ก่อนอื่นต้องบอกก่อนครับ ว่านี่เป็นเรื่องจริงของผม ที่ผมอยากจะแค่แบ่งปันและให้กำลังใจคนที่กำลังคิดทำธุรกิจ หรืออะไรก็ตาม
ผมเป็นสถาปนิกจบใหม่ จบออกมาก็เริ่มจากการทำงานออฟฟิตเล็กๆ อยู่ปีนึง เป็นออฟฟิตที่ออกแบบและก่อสร้างด้วย ชิวิตสถาปนิกน้อยๆ คือการออกแบบ เขียนแบบ แล้วก็ไปหน้างาน วนอยู่แบบนี้ ผมเองเกิดในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร มีกินมีใช้ปกติ แพงไปก็อด ถูกไปก็เก็บตังซื้อของดีดีไปเลย
แต่พ่อแม่ผมก็ไม่ได้มีสมบัติ เงินทองอะไร เราอยู่กันแบบครอบครัวธรรมดา เรียนจบก็ทำงานมีเงินเดือนกินใช้ ไม่เป็นภาระพ่อแม่ต่อไป
ผมทำงานที่ออฟฟิตนี้อยู่สักพัก โดยที่ไม่ทราบเลยว่างานที่เราทำ ออกห่างความเป็นสถาปนิกจริงๆไปทุกวันๆ บางวัน ผมไม่ได้คิดออกแบบ หรือทำแบบอะไรเลย ผมไปหาลูกค้าที่เจ้านายมอบหมาย ฟังเค้าบีฟความต้องการว่าอยากจะสร้างนู่นสร้างนี่ คิดราคาคร่าวๆ ทำการตลาด บางวันไปเขตเอาแบบไปขอนุญาตนั่งดิวราคายัดเยียดใต้โต๊ะ บางวันไปช่วยเจ้าหน้าที่เขตเย็บกระดาษ เพื่อนอ้อนวอนขอให้เร่งดูแบบให้หน่อย บางวันไปหน้างาน ไปคุมงานและจ่ายค่าแรงคนงาน บางวันมานั่งสั่งวัสดุ เข้าหน้างาน ด้วยเหตผลทั้งหมดเพราะว่าในออฟฟิตเล็กๆ เรามีกันน้อยคน
แต่นั่นคือสิ่งที่ผมได้รับอย่างรวดเร็วจากออฟฟิตนี้ หนึ่งปีผ่านไป ผมมานั่งคิดว่าเงินเดือน เดือนละ หมื่นห้า ทำอะไรหนักขนาดนี้ ไหนจะไม่ได้ออกแบบตามที่เราอยากทำ ตามที่เรียนมา ออกไปทำงานออฟฟติสถาปนิกตรงสายดีกว่า
ผมลาออก และได้ที่ใหม่ถึงสามที่ ตอบตกลงรับผมและชวนไปทำเมื่อรู้ว่าผมออก ผมถามว่าทำไมตอบเร้วจัง เค้าบอกว่า ยากที่จะหาสถาปนิกรู้เรื่องหน้างานแบบนี้ ที่สำคัญ อายุน้องคือผม อายุแค่24 น้องช่วยพี่ได้อีกเยอะ
ผมไปทำงานในออฟฟิตสถาปนิกที่ใหม่ อยู่ได้ สามวัน กลับมานอนกลัว ด้วยเหตุผลที่ว่า ผมทำสามมิติ ไม่สวยเลย ผมเขียนแบบเร็วมาก จนทุกคนบอกว่าช้าๆ ค่อยๆทำตามสเก็ตดู้ ผมงงไปหมดเพราะมาจากสายก่อสร้าง เราเคลียแบบทุกเช้าให้ช่างไปทำ เราเขียนสามมิติ ชนิดที่ว่า ช่างดู ลูกค้าดูแล้วเข้าใจ
ผมทนไม่ได้อึดอัด และไม่กล้าไปหมด ทำอยู่ได้ สองเดือน ไปวอนขอ หมดโปรแล้วผมขอลาออก เค้าก็เมตตา
และจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด มันก็เกิดขึ้นนะวันนั้น
..................................
