สวัสดีจ้า ช่วงก่อนหน้านี้สักเดือน พฤษภาคม เราไปไหนมาไหนมักมีแม่ค้าพ่อค้ามาบ่นให้ฟังว่า อยู่ดีดียอดขายหายไปเกือบ 30-50% แม้แต่ร้านที่ขายดีที่สุด ยอดขายก็ลดลง 10-20 %
🤔ทุกคนมีความถาม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
🤔ทุกคนมีความกังวลว่า ยอดขายจะหายไปชั่วคราว? หรือ หายไปถาวร? หรือจะหายไปหนักกว่านี้?
🤔ทุกคนเกิดความกลัวขึ้นมาในหัวใจว่า ถ้ามันไม่ดีขึ้น และ แย่ลงกว่านี้ แล้วจะทำอย่างไงต่อ? เพราะภาระหนี้สิน มากมายที่แบกไว้ มันไม่ได้หายไป
เราเข้าใจหัวอกของทุกคนดีที่สุดเลยค่ะเพราะเราเองก็กลัวและกังวลมาก แต่เชื่อไหมคะยิ่งเราบ่นให้กันและกันฟังเท่าไหร่ มันดีที่เรารู้สึกมีเพื่อนร่วมทุกข์ มันช่วยเยียวยาจิตใจเราได้บ้าง แต่มันกลับเหมือนเราฟังแต่ข่าวร้ายจนมองหาทางแก้ มองหาโอกาสอะไรไม่เจอเลย วันนี้เลยจะชวนทุกคนวางความกังวลลงชั่วคราวแล้วมาช่วยกัน หาทางสู้ทางรอด และโอกาศที่อาจจะซ่อนอยู่ด้วยกันค่ะ
ก่อนอื่นเราขอรีแคปสั้นๆว่าตอนนี้มีอะไรที่เกิดขึ้นบ้างในบ้านนอกบ้าง
1.เศรษฐกิจ: ตลาดต่างจังหวัดหลายพื้นที่ ขึ้นอยู่กับราคาพืชผลทางการเกษตร และตั้งแต่ต้นปีมานี้ ราคาดิ่งลงทุกตัว แม้กระทั่งทุเรียน เช่น
มันสัมปหลัง จาก 3,300 บาทต่อตัน เหลือ 1,300
ข้าวเปลือก จาก7,800-8,900 บาทต่อตัว เหลือ 4,500-5,300
จะเห็นว่าราคาที่ตก ตกลงแบบกระแทกพื้น หักต้นทุนการผลิตแล้ว ชาวนาชาวไร่แทบจะไม่เหลือเงินกินเงินใช้ เงินใช้หนี้สินก็แทบจะไม่พอ แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปออกรถ ซื้อตู้เย็น ซื้อทีวี ปรับปรุงต่อเติมบ้าน ทุกอย่างเลยหยุดชงัก หลังจากสงกรานต์ที่ผ่านมา
2.การแข่งขันกันขายแบบตายไปข้างนึง = ร้านค้าขนาดใหญ่ หรือ Modern Trade ต่างๆ เขาจับตาดูยอดขายตลอดเวลา พอยอดขายเริ่มหาย ทุกเจ้าทุกค่ายจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะดึงยอดขายกลับมาให้ได้ ทั้งลด ทั้งแลก ทั้งแจก ทั้งแถม ทั้งกดราคาขายลง จนสูสีต้นทุน โปรโมชั่นอะไรที่ไม่เคยเห็น เราก็ได้เห็น ซึ่งมันดีอย่างมากต่อผู้บริโภค ทุกคนจะได้ของที่ถูกลงอย่างมาก ลองสังเกตุ ดูรอบตัว ทั้งราคาบุฟเฟ่ ราคาสินค้าซื้อ1แถม1 โปรโมชั่น ปตท. ทั้งแจกทอง ทั้งมีราคาส่วนลด 50-60 สต. ต่อลิตร(เมื่อซื้อ150ลิตร) ซึ่งเจ้าใหญ่เขาสู้เพื่อความอยู่รอดขององค์กรของเขา แต่พวกเราชาวเถ้าแก่บ้านนอก จะสู้อย่างไง เพราะค้าขายแบบเดิมมาทั้งชีวิต เมื่อต้องเจอ มหาสงครามราคา เราจะอยู่ตรงไหนในสงครามราคานี้?
