ยาวหน่อยน่ะครับ
ผมและภรรยาแต่งงานและจดทะเบียนสมรสแล้ว มีความเห็นที่ต่างกันในการวางอนาคตเกี่ยวกับการซื้อบ้าน
จึงอยากถามความคิดเห็นเพื่อนๆ ว่าแนวทางไหนเป็นแนวทางที่ดี
ขอเกริ่นก่อนนะครับ ตอนนี้ จขกท อายุ24 ทำงานมาได้ 1 ปี รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 25000 บาท + รายได้เสริม5000บาท จขกทมีบ้านให้คนเช่า 1หลัง
เป็นหมู่บ้านททาว์เฮาส์ จริงๆจะทำเป็นเรือนหอ แต่ต้องตกแต่งอีกหลาย จึงต้องเก็บเงินก่อน เพราะเงินที่มีคือยืมพ่อมาแต่งงานและเงินเก็บทั้งหมด แฮะ ๆ
และผมมาอยู่บ้านแม่ยาย เนื่องจากแฟนเป็นลูกคนเดียว แม่ยายหวง อิอิ
(หักค่าใช้จ่าย แบ่งให้ที่บ้าน2000 แบ่งให้แม่ยาย2000 ค่าน้ำค่าไฟ แม่ยายจัดการ)หักค่าใช้จ่ายอื่นๆ เงินเก็บต่อเดือนประมาณ17000
ส่วนแฟนอายุ26 ทำงานราชการ(ครู) รายได้ 15000 +รายได้เสริม2000-3000
(คักค่าใช้จ่าย แบ่งให้แม่3000+ค่าน้ำมันรถ5000 หัก กบข อื่นๆ แฟนมีเงินเหลือเก็บ2000)
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อแฟนมีความคิดอยากได้บ้านเดี่ยว ราคา4.7 ล้าน เพื่อที่จะเผื่ออนาคตเมื่อมีลูกเพราะอีก2ปีเราคิดว่าจะมีลูกด้วยกัน
และคุณเธอไม่ชอบบ้านทาวน์เฮ้าส์ -*-
ข้อนี้แหละครับที่เป็นเรื่องในการถกเถียงกัน
เมื่อแฟนยื่นข้อเสนอมาแบบนี้ แน่นอนทางออกเดียวคือต้องกู้ธนาคาร และแฟนคิดว่ากู้ผ่านแน่นอนเพราะคุณเธอมีที่ดิน ธนาคารตีราคาให้3ล้าน
และที่เหลือจะให้ผมขายบ้านที่ผมจะไว้ทำเรือนหอทิ้งและรวมเงินกันซื้อ แต่ติดอยู่ที่ว่าบ้านหลังนี้ยังไม่ใช่ของผมเป็นของคุณป้าที่รัก และแกมีเจตนา
ยกให้เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยในการเริ่มต้นชีวิตและให้ดูแล ผมจึงไม่สามารถขายสมบัติชิ้นนี้ได้ จึงได้เกิดข้อโต้แย้งกันระหว่าง2แนวคิด
แนวคิดที่1คือแนวคิดของผมเองคือ เก็บเงินให้ได้ตามเป้าเพื่อที่จะตกแต่งบ้านให้สวย น่าอยู่ และทำเป็นที่สอนพิเศษ เพราะบ้านอยู่ในตัวเมืองติดกับ รร
ที่แฟนสอนทำให้สามารถสอนพิเศษเพิ่มรายได้ ตั้งเป้าไว้ที่ 3 แสนบาทในการรีโนเวทครั้งนี้ และค่อยๆเก็บเงินเมื่อพร้อมค่อยซื้อบ้านหลังใหม่
แต่ทางแฟนเห็นว่ากว่าจะถึงเวลานั้นบ้านเดี่ยวที่เธอใฝ่ฝัน จะไม่ใช่ราคาแค่นี้และถึงเวลานั้นจะหาบ้านเดี่ยวราคานี้ไม่ได้
ส่วนแนวคิดที่ 2 เธอต้องการขายที่ดินและยื่นกู้มาผ่อน แต่แนวคิดนี้ผมเห็นว่า อนาคตยังไม่แน่นอนไหนจะมีลูก ไหนจะค่าใช้จ่ายอื่นๆและดอกเบียที่ขึ้นเร็วกว่าดอกเห็ด กลัวฉุกเฉิน ไหนจะค่าใช้จ่ายถ้ามีลูก จึงไม่เห็นด้วย และค่าใช้จ่ายส่วนตัวของคุณเธอที่สูงพอตัวผมจึงเห็นว่ายังไม่พร้อมที่จะรีบมีหนี้
ทำให้คุณเธอไม่พอใจ หาว่าผมไม่มองอนาคตอันไกล แต่ผมมองว่าเธอมองไกลเกินไป มันข้ามสเต็ปการออมเงินไป ซึ่งมันขัดแย้งกับแนวคิดและสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
คำถามคือ ถ้าเป็นพี่ๆ พี่ๆจะทำยังไง ระหว่าง2 แนวคิดนี้ และเห็นด้วยกับแนวคิดไหน
