มนุษย์เงินเดือนที่เรามักนิยมเรียกกันนั้น จริงๆ แล้วก็คือพนักงานทั่วไปที่ทำงานบริษัทเอกชน ตามห้างร้านต่างๆ ซึ่งจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนในทุกเดือน เราจึงมักเรียกกันว่ามนุษย์เงินเดือน หลายๆ คนเมื่อเรียนจบการศึกษาในระดับหนึ่งมักที่จะทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน คนที่มีโอกาสดีหน่อยก็จะได้ทำงานในบริษัทที่มีชื่อเสียง มีเงินเดือนดี มีตำแหน่งหน้าที่การงานดี แต่บางคนก็อาจจะได้ทำในบริษัทเล็กๆ ที่มีเงินเดือนไม่มากเท่าไรนัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีงานทำ เพราะพอสิ้นเดือนก็ยังมีรายได้ให้รับ แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป อาชีพมนุษย์เงินเดือนอาจจะไม่ใช่อาชีพที่มั่นคงเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว ด้วยสาเหตุต่อไปนี้
เมื่ออายุมากขึ้นแล้วมนุษย์เงินเดือนที่ยังไม่ได้เป็นผู้บริหารมีสิทธิ์ถูกเชิญออก
มนุษย์เงินเดือนเมื่ออายุมากขึ้นเงินเดือนก็จะเพิ่มขึ้นมากตามอายุงาน ถ้าพนักงานคนนั้นอายุมากแล้วแต่ยังไม่ได้เป็นผู้บริหาร บางครั้งงานก็ยังเหมือนเดิมไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก การที่บริษัทจ้างพนักงานใหม่เข้ามาแต่มีเงินเดือนที่น้อยกว่า สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกัน จึงมีโอกาสที่จะเชิญคนเก่าที่อายุมากกว่าออก รวมไปถึงโดยมากแล้วเมื่ออายุมากขึ้นพนักงานมักจะมีภาระทางครอบครัวเพิ่มมากขึ้นทำให้เวลาในการทำงานน้อยลง ในช่วงที่งานเร่งจะไม่สามารถทำงานล่วงเวลาได้ ไม่เหมือนเด็กใหม่ๆ ที่เข้ามา ยังไม่มีภาระทางครอบครัวมักจะสามารถอยู่ทำงานล่วงเวลาได้ รวมไปถึงในวันเสาร์และวันอาทิตย์หรือแม้แต่ในวันหยุดต่างๆ ก็สามารถที่จะเข้ามาทำงานได้เช่นกัน นอกจากนี้แล้วเด็กใหม่ๆ มักจะมีความรู้ใหม่เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่คล่องแคล่วกว่าคนรุ่นเก่า และมีไฟในการทำงานมากกว่า
บริษัทส่วนมากมักนิยมจ้างพนักงาน part-time และ พนักงาน outsource มากขึ้น
เพราะพนักงานประจำส่วนใหญ่ตามกฎหมายแรงงานบริษัทต้องมีสวัสดิการต่างๆ หลายอย่าง แต่การจ้างพนักงาน part-time และ outsource นั้น บริษัทไม่ต้องมีสวัสดิการมากเหมือนพนักงานประจำ ที่สำคัญสามารถลดจำนวนหรือเพิ่มจำนวนเมื่อไหร่ก็ได้ตามแต่ความต้องการ เพราะเป็นแค่สัญญาจ้าง นอกจากนี้แล้วถ้าไม่พอใจที่ผลงานก็แค่ไม่ต่อสัญญาจ้าง โดยไม่ต้องเสียเงินจ้างออกเหมือนพนักงานประจำ จึงทำให้บริษัทยุคใหม่นิยมจ้างพนักงานในรูปแบบนี้กันเป็นจำนวนมาก โดยเท่าที่ผมเห็นก็มีทั้งพนักงาน IT , พนักงานบัญชี , แม่บ้าน เป็นต้น
การเปลี่ยนนโยบายจากบริษัท
นโยบายของบริษัทมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ตลอดตามแต่นโยบายของผู้บริหารระดับสูง บางครั้งการเปลี่ยนนโยบายของผู้บริหารทำให้มนุษย์เงินเดือนอาจจะไม่พอใจ บางบริษัทมีนโยบายที่จะรัดเข็มขัดโดยให้พนักงานทำงานให้ได้มากขึ้น ถึงขนาดเวลาจะไปห้องน้ำต้องมีการจับเวลาเลยทีเดียว
ผลจากภาวะเศรษฐกิจ