3.การขยายตัวขยายสาขาของModern Trade = ใน 5 ปีที่ผ่านมา หน้าตาของตลาดบ้านนอกต่างออกไปจากเดิมมากจากที่แข่งกันขายแคบๆในระดับ ตำบล อำเภอ จังหวัด แต่เมื่อการขยายตัวของ Modern Trade มาถึงหมู่บ้าน เรียกได้ว่าในระดับตำบลหรืออำเภอ เราสามารถมีได้ทั้ง 7 , CJ. Mr.DIY , หมู Happy , ร้าน ไทยฟู๊ด เฟรชมาร์ซ , ร้าน KFC , ร้าน Watson , ปั๊มน้ำมัน ปตท. , การบริการส่งถึงที่ของ Makro , ร้านไทวัสดุ ร้านค้าเหล่านี้เข้ามาแข่งกันนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดในราคาที่ถูกที่สุด ให้กับลูกค้าในพื้นที่ พวกเขาทั้งรู้จักและรู้ใจลูกค้าเป็นอย่างดี สามารถเทรนพนักงานให้ยิ้มแย้มแจ่มใส บริการลูกค้าได้อย่างดีมากๆ แล้วเรา เถ้าแก่บ้านนอก จะอยู่ตรงไหน จะสู้อย่างไงได้บ้าง
4.พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด = เหมือนที่เคยเล่าในตอนที่แล้ว ว่าลูกค้าขาประจำของแม่เรา ทยอยตายกันหมดแล้ว ไม่เกินจริง ตอนนี้อำนาจการจับจ่ายใช้สอยอยู่ในมือคนGen Y , GenZ ซึ่งเป็นคนที่ฉลาดเลือก และมีเครื่องมือและเวลามากพอที่จะหาสิ่งที่คุ้มค่า และ ดีที่สุดให้กับตัวเอง ซึ่งต่างจากคนยุคเก่า ที่เป็นยุคยากรำบาค ต้องทำงานหนัก พวกเขาไม่มีเวลาให้เลือก ไม่มีเวลาสังเกต ไม่สามารถเปรียบเทียบ ราคา ไม่มีเวลาเปรียบเทียบบริการได้ จึงมักจะซื้อแต่ร้านค้าและสินค้าเดิมๆทั้งชีวิต มันเลยน่าเศร้าที่ร้านค้าของเถ้าแก่บ้านนอก จำนวนมหาศาล ประมาณ 80 % ที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนตัวเอง ไม่สามารถ Up Skill ตัวเอง ให้ทันความต้องการและLifeStyle ของคนยุคใหม่ กำลังทยอยล้มหายตายจาก ระดับ สูญพันธ์ ลองสังเกตเวลาเดินทางออกต่างจังหวัด ถ้าได้ขับรถเข้าไปในตลาดเก่าต่างๆตามตัวจังหวัด ตัวอำเภอ จะเห็นแต่ตึกล้าง ติดป้าย ขาย เซ้ง โดนธนาคารยึด มีแต่ตึกปิดประตู เต็มไปด้วยนกพิราบมายึดพื้นที่ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นชุมชนซอมบี้ ก็ว่าได้
5.การตายของ The แบก = ครอบครัวไทยแท้ของเรา มักจะเฟ้นหา The แบก มาแบกคนไม่เอาไหนที่เหลือในครอบครัว 1 อัตตา ซึ่งตอนนี้ The แบกทั้งหลายซึ่งมักเข้าไปทำงานในเมืองได้รับผลกระทบจากการลดโอที ปรับลดชั่วโมงทำงาน และอาจถึงขั้นโดนให้ออกจากงาน หรือบริษัทปิดตัว ทำให้เงินที่เคยส่งมาบ้านนอกหายไป
6.ติดเครดิตบูโร กันเกือบทั้งหมด = จากที่ปีก่อนหน้านี้เรามาเล่าว่า ชาวเราบ้านนอกต่างออกรถมือ2มือ1มาใหม่หลังช่วง Covid และต้องเผชิญกับช่วงเวลาเงินฝืดเคือง เพราะเงินที่เคยใช้ซื้อชองกินของใช้ต้องเอาไปผ่อน ไปเติมน้ำมัน ไปต่อประกัน ต่อ พรบ. เปลี่ยนยาง เปลี่ยนแบต ซ่อมเครื่อง กัน แต่พอมาตอนนี้ คนกลุ่มนี้โดนยึดรถคืนกันไปเกือบหมดแล้ว เพราะสุดทาง ข่าวร้ายคือ ติดเครดิตบูโร จะไปออกรถ หรือกู้เงินอะไรอื่นๆ คือยากมากแล้ว เต้นรถต่างๆ รถสวยมากมาย ราคาก็ดี๊ดี เลยมีปัญหา ลูกค้ากู้ไม่ผ่าน กู้ไม่ได้ แต่ข่าวดีก็มี คือคนกลุ่มนี้กลับมาขับมอเตอร์ไซด์คันเก่า ค่าใช้จ่ายในการเดินทางลดลง และได้สภาพคล่องการซื้อกินซื้อของใช้กลับมา
นอกจาก6ข้อนี้คิดว่าท่านสมาชิกคนอื่นๆน่าจะมีอะไรเสริมอีกมากเลย ช่วยกันเมนต์มาบอกนะคะ ว่าในแต่ละชุมชนต่างๆตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ต่อไปเรามาช่วยกันหาโอกาสที่ซ่อนอยู่กันค่ะ เริ่มจากเรา เรามองว่า
