เมื่อสองปีที่แล้วผมเป็นวิศวกรเพิ่งเรียนจบหมาดๆ ทำงานได้หนึ่งปี พอดีมีบริษัทเรียกตัวไปสัมภาษณ์งาน ก็เป็นการทำงานในสายงานก่อสร้างที่ผมเรียนจบมา เขาก็ตกลงรับผมเข้าทำงานด้วยเงินเดือนสตาร์ทที่ 16000 (ที่เก่าผมได้ 14000) ทางฝ่ายบุคคลก็แจ้งให้ทราบว่าสี่เดือนผ่านโปร เกณฑ์ของบริษัทปกติทั่วๆไป ทำงานจันทร์-เสาร์ 08.00-17.00 น.
หน้างานมีปัญหาตลอดเนื่องมาจากความงี่เง่าของทางผู้ออกแบบบ้าง User บ้าง แต่ที่ทำให้ผมรับไม่ค่อยได้เท่าไหร่คือ สมมติว่าผู้ออกแบบสั่งให้ผมก่อผนังอิฐมวลเบาตรงนี้ตอนเช้า แต่ตอนบ่ายกลับมาให้ผมทุบรื้อออกเพราะว่าผู้ออกแบบลืมคิดเรื่องระยะของทางเดินสัญจรไป ทั้งๆที่ผมก็ถามย้ำไปหลายรอบมากว่าตกลงต้องการแบบนี้แน่นะ เสียทั้งเวลา เสียทั้งอารมณ์ แต่ทางเจ้านาย(เจ้าของบริษัท) ดูจะยอมเขาเหลือเกิน ทางผู้ออกแบบให้ทำอะไรก็ต้องทำหมด ผมเคยถามถึงสัญญานะครับว่าเรามีข้อตกลงกับทางนั้นยังไงบ้างในการแก้ไขแบบ เพราะบริษัทที่ผมเคยฝึกงานด้วยเขาก็ยอมให้ User แก้ไขได้ 3 ครั้งเท่านั้น แต่คำตอบทำให้ผมเงิบไปเพราะเขาตอบกลับมาว่าเรายังไม่ได้เซ็นสัญญากับเขา ที่เขาเลือกบริษัทเราเพราะมีเงินสดในบัญชีมากกว่าบริษัทใหญ่ๆที่มีขั้นตอนและระบบเยอะ พูดง่ายๆว่าสายป่านยาว สามารถจ่ายเงินค่าของ ค่าแรงงานล่วงหน้าก่อนที่จะเบิกงวดงานได้ ผมเองก็ไม่รู้การบริหารของบริษัทก่อสร้างใหญ่ๆเขาเป็นยังไงนะครับ
ระหว่างนั้น ผมเข้าหน้างานทุกวันแทบไม่มีวันหยุด(ผมไม่ได้หยุดวันนักขัตฤกษ์แบบที่อื่นๆ) ถ้าหยุดจะโดนโทรตามให้มาทำงาน นัยว่างานเร่งมากๆ คำพูดที่เขาจะกรอกหูผมคือ ต้องมาให้เช้ากว่าใคร และต้องกลับให้ดึก ทำงานให้หนักเข้าไว้ เดี๋ยวเธอจะสบายในภายหลัง ผมก็ทนเอาครับ อยากได้ประสบการณ์ แต่พี่ๆวิศวกรที่เป็นซีเนียร์เขาไม่ค่อยอยู่ไซต์งานกันน่ะครับ เขามาแค่ดูและเซ็นเอกสารบนโต๊ะ แล้วเขาก็ไป ถ้าต้องการลายเซ็นแบบเร่งด่วนแล้วโทรไปตามตอนเขายังไม่มามีหงุดหงิดใส่ด้วยนะ ทั้งๆที่มันเป็นหน้าที่ของเขาแท้ๆ
แต่บางทีผมก็ไม่ค่อยไหวเหมือนกันนะครับ มันล้า มันเพลีย อยากพักผ่อนบ้าง ซึ่งถ้าผมหยุดไปก็จะโดนเหน็บแนมบ้าง ต่อว่าบ้างในเช้าวันรุ่งขึ้นที่มาทำงาน มีโอทีแทบทุกวัน (แต่ช่างได้เงินค่าโอทีนะครับ ทีมวิศวกรอย่างผมไม่ได้) ผมจะกลับ 5 โมง แต่เขาก็รั้งไว้ให้ประชุมบ้าง ถามงานบ้าง จนถึงสองทุ่มสามทุ่มแทบทุกวัน ถ้าทำหน้าล้าๆให้เขาเห็น เขาก็จะกรอกหูผมด้วยประโยคเดิมๆอีกว่า "ต้องมาให้เช้ากว่าใคร และต้องกลับให้ดึก ทำงานให้หนักเข้าไว้ เดี๋ยวเธอจะสบายในภายหลัง"