ผมตัดสินใจจะออกมาเป้นฟรีแลนซ์ นอนอยู่บ้านอยู่เป็นเดือนๆ ขอเงินแม่กิน ใช้เงินเก่าเก็บบ้าง ความเครียดก็บังเกิด เงินก็จะหมด จะขอแม่กินไปตลอดหรอ
ผมตัดสินใจ ทำเพจขึ้นมาเพจนึง รับออกแบบและเขียนแบบก่อสร้าง แบบขอนุญาติ
แต่ก็ไม่ได้ประสบผลสำเร็จอะไร ทำต่อด้วยการไปประกาศตามเว้บๆต่างๆ
ก้เริ่มจะมีคนมาจ้างให้เขียนแบบ้าง ออกแบบบ้าง เล็กๆน้อยๆ เงินเดือนละ หกเจ็ดพันบ้าง หมื่นบ้าง สองหมื่นบ้าง แล้วแต่เดือน
ผมทนแบบนี้อยุ่ได้สองสามเดือน มันเหนื่อย เครียด และกดดันมาก
ผมจึงตัดสินใจว่า เราจะทำรับเหมาด้วย ออกแบบด้วย จำได้ว่าวันที่บอกเรื่องนี้กับแม่ แม่แทบจะช็อค เพราะแม่คิดว่าตายแน่ เสี่ยง คุก ไหนจะเงินลงทุนอีก
ผมบอกได้เลยตอนนั้นมีเงินเก็บอยู่สองหมื่น กับเงินในกระเป๋าอีกเจ็ดร้อย
ผมตัดสินใจหาบ้านเช่าสักหลัง เอาแบบราคาไม่เกินหมื่น ทั้งๆที่ไม่ได้คิดเล้ยย ว่าจะจ่ายค่าเช่ายังไงเเต่ละเดือน
จนมาได้อยู่หลังนึงแถวมัยลาภ รามอิทรา ที่ต้องออกมาหาบ้านเช่า เพราะต้องการหาที่ๆนัดลูกค้าได้ ทำเป็นออฟฟิตเล็กๆ มีที่เก็บอุปกรณ์
ในราคาเดือนละ 8000 ผมต้องแบกภาระทุกเดือน
แต่ใครจะเชื่อ หลังจากได้บ้านแล้ว ผมก็เริ่มใส่ที่อยู่เ็นหลักแหล่ง มีเพจ และเริ่มหาช่างประจำ เริ่มจากงานเล็กๆ ต่อเติม รีโนเวท
จนกระทั้งได้โอกาศจากลูกค้าอยุไล่เลี่ยกัน เค้า 26 ผม 25 เค้าบอกลองดู
ผมได้ทำคาร์แคร์ในปตท ความยากไม่ใช่แค่งานก่อสร้าง แต่คือโปรไฟล์ และมาตราฐาน ความมีระเบียบของเรา
ผมต้องนั่งทำโปรไฟลเป็นเล่มๆ เพ้อเจ้อว่าเรามีกฏระเบียบ และมาตราฐานการก่อสร้าวงอย่างไร ทำเสื้อทีมให้ช่าง
ที่สำคัญ ถอดราคาจากแบบที่เราทำเอง ไม่รู้เท่าไหร่ จะเจ้งมั้ย จะรอดรึป่าว แต่สุดท้ายก็ได้ทำ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เงินหมด เราซื้อของโดยที่ไม่เช็คราคากลาง ค่าแรงบานเบอะ เงินน้อยลงๆ โอทีคนงานอีก
เกือบจะไม่รอด เหลือทาสี เเต่เงินค่าแรงทาสีไม่ใช่น้อยเลย ตัดสินใจ ชวนเพื่อนที่ทำด้วยกันอีกคน มานั่งทาสีด้วยกันเถอะ คืนเดียวครับ
เราทาสีจนเสร็จ ปราณีตกันสุดๆ จนสุดท้ายส่งงานได้ งวดสุดท้ายหลังจากจ่ายค่าแรงช่าง เหลือ สองหมื่นกว่า
ถือว่ารอดไปถึงจะกำไรน้อยแต่นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ประเสริฐที่สุด