1. การตายครั้งใหญ่ของร้านค้าเก่าๆ เปิดช่องให้คนรุ่นใหม่กลับมาเติมเต็มและเปลี่ยนแปลงตลาด แม้จะมี Modern Trade ลงสนามมาเยอะ แต่พวกเขาเหมือนยักษ์ใหญ่ที่ยังไปได้ไม่ทุกที่อยู่ดี และมีช่องว่างที่ยังไม่ถูกเติม ลองมองดูให้ดีในชุมชนที่อยู่ขาดอะไรไป อาจเริ่มจากการออกเดินทางไปดูตามชุมชนอื่น หลายๆที่ก่อน และยังมีอีกหลายอย่างที่Modern Trade ไม่ลงมาทำ เช่น ร้านอุปกรณ์การเกษตร ร้านปุ๋ยยา
2. ช่างฝีมือและมีความรับผิดชอบ คือ สินค้าที่ขาดตลาด ประเทศเราช่างเยอะ แต่ไม่มีมาตรฐาน เวลาไปใช้บริการมักโดนหลอกโดนฟันโดนทิ้งงานกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะช่างไฟ ช่างก่อสร้าง ช่างยนต์ ช่างแอร์ บ้านนอกเราหายากหมด แล้วยิ่งก่อนนี้ไปออกรถมือสองกันมาเยอะ โดยเฉพาะหลายคนซื้อรถต่อจากพ่อน้องออร์นิว เราเลยต้องการช่างที่มีมาตรฐาน ไม่ใช่พร้อมฟันทุกจุด ซึ่งกว่าจะเจอช่างดีๆสักคน ก็หมดไปเป็นแสน พอเจอแล้วก็ดันงานล้นมือ ทำไม่ทัน คิวยาว หาลูกนงลูกน้องไม่ได้อีก อยากจะบ้า ศูนย์รถทั้งหลายที่กำลังจะปิดตัวลงเพราะขายรถใหม่ไม่ได้เป้า ลองๆเข้าตลาดซ่อมรถให้มีมาตราฐานในราคาที่ยุติธรรมกันเถอะค่ะ
3. ราคาตึกแถวล้างๆกำลังตกลงเรื่อย ๆ เมื่อถึงจุดนึงในทำเทตลาดเก่า ที่ยังเป็นทำเลที่ดีอยู่ เหมาะแก่การซื้อหลายๆหน้าห้องแล้วทุบทิ้ง ปรับพื้นที่ให้ Modern Trade มาเช่าพื้นที่ ตอนนี้ทั่วประเทศกำลังขยายถนนใหม่ ทั้งใหญ่ขึ้น มีเกาะกลาง เดินทางระยะไกลสะดวกรวดเร็ว แต่เดินทางในชุมชนเองกลับยากรำบาค มักต้องกลับรถกับเป็นกิโลกว่าจะหาซื้อของได้ครบ ทำให้ชาวบ้านเปลี่ยนพฤติกรรม ถ้าคนมีเงินหน่อยก็จะรอจนครบอาทิตย์แล้วออกไปจับจ่ายซื้อของสักที ก็อาจขับรถไป Makro Lotus เลย แต่ชาวบ้านบางส่วนที่หาเช้ากินค่ำ ยังต้องซื้อของวันต่อวันก็ขี้เกียจขับรถเข้าถนนเส้นหลักเพราะต้องกลับรถและติดไฟแดงหลายครั้ง ก็จะหันมาจับจ่ายซื้อของในถนนสายลองลงมามากขึ้นเพราะความสะดวกรวดเร็ว ใครมีพื้นที่ทำนองนี้ในตัวอำเภอ ตัวตำบล ทุบห้องแถวออก ปรับที่ให้โล่ง กว้าง ก็มีโอกาสจะเข้าตา Modern Trade มาเช่าที่
4. Modern Trade ไม่ใช่ศัตรู และเขาเป็นแม่เหล็กให้ชุมชน อย่ามัวแต่ต่อต้าน แต่ให้หาจุดร่วม ที่ไหนมี Modern Trade มากระจุกตัวเยอะก็ยิ่งเรียกกระแสผู้บริโภคเข้ามาในชุมชน และยิ่งที่ตรงไหนแข่งกันดุเดือน เช่น7 ตั้งติด กับ CJ ติดกับMr.diy ตัดกับหมูHappy หรือไทยเฟรชมาช ตรงนั้นยิ่งถูกใจผู้บริโภค เราที่อยู่ไกล้ยิ่งได้รับผลดี แค่ต้องหาอะไรมาเสริมในจุดที่พวกเขาขาดไป
5. ชาวบ้านทุกคนตอนนี้กำลังระมัดระวังการใช้เงิน เราต้องหาของที่ถูก คุ้มค่า แบ่งเป็นชิ้นเล็กลง ปรับราคาลง มาขาย (เป็นเทคนิคที่เราเห็นมาตอนวิกฤติ40 เช่นเบียร์ช้าง 3 ขวด 100 บาท)หลายคนอาจบ่นว่า ทำไม่ได้ต้นทุนสูงมากตอนนี้ ให้เราพิจารณาให้ดี ว่าต้นทุนอะไรที่สูงกันแน่ เถ้าแก่บ้านนอก 99% ขายแบบไม่รับรู้ตัวเลข ไม่รู้ยอดขาย ไม่ทำสถิติ ไม่หาซัพพลายเออร์ใหม่ๆ ไม่รู้ต้นทุนบริหาร ไม่แยกค่าใช้จ่ายส่วนตัว ใช้รวมกันจนหาต้นหาปลายเจอ บริหารตามความรู้สึกของตัวเอง และติดกับการขายกำไรต่อชิ้นสูงมาจากการขายยุคก่อน จึงมักจะยอมแพ้ทันทีที่มีสงครามราคา ความเป็นจริงๆด้วยความที่ซัพพลายเออร์ต่างๆก็พยายามพยุงยอดขายเช่นกัน ช่วงที่ผ่านมาก็มีทั้งปรับราคาลง ทั้งลดทั้งแถม แถมมีซัพพลายเออร์ใหม่ๆเข้าตลาดมา มีสินค้าใหม่ๆในราคาที่ถูกลง เข้ามาแทน หรือเป็นสินค้าเปรียบเทียบ เยอะแยะไปหมด เพราะ ทุกคนรู้ว่าตอนนี้ ชาวบ้านต้องการของคุณภาพใช้ได้ ราคาถูกลงมาทดแทนเก่า กันทั้งงั้น
