การใช้ชีวิตของคนรอบตัว ทำให้เราเจอคำตอบ.........

..สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยากมาแชร์ประสบการณ์ชีวิตที่เราเจอมา ซึ่งมันทำให้เราสามารถเปลี่ยนความคิดการดำเนินชีวิตของเราได้อย่างสสิ้นเชิง อาจเป็นเพราะเรากำลังก้าวสู้วัยผู้ใหญ่ก็เป็นได้ค่ะ ขอแชร์นะคะ ...

หลังเราเรียนจบแล้ว....เรามาทำงานที่บ้าน กิจการครอบครัว  หลายคนอิจฉาเรา เพราะจบมามีกิจการรองรับ มีงาน มีเงิน เป็นเจ้านายคน ฯลฯ ... แต่ทำไมเรารู้สึกอิจฉาเพื่อน ๆ ได้ออกไปปีกกล้าขาแข็ง เผชิญโลกภายนอกเอง เรียนรู้เอง ใช้ชีวิตที่เลือกเอง...และที่สำคัญเราไม่ชอบงานที่บ้านเราเอาซะเลย หลังจากในเมื่อเราตัดสินใจแล้วที่จะทำงานที่บ้าน(เพราะไม่มีทางเลือก) เราก็จะทำให้มันดีที่สุด
...พ็นฐานเราเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่ทำงานไม่ค่อยมีเวลาให้เราเลย เราเรียนตจว มาตั้งแต่ม.ต้นจนป.ตรีอายุ  พอกลับมาอยู่บ้านที่ต้องอยู่บ้านทุกวัน มันเลยไม่ชินเอาซะเลย เรามีนิสัยเอาแต่ใจ  ใช้เงินเก่ง เก็บไม่อยู่เลย แรกเริ่มทำงาน เราเจอพนักงานทดสอบมากมาย แต่ในที่สุด เราก็ดีใจที่เราพิสูจน์ให้พนักงานยอมรับเราและความสามารถเราได้ สอง เราต้องแก้นิสัยและปรับปรุงตัวเอง หัดเก็บอารมณ์ การรับกับสภาวะกดดันต่าง ๆ เราคิดถึงการเป็นคนธรรมดาให้มากกว่าคนที่สังคมรู้จัก ในที่สุดเราก็ค้นพบล้วว่า ในโลกธุรกิจ การเป็นที่รู้จักในสังคมจะได้รับการปฏิบัติไม่เหมือนกัน เอาง่ายๆแค่เข้าธนาคาร รู้จักกับคนในแบงค์ก็ไม่ต้องนั่งรอตามคิวแล้ว...  หลายสิ่งที่เราเรียนรู้ด้วยตัวเองมาระยะหนึ่ง  เราก็สังเกตุคนรอบข้างบ้าง

เริ่มจาก...คนที่เราอ้างอิงถึงนั้นเป็นนที่เรารู้จักมาตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กเราก็มีมุมมองแค่เด็ก ว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ ที่ใจดีกับเราหรือไม่ดีกับเราแค่นั้น
พอโตขึ้น เราได้เห็นแนวทางการใช้ชีวิตของเขามากขึ้น หลายคน ก็หลายผลลัพธ์จากการดำเนินชีวิต

คนที่หนึ่ง ...เป็นคนที่ขยันทำงานมาก ตั้งแต่เด็กจนโต เห็นเขาทำงานทุกวัน นานมากที่มีวันหยุดได้พักผ่อน พอถึงวันหยุดเขาก็ทำงาน แต่เขาไม่เคยสนใจเรื่องการเก็บเงินเลย เป็นคนกล้าเสี่ยง ทำงานโดยไม่เคยคิดว่าต้นทุนเท่าไร จุดคุ้มทุนอยู่ตรงไหน บั้นปลายชีวิตอยากทำอะไร เขาโชคดีที่มีภรรยาและลูก ที่ช่วยบริหารเงินให้งอกเงยและเก็บเงินให้   แต่เขาก็ทะเลาะกับครอยครัวบ่อยมาก เนื่องจากเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูงไม่รับฟังใคร เห็นคนอื่นสำคัญกว่าคนใกล้ตัว จากการเป็นคนกล้าเสี่ยงมากและไม่ประเมินศักยภาพตนเองคิดแต่ผลลัพธ์ในด้านบวก คนในครอบครัวเตือนไม่ฟัง สุดท้ายเขาโดนโกงจนแทบล้มละลาย เท่ากับทั้งชีวิตที่หามาก็ต้องมานับหนึ่งใหม่  บทเรียนชีวิตของเขาที่เราได้คือ เราคิดว่าเขาใช้ชีวิตไม่ work life balance เอาซะเลย บางอย่างก็สุดโต่งเกินไป บางอย่างก็ขาดมากไป และจากการตัดสินใจที่ไม่รับฟังคนใกล้ตัวเตือนนั้น ทำให้คนใกล้ตัวที่เขาไม่ค่อยให้ความสำคัญต้องมารับกรรมด้วย ชีวิตคนใกล้ตัวที่โดนรับกรรมไปด้วยจึงมีแต่ความเครียดเกือบทุกวัน