อยากถามความคิดเห็นเพื่อนๆพี่ๆที่คิดจะซื้อบ้าน ตั้งแต่อายุยังน้อย
ผมและภรรยาแต่งงานและจดทะเบียนสมรสแล้ว มีความเห็นที่ต่างกันในการวางอนาคตเกี่ยวกับการซื้อบ้าน
จึงอยากถามความคิดเห็นเพื่อนๆ ว่าแนวทางไหนเป็นแนวทางที่ดี
ขอเกริ่นก่อนนะครับ ตอนนี้ จขกท อายุ24 ทำงานมาได้ 1 ปี รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 25000 บาท + รายได้เสริม5000บาท จขกทมีบ้านให้คนเช่า 1หลัง
เป็นหมู่บ้านททาว์เฮาส์ จริงๆจะทำเป็นเรือนหอ แต่ต้องตกแต่งอีกหลาย จึงต้องเก็บเงินก่อน เพราะเงินที่มีคือยืมพ่อมาแต่งงานและเงินเก็บทั้งหมด แฮะ ๆ
และผมมาอยู่บ้านแม่ยาย เนื่องจากแฟนเป็นลูกคนเดียว แม่ยายหวง อิอิ
(หักค่าใช้จ่าย แบ่งให้ที่บ้าน2000 แบ่งให้แม่ยาย2000 ค่าน้ำค่าไฟ แม่ยายจัดการ)หักค่าใช้จ่ายอื่นๆ เงินเก็บต่อเดือนประมาณ17000
ส่วนแฟนอายุ26 ทำงานราชการ(ครู) รายได้ 15000 +รายได้เสริม2000-3000
(คักค่าใช้จ่าย แบ่งให้แม่3000+ค่าน้ำมันรถ5000 หัก กบข อื่นๆ แฟนมีเงินเหลือเก็บ2000)
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อแฟนมีความคิดอยากได้บ้านเดี่ยว ราคา4.7 ล้าน เพื่อที่จะเผื่ออนาคตเมื่อมีลูกเพราะอีก2ปีเราคิดว่าจะมีลูกด้วยกัน
และคุณเธอไม่ชอบบ้านทาวน์เฮ้าส์ -*-
ข้อนี้แหละครับที่เป็นเรื่องในการถกเถียงกัน
เมื่อแฟนยื่นข้อเสนอมาแบบนี้ แน่นอนทางออกเดียวคือต้องกู้ธนาคาร และแฟนคิดว่ากู้ผ่านแน่นอนเพราะคุณเธอมีที่ดิน ธนาคารตีราคาให้3ล้าน
และที่เหลือจะให้ผมขายบ้านที่ผมจะไว้ทำเรือนหอทิ้งและรวมเงินกันซื้อ แต่ติดอยู่ที่ว่าบ้านหลังนี้ยังไม่ใช่ของผมเป็นของคุณป้าที่รัก และแกมีเจตนา
ยกให้เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยในการเริ่มต้นชีวิตและให้ดูแล ผมจึงไม่สามารถขายสมบัติชิ้นนี้ได้ จึงได้เกิดข้อโต้แย้งกันระหว่าง2แนวคิด
แนวคิดที่1คือแนวคิดของผมเองคือ เก็บเงินให้ได้ตามเป้าเพื่อที่จะตกแต่งบ้านให้สวย น่าอยู่ และทำเป็นที่สอนพิเศษ เพราะบ้านอยู่ในตัวเมืองติดกับ รร
ที่แฟนสอนทำให้สามารถสอนพิเศษเพิ่มรายได้ ตั้งเป้าไว้ที่ 3 แสนบาทในการรีโนเวทครั้งนี้ และค่อยๆเก็บเงินเมื่อพร้อมค่อยซื้อบ้านหลังใหม่
แต่ทางแฟนเห็นว่ากว่าจะถึงเวลานั้นบ้านเดี่ยวที่เธอใฝ่ฝัน จะไม่ใช่ราคาแค่นี้และถึงเวลานั้นจะหาบ้านเดี่ยวราคานี้ไม่ได้
ส่วนแนวคิดที่ 2 เธอต้องการขายที่ดินและยื่นกู้มาผ่อน แต่แนวคิดนี้ผมเห็นว่า อนาคตยังไม่แน่นอนไหนจะมีลูก ไหนจะค่าใช้จ่ายอื่นๆและดอกเบียที่ขึ้นเร็วกว่าดอกเห็ด กลัวฉุกเฉิน ไหนจะค่าใช้จ่ายถ้ามีลูก จึงไม่เห็นด้วย และค่าใช้จ่ายส่วนตัวของคุณเธอที่สูงพอตัวผมจึงเห็นว่ายังไม่พร้อมที่จะรีบมีหนี้
ทำให้คุณเธอไม่พอใจ หาว่าผมไม่มองอนาคตอันไกล แต่ผมมองว่าเธอมองไกลเกินไป มันข้ามสเต็ปการออมเงินไป ซึ่งมันขัดแย้งกับแนวคิดและสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
คำถามคือ ถ้าเป็นพี่ๆ พี่ๆจะทำยังไง ระหว่าง2 แนวคิดนี้ และเห็นด้วยกับแนวคิดไหน