ผมก็ทำงานกับเขาจนผ่านโปร (ระหว่างนั้นก็มีคนลาออกไปหลายคนมาก) เพื่อนๆก็เอามาคุยกันว่าที่ทำงานเพิ่มเงินเดือนให้เท่านี้ๆตอนผ่าน แต่ผมผ่านโปรมาได้เก้าเดือนแล้ว ผมยังเงินเดือนเท่าเดิม ผมเลยลองเลียบๆเคียงๆถามพี่ที่ทำงานฝ่ายบุคคลดูเรื่องนี้ แกก็ตอบว่าแล้วแต่นาย.......ผมอดน้อยใจไม่ได้ วิศวกรที่จบใหม่เหมือนผม แต่เป็นน้องชายของพี่ที่ทำงานบัญชีในออฟฟิศได้เงินเดือนมากกว่าผมอีกเท่าตัว (เรื่องนี้ผมรู้ตอนไปกินเหล้าด้วยกันแล้วเขาพูดออกมา) ผมก็ได้แต่...โอเค ทำต่อไปละกัน เผื่อเขาจะเห็นความดีของเราบ้าง
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมอยากได้โน้ตบุ๊คใหม่เพราะเครื่องเก่าใกล้จะหมดอายุขัยเต็มทน ผมเลยไปสมัครบัตรเอาไว้ผ่อน(ผมไม่ค่อยมีเงินครับ) แต่เขาให้เราเอาใบรับรองเงินเดือนมาด้วย วันจันทร์ที่ผ่านมานี้ผมเลยเดินเข้าไปขอใบรับรองเงินเดือนหรือสลิป แต่ฝ่ายบัญชีทำหน้าทำตาเหมือนจะกินหัวผมเลยครับตอนขอ บอกว่าไม่มีแล้วก็ไล่ผมออกจากห้องเพราะงานเขายุ่ง ไม่มีเวลาคุย ผมก็จากมาแบบงงๆว่าแค่ขอใบรับรองเงินเดือนแล้วตูผิดอะไร
ทีนี้มีพี่ที่เขาทำงานอายุงานนาน(7-8 ปี) เขาบอกว่าที่นี่ไม่ได้จ้างคุณแบบบริษัท ผมอยู่ในฐานะผู้รับเหมาที่ทำงานแบบพนักงานประจำ ผมไม่มีสวัสดิการ ไม่มีสิทธิอะไรเลย เงินที่เขาหักผมไปทุกเดือนที่ผมนึกว่าหักไปจ่ายประกันสังคมของผมก็ไม่ใช่ เอาไปจ่ายภาษีของบริษัทต่างหาก พี่เขาทำงานมานานแล้วครับเลยได้บรรจุเป็นพนักงาน แต่แกก็บอกว่าพี่ทำมาตั้งห้าปีกว่าจะได้บรรจุ
ผมเลยลองไปเช็คเว็บประกันสังคมดู ไม่มีเงินเข้าไปเลยครับ เมื่อเก้าเดือนที่ผ่านมา ยอมรับนะครับว่าไม่ใส่ใจที่จะเช็คเอง แต่มารู้หลังจากที่เวลาผ่านไปนานขนาดนั้น ผมรู้สึกเหมือนโดนหักหลังเลยครับ ที่นึกว่าจะทำเหมือนบริษัทเก่าที่หักเงินไปจ่ายประกันสังคม บริษัทนี้จ้างแบบเป็นโปรเจคๆไป ถ้าผ่านโปรเจคนี้ก็ให้ต่อโปรเจคหน้าอีกคล้ายๆกับทำสัญญาน่ะครับ บริษัทจะจ่ายเงินเท่าเดิมตลอด ไม่มีการเพิ่มอะไรทั้งนั้น (แต่ลดและหักเงินเดือนได้นะครับ)
