"รัฐบาลรุกม็อบ จับตาเกมต่อรอง" รายงานพิเศษ ข่าวสดออนไลน์

กระทู้สนทนา
กระบวนการเลือกตั้ง 2 ก.พ.ผ่านวิกฤตไปอีก 1 ด่าน

เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้องกรณีนายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีตส.ส. ประชาธิปัตย์

ยื่นร้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ

ในคำร้องอ้างเหตุผลต่างๆ นานา สรุปว่าการเลือกตั้ง 2 ก.พ. เป็นการกระทำให้ได้มา
ซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิชอบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68

ขอให้วินิจฉัยเป็นโมฆะ และขอให้มีคำสั่งยุบพรรคเพื่อไทย เพิกถอนสิทธิ
กรรมการบริหารพรรค 5 ปี

แต่ศาลฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าคำร้องไม่มีมูล จึงไม่รับไว้วินิจฉัย

กรณีดังกล่าวถ้าหากมองอย่าง ผิวเผิน ก็ดูเหมือนพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นฝ่ายแพ้

ขณะที่รัฐบาลและประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ตลอดจนผู้ที่ออกไปใช้สิทธิ ก็ดูเหมือน
จะโล่งใจที่ปกป้องสิทธิเสรีภาพทางการเมืองของตนเองไว้ได้

แต่ลึกลงไป อีกหลายคนเช่นกันที่มองว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวถึงจะช่วยคลายปัญหาหนึ่ง
แต่ก็ได้ขมวดปมปัญหาขึ้นใหม่อีกเช่นกัน

เพราะขณะที่สั่งยกคำร้องโมฆะเลือกตั้ง

อีกด้านหนึ่งก็สั่งยกอีก 3 คำร้องของกลุ่มผู้ร้องที่ขอให้วินิจฉัยการ กระทำของนายสุเทพ
เทือกสุบรรณ และกปปส. ที่ร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้ง

ใช้กำลังประทุษร้าย ข่มขืนใจประชาชนให้หวาดกลัวไม่กล้าออกไปใช้สิทธิ ตั้งแต่
วันที่ 26 ม.ค. ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า และ 2 ก.พ.วันเลือกตั้งจริง

ในเหตุการณ์ปิดล้อมเขตหลักสี่กระทั่งเกิดเหตุปะทะเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ยังแสดงให้เห็นว่า
ผู้ชุมนุมใช้อาวุธ ไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ

เหล่านี้ถือเป็นพฤติกรรมเข้าข่ายล้มล้างการปกครองและเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจปกครอง
ประเทศด้วยวิธีการที่ไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่

ปรากฏว่าศาลฯ สั่งยกคำร้อง

แรงกระทบจากคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวยังไม่เห็นภาพชัดเจนตอนนี้

แต่จะได้เห็นกันในอีก 2 เดือนข้างหน้าและแน่นอนว่าจะส่งผลร้ายต่อรัฐบาลมากกว่าส่งผลดี

เค้าลางการรุกไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์รอบใหม่ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นราวเดือนเม.ย.
หลังช่วงสงกรานต์ มาจากขบวนการขาประจำหน้าเดิม

ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ กปปส. กกต. และป.ป.ช.

พรรคประชาธิปัตย์นั้น ถึงจะล้มเหลวในการยื่นร้องให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.เป็นโมฆะ แต่ก็ไม่ละ
ความพยายาม เตรียมใช้ช่องทางผลักดัน กกต.นำเรื่องยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญใหม่อีกครั้ง

ขณะที่ กกต.ได้กำหนดจัดการเลือกตั้งทดแทนในส่วนที่เปิดให้ลงคะแนนไม่ได้เมื่อวันที่ 26 ม.ค.
และ 2 ก.พ. โดยลากยาวไปเป็นวันที่ 20 กับ 27 เม.ย.