งานนั้น ผมหักค่าเช่าบ้านน้ำ ไฟ เหลือกำไรต้องหมื่นนึง
หลังจากนั้น ผมก็ได้รับโทรศัพท์ให้ออกแบบ ต่อเติม รีโนเวท เเม้กระทั่งสร้างบ้าน
ผมมออกไปพบลูกค้าวันเว้นวัน ไปดูหน้างาน สิ่งนึงที่เป็นปัญหาคือ พอเค้าเห็นหน้า และรู้ว่าเราแค่ 25 เค้าก็แทบจะเดินออกไปหาเจ้าใหม่ทันที
สิ่งนึงที่ผมไม่ยอมคือเรื่องนี้ ผมบอกเค้าว่า ผมทำให้ครับ ในราคาที่ถูกกว่าทุกเจ้า ในความเป็นจริง มันอาจจะดูโหดร้ายมาก เพราะการทำรับเหมางาานึงสองสามเดือน กำไรสองสามหมื่น เฉลี่ยเเต่ละเดือน น้อยกว่าทำออฟฟิตซะอีก แต่นั่นแหละที่ผมต้องทำ ดีกว่ารอวันที่สามสิบสี่สิบ ค่อยมานั่งทำ
ผมทำงานนั้นจนเสร็จ ได้กำไรมากกว่าที่คิดด้วยซ้ำเพราะเราเริ่มคุมค่าของ ค่าเเรงได้
ผมเริ่มมีานมาเรื่อยๆ ทั้งเล็ก ใหญ่ ผ่านอุปสรรคสารพัด ทั้งโดนช่างโกงบ้าง ลูกค้าหลอกบ้าง เราเองรับงานเกินตัวบ้าง
ที่สำคัญ ภาระมันมากตามขึ้นทุกวันๆ
ผมจึงตัดสินใน ชวนเพื่อนมาทำด้วย เป็นสถาปนิกคนนึง และทำงานก่อสร้างด้วยกันตอนออฟฟิตเก่าคนนึง มาเปิดบริษัท
มีกำไรเท่าไหร่ หารสาม เช่อมั้ยว่า ผมและเผื่อ อายุ 25 เท่ากันหมด มีลูกค้าคนนึงบอกว่า อายุผมสามคนรวมกัน ได้อายุเค้าพอดี
ทุกครั้งที่ไปหาลูกค้า หรือมีคนโทรมาถาม มักจะไม่ทราบว่าผมเอง พึ่งเรียนจบ ทำงานมาได้สองปี
ผมเช่าบ้านเดือนละแปดเก้าพัน ทำออฟฟิต จ่ายด้วยเงินตัวเองทุกบาท ผมส่งเงินให้พ่อ แม่ และน้อง สี่ห้าพัน ทุกเดือน ผมเลี้ยงหมาบีเกิ้ลซื้อจากฟาร์มด้วยเงินของตัวเอง ผมบริจาคเงินให้วัด และน้องหมาในเว็บ ด้วยเงินของตัวเอง
ผมมีลูกน้องอายุรุ่นพ่อ มากมายที่เรียกผมว่าลูกพี่ ผมรักเค้าเหมือนพ่อ เพราะเค้าทำให้ผมโตเร็วขนาดนี้
ผมทำออฟฟิตนี้มาได้หนึ่งปีพอดีแล้ววันนี้ ไม่อยากจะเชื่อ ที่สำคัญ ไม่ว่าอนาคตผมจะล้มลงอย่างไร หลายครั้งที่ท้อแท้ และลุกขึ้นอย่างไร
ผมไม่ลืมเลย ว่าผมคือ สถาปนิก ผมคือนักคิด นักแก้ปัญหา ผมสร้างบ้านโดยที่ไม่มีประสบการณ์ แต่ผมสร้างด้วยใจของคนออกแบบ
ผมออกแบบ ด้วยความตื่นเต้น และรอวันที่จะเห็นมันเป็นของจริงที่สัมผัสได้ ด้วยมือของเรา
ผมอยากให้เด็กๆสู้ และอย่ากลัว อย่าคิดว่าอนาคตคือความเรียบราบรื่นมั่นคง อนาคต คือ ชีวิต