(ขอยกตัวอย่างเราเองใน 5 เดือนที่ผ่านมาเราเปลี่ยนอะไรไปบ้าง
1.เปลี่ยนยี่ห้ออาหารหมาอาหารแมว เมื่อก่อนใช้กระสอบละ 1,600 ตอนนี้ใช้กระสอบละ 900 บาทแทน ถึงราคาจะต่ำลงแต่คุณภาพทดแทนกันได้ น้องหมาน้องแมวกินกันดีมาก
2.ปรับรถโปรโมชั่นมือถือให้ต่ำลง
3.ปกติซื้อของสะดวกกินจาก 7 มาตุนไว้ในตู้เย็นครั้งละ 500-900 บาท เปลี่ยนมาเป็นเดินตลาดสด ซื้อก๋วยเตี๋ยว โจ๊ก ข้าวต้ม น้ำเต้าหู้ร้านอร่อย และแกงถุง 30 บาท มาตุนแทน ช่วยลดค่าการใช้เงินไปได้เกือบครึ่ง
4.เปลี่ยนยี่ห้อข้าวสาร ก่อนนี้กินถังละ 370 บาท ตอนนี้เลือกกินถังละ 250 บาท อร่อยเหมือนเดิม
5.เปลี่ยนคลินิกรักษาสัตว์ เพราะบ้านเราเลี้ยงหมา10 ตัวเลี้ยงแมว 10ตัว จึงต้องไปคลินิกเกือบทุกเดือนละทุกครั้งที่ไปไม่เคยต่ำกว่า 1000 บาท พอได้บ่นปรับทุกข์กับสมาคมทาสด้วยกัน จึงได้รู้จักคลินิกใหม่ เก่งมาก ราคาถูกกว่าครึ่ง ...เราจึงไม่เคยกลับไปคลินิกเดิมอีกเลย หลักจากที่เคยเป็นลูกค้าประจำมา 5 ปี)
6.เราออกเดทกับสามีน้อยลงจากที่เคยออกไปหาอาหารอร่อยหรือบุฟเฟ่พรีเมี่ยม กินกันทุกอาทิตย์เราเปลี่ยนเป็นเหลือแค่เดือนละ 1 ครั้ง
7.เราเลิกใช้น้ำยาถูพื้นและหันมาใช้แค่น้ำเปล่าแทน
นี่ขนาดว่าตัวเราเองและธุรกิจของเราไม่ได้มีหนี้สินเลย เรายังรู้สึกว่าต้องปรับต้องลดต้องเปลี่ยนขนาดนี้ ดังนั้นเราเชื่อเลยว่า หลังจากนี้ไปหลายๆคนคงแข่งกันหาความคุ้มค่ากันอย่างดุเดือด เพราะฉะนั้น ใครที่ปรับราคาลงได้ไว มีสิ้นค้าตัวเทียบที่ราคาถูกซื้อง่ายให้เลือก ย่อมชนะคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย หากมองออกไปให้ดีอย่างใจเป็นกลาง เราจะเห็นคนที่ทำมันได้ และลูกค้ามากมายไปกองรวมอยู่ที่นั่น(ร้านแกงถุงในหมู่บ้าน ถุงละ20บาทขายดีอย่างกะแจกฟรี เพราะเขาทำได้ ทั้งอร่อย ทั้งเพราะเขาหาแหล่งวัตถุดิบได้ถูก )
หลังจากนี้ ร้านค้ายุคเก่าไม่ปรับตัว จะตายเรียบ ใครที่ปรับตัวได้ คือผู้ที่รอดชีวิต และได้รับการจดจำจากลูกค้า ว่าเป็นร้านที่คุ้มค่า จะซื้ออะไรต้องมาที่นี่ ราคาถูกราคาชัดเจน ของครบ หลากหลาย ที่จอดรถสะดวก และทุกข์ปัญหาเศรษฐกิจมักจะไม่อยู่ตลอดไป ดังนั้นใครที่รอดไปได้มักจะร่ำรวยได้อย่างมากในอนาคต เพราะคู่แข่งๆเก่าๆตายหมดแล้ว
อยากให้เพื่อนๆช่วยคิดเพิ่มเติมหรือมาแชร์ว่ากำลังใช้กลยุทธ์อะไรกันอยู่หรือเห็นช่องโอกาสอะไรเพิ่มบ้าง มาช่วยระดมสมองกันเยอะๆนะคะ
(ส่วนกิจการของเรา ที่กำลังใช้ก็คือ1. ปรับโปรโมชั่นชนModern Trade (ที่เราทำได้เพราะต้นทุนบริหารจัดการเราต่ำ เนื่องจากได้ทำ Lean ให้ระบบมาก่อนหน้านี้) 2.ขายสินค้าบางตัวที่เป็นสิ่งที่ลูกค้าใช้บ่อยๆ ในราคาเท่าทุน เพื่อเป็นการดึงดูด ถึงการคุ้มค่าที่จะเข้ามาใช้บริการ 3.เพิ่มบริการเพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้ามากขึ้นโดยไม่เพิ่มรายจ่าย เพราะใช้พนักงานเท่าเดิม 4.เราเพิ่มการโปรโมทการรับรู้ให้ลูกค้าทุกช่องทางว่าร้านเรา ทั้งลดแลกแจกแถม และมีสินค้าบางอย่างที่ที่อื่นไม่มี และมีบางอย่างที่ถูกกว่าที่อื่น ถ้ามาแล้ว ทั้งคุ้มค้า ทั้งสะดวก ทั้งหลากหลาย ทั้งมั่นใจได้ในคุณภาพ )
เถ้าแก่บ้านนอก ตอน เรามาเลิกบ่นเศรษฐกิจไม่ดี แล้วมาหาทางสู้และโอกาสที่ซ่อนอยู่กันเหอะ
🤔ทุกคนมีความถาม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
🤔ทุกคนมีความกังวลว่า ยอดขายจะหายไปชั่วคราว? หรือ หายไปถาวร? หรือจะหายไปหนักกว่านี้?