ช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี บริษัทหรือห้างร้านที่มนุษย์เงินเดือนทำงานอยู่ ก็อาจจะต้องปิดตัวลง ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บางครั้งการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนตกงานได้
การเปลี่ยนหัวหน้า
หัวหน้างานเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พนักงานทำงานด้วยความสบายใจหรือว่าทำงานด้วยความทุกข์ ซึ่งถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้หัวหน้างานของคุณจะเป็นคนดี ทำงานด้วยแล้วสบายใจ แต่ก็ไม่แน่ว่าหัวหน้าที่แสนดีของเราจะไม่ย้ายบริษัท หรือบริษัทอาจจะมีการเปลี่ยนหัวหน้าคนอื่นมาแทนที่ ซึ่งถ้ามีการเปลี่ยนหัวหน้าแล้วได้หัวหน้าไม่ดีก็ทำให้เราทำงานด้วยความอึดอัดใจได้
ทางออกของมนุษย์เงินเดือน ( ลาออกไปทำธุรกิจส่วนตัว ? หารายได้เสริม ? หรือ ??? )
จากเหตุผลที่กล่าวมา มนุษย์เงินเดือนหลายคนก็อาจจะกังวลว่าแล้วควรจะทำยังไงถึงจะมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีรายได้ตอนอายุมาก ผมขอเสนอวิธีดังนี้ครับ
1. หาความรู้เพิ่มเติมและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ความเชี่ยวชาญในงาน หรือการเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นเพื่อให้มีโอกาสได้เลื่อนขึ้นไปแข่งขันกับคนอื่นเพื่ออยู่ในระดับผู้บริหาร เพราะจะทำให้คุณมีโอกาสมั่นคงยิ่งขึ้นในตำแหน่งหน้าที่การงาน หรือถ้าเป็นผู้บริหารไม่ได้ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในงานที่คุณทำอยู่ไปเลย
2. ย้ายไปทำงานราชการ บางคนอาจจะมองหางานราชการเป็นเป้าหมายต่อไป แต่ก็คงต้องปรับตัวกันค่อนข้างมาก เพราะงานราชการมักมีเงินเดือนน้อยกว่าทำงานในบริษัทเอกชน แต่ก็เป็นงานที่สามารถทำได้จนเกษียณอายุ ถ้าไม่ทุจริตก็อยู่ได้จนเกษียณได้เลย
3. ธุรกิจส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องลาออกจากงานประจำแล้วมาลุยทำธุรกิจ คุณอาจจะทำธุรกิจส่วนตัวเล็กๆน้อยในระหว่างที่ทำงานประจำไปด้วยก็ได้ บางคนอาจจะเริ่มจากค้าขายวันเสาร์-อาทิตย์ จนตอนหลังรายได้ดีกว่าเงินเดือนเสียอีก แถมยังมีรายได้เข้ามาสองทางจึงทำให้แบกรับความเสี่ยงได้มากกว่าลาออกมาทำธุรกิจเต็มตัว ถ้าทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็ยังมีรายได้จากงานประจำ
4. อาชีพพนักงานขายอิสระ เช่น พนักงานขายตรง ,พนักงานขายประกัน เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบพูดคุยและพบปะผู้คน งานในอาชีพนี้ก็เป็นทางออกที่ดีเพราะใช้เงินลงทุนไม่มาก แต่ใช้ทักษะการขายมากหน่อย อาจจะทำไปพร้อมทำงานประจำด้วยก็ได้
5. หารายได้ Passive income เช่น ซื้อหุ้นปันผลหรือกองทุนที่มีเงินปันผล , ซื้อคอนโดปล่อยให้เช่า เป็นต้น
ในยุคนี้การมีรายได้แค่ทางเดียวจากอาชีพมนุษย์เงินเดือน อาจจะไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่ เปรียบได้กับการเก็บไข่ควรเก็บไว้หลายตะกร้า ถ้าตะกร้าหนึ่งเสียหายไป ก็ยังมีไข่ตะกร้าอื่นไว้สำรองครับ
ที่มา
http://www.ThaiSMEfriend.com
บทความธุรกิจ : มนุษย์เงินเดือน อาชีพนี้มีความเสี่ยงอย่างไร ?
