Krungsri Exclusive Investment Outlook 2014
Royal Balloom, Mandarin Oriental Hotel
20 February 2014
ผมได้รับสิทธิพิเศษเข้าร่วมงาน ‘Krungsri Exclusive Investment Outlook 2014’ เจาะลึกมุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนปึ 2014 ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็เคยได้เข้าร่วมงานที่จัดโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยาและหลักทรัพย์กรุงศรีฯ ผมต้องบอกตามตรงว่า เขาจัดงานได้มีคุณภาพแบบระดับ Exclusive จริง ๆ ครับ ทั้งสถานที่จัดงานและเมนูอาหารที่นำมาเสิร์ฟภายในงาน สมกับเป็นธนาคารที่มีฐานลูกค้าแบบบุคลธรรมดาอันดับหนึ่งจริง ๆ ครับ
นอกจากสถานที่จัดงานและเมนูอาหารที่เลิศหรูแล้ว ผู้ได้รับเชิญร่วมงานเกือบทั้งหมดจะเป็นนักลงทุนรายใหญ่ ผู้จัดการกองทุน และคนในแวดวงการเงินการลงทุนทั้งนั้น ผมเป็นเพียงไม่กี่คนที่เป็นนักลงทุนรายย่อยที่ได้ร่วมงาน นับว่าโชคดีจริง ๆ ครับ
สำหรับไฮไลต์ภายในงาน ได้เชิญ Special Guest มาร่วมเปิดมุมมองด้านการลงทุนกับ Mr. Brian P. Baker ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้อำนวยการ บริษัท พิมโก้ เอเชีย จำกัด (PIMCO Asia Ltd.) บริษัทจัดการกองทุนตราสารหนี้ระดับโลก ที่ให้เกีรติมาร่วมเปิดมุมมองความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยในพลวัตเศรษฐกิจโลก และทิศทางตลาดทุนในปี 2557
ก่อนที่ผมจะเข้าร่วมงาน ผมได้มีความสนใจที่อยากจะกระจายความเสี่ยงนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ โดยให้ความสนใจกับประเทศญี่ปุ่นเป็นพิเศษ โดยประเด็นที่ผมได้ lecture เอาไว้จึงเกี่ยวกับประเด็นเรื่องมุมมองการลงทุนในญี่ปุ่น และมุมมองเศรษฐกิจภายในประเทศไทยเป็นหลักครับ

คุณไบรอัน เบเกอร์ ได้ให้มุมมองต่อผลพวงที่จะเกิดขึ้นหลังจากใช้มาตรการ Abenomics ไว้ว่า การที่ภาครัฐใส่เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ส่วนหนึ่งจะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นสูงขึ้น ประชาชนภายในประเทศจะอยากใช้จ่ายกันมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเพราะก่อนหน้านี้มาประเทศญี่ปุ่นเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจถดถอย และเงินฝืดมานานหลายปีแล้ว แต่ประเด็นที่คุณไบรอันเป็นห่วงต่อมาตรการนี้ คือ การจัดการกับปัญหาโครงสร้างพื้นฐานของญี่ปุ่นได้ ได้แก่ โครงสร้างประชากรที่มีสัดส่วนของแรงงานที่เล็กลงเรื่อย ๆ ซึ่งมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไปทางญี่ปุ่นอาจจะแก้ไขด้วยการให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเปลี่ยนกลับมาทำงานมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องวัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่ผู้หญิงเมื่อแต่งงานแล้วจะออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน หรืออีกวิธีหนึ่งคือ การเปิดเสรีให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานมากขึ้นนั่นเอง
หลังจากผมฟังประเด็นนี้แล้ว ทำให้ผมพอเข้าใจว่าทำไมก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นถึงไม่ทำ New-high มานาน ปัญหาเรื่องโครงสร้างประชากรศาสตร์มันเป็นประเด็นที่ไม่ได้แก้ไขกันได้ง่ายและส่งผลต่อเนื่องระยะยาวด้วย แต่หลังจากที่มีมาตรการ Abenomic ตลาดหุ้นญี่ปุ่นถึงได้กลับมาทำ New-high ได้อีกครั้ง แต่จากประเด็นที่คุณไบรอัน เบเกอร์ ได้พูดถึง ทำให้ผมต้องติดตามประเด็นนี้อย่างต่อเนื่องถ้าหากผมจะตัดสินใจซื้อกองทุนที่ไปลงทุนญี่ปุ่น
สุดท้ายคุณไบรอัน ได้สรุปปัจจัยที่มีผลกระทบกับการลงทุนในปี 2557 มี 5 ประเด็นหลักที่ต้องติดตามกัน ได้แก่
1) การเปลี่ยนแปลงของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ QE ของประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องติดตามว่าการลดมาตรการ QE จะสามารถทำได้อย่างราบรื่นไหม เพราะหากการลด QE มีผลกระทบตามมา และไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง จะกระทบกับทุกประเทศทั่วโลก เนื่องจากเกือบทุกประเทศนั้นได้ถือเงินดอลลาร์ไว้
2) ธนาคารต่าง ๆ ในยุโรปยังไม่มั่นใจในการปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจ
3) อัตราเงินเฟ้อในประเทศกำลังพัฒนายังคงต่ำ
4) มาตรการ Abenomic จะสัมฤทธิ์ผลไหม
5) ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศกำลังพัฒนา
สุดท้ายหวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมงานดี ๆ แบบนี้ที่จัดโดยธนาคารและหลักทรัพย์กรุงศรีฯ อีกนะครับ ^^