เป็นเจ้าของบริษัทได้ เพียงปีเดียว
ผมเป็นสถาปนิกจบใหม่ จบออกมาก็เริ่มจากการทำงานออฟฟิตเล็กๆ อยู่ปีนึง เป็นออฟฟิตที่ออกแบบและก่อสร้างด้วย ชิวิตสถาปนิกน้อยๆ คือการออกแบบ เขียนแบบ แล้วก็ไปหน้างาน วนอยู่แบบนี้ ผมเองเกิดในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร มีกินมีใช้ปกติ แพงไปก็อด ถูกไปก็เก็บตังซื้อของดีดีไปเลย
แต่พ่อแม่ผมก็ไม่ได้มีสมบัติ เงินทองอะไร เราอยู่กันแบบครอบครัวธรรมดา เรียนจบก็ทำงานมีเงินเดือนกินใช้ ไม่เป็นภาระพ่อแม่ต่อไป
ผมทำงานที่ออฟฟิตนี้อยู่สักพัก โดยที่ไม่ทราบเลยว่างานที่เราทำ ออกห่างความเป็นสถาปนิกจริงๆไปทุกวันๆ บางวัน ผมไม่ได้คิดออกแบบ หรือทำแบบอะไรเลย ผมไปหาลูกค้าที่เจ้านายมอบหมาย ฟังเค้าบีฟความต้องการว่าอยากจะสร้างนู่นสร้างนี่ คิดราคาคร่าวๆ ทำการตลาด บางวันไปเขตเอาแบบไปขอนุญาตนั่งดิวราคายัดเยียดใต้โต๊ะ บางวันไปช่วยเจ้าหน้าที่เขตเย็บกระดาษ เพื่อนอ้อนวอนขอให้เร่งดูแบบให้หน่อย บางวันไปหน้างาน ไปคุมงานและจ่ายค่าแรงคนงาน บางวันมานั่งสั่งวัสดุ เข้าหน้างาน ด้วยเหตผลทั้งหมดเพราะว่าในออฟฟิตเล็กๆ เรามีกันน้อยคน
แต่นั่นคือสิ่งที่ผมได้รับอย่างรวดเร็วจากออฟฟิตนี้ หนึ่งปีผ่านไป ผมมานั่งคิดว่าเงินเดือน เดือนละ หมื่นห้า ทำอะไรหนักขนาดนี้ ไหนจะไม่ได้ออกแบบตามที่เราอยากทำ ตามที่เรียนมา ออกไปทำงานออฟฟติสถาปนิกตรงสายดีกว่า
ผมลาออก และได้ที่ใหม่ถึงสามที่ ตอบตกลงรับผมและชวนไปทำเมื่อรู้ว่าผมออก ผมถามว่าทำไมตอบเร้วจัง เค้าบอกว่า ยากที่จะหาสถาปนิกรู้เรื่องหน้างานแบบนี้ ที่สำคัญ อายุน้องคือผม อายุแค่24 น้องช่วยพี่ได้อีกเยอะ
ผมไปทำงานในออฟฟิตสถาปนิกที่ใหม่ อยู่ได้ สามวัน กลับมานอนกลัว ด้วยเหตุผลที่ว่า ผมทำสามมิติ ไม่สวยเลย ผมเขียนแบบเร็วมาก จนทุกคนบอกว่าช้าๆ ค่อยๆทำตามสเก็ตดู้ ผมงงไปหมดเพราะมาจากสายก่อสร้าง เราเคลียแบบทุกเช้าให้ช่างไปทำ เราเขียนสามมิติ ชนิดที่ว่า ช่างดู ลูกค้าดูแล้วเข้าใจ
ผมทนไม่ได้อึดอัด และไม่กล้าไปหมด ทำอยู่ได้ สองเดือน ไปวอนขอ หมดโปรแล้วผมขอลาออก เค้าก็เมตตา
และจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด มันก็เกิดขึ้นนะวันนั้น
..................................