🤔ทุกคนเกิดความกลัวขึ้นมาในหัวใจว่า ถ้ามันไม่ดีขึ้น และ แย่ลงกว่านี้ แล้วจะทำอย่างไงต่อ? เพราะภาระหนี้สิน มากมายที่แบกไว้ มันไม่ได้หายไป
เราเข้าใจหัวอกของทุกคนดีที่สุดเลยค่ะเพราะเราเองก็กลัวและกังวลมาก แต่เชื่อไหมคะยิ่งเราบ่นให้กันและกันฟังเท่าไหร่ มันดีที่เรารู้สึกมีเพื่อนร่วมทุกข์ มันช่วยเยียวยาจิตใจเราได้บ้าง แต่มันกลับเหมือนเราฟังแต่ข่าวร้ายจนมองหาทางแก้ มองหาโอกาสอะไรไม่เจอเลย วันนี้เลยจะชวนทุกคนวางความกังวลลงชั่วคราวแล้วมาช่วยกัน หาทางสู้ทางรอด และโอกาศที่อาจจะซ่อนอยู่ด้วยกันค่ะ
ก่อนอื่นเราขอรีแคปสั้นๆว่าตอนนี้มีอะไรที่เกิดขึ้นบ้างในบ้านนอกบ้าง
1.เศรษฐกิจ: ตลาดต่างจังหวัดหลายพื้นที่ ขึ้นอยู่กับราคาพืชผลทางการเกษตร และตั้งแต่ต้นปีมานี้ ราคาดิ่งลงทุกตัว แม้กระทั่งทุเรียน เช่น
มันสัมปหลัง จาก 3,300 บาทต่อตัน เหลือ 1,300
ข้าวเปลือก จาก7,800-8,900 บาทต่อตัว เหลือ 4,500-5,300
จะเห็นว่าราคาที่ตก ตกลงแบบกระแทกพื้น หักต้นทุนการผลิตแล้ว ชาวนาชาวไร่แทบจะไม่เหลือเงินกินเงินใช้ เงินใช้หนี้สินก็แทบจะไม่พอ แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปออกรถ ซื้อตู้เย็น ซื้อทีวี ปรับปรุงต่อเติมบ้าน ทุกอย่างเลยหยุดชงัก หลังจากสงกรานต์ที่ผ่านมา
2.การแข่งขันกันขายแบบตายไปข้างนึง = ร้านค้าขนาดใหญ่ หรือ Modern Trade ต่างๆ เขาจับตาดูยอดขายตลอดเวลา พอยอดขายเริ่มหาย ทุกเจ้าทุกค่ายจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะดึงยอดขายกลับมาให้ได้ ทั้งลด ทั้งแลก ทั้งแจก ทั้งแถม ทั้งกดราคาขายลง จนสูสีต้นทุน โปรโมชั่นอะไรที่ไม่เคยเห็น เราก็ได้เห็น ซึ่งมันดีอย่างมากต่อผู้บริโภค ทุกคนจะได้ของที่ถูกลงอย่างมาก ลองสังเกตุ ดูรอบตัว ทั้งราคาบุฟเฟ่ ราคาสินค้าซื้อ1แถม1 โปรโมชั่น ปตท. ทั้งแจกทอง ทั้งมีราคาส่วนลด 50-60 สต. ต่อลิตร(เมื่อซื้อ150ลิตร) ซึ่งเจ้าใหญ่เขาสู้เพื่อความอยู่รอดขององค์กรของเขา แต่พวกเราชาวเถ้าแก่บ้านนอก จะสู้อย่างไง เพราะค้าขายแบบเดิมมาทั้งชีวิต เมื่อต้องเจอ มหาสงครามราคา เราจะอยู่ตรงไหนในสงครามราคานี้?