พอรู้แล้วผมก็เซ็งขึ้นมาเลยครับ ฝ่ายบุคคลจ้องจะงับหัวผม เหน็บแนมผมตลอดเวลาที่ผมเข้าสายไปห้าหรือสิบนาที(และหักเงินผมด้วย) แต่กับผู้รับเหมารายอื่นๆ โดยเฉพาะวิศวกรญาติพนักงานบัญชีคนนั้นเข้าเที่ยง เข้าบ่าย ก็ยังไม่เห็นเป็นไร ทำให้ผมรู้ซึ้งเลยครับว่าเด็กเส้นคืออะไร
เล่าอีกเรื่องคือ ตอนปีใหม่ผมก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าวันที่ 3 มกราคม ผมจะโทรไปลาออก แต่เหมือนเจ้าของบริษัทแกจะมีญาณทิพย์อ่านใจผมออกรึเปล่าก็ไม่ทราบนะครับ แต่แกชิงโทรมาหาผม ถามว่าผมคิดจะลาออกมั้ย แกก็เสนอขึ้นเงินเดือนให้ผมตอนสิ้นเดือนครับ ซึ่งเงินเดือนที่เขาขึ้นให้ผมคือ 500 บาท แล้วแกก็โทรมาหาผมว่าอย่าเพิ่งลาออกได้มั้ย ขอให้จบไซต์ก่อน แกไม่มีใครจริงๆ (ซึ่งผมประเมินว่ามันไม่น่าจะเสร็จทันเดือนมีนาคมตามที่แกไปรับปากผู้ออกแบบได้) แต่ผมจะต้องอยู่กับแกไปถึงเดือนพฤษภา-มิถุนายนเลยเหรอ แถมเงินเดือนที่ขึ้นให้ก็นะ......ผมกินข้าวเหมือนกันนะครับ
ผมไม่มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานนะครับ เราอาจจะเถียงกันในเรื่องการทำงานบ้าง แต่เวลากินข้าว เวลาเลิกงานก็เป็นเพื่อนกันครับ ไปดื่ม ไปกิน ไปเที่ยวกันตามปกติ แต่กับเจ้าของนี่ผมไม่ค่อยโอเคเลยครับ ตอนนี้ก็เริ่มจะหางานที่ใหม่ไว้แล้ว คิดว่าถ้าเขาเรียกตัวมาก็จะลองไปสัมภาษณ์ดูครับ
ผมมีคำถามอยากรบกวนถามดังนี้ครับ
1.สลิปเงินเดือนเป็นสิ่งที่ออกยากเย็นขนาดนั้นเลยเหรอครับ แล้วถ้าผมอยู่ในฐานะผู้รับเหมาจริงๆ สามารถมีหลักประกันอะไรบ้างไปสมัครบัตรเงินผ่อนได้มั่งครับ
2.ผมควรลาออกก่อนจบไซต์งาน หรือจบไซต์งานแล้วค่อยไปดีครับ ขอคำแนะนำจากพี่ๆวิศวกรในห้องนี้หน่อยครับ
3.ถ้าผมจะต่อประกันสังคมแบบส่งด้วยตัวเองไม่ใช่ในนามบริษัท สามารถทำได้รึเปล่าครับ
4.ผมชอบงานหน้างานนะครับ แต่ผมไม่ถนัดการรับมืออารมณ์ของคนเลยครับ จะทำยังไงดี บางวันเจ้านายไม่รู้ไปอารมณ์เสียมาจากไหน เจอหน้าผมก็ใส่เป็นชุดทั้งๆที่ผมยังไม่รู้เลยว่าทำอะไรผิด ผมควรรับมือแกยังไงดีครับ
5.บริษัทใหญ่ๆมีการจัดการงานเป็นระบบรึเปล่าครับ คือบางทีผมก็ต้องทำหน้าที่เช็คสต็อค เบิกจ่ายของในสโตร์ คำนวนวัสดุ คำนวนโครงสร้าง แล้วก็เดินตรวจหน้างานไม่ต่างอะไรจากโฟร์แมนเลยครับ แต่ในตำแหน่งผมคือวิศวกรโยธา มันใกล้เคียงกับโฟร์แมนมากมั้ยครับ (1 ปีก่อนหน้าผมทำงานนั่งโต๊ะตลอดเลยครับ จะมีดูไซต์ก็แค่นิดๆหน่อยๆ เพิ่งเคยเดินไซต์งานอย่างจริงจังครั้งแรก)