ผมตัดสินใจจะออกมาเป้นฟรีแลนซ์ นอนอยู่บ้านอยู่เป็นเดือนๆ ขอเงินแม่กิน ใช้เงินเก่าเก็บบ้าง ความเครียดก็บังเกิด เงินก็จะหมด จะขอแม่กินไปตลอดหรอ
ผมตัดสินใจ ทำเพจขึ้นมาเพจนึง รับออกแบบและเขียนแบบก่อสร้าง แบบขอนุญาติ
แต่ก็ไม่ได้ประสบผลสำเร็จอะไร ทำต่อด้วยการไปประกาศตามเว้บๆต่างๆ
ก้เริ่มจะมีคนมาจ้างให้เขียนแบบ้าง ออกแบบบ้าง เล็กๆน้อยๆ เงินเดือนละ หกเจ็ดพันบ้าง หมื่นบ้าง สองหมื่นบ้าง แล้วแต่เดือน
ผมทนแบบนี้อยุ่ได้สองสามเดือน มันเหนื่อย เครียด และกดดันมาก
ผมจึงตัดสินใจว่า เราจะทำรับเหมาด้วย ออกแบบด้วย จำได้ว่าวันที่บอกเรื่องนี้กับแม่ แม่แทบจะช็อค เพราะแม่คิดว่าตายแน่ เสี่ยง คุก ไหนจะเงินลงทุนอีก
ผมบอกได้เลยตอนนั้นมีเงินเก็บอยู่สองหมื่น กับเงินในกระเป๋าอีกเจ็ดร้อย
ผมตัดสินใจหาบ้านเช่าสักหลัง เอาแบบราคาไม่เกินหมื่น ทั้งๆที่ไม่ได้คิดเล้ยย ว่าจะจ่ายค่าเช่ายังไงเเต่ละเดือน
จนมาได้อยู่หลังนึงแถวมัยลาภ รามอิทรา ที่ต้องออกมาหาบ้านเช่า เพราะต้องการหาที่ๆนัดลูกค้าได้ ทำเป็นออฟฟิตเล็กๆ มีที่เก็บอุปกรณ์
ในราคาเดือนละ 8000 ผมต้องแบกภาระทุกเดือน
แต่ใครจะเชื่อ หลังจากได้บ้านแล้ว ผมก็เริ่มใส่ที่อยู่เ็นหลักแหล่ง มีเพจ และเริ่มหาช่างประจำ เริ่มจากงานเล็กๆ ต่อเติม รีโนเวท
จนกระทั้งได้โอกาศจากลูกค้าอยุไล่เลี่ยกัน เค้า 26 ผม 25 เค้าบอกลองดู
ผมได้ทำคาร์แคร์ในปตท ความยากไม่ใช่แค่งานก่อสร้าง แต่คือโปรไฟล์ และมาตราฐาน ความมีระเบียบของเรา
ผมต้องนั่งทำโปรไฟลเป็นเล่มๆ เพ้อเจ้อว่าเรามีกฏระเบียบ และมาตราฐานการก่อสร้าวงอย่างไร ทำเสื้อทีมให้ช่าง
ที่สำคัญ ถอดราคาจากแบบที่เราทำเอง ไม่รู้เท่าไหร่ จะเจ้งมั้ย จะรอดรึป่าว แต่สุดท้ายก็ได้ทำ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เงินหมด เราซื้อของโดยที่ไม่เช็คราคากลาง ค่าแรงบานเบอะ เงินน้อยลงๆ โอทีคนงานอีก
เกือบจะไม่รอด เหลือทาสี เเต่เงินค่าแรงทาสีไม่ใช่น้อยเลย ตัดสินใจ ชวนเพื่อนที่ทำด้วยกันอีกคน มานั่งทาสีด้วยกันเถอะ คืนเดียวครับ
เราทาสีจนเสร็จ ปราณีตกันสุดๆ จนสุดท้ายส่งงานได้ งวดสุดท้ายหลังจากจ่ายค่าแรงช่าง เหลือ สองหมื่นกว่า
ถือว่ารอดไปถึงจะกำไรน้อยแต่นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ประเสริฐที่สุด
