เริ่มเรื่องก่อนนะคะ ครอบครัวของฉันมีกัน พ่อ แม่ ฉัน และน้องสาว ฉันไม่เคยอยากเข้ามาเขียนอะไรในนี้ครั้งนี้ที่เขียนเพราะฉันอยากให้เป็นอุทาหรณ์ และเป็นการระบายความอึดอัดในใจ ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้เหมือนน้ำตาของฉันมันจะไหลตลอดเวลา
ครอบครัวของเราอยู่ในบ้านตึกแถวหลังเล็กๆหลังนึงใน กทม ตั้งแต่จำความได้ฉันไม่เคยรู้สึกว่าครอบครัวอบอุ่นเลย บ้านฉันมีแม่ขี้บ่นและหน้าตาบึ้งตึงตลอด มีพ่อขี้เมาที่กลับบ้านมาทีไรก็จะมาหาเรื่องทะเลาะทุบตีแม่ ฉันเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆจนกลายเป็นกรรมการห้ามมวยจำเป็น ฉันเห็นภาพแม่เป็นผู้ถูกกระทำมาโดยตลอด แต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจพ่อ เพราะฉันแยกออกว่านี่คือพ่อ นั่นคือสามี ภรรยา
พ่อของฉันเป็นคนน่าสงสาร พ่อเป็นลุกคนโตของปู่ ที่แยกทางกับย่าตั้งแต่พ่อยังเด็ก ปู่ส่งพ่อฉันไปอยู่กับน้องชายปู่ และปู่ก็มีภรรยาและลูกใหม่ เป็นอันว่าพ่อกับปู่ และย่าก้ไม่ได้สนิทสนมกัน จนพ่อมาแต่งงานมีครอบครัว ครอบครัวของพ่อคือพวกเรา ถ้าถามถึงสายตาคนอื่นและญาติฝั่งแม่ พ่อฉันคือคนไม่เอาไหน รับราชการเป็นลูกจ้างประจำ ไม่ยอมสอบเข้าราชการทั้งที่มีคนดัน กินเหล้า เล่นการพนัน แอบเป็นหนี้ให้แม่ต้องใช้แทน ทุกครั้งที่มีปัญหาแม่จะมีญาติพี่น้องคอยช่วยเสมอไม่เหมือนพ่อ ในสายตาฉันพ่อคือคนที่โดดเดี่ยวเสมอ ตัวฉันเองถึงรักพ่อแต่ก้ไม่เคยจะได้ใส่ใจอะไรมาก วันไหนพ่อไม่อยุ่พวกเราจะดูสบายใจกันด้วยซ้ำ
จนเราอยู่กันมาเรื่อยๆวันหนึ่งพ่อตรวจพบมะเร็งที่คอ เนื่องจากพ่อเป็นคนสูบบุหรีจัดมาก พ่อต้องเลิกทำงานมาอยู่บ้าน บ้านเราไม่มีรายได้อะไรน้องก็กำลังเรียนฉันได้น้าของฉันมาช่วยดูแลเรื่องเงินทองในการรักษาพ่อนับว่าโชคดีมาก แม่ก็ช่วยดูแลพ่อ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ฉันเลิกกับสามีเพราะเขาไปมีคนอื่น ฉันต้องเลี้ยงลูกคนเดียว เงินทองหาคนเดียวจึงจุนเจือพ่อได้ตามอัตถภาพ พวกเราช่วยกันดูแลพ่อ ไปเรื่อยๆแบบไม่มีความหวังอะไร รอวันจากไป แม้ขนาดที่พ่อป่วยอยู่ก็มีบางทีที่พวกเราโดยเฉพาะฉันใช้ชีวิตปกติ มีเที่ยวเฮฮากับเพื่อนบ้าง ยังไม่มีใจคิดจะอยู่ใกล้ชิด แต่ตลอดเวลาที่พ่อป่วยฉันจะรับหน้าที่อาบน้ำ เปลี่ยนแพมเพิส และทำแผลให้พ่อทุกวันเพราะแผลมะเร็งที่คอนั้นพอเปิดมาสุดจะบรรยายกลิ่นออกไปสามบ้านแปดบ้าน น้ำหนองออกเป็นกะละมัง ช่วงแรกฉันก็ต้องใช้ความพยายามมาก ฉันเห็นพ่อพยายามทำทุกอย่างเอง เพราะพ่อรู้ว่าพวกเราจะรังเกียจ แต่ฉันไม่นะ!! เพียงแต่ช่วงแรกต้องอดทนนิดนึงแต่พอทำเรื่อยๆฉันก็ชิน เวลาที่ฉันอาบน้ำให้พ่อฉันพิจารณาและนึกถึงตอนที่พ่อยังหนุ่มยังแข็งแรงมันช่างแตกต่างกันอย่าลิบลับ ร่างกายของพ่อมีแค่หนังหุ้มกระดูเพราะพ่อกินอะไรไม่ได้ ฉันอาบน้ำให้พ่อโดยที่นึกไปถึงตอนเด้กๆที่พ่ออาบน้ำให้ฉัน พาฉันไปว่ายน้ำ พาไปเขาดิน แล้วนึกถึงตอนฉันวัยรุ่นที่ไม่เคยแม้แต่จะเหลียวแล แถมเคยคิดด้วยซ้ำว่าไม่มีพ่อครอบครัวเราจะดีกว่านี้ ฉันสับสนกับความรู้สึกตัวเองมาก