มนุษย์เงินเดือนที่เรามักนิยมเรียกกันนั้น จริงๆ แล้วก็คือพนักงานทั่วไปที่ทำงานบริษัทเอกชน ตามห้างร้านต่างๆ ซึ่งจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนในทุกเดือน เราจึงมักเรียกกันว่ามนุษย์เงินเดือน หลายๆ คนเมื่อเรียนจบการศึกษาในระดับหนึ่งมักที่จะทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน คนที่มีโอกาสดีหน่อยก็จะได้ทำงานในบริษัทที่มีชื่อเสียง มีเงินเดือนดี มีตำแหน่งหน้าที่การงานดี แต่บางคนก็อาจจะได้ทำในบริษัทเล็กๆ ที่มีเงินเดือนไม่มากเท่าไรนัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีงานทำ เพราะพอสิ้นเดือนก็ยังมีรายได้ให้รับ แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป อาชีพมนุษย์เงินเดือนอาจจะไม่ใช่อาชีพที่มั่นคงเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว ด้วยสาเหตุต่อไปนี้
เมื่ออายุมากขึ้นแล้วมนุษย์เงินเดือนที่ยังไม่ได้เป็นผู้บริหารมีสิทธิ์ถูกเชิญออก
มนุษย์เงินเดือนเมื่ออายุมากขึ้นเงินเดือนก็จะเพิ่มขึ้นมากตามอายุงาน ถ้าพนักงานคนนั้นอายุมากแล้วแต่ยังไม่ได้เป็นผู้บริหาร บางครั้งงานก็ยังเหมือนเดิมไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก การที่บริษัทจ้างพนักงานใหม่เข้ามาแต่มีเงินเดือนที่น้อยกว่า สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกัน จึงมีโอกาสที่จะเชิญคนเก่าที่อายุมากกว่าออก รวมไปถึงโดยมากแล้วเมื่ออายุมากขึ้นพนักงานมักจะมีภาระทางครอบครัวเพิ่มมากขึ้นทำให้เวลาในการทำงานน้อยลง ในช่วงที่งานเร่งจะไม่สามารถทำงานล่วงเวลาได้ ไม่เหมือนเด็กใหม่ๆ ที่เข้ามา ยังไม่มีภาระทางครอบครัวมักจะสามารถอยู่ทำงานล่วงเวลาได้ รวมไปถึงในวันเสาร์และวันอาทิตย์หรือแม้แต่ในวันหยุดต่างๆ ก็สามารถที่จะเข้ามาทำงานได้เช่นกัน นอกจากนี้แล้วเด็กใหม่ๆ มักจะมีความรู้ใหม่เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่คล่องแคล่วกว่าคนรุ่นเก่า และมีไฟในการทำงานมากกว่า
บริษัทส่วนมากมักนิยมจ้างพนักงาน part-time และ พนักงาน outsource มากขึ้น
เพราะพนักงานประจำส่วนใหญ่ตามกฎหมายแรงงานบริษัทต้องมีสวัสดิการต่างๆ หลายอย่าง แต่การจ้างพนักงาน part-time และ outsource นั้น บริษัทไม่ต้องมีสวัสดิการมากเหมือนพนักงานประจำ ที่สำคัญสามารถลดจำนวนหรือเพิ่มจำนวนเมื่อไหร่ก็ได้ตามแต่ความต้องการ เพราะเป็นแค่สัญญาจ้าง นอกจากนี้แล้วถ้าไม่พอใจที่ผลงานก็แค่ไม่ต่อสัญญาจ้าง โดยไม่ต้องเสียเงินจ้างออกเหมือนพนักงานประจำ จึงทำให้บริษัทยุคใหม่นิยมจ้างพนักงานในรูปแบบนี้กันเป็นจำนวนมาก โดยเท่าที่ผมเห็นก็มีทั้งพนักงาน IT , พนักงานบัญชี , แม่บ้าน เป็นต้น
การเปลี่ยนนโยบายจากบริษัท
นโยบายของบริษัทมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ตลอดตามแต่นโยบายของผู้บริหารระดับสูง บางครั้งการเปลี่ยนนโยบายของผู้บริหารทำให้มนุษย์เงินเดือนอาจจะไม่พอใจ บางบริษัทมีนโยบายที่จะรัดเข็มขัดโดยให้พนักงานทำงานให้ได้มากขึ้น ถึงขนาดเวลาจะไปห้องน้ำต้องมีการจับเวลาเลยทีเดียว
ผลจากภาวะเศรษฐกิจ