6.มีบริษัทไหนที่บริหารงานในรูปแบบนี้บ้างมั้ยครับ เป็นวิศวกรรับเหมาแต่ดันมีหน้าที่แบบพนักงานประจำน่ะ
รบกวนสอบถามพี่ๆวิศวกรในห้องนี้หน่อยนะครับ ผมควรทำยังไงต่อไปดี
หน้างานมีปัญหาตลอดเนื่องมาจากความงี่เง่าของทางผู้ออกแบบบ้าง User บ้าง แต่ที่ทำให้ผมรับไม่ค่อยได้เท่าไหร่คือ สมมติว่าผู้ออกแบบสั่งให้ผมก่อผนังอิฐมวลเบาตรงนี้ตอนเช้า แต่ตอนบ่ายกลับมาให้ผมทุบรื้อออกเพราะว่าผู้ออกแบบลืมคิดเรื่องระยะของทางเดินสัญจรไป ทั้งๆที่ผมก็ถามย้ำไปหลายรอบมากว่าตกลงต้องการแบบนี้แน่นะ เสียทั้งเวลา เสียทั้งอารมณ์ แต่ทางเจ้านาย(เจ้าของบริษัท) ดูจะยอมเขาเหลือเกิน ทางผู้ออกแบบให้ทำอะไรก็ต้องทำหมด ผมเคยถามถึงสัญญานะครับว่าเรามีข้อตกลงกับทางนั้นยังไงบ้างในการแก้ไขแบบ เพราะบริษัทที่ผมเคยฝึกงานด้วยเขาก็ยอมให้ User แก้ไขได้ 3 ครั้งเท่านั้น แต่คำตอบทำให้ผมเงิบไปเพราะเขาตอบกลับมาว่าเรายังไม่ได้เซ็นสัญญากับเขา ที่เขาเลือกบริษัทเราเพราะมีเงินสดในบัญชีมากกว่าบริษัทใหญ่ๆที่มีขั้นตอนและระบบเยอะ พูดง่ายๆว่าสายป่านยาว สามารถจ่ายเงินค่าของ ค่าแรงงานล่วงหน้าก่อนที่จะเบิกงวดงานได้ ผมเองก็ไม่รู้การบริหารของบริษัทก่อสร้างใหญ่ๆเขาเป็นยังไงนะครับ
ระหว่างนั้น ผมเข้าหน้างานทุกวันแทบไม่มีวันหยุด(ผมไม่ได้หยุดวันนักขัตฤกษ์แบบที่อื่นๆ) ถ้าหยุดจะโดนโทรตามให้มาทำงาน นัยว่างานเร่งมากๆ คำพูดที่เขาจะกรอกหูผมคือ ต้องมาให้เช้ากว่าใคร และต้องกลับให้ดึก ทำงานให้หนักเข้าไว้ เดี๋ยวเธอจะสบายในภายหลัง ผมก็ทนเอาครับ อยากได้ประสบการณ์ แต่พี่ๆวิศวกรที่เป็นซีเนียร์เขาไม่ค่อยอยู่ไซต์งานกันน่ะครับ เขามาแค่ดูและเซ็นเอกสารบนโต๊ะ แล้วเขาก็ไป ถ้าต้องการลายเซ็นแบบเร่งด่วนแล้วโทรไปตามตอนเขายังไม่มามีหงุดหงิดใส่ด้วยนะ ทั้งๆที่มันเป็นหน้าที่ของเขาแท้ๆ
แต่บางทีผมก็ไม่ค่อยไหวเหมือนกันนะครับ มันล้า มันเพลีย อยากพักผ่อนบ้าง ซึ่งถ้าผมหยุดไปก็จะโดนเหน็บแนมบ้าง ต่อว่าบ้างในเช้าวันรุ่งขึ้นที่มาทำงาน มีโอทีแทบทุกวัน (แต่ช่างได้เงินค่าโอทีนะครับ ทีมวิศวกรอย่างผมไม่ได้) ผมจะกลับ 5 โมง แต่เขาก็รั้งไว้ให้ประชุมบ้าง ถามงานบ้าง จนถึงสองทุ่มสามทุ่มแทบทุกวัน ถ้าทำหน้าล้าๆให้เขาเห็น เขาก็จะกรอกหูผมด้วยประโยคเดิมๆอีกว่า "ต้องมาให้เช้ากว่าใคร และต้องกลับให้ดึก ทำงานให้หนักเข้าไว้ เดี๋ยวเธอจะสบายในภายหลัง"