จนกระทั่ง พ่อจากฉันไปเดือนสิงหาที่ผ่านมา ก่อนพ่อจะตายฉันไม่มีลางสังหรณ์อะไรเลย เพียงแต่ก่อนไปทำงานฉันเปลี่ยนแพมเพิสและนั่งจับมือคุยกับพ่อ บอกพ่อว่าไม่ต้องกลัวไม่มีอะไร เดี๋ยวเราจะกลับมาเจอกัน สายตาพ่อดูเป้นห่วงฉันมากเพระตอนที่พ่อป่วยถึงเราจะปิดว่าฉันเลิกกับสามีแต่ฉันรู้ว่าพ่อรับรู้และแค้นใจมาโดยตลอดที่ช่วยอะไรลูกไม่ได้ ฉันไปทำงานปกติ และไม่ได้ยินเสียงโทรศัพย์อะไรใดๆจนเที่ยงฉันเอาโทรศัพย์ออกมาเล่น จึงเห็นแม่โทรมา30กว่าสายฉันรีบโทรกลับ แม่บอกว่าไม่ทันแล้วพ่อรอฉันไม่ไหวพ่อจากไปซะแล้ว
ทีนี้มาเข้าสู่เรื่อง ความฝันที่ไม่มีวันทำได้นะคะ
วันแรกที่พ่อเสีย ฉันกลับมาจากงานฉันเผลอหลับไปฉันเห็นพ่อนอนดิ้นอยู่ในโลงฉันตกใจตื่นขึ้นมา ภาพมันเหมือนความจริงมาก
หลังจากนั้นทุกๆวันตั้งแต่เดือนสิงหาจนวันนี้ในฝันของฉัน ฉันฝันเห็นพ่อมาโดยตลอดทุกวัน ไม่มีวันไหนที่จะไม่ฝัน ฉันเฝ้าคิดถึงแต่พ่อ ทั้งๆที่แม่กับน้องไม่เคยฝันเลยสักครั้ง หลายครั้งที่พ่อเดินมาบอกเลขและมันออก หลายครั้งพ่อมาแบบทุกข์ทรมาณร้องไห้ บางครั้งเหมือนนั่งคุยกับพ่อจริงๆถามสารทุกข์สุขดิบ บางครั้งฉันตื่นมาพบว่าตัวเองกำลังร้องไห้ ฉันเฝ้าเรียกหาพ่อตลอด หากว่าโลกหลังความตายมีจริง ผีมีจริง ฉันอยากให้พ่อมาหา ฉันเหมือนคนบ้าเวลาไปไหนก็พูดเองเออเองว่าพ่อมาด้วย ใส่บาตรต้องเลือกอาหาร เอารูปพ่ออัพในเฟสบ่อยๆและพูดติดตลกเหมือนพ่อมีชีวิต มีช่วงที่คลิ๊บคริสมาสฮิตๆฉันเอาหน้าพ่อไปใส่แล้วพ่อเต้นกับฉันฉันเห็นพ่อมีชีวิต ฉันเฝ้าคร่ำครวญกับตัวเองว่าถ้าพ่อแก่ฉันจะไม่ปล่อยให้พ่ออยู่ด้วยความเดียวดาย และตายด้วยความเดียวดายแบบนี้ เราจะทำของเล่นด้วยกัน เราจะไปเที่ยวเดินป่าด้วยกัน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นในความฝันทุกคืนไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่เชื่อ ว่าตั้งแต่สิงหาปี 56 จนวันนี้ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่ฝันถึงพ่อ พอตื่นขึ้นมาฉันก็จะเจ็บปวดทรมาณกับความรู้สึกผิดฉันเหมือนทิ้งพ่อไปเผชิญอะไรก้ไม่รู้เพียงคนเดียว ยิ่งตั้งแต่พ่อจากไป ครอบครัวเรายิ่งต่างคนต่างทำในสิ่งที่ตัวเองต้องทำครอบครัวเราห่างกันขึ้น ฉันจะทำยังไงให้ความรู้สึกนี้หายไป ความรู้สึกผิดต่อพ่อ
เรื่องนี้ฉันเขียนมาจากใจเพียงอยากระบายความรู้สึกที่กดดันออกมาบ้าง และอยากบอกทุกคนที่ยังมีพ่ออยู่ ว่าวันที่พ่อจากไป คุณจะมีกี่ร้อยฝันก็ตามมันไม่มีวันเกิดขึ้นได้อีกแล้ว วันนี้คุณมีพ่ออยู่ถึงจะเป็นพ่อที่ดีหรือไม่ดีท่านก็คือพ่อของเรา ทำฝันคุณให้เป็นจริงซะก่อนทีมันจะสายไป
ความฝันที่ไม่มีวันทำได้!!!