ช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี บริษัทหรือห้างร้านที่มนุษย์เงินเดือนทำงานอยู่ ก็อาจจะต้องปิดตัวลง ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บางครั้งการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนตกงานได้
การเปลี่ยนหัวหน้า
หัวหน้างานเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พนักงานทำงานด้วยความสบายใจหรือว่าทำงานด้วยความทุกข์ ซึ่งถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้หัวหน้างานของคุณจะเป็นคนดี ทำงานด้วยแล้วสบายใจ แต่ก็ไม่แน่ว่าหัวหน้าที่แสนดีของเราจะไม่ย้ายบริษัท หรือบริษัทอาจจะมีการเปลี่ยนหัวหน้าคนอื่นมาแทนที่ ซึ่งถ้ามีการเปลี่ยนหัวหน้าแล้วได้หัวหน้าไม่ดีก็ทำให้เราทำงานด้วยความอึดอัดใจได้
ทางออกของมนุษย์เงินเดือน ( ลาออกไปทำธุรกิจส่วนตัว ? หารายได้เสริม ? หรือ ??? )
จากเหตุผลที่กล่าวมา มนุษย์เงินเดือนหลายคนก็อาจจะกังวลว่าแล้วควรจะทำยังไงถึงจะมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีรายได้ตอนอายุมาก ผมขอเสนอวิธีดังนี้ครับ
1. หาความรู้เพิ่มเติมและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ความเชี่ยวชาญในงาน หรือการเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นเพื่อให้มีโอกาสได้เลื่อนขึ้นไปแข่งขันกับคนอื่นเพื่ออยู่ในระดับผู้บริหาร เพราะจะทำให้คุณมีโอกาสมั่นคงยิ่งขึ้นในตำแหน่งหน้าที่การงาน หรือถ้าเป็นผู้บริหารไม่ได้ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในงานที่คุณทำอยู่ไปเลย
2. ย้ายไปทำงานราชการ บางคนอาจจะมองหางานราชการเป็นเป้าหมายต่อไป แต่ก็คงต้องปรับตัวกันค่อนข้างมาก เพราะงานราชการมักมีเงินเดือนน้อยกว่าทำงานในบริษัทเอกชน แต่ก็เป็นงานที่สามารถทำได้จนเกษียณอายุ ถ้าไม่ทุจริตก็อยู่ได้จนเกษียณได้เลย
3. ธุรกิจส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องลาออกจากงานประจำแล้วมาลุยทำธุรกิจ คุณอาจจะทำธุรกิจส่วนตัวเล็กๆน้อยในระหว่างที่ทำงานประจำไปด้วยก็ได้ บางคนอาจจะเริ่มจากค้าขายวันเสาร์-อาทิตย์ จนตอนหลังรายได้ดีกว่าเงินเดือนเสียอีก แถมยังมีรายได้เข้ามาสองทางจึงทำให้แบกรับความเสี่ยงได้มากกว่าลาออกมาทำธุรกิจเต็มตัว ถ้าทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็ยังมีรายได้จากงานประจำ
4. อาชีพพนักงานขายอิสระ เช่น พนักงานขายตรง ,พนักงานขายประกัน เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบพูดคุยและพบปะผู้คน งานในอาชีพนี้ก็เป็นทางออกที่ดีเพราะใช้เงินลงทุนไม่มาก แต่ใช้ทักษะการขายมากหน่อย อาจจะทำไปพร้อมทำงานประจำด้วยก็ได้
5. หารายได้ Passive income เช่น ซื้อหุ้นปันผลหรือกองทุนที่มีเงินปันผล , ซื้อคอนโดปล่อยให้เช่า เป็นต้น
ในยุคนี้การมีรายได้แค่ทางเดียวจากอาชีพมนุษย์เงินเดือน อาจจะไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่ เปรียบได้กับการเก็บไข่ควรเก็บไว้หลายตะกร้า ถ้าตะกร้าหนึ่งเสียหายไป ก็ยังมีไข่ตะกร้าอื่นไว้สำรองครับ
ที่มา
http://www.ThaiSMEfriend.com