ผมก็ทำงานกับเขาจนผ่านโปร (ระหว่างนั้นก็มีคนลาออกไปหลายคนมาก) เพื่อนๆก็เอามาคุยกันว่าที่ทำงานเพิ่มเงินเดือนให้เท่านี้ๆตอนผ่าน แต่ผมผ่านโปรมาได้เก้าเดือนแล้ว ผมยังเงินเดือนเท่าเดิม ผมเลยลองเลียบๆเคียงๆถามพี่ที่ทำงานฝ่ายบุคคลดูเรื่องนี้ แกก็ตอบว่าแล้วแต่นาย.......ผมอดน้อยใจไม่ได้ วิศวกรที่จบใหม่เหมือนผม แต่เป็นน้องชายของพี่ที่ทำงานบัญชีในออฟฟิศได้เงินเดือนมากกว่าผมอีกเท่าตัว (เรื่องนี้ผมรู้ตอนไปกินเหล้าด้วยกันแล้วเขาพูดออกมา) ผมก็ได้แต่...โอเค ทำต่อไปละกัน เผื่อเขาจะเห็นความดีของเราบ้าง
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมอยากได้โน้ตบุ๊คใหม่เพราะเครื่องเก่าใกล้จะหมดอายุขัยเต็มทน ผมเลยไปสมัครบัตรเอาไว้ผ่อน(ผมไม่ค่อยมีเงินครับ) แต่เขาให้เราเอาใบรับรองเงินเดือนมาด้วย วันจันทร์ที่ผ่านมานี้ผมเลยเดินเข้าไปขอใบรับรองเงินเดือนหรือสลิป แต่ฝ่ายบัญชีทำหน้าทำตาเหมือนจะกินหัวผมเลยครับตอนขอ บอกว่าไม่มีแล้วก็ไล่ผมออกจากห้องเพราะงานเขายุ่ง ไม่มีเวลาคุย ผมก็จากมาแบบงงๆว่าแค่ขอใบรับรองเงินเดือนแล้วตูผิดอะไร
ทีนี้มีพี่ที่เขาทำงานอายุงานนาน(7-8 ปี) เขาบอกว่าที่นี่ไม่ได้จ้างคุณแบบบริษัท ผมอยู่ในฐานะผู้รับเหมาที่ทำงานแบบพนักงานประจำ ผมไม่มีสวัสดิการ ไม่มีสิทธิอะไรเลย เงินที่เขาหักผมไปทุกเดือนที่ผมนึกว่าหักไปจ่ายประกันสังคมของผมก็ไม่ใช่ เอาไปจ่ายภาษีของบริษัทต่างหาก พี่เขาทำงานมานานแล้วครับเลยได้บรรจุเป็นพนักงาน แต่แกก็บอกว่าพี่ทำมาตั้งห้าปีกว่าจะได้บรรจุ
ผมเลยลองไปเช็คเว็บประกันสังคมดู ไม่มีเงินเข้าไปเลยครับ เมื่อเก้าเดือนที่ผ่านมา ยอมรับนะครับว่าไม่ใส่ใจที่จะเช็คเอง แต่มารู้หลังจากที่เวลาผ่านไปนานขนาดนั้น ผมรู้สึกเหมือนโดนหักหลังเลยครับ ที่นึกว่าจะทำเหมือนบริษัทเก่าที่หักเงินไปจ่ายประกันสังคม บริษัทนี้จ้างแบบเป็นโปรเจคๆไป ถ้าผ่านโปรเจคนี้ก็ให้ต่อโปรเจคหน้าอีกคล้ายๆกับทำสัญญาน่ะครับ บริษัทจะจ่ายเงินเท่าเดิมตลอด ไม่มีการเพิ่มอะไรทั้งนั้น (แต่ลดและหักเงินเดือนได้นะครับ)
พอรู้แล้วผมก็เซ็งขึ้นมาเลยครับ ฝ่ายบุคคลจ้องจะงับหัวผม เหน็บแนมผมตลอดเวลาที่ผมเข้าสายไปห้าหรือสิบนาที(และหักเงินผมด้วย) แต่กับผู้รับเหมารายอื่นๆ โดยเฉพาะวิศวกรญาติพนักงานบัญชีคนนั้นเข้าเที่ยง เข้าบ่าย ก็ยังไม่เห็นเป็นไร ทำให้ผมรู้ซึ้งเลยครับว่าเด็กเส้นคืออะไร