3.การขยายตัวขยายสาขาของModern Trade = ใน 5 ปีที่ผ่านมา หน้าตาของตลาดบ้านนอกต่างออกไปจากเดิมมากจากที่แข่งกันขายแคบๆในระดับ ตำบล อำเภอ จังหวัด แต่เมื่อการขยายตัวของ Modern Trade มาถึงหมู่บ้าน เรียกได้ว่าในระดับตำบลหรืออำเภอ เราสามารถมีได้ทั้ง 7 , CJ. Mr.DIY , หมู Happy , ร้าน ไทยฟู๊ด เฟรชมาร์ซ , ร้าน KFC , ร้าน Watson , ปั๊มน้ำมัน ปตท. , การบริการส่งถึงที่ของ Makro , ร้านไทวัสดุ ร้านค้าเหล่านี้เข้ามาแข่งกันนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดในราคาที่ถูกที่สุด ให้กับลูกค้าในพื้นที่ พวกเขาทั้งรู้จักและรู้ใจลูกค้าเป็นอย่างดี สามารถเทรนพนักงานให้ยิ้มแย้มแจ่มใส บริการลูกค้าได้อย่างดีมากๆ แล้วเรา เถ้าแก่บ้านนอก จะอยู่ตรงไหน จะสู้อย่างไงได้บ้าง
4.พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด = เหมือนที่เคยเล่าในตอนที่แล้ว ว่าลูกค้าขาประจำของแม่เรา ทยอยตายกันหมดแล้ว ไม่เกินจริง ตอนนี้อำนาจการจับจ่ายใช้สอยอยู่ในมือคนGen Y , GenZ ซึ่งเป็นคนที่ฉลาดเลือก และมีเครื่องมือและเวลามากพอที่จะหาสิ่งที่คุ้มค่า และ ดีที่สุดให้กับตัวเอง ซึ่งต่างจากคนยุคเก่า ที่เป็นยุคยากรำบาค ต้องทำงานหนัก พวกเขาไม่มีเวลาให้เลือก ไม่มีเวลาสังเกต ไม่สามารถเปรียบเทียบ ราคา ไม่มีเวลาเปรียบเทียบบริการได้ จึงมักจะซื้อแต่ร้านค้าและสินค้าเดิมๆทั้งชีวิต มันเลยน่าเศร้าที่ร้านค้าของเถ้าแก่บ้านนอก จำนวนมหาศาล ประมาณ 80 % ที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนตัวเอง ไม่สามารถ Up Skill ตัวเอง ให้ทันความต้องการและLifeStyle ของคนยุคใหม่ กำลังทยอยล้มหายตายจาก ระดับ สูญพันธ์ ลองสังเกตเวลาเดินทางออกต่างจังหวัด ถ้าได้ขับรถเข้าไปในตลาดเก่าต่างๆตามตัวจังหวัด ตัวอำเภอ จะเห็นแต่ตึกล้าง ติดป้าย ขาย เซ้ง โดนธนาคารยึด มีแต่ตึกปิดประตู เต็มไปด้วยนกพิราบมายึดพื้นที่ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นชุมชนซอมบี้ ก็ว่าได้
5.การตายของ The แบก = ครอบครัวไทยแท้ของเรา มักจะเฟ้นหา The แบก มาแบกคนไม่เอาไหนที่เหลือในครอบครัว 1 อัตตา ซึ่งตอนนี้ The แบกทั้งหลายซึ่งมักเข้าไปทำงานในเมืองได้รับผลกระทบจากการลดโอที ปรับลดชั่วโมงทำงาน และอาจถึงขั้นโดนให้ออกจากงาน หรือบริษัทปิดตัว ทำให้เงินที่เคยส่งมาบ้านนอกหายไป
6.ติดเครดิตบูโร กันเกือบทั้งหมด = จากที่ปีก่อนหน้านี้เรามาเล่าว่า ชาวเราบ้านนอกต่างออกรถมือ2มือ1มาใหม่หลังช่วง Covid และต้องเผชิญกับช่วงเวลาเงินฝืดเคือง เพราะเงินที่เคยใช้ซื้อชองกินของใช้ต้องเอาไปผ่อน ไปเติมน้ำมัน ไปต่อประกัน ต่อ พรบ. เปลี่ยนยาง เปลี่ยนแบต ซ่อมเครื่อง กัน แต่พอมาตอนนี้ คนกลุ่มนี้โดนยึดรถคืนกันไปเกือบหมดแล้ว เพราะสุดทาง ข่าวร้ายคือ ติดเครดิตบูโร จะไปออกรถ หรือกู้เงินอะไรอื่นๆ คือยากมากแล้ว เต้นรถต่างๆ รถสวยมากมาย ราคาก็ดี๊ดี เลยมีปัญหา ลูกค้ากู้ไม่ผ่าน กู้ไม่ได้ แต่ข่าวดีก็มี คือคนกลุ่มนี้กลับมาขับมอเตอร์ไซด์คันเก่า ค่าใช้จ่ายในการเดินทางลดลง และได้สภาพคล่องการซื้อกินซื้อของใช้กลับมา
นอกจาก6ข้อนี้คิดว่าท่านสมาชิกคนอื่นๆน่าจะมีอะไรเสริมอีกมากเลย ช่วยกันเมนต์มาบอกนะคะ ว่าในแต่ละชุมชนต่างๆตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ต่อไปเรามาช่วยกันหาโอกาสที่ซ่อนอยู่กันค่ะ เริ่มจากเรา เรามองว่า
