายเหนื่อย ฝ่ายตรงข้ามบุกเข้ามา สกัดผิดพลาด แข้ง + แข้งครับ

ฝ่ายนู้นก็โอ้ยๆ อะไรนิดหน่อย แต่ของผมนี่ลงไปดิ้นเลยครับ แหกปากร้องดังมาก เพราะมันเจ็บ เจ็บจริงๆครับ ตรงที่แข้งที่เดิมเลย จนเพื่อนต้องลากออกมานั่งพักนอกสนาม หลังจากนั้นก็เจ็บไปอีกหลายวัน

ตอนนี้เรื่องกีฬา และลดน้ำหนัก เริ่มๆดูจักรยาน กำลังเก็บเงินซื้อเสือภูเขาตัวล่างๆมาปั่นเหมือนกันครับ ลองดูว่าจะเป็นยังไง

เรื่องต่อมาคือการใช้ชีวิตประจำวันบ้างครับ

ผมเรียนอยู่ชั้นสาม บางทีรีบๆ วิ่งขึ้นบันไดตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติ คือตอนนี้วิ่งแล้วเหนื่อยง่ายสุดๆ บวกกับมีครั้งนึง
วิ่งกึ่งกระโดดขึ้นบันได หัวเข่าเจ็บจี๊ดเลยครับ แล้วก็ปวดมากๆ รู้สึกกึกๆในเข่าเวลาขยับด้วย นั่งงอสุด ยืดสุดนานๆก็เจ็บ ทั้งๆที่ไม่เคยเป็น

อย่างที่บอกครับ ผมค้าขาย ต้องช่วยงานที่บ้าน ยกของหนัก

เมื่อก่อนเคยยกใส่ถุงใส่ของสองข้าง ย้ายที่ไปมาบ้าง ยกกล่องหนักๆบ้าง แขนสองข้าง ข้างละสิบโลนิดๆ ชิลๆ เดินไปเดินมาสบาย

เดี๋ยวนี้แค่นั่งลงไปหยิบของ(นี่นั่งหยิบ ไม่ได้ก้มหยิบนะครับ ถ้าก้มปวดหลังโครตๆ)ที่ว่า ข้างละสิบโล

ภาระไปตกที่หลังกับข้อมือซ้ายและหัวเข่าครับ

ผมยกขึ้นมา อย่างแรกที่รู้สึกเลยคือหัวเข่า ที่ขาข้างนึงยันพื้นยกตัวขึ้น รู้สึกยกตัวเองขึ้นยากมาก แล้วก็ปวดเข่านิดๆเนื่องจากน้ำหนักตัวเอง

สองเลยคือหลังครับ ปวดเหมือนมีอะไรมาดึงกระดูกหลังไว้ให้กดลงไปที่พื้นแบบนันแหละครับ

สามคือข้อมือครับ ยกหยิบจะยก ยังขัดๆ ยังไม่ดี แถมบางทีเจ็บด้วย

ผมเคยวางๆอนาคตตัวเองไว้ อยากเรียนร.ด. ห้าปี พร้อมสมัครสอบต่อ รับราชการกันไปเลย มาถึงตอนนี้ คงต้องคิดใหม่ครับ

ว่าจะเอายังไงต่อไปดี เพราะดูแล้วถ้ายังไม่หาย ยังไงก็ไปไม่รอดกับด้านนี้แน่ๆ

จ.ข.ก.ท.คนขวาสุดครับ

ปัจจุบันผมใช้รถยนต์สลับกับมอเตอร์ไซค์แล้วแต่โอกาศ จากเมื่อก่อนไม่เคยแตะสี่ล้อเลย เพราะเมื่อก่อน ไม่เคยคิดจะใช้ รถก็ติด เปลืองน้ำมัน

แต่ปัจจุบัน ค่อนข้างรู้สึกแปลกๆกับมอเตอร์ไซค์ครับ อยากขี่ อยากเที่ยว แต่ร่างกายมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เลยรู้สึกแปลกๆไปครับ

และเรื่องการขี่มอเตอร์ไซค์

บอกเลยครับยังไม่เลิก ยังหลงรัก หลงไหลในการท่องเที่ยว การขับขี่แบบลมตีหน้าอยู่

แต่โชคดีกึ่งโชคร้าย ที่ผมเองก็ชอบแนวๆแอดแวนเจอร์ ทัวริ่ง อยู่แล้ว เมื่อผมมีโอกาศ มีงานทำ มีตำแหน่งที่เหมาะสม มีรายได้พร้อม

ผมจะจัดเจ้า Versys นี่มาประจำการแทนหนูนินเขียวของผมครับ


รูปนี้ไปมั่วถ่ายรถรุ่นพี่ในกลุ่มมา ยิ้ม


ตอบโจทย์การท่องเที่ยว นั่งหลังตรงไม่ก้มไม่ต้องหมอบให้ปวดหลัง อยู่หลังชิลด์สบายๆ

แต่คราวนี้ที่ไม่เหมือนเดิมคือ สติ และไม่ประมาท ความระวังที่มากขึ้นครับ

อุบัติเหตุ มันอาจจะเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว ชั่ววูบเดียว แต่ผลของมัน อาจจะส่งผลไปตลอดชีวิตของคุณได้เลยนะครับ


อย่าลืมนะครับ ชาวสองล้อ ขับขี่ปลอดภัย แต่งตัวให้รัดกุมอยู่เสมอ เราไม่รู้ว่าเราจะเจออะไรเมื่อไหร่ครับ กันไว้ดีที่สุด

ก่อนจะจบ ขอฝากคำพูดเล็กๆ ที่พ่อพูดกับผมตลอดเวลาขับมอเตอร์ไซค์ครับ อดีตBIKERเหมือนกันครับ
แต่เลิกขับก็เพราะอุบัติเหตุจนเกือบเป็นอัมพาต แต่ตอนนี้ปกติดีครับ

"รถพังเมื่อไหร่ มีเงินซะอย่างอะไหล่หาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่คนหนะ ถ้ามันพังไป เงินมีเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้"

ขอบคุณที่อ่านบทความเล็กๆของผมครับ ขับขี่ปลอดภัย สวัสดีครับ

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่