ครอบครัวของเราอยู่ในบ้านตึกแถวหลังเล็กๆหลังนึงใน กทม ตั้งแต่จำความได้ฉันไม่เคยรู้สึกว่าครอบครัวอบอุ่นเลย บ้านฉันมีแม่ขี้บ่นและหน้าตาบึ้งตึงตลอด มีพ่อขี้เมาที่กลับบ้านมาทีไรก็จะมาหาเรื่องทะเลาะทุบตีแม่ ฉันเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆจนกลายเป็นกรรมการห้ามมวยจำเป็น ฉันเห็นภาพแม่เป็นผู้ถูกกระทำมาโดยตลอด แต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจพ่อ เพราะฉันแยกออกว่านี่คือพ่อ นั่นคือสามี ภรรยา
พ่อของฉันเป็นคนน่าสงสาร พ่อเป็นลุกคนโตของปู่ ที่แยกทางกับย่าตั้งแต่พ่อยังเด็ก ปู่ส่งพ่อฉันไปอยู่กับน้องชายปู่ และปู่ก็มีภรรยาและลูกใหม่ เป็นอันว่าพ่อกับปู่ และย่าก้ไม่ได้สนิทสนมกัน จนพ่อมาแต่งงานมีครอบครัว ครอบครัวของพ่อคือพวกเรา ถ้าถามถึงสายตาคนอื่นและญาติฝั่งแม่ พ่อฉันคือคนไม่เอาไหน รับราชการเป็นลูกจ้างประจำ ไม่ยอมสอบเข้าราชการทั้งที่มีคนดัน กินเหล้า เล่นการพนัน แอบเป็นหนี้ให้แม่ต้องใช้แทน ทุกครั้งที่มีปัญหาแม่จะมีญาติพี่น้องคอยช่วยเสมอไม่เหมือนพ่อ ในสายตาฉันพ่อคือคนที่โดดเดี่ยวเสมอ ตัวฉันเองถึงรักพ่อแต่ก้ไม่เคยจะได้ใส่ใจอะไรมาก วันไหนพ่อไม่อยุ่พวกเราจะดูสบายใจกันด้วยซ้ำ
จนเราอยู่กันมาเรื่อยๆวันหนึ่งพ่อตรวจพบมะเร็งที่คอ เนื่องจากพ่อเป็นคนสูบบุหรีจัดมาก พ่อต้องเลิกทำงานมาอยู่บ้าน บ้านเราไม่มีรายได้อะไรน้องก็กำลังเรียนฉันได้น้าของฉันมาช่วยดูแลเรื่องเงินทองในการรักษาพ่อนับว่าโชคดีมาก แม่ก็ช่วยดูแลพ่อ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ฉันเลิกกับสามีเพราะเขาไปมีคนอื่น ฉันต้องเลี้ยงลูกคนเดียว เงินทองหาคนเดียวจึงจุนเจือพ่อได้ตามอัตถภาพ พวกเราช่วยกันดูแลพ่อ ไปเรื่อยๆแบบไม่มีความหวังอะไร รอวันจากไป แม้ขนาดที่พ่อป่วยอยู่ก็มีบางทีที่พวกเราโดยเฉพาะฉันใช้ชีวิตปกติ มีเที่ยวเฮฮากับเพื่อนบ้าง ยังไม่มีใจคิดจะอยู่ใกล้ชิด แต่ตลอดเวลาที่พ่อป่วยฉันจะรับหน้าที่อาบน้ำ เปลี่ยนแพมเพิส และทำแผลให้พ่อทุกวันเพราะแผลมะเร็งที่คอนั้นพอเปิดมาสุดจะบรรยายกลิ่นออกไปสามบ้านแปดบ้าน น้ำหนองออกเป็นกะละมัง ช่วงแรกฉันก็ต้องใช้ความพยายามมาก ฉันเห็นพ่อพยายามทำทุกอย่างเอง เพราะพ่อรู้ว่าพวกเราจะรังเกียจ แต่ฉันไม่นะ!! เพียงแต่ช่วงแรกต้องอดทนนิดนึงแต่พอทำเรื่อยๆฉันก็ชิน เวลาที่ฉันอาบน้ำให้พ่อฉันพิจารณาและนึกถึงตอนที่พ่อยังหนุ่มยังแข็งแรงมันช่างแตกต่างกันอย่าลิบลับ ร่างกายของพ่อมีแค่หนังหุ้มกระดูเพราะพ่อกินอะไรไม่ได้ ฉันอาบน้ำให้พ่อโดยที่นึกไปถึงตอนเด้กๆที่พ่ออาบน้ำให้ฉัน พาฉันไปว่ายน้ำ พาไปเขาดิน แล้วนึกถึงตอนฉันวัยรุ่นที่ไม่เคยแม้แต่จะเหลียวแล แถมเคยคิดด้วยซ้ำว่าไม่มีพ่อครอบครัวเราจะดีกว่านี้ ฉันสับสนกับความรู้สึกตัวเองมาก