คนที่สอง...เป็นคนที่เรียนเก่งเกียรตินิยม นิสัยดี มีความซื่อสัตย์มาก ทำงานเป็นหัวหน้าที่บริษัทแห่งหนึ่ง อายุการทำงานหลายปี  เจ้าของบริษัทไว้ใจมาก ให้บริหารงานแทบทุกอย่าง ช่วยตัดสินใจงาน ทำงานเก่งแต่ไม่ชอบกระจายงาน กลัวคนอื่นจะแย่งงานตัวเอง บริหารงานเหมือนจะเก่งงานทุกอย่าง แต่สุดท้ายทำบริษัทสูญหนี้เกือบสิบล้าน   จวบกับชีวิตตอนเป็นวัยรุ่นทำงานแต่ไม่เคยเก็บเงิน ใช้เงินเก่ง กินเหล้าบ่อยมาก ทำให้ป่วยหนักมาจวบเหมาะกับมีปัญหาเรื่องงาน และมาทำงานไม่ค่อยได้เข้ารพ.บ่อย ขาดรายได้ เงินเก็บก็ไม่มี ไม่มีรายได้สำรอง เงินเข้ามีช่องทางเดียวคืองานบริษัทกินเงินเดือน ไหนจะภาระครอบครัวที่ต้องดูแล  ทุกวันนี้เห็นเขามาระบายความทุกข์ให้ฟังและโทษตัวเองว่า ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด บทเรียนจากการใช้ชีวิตเขาที่เราได้คือ เราควรเก็บเงินอย่างจริงจังแล้วและหารายได้เพิ่มทางอื่นบ้าง และเกรดเฉลี่ยไม่ได้วัดการประสบความสำเร็จในชิวิตเอาซะเลย บริหารทุกอย่างได้อย่าลืมวางแผนบริหารชีวิตตัวเอง


คนที่สาม... เป็นคนที่เรียนไม่สูง อยู่อย่างพอพียง ทำการเกษตรอย่างมีหลักการ ใช้ความรู้ทำเกษตรและศึกษาสิ่งที่ไม่รู้ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา เขาบริหารชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย ไมกินเที่ยวฟุ้งเฟ้อ ไม่เล่นหวยรวยเบอร์ ทำงานผลผลิตจากเกษตรออกผลมากกว่ามืออาชีพที่ทำมานานกว่าเขา รายได้มากมาย มีเงินเก็บ รู้จักวางแผนชีวิตตัวเอง ทำอะไรไม่เกินตัว ตอนนี้มีรถ มีบ้าน มีกิจการเสริมสองสามช่องทาง เขาบอกว่าเขาเรียนมาไม่สูง เขาต้องไขว่คว้า และใช้ชีวิตไม่ประมาท  แต่ตอนนี้ที่เขาเจอการเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้คือ จำนำข้าว ทำเขาเซไปเหมือนกัน  เราว่าคนนี้น่าอิจฉาที่สุด มีเวลาให้ตัวเอง มีเวลาดูแลครอบครัว มีเงินใช้ เขาเคยน้อยใจในโชคชะตาที่ไม่มีสังคมกว้างขวางเท่าไร ไม่มีเงินใช้เยอะๆ ไม่ได้ไปเที่ยวตปท ไม่มีอย่างที่คนอื่นกำลังหากัน แต่เขามีในสิ่งที่ปัจจัยพื้นฐานมนุษย์ต้องการอย่างสมบูรณ์ เราบ่นอิจฉาเขาบ่อย ๆ จนเขาแปลกใจว่าทำไมเราต้องมาอิจฉาเขา เขามีดีอะไร เราพูดในสิ่งที่เขามีคือสิ่งที่เรียบง่ายบนความพอดี จนตอนนี้เขาภูมิใจในตัวเขาเอง และแลดูมีความสุขมากกว่าเราซะอีก

....ตัวอย่างจาก 3 คนนี้  และหลายคนมากที่เราไม่ได้เล่า ทำให้เราฉุกคิดชีวิตตัวเอง ....เราโตขึ้นก็เจอคนที่เข้ามาในชีวิตเยอะขึ้น บางคนก็เป็นบทเรียนให้เรา บางคนก็สอนบทเรียนให้เรา แต่เราดีใจที่ตอนนี้การดำเนินชีวิตของหลายคนทำให้เราเห็นผลลัพธิ์ของการกระทำ เหมือนคำว่าเหตุต้นผลกรรมเลย เหตุต้นจากการเลือกใช้ชีวิต กลายเป็นกรรมคือผลลัพธ์จากการเลือกใช้ชีวิต เราเปลี่ยนตัวเองได้และคิดได้ คือ หนึ่งเราทำงานที่บ้านได้โดยคิดว่ามันเป็นการตอบแทนบุญคุณครอบครัว และที่เราดีใจคือ เราสามารถทำออกมาได้ดี สอง เราดีใจที่ถึงเราจะไม่ได้ทำในสิ่งที่เราชอบมากนักแต่เรามีต้นทุนที่ดี พ่อแม่เราสอนเราดีถึงแม้จะโหดร้ายบ้าง พ่อแม่ไม่ให้เงินเราเริ่มต้นธุรกิจที่เราอยากจะลงทุนเลย แต่ท่านให้สมบัติคือที่ดินแก่เรา ให้เราไปงอกเงยเอาเอง  ตอนนี้เราดีใจที่มีรายได้จากฝีมือตนเอง(โดยพ่อแม่ซัพพอต) รายได้ประมาณ 1000K  หักต้นทุนแล้วกำไรประมาณ 60% และตอนนี้เราสามารถเก็บเงินได้แล้ว....เนื่องจากขยาดและกลัวที่จะมีชีวิตแบบคนรอบข้างที่ให้บทเรียนกับเรา ขอบคุณทุกท่านนะคะที่เข้ามาอ่านเราจนจบ เราเรียบเรียงไม่ค่อยเก่ง เขียนไม่ค่อยสนุก แต่ยังฝันอยากเป็นนักเขียนด้วย อิอิ ขอแท็กห้องที่เราเข้าบ่อยๆนะคะ บางห้องก็กลัวจะไม่เกี่ยวข้องเดี๋ยวจะถามว่าเอาว่าแท็กทำไมอ่ะค่ะ  


แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่