1. การตายครั้งใหญ่ของร้านค้าเก่าๆ เปิดช่องให้คนรุ่นใหม่กลับมาเติมเต็มและเปลี่ยนแปลงตลาด แม้จะมี Modern Trade ลงสนามมาเยอะ แต่พวกเขาเหมือนยักษ์ใหญ่ที่ยังไปได้ไม่ทุกที่อยู่ดี และมีช่องว่างที่ยังไม่ถูกเติม ลองมองดูให้ดีในชุมชนที่อยู่ขาดอะไรไป อาจเริ่มจากการออกเดินทางไปดูตามชุมชนอื่น หลายๆที่ก่อน และยังมีอีกหลายอย่างที่Modern Trade ไม่ลงมาทำ เช่น ร้านอุปกรณ์การเกษตร ร้านปุ๋ยยา
2. ช่างฝีมือและมีความรับผิดชอบ คือ สินค้าที่ขาดตลาด ประเทศเราช่างเยอะ แต่ไม่มีมาตรฐาน เวลาไปใช้บริการมักโดนหลอกโดนฟันโดนทิ้งงานกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะช่างไฟ ช่างก่อสร้าง ช่างยนต์ ช่างแอร์ บ้านนอกเราหายากหมด แล้วยิ่งก่อนนี้ไปออกรถมือสองกันมาเยอะ โดยเฉพาะหลายคนซื้อรถต่อจากพ่อน้องออร์นิว เราเลยต้องการช่างที่มีมาตรฐาน ไม่ใช่พร้อมฟันทุกจุด ซึ่งกว่าจะเจอช่างดีๆสักคน ก็หมดไปเป็นแสน พอเจอแล้วก็ดันงานล้นมือ ทำไม่ทัน คิวยาว หาลูกนงลูกน้องไม่ได้อีก อยากจะบ้า ศูนย์รถทั้งหลายที่กำลังจะปิดตัวลงเพราะขายรถใหม่ไม่ได้เป้า ลองๆเข้าตลาดซ่อมรถให้มีมาตราฐานในราคาที่ยุติธรรมกันเถอะค่ะ
3. ราคาตึกแถวล้างๆกำลังตกลงเรื่อย ๆ เมื่อถึงจุดนึงในทำเทตลาดเก่า ที่ยังเป็นทำเลที่ดีอยู่ เหมาะแก่การซื้อหลายๆหน้าห้องแล้วทุบทิ้ง ปรับพื้นที่ให้ Modern Trade มาเช่าพื้นที่ ตอนนี้ทั่วประเทศกำลังขยายถนนใหม่ ทั้งใหญ่ขึ้น มีเกาะกลาง เดินทางระยะไกลสะดวกรวดเร็ว แต่เดินทางในชุมชนเองกลับยากรำบาค มักต้องกลับรถกับเป็นกิโลกว่าจะหาซื้อของได้ครบ ทำให้ชาวบ้านเปลี่ยนพฤติกรรม ถ้าคนมีเงินหน่อยก็จะรอจนครบอาทิตย์แล้วออกไปจับจ่ายซื้อของสักที ก็อาจขับรถไป Makro Lotus เลย แต่ชาวบ้านบางส่วนที่หาเช้ากินค่ำ ยังต้องซื้อของวันต่อวันก็ขี้เกียจขับรถเข้าถนนเส้นหลักเพราะต้องกลับรถและติดไฟแดงหลายครั้ง ก็จะหันมาจับจ่ายซื้อของในถนนสายลองลงมามากขึ้นเพราะความสะดวกรวดเร็ว ใครมีพื้นที่ทำนองนี้ในตัวอำเภอ ตัวตำบล ทุบห้องแถวออก ปรับที่ให้โล่ง กว้าง ก็มีโอกาสจะเข้าตา Modern Trade มาเช่าที่
4. Modern Trade ไม่ใช่ศัตรู และเขาเป็นแม่เหล็กให้ชุมชน อย่ามัวแต่ต่อต้าน แต่ให้หาจุดร่วม ที่ไหนมี Modern Trade มากระจุกตัวเยอะก็ยิ่งเรียกกระแสผู้บริโภคเข้ามาในชุมชน และยิ่งที่ตรงไหนแข่งกันดุเดือน เช่น7 ตั้งติด กับ CJ ติดกับMr.diy ตัดกับหมูHappy หรือไทยเฟรชมาช ตรงนั้นยิ่งถูกใจผู้บริโภค เราที่อยู่ไกล้ยิ่งได้รับผลดี แค่ต้องหาอะไรมาเสริมในจุดที่พวกเขาขาดไป
5. ชาวบ้านทุกคนตอนนี้กำลังระมัดระวังการใช้เงิน เราต้องหาของที่ถูก คุ้มค่า แบ่งเป็นชิ้นเล็กลง ปรับราคาลง มาขาย (เป็นเทคนิคที่เราเห็นมาตอนวิกฤติ40 เช่นเบียร์ช้าง 3 ขวด 100 บาท)หลายคนอาจบ่นว่า ทำไม่ได้ต้นทุนสูงมากตอนนี้ ให้เราพิจารณาให้ดี ว่าต้นทุนอะไรที่สูงกันแน่ เถ้าแก่บ้านนอก 99% ขายแบบไม่รับรู้ตัวเลข ไม่รู้ยอดขาย ไม่ทำสถิติ ไม่หาซัพพลายเออร์ใหม่ๆ ไม่รู้ต้นทุนบริหาร ไม่แยกค่าใช้จ่ายส่วนตัว ใช้รวมกันจนหาต้นหาปลายเจอ บริหารตามความรู้สึกของตัวเอง และติดกับการขายกำไรต่อชิ้นสูงมาจากการขายยุคก่อน จึงมักจะยอมแพ้ทันทีที่มีสงครามราคา ความเป็นจริงๆด้วยความที่ซัพพลายเออร์ต่างๆก็พยายามพยุงยอดขายเช่นกัน ช่วงที่ผ่านมาก็มีทั้งปรับราคาลง ทั้งลดทั้งแถม แถมมีซัพพลายเออร์ใหม่ๆเข้าตลาดมา มีสินค้าใหม่ๆในราคาที่ถูกลง เข้ามาแทน หรือเป็นสินค้าเปรียบเทียบ เยอะแยะไปหมด เพราะ ทุกคนรู้ว่าตอนนี้ ชาวบ้านต้องการของคุณภาพใช้ได้ ราคาถูกลงมาทดแทนเก่า กันทั้งงั้น