งานนั้น ผมหักค่าเช่าบ้านน้ำ ไฟ เหลือกำไรต้องหมื่นนึง
หลังจากนั้น ผมก็ได้รับโทรศัพท์ให้ออกแบบ ต่อเติม รีโนเวท เเม้กระทั่งสร้างบ้าน
ผมมออกไปพบลูกค้าวันเว้นวัน ไปดูหน้างาน สิ่งนึงที่เป็นปัญหาคือ พอเค้าเห็นหน้า และรู้ว่าเราแค่ 25 เค้าก็แทบจะเดินออกไปหาเจ้าใหม่ทันที
สิ่งนึงที่ผมไม่ยอมคือเรื่องนี้ ผมบอกเค้าว่า ผมทำให้ครับ ในราคาที่ถูกกว่าทุกเจ้า ในความเป็นจริง มันอาจจะดูโหดร้ายมาก เพราะการทำรับเหมางาานึงสองสามเดือน กำไรสองสามหมื่น เฉลี่ยเเต่ละเดือน น้อยกว่าทำออฟฟิตซะอีก แต่นั่นแหละที่ผมต้องทำ ดีกว่ารอวันที่สามสิบสี่สิบ ค่อยมานั่งทำ
ผมทำงานนั้นจนเสร็จ ได้กำไรมากกว่าที่คิดด้วยซ้ำเพราะเราเริ่มคุมค่าของ ค่าเเรงได้
ผมเริ่มมีานมาเรื่อยๆ ทั้งเล็ก ใหญ่ ผ่านอุปสรรคสารพัด ทั้งโดนช่างโกงบ้าง ลูกค้าหลอกบ้าง เราเองรับงานเกินตัวบ้าง
ที่สำคัญ ภาระมันมากตามขึ้นทุกวันๆ
ผมจึงตัดสินใน ชวนเพื่อนมาทำด้วย เป็นสถาปนิกคนนึง และทำงานก่อสร้างด้วยกันตอนออฟฟิตเก่าคนนึง มาเปิดบริษัท
มีกำไรเท่าไหร่ หารสาม เช่อมั้ยว่า ผมและเผื่อ อายุ 25 เท่ากันหมด มีลูกค้าคนนึงบอกว่า อายุผมสามคนรวมกัน ได้อายุเค้าพอดี
ทุกครั้งที่ไปหาลูกค้า หรือมีคนโทรมาถาม มักจะไม่ทราบว่าผมเอง พึ่งเรียนจบ ทำงานมาได้สองปี
ผมเช่าบ้านเดือนละแปดเก้าพัน ทำออฟฟิต จ่ายด้วยเงินตัวเองทุกบาท ผมส่งเงินให้พ่อ แม่ และน้อง สี่ห้าพัน ทุกเดือน ผมเลี้ยงหมาบีเกิ้ลซื้อจากฟาร์มด้วยเงินของตัวเอง ผมบริจาคเงินให้วัด และน้องหมาในเว็บ ด้วยเงินของตัวเอง
ผมมีลูกน้องอายุรุ่นพ่อ มากมายที่เรียกผมว่าลูกพี่ ผมรักเค้าเหมือนพ่อ เพราะเค้าทำให้ผมโตเร็วขนาดนี้
ผมทำออฟฟิตนี้มาได้หนึ่งปีพอดีแล้ววันนี้ ไม่อยากจะเชื่อ ที่สำคัญ ไม่ว่าอนาคตผมจะล้มลงอย่างไร หลายครั้งที่ท้อแท้ และลุกขึ้นอย่างไร
ผมไม่ลืมเลย ว่าผมคือ สถาปนิก ผมคือนักคิด นักแก้ปัญหา ผมสร้างบ้านโดยที่ไม่มีประสบการณ์ แต่ผมสร้างด้วยใจของคนออกแบบ
ผมออกแบบ ด้วยความตื่นเต้น และรอวันที่จะเห็นมันเป็นของจริงที่สัมผัสได้ ด้วยมือของเรา
ผมอยากให้เด็กๆสู้ และอย่ากลัว อย่าคิดว่าอนาคตคือความเรียบราบรื่นมั่นคง อนาคต คือ ชีวิต