เล่าอีกเรื่องคือ ตอนปีใหม่ผมก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าวันที่ 3 มกราคม ผมจะโทรไปลาออก แต่เหมือนเจ้าของบริษัทแกจะมีญาณทิพย์อ่านใจผมออกรึเปล่าก็ไม่ทราบนะครับ แต่แกชิงโทรมาหาผม ถามว่าผมคิดจะลาออกมั้ย แกก็เสนอขึ้นเงินเดือนให้ผมตอนสิ้นเดือนครับ ซึ่งเงินเดือนที่เขาขึ้นให้ผมคือ 500 บาท แล้วแกก็โทรมาหาผมว่าอย่าเพิ่งลาออกได้มั้ย ขอให้จบไซต์ก่อน แกไม่มีใครจริงๆ (ซึ่งผมประเมินว่ามันไม่น่าจะเสร็จทันเดือนมีนาคมตามที่แกไปรับปากผู้ออกแบบได้) แต่ผมจะต้องอยู่กับแกไปถึงเดือนพฤษภา-มิถุนายนเลยเหรอ แถมเงินเดือนที่ขึ้นให้ก็นะ......ผมกินข้าวเหมือนกันนะครับ
ผมไม่มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานนะครับ เราอาจจะเถียงกันในเรื่องการทำงานบ้าง แต่เวลากินข้าว เวลาเลิกงานก็เป็นเพื่อนกันครับ ไปดื่ม ไปกิน ไปเที่ยวกันตามปกติ แต่กับเจ้าของนี่ผมไม่ค่อยโอเคเลยครับ ตอนนี้ก็เริ่มจะหางานที่ใหม่ไว้แล้ว คิดว่าถ้าเขาเรียกตัวมาก็จะลองไปสัมภาษณ์ดูครับ
ผมมีคำถามอยากรบกวนถามดังนี้ครับ
1.สลิปเงินเดือนเป็นสิ่งที่ออกยากเย็นขนาดนั้นเลยเหรอครับ แล้วถ้าผมอยู่ในฐานะผู้รับเหมาจริงๆ สามารถมีหลักประกันอะไรบ้างไปสมัครบัตรเงินผ่อนได้มั่งครับ
2.ผมควรลาออกก่อนจบไซต์งาน หรือจบไซต์งานแล้วค่อยไปดีครับ ขอคำแนะนำจากพี่ๆวิศวกรในห้องนี้หน่อยครับ
3.ถ้าผมจะต่อประกันสังคมแบบส่งด้วยตัวเองไม่ใช่ในนามบริษัท สามารถทำได้รึเปล่าครับ
4.ผมชอบงานหน้างานนะครับ แต่ผมไม่ถนัดการรับมืออารมณ์ของคนเลยครับ จะทำยังไงดี บางวันเจ้านายไม่รู้ไปอารมณ์เสียมาจากไหน เจอหน้าผมก็ใส่เป็นชุดทั้งๆที่ผมยังไม่รู้เลยว่าทำอะไรผิด ผมควรรับมือแกยังไงดีครับ
5.บริษัทใหญ่ๆมีการจัดการงานเป็นระบบรึเปล่าครับ คือบางทีผมก็ต้องทำหน้าที่เช็คสต็อค เบิกจ่ายของในสโตร์ คำนวนวัสดุ คำนวนโครงสร้าง แล้วก็เดินตรวจหน้างานไม่ต่างอะไรจากโฟร์แมนเลยครับ แต่ในตำแหน่งผมคือวิศวกรโยธา มันใกล้เคียงกับโฟร์แมนมากมั้ยครับ (1 ปีก่อนหน้าผมทำงานนั่งโต๊ะตลอดเลยครับ จะมีดูไซต์ก็แค่นิดๆหน่อยๆ เพิ่งเคยเดินไซต์งานอย่างจริงจังครั้งแรก)
6.มีบริษัทไหนที่บริหารงานในรูปแบบนี้บ้างมั้ยครับ เป็นวิศวกรรับเหมาแต่ดันมีหน้าที่แบบพนักงานประจำน่ะ