(ขอยกตัวอย่างเราเองใน 5 เดือนที่ผ่านมาเราเปลี่ยนอะไรไปบ้าง
1.เปลี่ยนยี่ห้ออาหารหมาอาหารแมว เมื่อก่อนใช้กระสอบละ 1,600 ตอนนี้ใช้กระสอบละ 900 บาทแทน ถึงราคาจะต่ำลงแต่คุณภาพทดแทนกันได้ น้องหมาน้องแมวกินกันดีมาก
2.ปรับรถโปรโมชั่นมือถือให้ต่ำลง
3.ปกติซื้อของสะดวกกินจาก 7 มาตุนไว้ในตู้เย็นครั้งละ 500-900 บาท เปลี่ยนมาเป็นเดินตลาดสด ซื้อก๋วยเตี๋ยว โจ๊ก ข้าวต้ม น้ำเต้าหู้ร้านอร่อย และแกงถุง 30 บาท มาตุนแทน ช่วยลดค่าการใช้เงินไปได้เกือบครึ่ง
4.เปลี่ยนยี่ห้อข้าวสาร ก่อนนี้กินถังละ 370 บาท ตอนนี้เลือกกินถังละ 250 บาท อร่อยเหมือนเดิม
5.เปลี่ยนคลินิกรักษาสัตว์ เพราะบ้านเราเลี้ยงหมา10 ตัวเลี้ยงแมว 10ตัว จึงต้องไปคลินิกเกือบทุกเดือนละทุกครั้งที่ไปไม่เคยต่ำกว่า 1000 บาท พอได้บ่นปรับทุกข์กับสมาคมทาสด้วยกัน จึงได้รู้จักคลินิกใหม่ เก่งมาก ราคาถูกกว่าครึ่ง ...เราจึงไม่เคยกลับไปคลินิกเดิมอีกเลย หลักจากที่เคยเป็นลูกค้าประจำมา 5 ปี)
6.เราออกเดทกับสามีน้อยลงจากที่เคยออกไปหาอาหารอร่อยหรือบุฟเฟ่พรีเมี่ยม กินกันทุกอาทิตย์เราเปลี่ยนเป็นเหลือแค่เดือนละ 1 ครั้ง
7.เราเลิกใช้น้ำยาถูพื้นและหันมาใช้แค่น้ำเปล่าแทน
นี่ขนาดว่าตัวเราเองและธุรกิจของเราไม่ได้มีหนี้สินเลย เรายังรู้สึกว่าต้องปรับต้องลดต้องเปลี่ยนขนาดนี้ ดังนั้นเราเชื่อเลยว่า หลังจากนี้ไปหลายๆคนคงแข่งกันหาความคุ้มค่ากันอย่างดุเดือด เพราะฉะนั้น ใครที่ปรับราคาลงได้ไว มีสิ้นค้าตัวเทียบที่ราคาถูกซื้อง่ายให้เลือก ย่อมชนะคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย หากมองออกไปให้ดีอย่างใจเป็นกลาง เราจะเห็นคนที่ทำมันได้ และลูกค้ามากมายไปกองรวมอยู่ที่นั่น(ร้านแกงถุงในหมู่บ้าน ถุงละ20บาทขายดีอย่างกะแจกฟรี เพราะเขาทำได้ ทั้งอร่อย ทั้งเพราะเขาหาแหล่งวัตถุดิบได้ถูก )
หลังจากนี้ ร้านค้ายุคเก่าไม่ปรับตัว จะตายเรียบ ใครที่ปรับตัวได้ คือผู้ที่รอดชีวิต และได้รับการจดจำจากลูกค้า ว่าเป็นร้านที่คุ้มค่า จะซื้ออะไรต้องมาที่นี่ ราคาถูกราคาชัดเจน ของครบ หลากหลาย ที่จอดรถสะดวก และทุกข์ปัญหาเศรษฐกิจมักจะไม่อยู่ตลอดไป ดังนั้นใครที่รอดไปได้มักจะร่ำรวยได้อย่างมากในอนาคต เพราะคู่แข่งๆเก่าๆตายหมดแล้ว
อยากให้เพื่อนๆช่วยคิดเพิ่มเติมหรือมาแชร์ว่ากำลังใช้กลยุทธ์อะไรกันอยู่หรือเห็นช่องโอกาสอะไรเพิ่มบ้าง มาช่วยระดมสมองกันเยอะๆนะคะ
(ส่วนกิจการของเรา ที่กำลังใช้ก็คือ1. ปรับโปรโมชั่นชนModern Trade (ที่เราทำได้เพราะต้นทุนบริหารจัดการเราต่ำ เนื่องจากได้ทำ Lean ให้ระบบมาก่อนหน้านี้) 2.ขายสินค้าบางตัวที่เป็นสิ่งที่ลูกค้าใช้บ่อยๆ ในราคาเท่าทุน เพื่อเป็นการดึงดูด ถึงการคุ้มค่าที่จะเข้ามาใช้บริการ 3.เพิ่มบริการเพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้ามากขึ้นโดยไม่เพิ่มรายจ่าย เพราะใช้พนักงานเท่าเดิม 4.เราเพิ่มการโปรโมทการรับรู้ให้ลูกค้าทุกช่องทางว่าร้านเรา ทั้งลดแลกแจกแถม และมีสินค้าบางอย่างที่ที่อื่นไม่มี และมีบางอย่างที่ถูกกว่าที่อื่น ถ้ามาแล้ว ทั้งคุ้มค้า ทั้งสะดวก ทั้งหลากหลาย ทั้งมั่นใจได้ในคุณภาพ )