เก็บตกงาน 'Krungsri Exclusive Investment Outlook 2014'
ผมได้รับสิทธิพิเศษเข้าร่วมงาน ‘Krungsri Exclusive Investment Outlook 2014’ เจาะลึกมุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนปึ 2014 ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็เคยได้เข้าร่วมงานที่จัดโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยาและหลักทรัพย์กรุงศรีฯ ผมต้องบอกตามตรงว่า เขาจัดงานได้มีคุณภาพแบบระดับ Exclusive จริง ๆ ครับ ทั้งสถานที่จัดงานและเมนูอาหารที่นำมาเสิร์ฟภายในงาน สมกับเป็นธนาคารที่มีฐานลูกค้าแบบบุคลธรรมดาอันดับหนึ่งจริง ๆ ครับ
นอกจากสถานที่จัดงานและเมนูอาหารที่เลิศหรูแล้ว ผู้ได้รับเชิญร่วมงานเกือบทั้งหมดจะเป็นนักลงทุนรายใหญ่ ผู้จัดการกองทุน และคนในแวดวงการเงินการลงทุนทั้งนั้น ผมเป็นเพียงไม่กี่คนที่เป็นนักลงทุนรายย่อยที่ได้ร่วมงาน นับว่าโชคดีจริง ๆ ครับ
สำหรับไฮไลต์ภายในงาน ได้เชิญ Special Guest มาร่วมเปิดมุมมองด้านการลงทุนกับ Mr. Brian P. Baker ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้อำนวยการ บริษัท พิมโก้ เอเชีย จำกัด (PIMCO Asia Ltd.) บริษัทจัดการกองทุนตราสารหนี้ระดับโลก ที่ให้เกีรติมาร่วมเปิดมุมมองความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยในพลวัตเศรษฐกิจโลก และทิศทางตลาดทุนในปี 2557
ก่อนที่ผมจะเข้าร่วมงาน ผมได้มีความสนใจที่อยากจะกระจายความเสี่ยงนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ โดยให้ความสนใจกับประเทศญี่ปุ่นเป็นพิเศษ โดยประเด็นที่ผมได้ lecture เอาไว้จึงเกี่ยวกับประเด็นเรื่องมุมมองการลงทุนในญี่ปุ่น และมุมมองเศรษฐกิจภายในประเทศไทยเป็นหลักครับ
คุณไบรอัน เบเกอร์ ได้ให้มุมมองต่อผลพวงที่จะเกิดขึ้นหลังจากใช้มาตรการ Abenomics ไว้ว่า การที่ภาครัฐใส่เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ส่วนหนึ่งจะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นสูงขึ้น ประชาชนภายในประเทศจะอยากใช้จ่ายกันมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเพราะก่อนหน้านี้มาประเทศญี่ปุ่นเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจถดถอย และเงินฝืดมานานหลายปีแล้ว แต่ประเด็นที่คุณไบรอันเป็นห่วงต่อมาตรการนี้ คือ การจัดการกับปัญหาโครงสร้างพื้นฐานของญี่ปุ่นได้ ได้แก่ โครงสร้างประชากรที่มีสัดส่วนของแรงงานที่เล็กลงเรื่อย ๆ ซึ่งมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไปทางญี่ปุ่นอาจจะแก้ไขด้วยการให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเปลี่ยนกลับมาทำงานมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องวัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่ผู้หญิงเมื่อแต่งงานแล้วจะออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน หรืออีกวิธีหนึ่งคือ การเปิดเสรีให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานมากขึ้นนั่นเอง
หลังจากผมฟังประเด็นนี้แล้ว ทำให้ผมพอเข้าใจว่าทำไมก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นถึงไม่ทำ New-high มานาน ปัญหาเรื่องโครงสร้างประชากรศาสตร์มันเป็นประเด็นที่ไม่ได้แก้ไขกันได้ง่ายและส่งผลต่อเนื่องระยะยาวด้วย แต่หลังจากที่มีมาตรการ Abenomic ตลาดหุ้นญี่ปุ่นถึงได้กลับมาทำ New-high ได้อีกครั้ง แต่จากประเด็นที่คุณไบรอัน เบเกอร์ ได้พูดถึง ทำให้ผมต้องติดตามประเด็นนี้อย่างต่อเนื่องถ้าหากผมจะตัดสินใจซื้อกองทุนที่ไปลงทุนญี่ปุ่น
สุดท้ายคุณไบรอัน ได้สรุปปัจจัยที่มีผลกระทบกับการลงทุนในปี 2557 มี 5 ประเด็นหลักที่ต้องติดตามกัน ได้แก่
1) การเปลี่ยนแปลงของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ QE ของประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องติดตามว่าการลดมาตรการ QE จะสามารถทำได้อย่างราบรื่นไหม เพราะหากการลด QE มีผลกระทบตามมา และไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง จะกระทบกับทุกประเทศทั่วโลก เนื่องจากเกือบทุกประเทศนั้นได้ถือเงินดอลลาร์ไว้
2) ธนาคารต่าง ๆ ในยุโรปยังไม่มั่นใจในการปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจ
3) อัตราเงินเฟ้อในประเทศกำลังพัฒนายังคงต่ำ
4) มาตรการ Abenomic จะสัมฤทธิ์ผลไหม
5) ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศกำลังพัฒนา
สุดท้ายหวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมงานดี ๆ แบบนี้ที่จัดโดยธนาคารและหลักทรัพย์กรุงศรีฯ อีกนะครับ ^^