ส่วน 28 เขตใน 8 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งถูกม็อบสกัดไม่ให้มีผู้ลงรับสมัคร กกต.ทำเรื่องไปถึง
รัฐบาลเสนอให้ออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งใหม่

ซึ่งยังเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่รัฐบาลกับกกต.เห็นต่างและมีแนวโน้มว่าเรื่องต้องไปจบที่
ศาลรัฐธรรมนูญเหมือนที่แล้วๆ มา




การเสนอออกพ.ร.ฎ.เลือกตั้งใหม่ 28 เขตและการกำหนดวันเลือกตั้งทดแทนลากยาว
ไปถึงเม.ย.นั้น สอดรับกับคำประกาศของแกนนำ กปปส.ที่จะชุมนุมยืดเยื้อถึงช่วงสงกรานต์

ทำให้เกิดข้อสงสัยตามมาทันทีว่าจังหวะสอดรับนี้ เป็นความบังเอิญหรือจงใจของกกต.กันแน่

มีการอ่านเกมตามเนื้อผ้าว่าการเตะถ่วงเลือกตั้งไปอีกกว่า 2 เดือน

เป้าหมายน่าจะเพื่อเปิดช่องรอเวลาให้ป.ป.ช.ลงดาบเชือดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
จากปัญหานโยบายจำนำข้าว

ไปพร้อมกับส.ส.และส.ว.จำนวน 300 กว่าคนที่ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา
ของส.ว. ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลภายในเดือนมี.ค.

แต่ที่ต้องลากไปถึงเดือนเม.ย. เอาไว้เผื่อเหลือ เผื่อขาด

ถ้ารัฐบาลรอดคมดาบป.ป.ช.ไปได้ ก็จะใช้แผนสอง ตามที่กกต.พยายามทำให้การ
เลือกตั้งเกิดปัญหาป่วนๆ เข้าไว้ เพื่อปูทางนำไปสู่การยื่นให้ศาลสั่งโมฆะในที่สุด

เชื่อว่าเมื่อเรื่องเดินไปถึงจุดนั้น รัฐบาลคงหมดแรงยื้อไปเอง

เหมือนมะม่วงสุกหล่นจากต้น

อย่างไรก็ตามอีกมุมหนึ่งได้มีผู้เสนอข้อโต้แย้งไว้เช่นกันว่าการที่สถานการณ์จะไปถึงจุดนั้น

ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วย

เพราะต้องยอมรับสภาพความจริงที่ว่า ในความรู้สึกของประชาชนจำนวนมากต่างหมด
ความเชื่อถือศรัทธากับ กลุ่มองค์กรเหล่านี้ไปพักใหญ่ ไม่ว่า พรรคประชาธิปัตย์ กกต.
หรือกระทั่งป.ป.ช.

ไม่ต้องพูดถึงนายสุเทพ และกลุ่มกปปส. ซึ่งกำลังก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอยทั้งในด้าน
พลังมวลชน และพลังท่อน้ำเลี้ยงที่ฝ่อแฟบลงทุกวัน

สวนทางฝ่ายรัฐบาล และศรส.ที่เริ่มกระชับอำนาจ เดินเกมบดขยี้ ทวงคืนสถานที่ราชการ
พื้นที่การชุมนุม

ควบคู่ไปกับการขอศาลอนุมัติออกหมายจับบรรดาแกนนำข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
และร่วมกันเป็นกบฏ ถึงจะได้รับการอนุมัติมั่ง ไม่ได้มั่งก็ตาม

ในจังหวะโรมรันพันตู ผลัดกันรุก ผลัดกันรับมานานกว่า 3 เดือน กะปลกกะเปลี้ย
ด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่ก็ยังดูไม่ออกว่าศึกชิงอำนาจครั้งนี้

ชัยชนะจะเป็นของฝ่ายใด

แต่ที่เจ๊งไปแล้วแน่ๆ คือภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตาต่างชาติ ซึ่งส่งผลสะเทือน
ต่อไปถึงธุรกิจการค้า การลงทุน เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรง

กระทั่งกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังคู่ขัดแย้ง เริ่มถามหาลู่ทางในการเจรจายุติสงครามกัน
บ้างแล้ว ก่อนประเทศจะพินาศย่อยยับไปกว่านี้

กล่าวคือมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคนหนึ่ง ได้อาสาเป็นตัวเชื่อมประสานตัวแทนฝ่ายต่างๆ
ซึ่งมีทั้งคนกลาง ตัวแทนนายใหญ่ และตัวแทนนายสุเทพ

มาเปิดโต๊ะพูดคุยกันถึงเงื่อนไขและแนวทางการต่อรองหาจุดลงตัวซึ่งกันและกัน

ผ่านไปรอบแรก ข่าวแจ้งว่ายังไม่ได้ข้อยุติ

เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลยืนกรานอยู่กับเงื่อนไขให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลาออกจากนายกฯ
รักษาการ เพื่อเปิดทางให้มีนายกฯ คนกลาง เข้ามาจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ ด้วยการงดเว้น
การใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา

ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่มีทางยอม

แกนนำรัฐบาลยืนยันต้องเดินหน้าทุกอย่างตามกรอบกติกา ข้อกฎหมายและรัฐธรรมนูญ

โดยเฉพาะการเลือกตั้งจะต้องดำเนินต่อไปให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์

เมื่อนั้นจะอย่างไรค่อยมาว่ากันอีกที

ข่าววงในแจ้งว่า ภายใต้ข้อเจรจาทั้งหลายทั้งปวง เท่าที่พรรคเพื่อไทยจะถอยได้อย่างมาก
แค่เปลี่ยนตัวคนที่จะมาเป็นนายกฯ คนใหม่เข้ามาจัดตั้งรัฐบาล ทำปฏิรูปให้เสร็จภายใน 1 ปี

จากนั้นยุบสภา เลือกตั้งใหม่

อย่างไรก็ไม่ยอมแช่แข็งประเทศ เว้นวรรคประชาธิปไตยอย่างเด็ดขาด


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU1qVXdOVFkzTVE9PQ==&sectionid=

หึ หึ  เราเว้นวรรคประชาธิปไตย  เพื่อพัฒนา  หรือไม่ก็เพื่อ ปฏิรูปประชาธิปไตย  ปฏิรูปประเทศ
ไม่รู้จ้กกี่รอบ  แล้วทุก 10-15 ปี  ก็ต้องกลับมาปฏิรูปและเรียกร้องขอเว้นวรรค ประชาธิปไตยกันอีก
ไม่จบไม่สิ้น   เพราะเราไม่ยอมให้ประชาธิปไตย   เดินหน้าพัฒนาผ่านการเลือกตั้ง  ให้ยาวนาน
มีการเหยียดหยาม  เรื่อง 1  สิทธิ 1 เสียง  เห็นว่า คนเมือง  กับคนชนบท  ไม่ควรมีเสียงเท่ากัน
ใครๆ ก็พยายามบอกว่า  สุดท้ายต้องจบที่โต๊ะเจรจา   แต่คู่เจรจา  ฝ่ายหนึ่งบอกว่า "ไม่เจรจา"
สถานเดียว   แล้วจะให้ไปเจรจากับ แมวที่ไหน ???
หากจะเจรจา  น่าจะต้องมีการใช้กำลังภายในกัน  ...  สำคัญมากคือ  ต้องรู้ว่า  วันนี้ ใครบ้างที่จะสั่ง
"เทพเทือก" ได้  เมื่อเขาเอง  ก็ประกาศตัวแล้วว่า  เป็น "ร่างทรง"  แต่เป็นร่างทรงของใคร "เดา"
กันไปเอง   แต่จะใข่  "มวลมหาประชาชน"  อย่างที่ประกาศบนเวทีหรือไม่   ก็ไปตอบกันเองในใจ
นะคะ  ขอร้อง  อย่ามาตอบในกระทู้นี้  
  ยิ้ม

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่