จนกระทั่ง พ่อจากฉันไปเดือนสิงหาที่ผ่านมา ก่อนพ่อจะตายฉันไม่มีลางสังหรณ์อะไรเลย เพียงแต่ก่อนไปทำงานฉันเปลี่ยนแพมเพิสและนั่งจับมือคุยกับพ่อ บอกพ่อว่าไม่ต้องกลัวไม่มีอะไร เดี๋ยวเราจะกลับมาเจอกัน สายตาพ่อดูเป้นห่วงฉันมากเพระตอนที่พ่อป่วยถึงเราจะปิดว่าฉันเลิกกับสามีแต่ฉันรู้ว่าพ่อรับรู้และแค้นใจมาโดยตลอดที่ช่วยอะไรลูกไม่ได้ ฉันไปทำงานปกติ และไม่ได้ยินเสียงโทรศัพย์อะไรใดๆจนเที่ยงฉันเอาโทรศัพย์ออกมาเล่น จึงเห็นแม่โทรมา30กว่าสายฉันรีบโทรกลับ แม่บอกว่าไม่ทันแล้วพ่อรอฉันไม่ไหวพ่อจากไปซะแล้ว
ทีนี้มาเข้าสู่เรื่อง ความฝันที่ไม่มีวันทำได้นะคะ
วันแรกที่พ่อเสีย ฉันกลับมาจากงานฉันเผลอหลับไปฉันเห็นพ่อนอนดิ้นอยู่ในโลงฉันตกใจตื่นขึ้นมา ภาพมันเหมือนความจริงมาก
หลังจากนั้นทุกๆวันตั้งแต่เดือนสิงหาจนวันนี้ในฝันของฉัน ฉันฝันเห็นพ่อมาโดยตลอดทุกวัน ไม่มีวันไหนที่จะไม่ฝัน ฉันเฝ้าคิดถึงแต่พ่อ ทั้งๆที่แม่กับน้องไม่เคยฝันเลยสักครั้ง หลายครั้งที่พ่อเดินมาบอกเลขและมันออก หลายครั้งพ่อมาแบบทุกข์ทรมาณร้องไห้ บางครั้งเหมือนนั่งคุยกับพ่อจริงๆถามสารทุกข์สุขดิบ บางครั้งฉันตื่นมาพบว่าตัวเองกำลังร้องไห้ ฉันเฝ้าเรียกหาพ่อตลอด หากว่าโลกหลังความตายมีจริง ผีมีจริง ฉันอยากให้พ่อมาหา ฉันเหมือนคนบ้าเวลาไปไหนก็พูดเองเออเองว่าพ่อมาด้วย ใส่บาตรต้องเลือกอาหาร เอารูปพ่ออัพในเฟสบ่อยๆและพูดติดตลกเหมือนพ่อมีชีวิต มีช่วงที่คลิ๊บคริสมาสฮิตๆฉันเอาหน้าพ่อไปใส่แล้วพ่อเต้นกับฉันฉันเห็นพ่อมีชีวิต ฉันเฝ้าคร่ำครวญกับตัวเองว่าถ้าพ่อแก่ฉันจะไม่ปล่อยให้พ่ออยู่ด้วยความเดียวดาย และตายด้วยความเดียวดายแบบนี้ เราจะทำของเล่นด้วยกัน เราจะไปเที่ยวเดินป่าด้วยกัน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นในความฝันทุกคืนไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่เชื่อ ว่าตั้งแต่สิงหาปี 56 จนวันนี้ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่ฝันถึงพ่อ พอตื่นขึ้นมาฉันก็จะเจ็บปวดทรมาณกับความรู้สึกผิดฉันเหมือนทิ้งพ่อไปเผชิญอะไรก้ไม่รู้เพียงคนเดียว ยิ่งตั้งแต่พ่อจากไป ครอบครัวเรายิ่งต่างคนต่างทำในสิ่งที่ตัวเองต้องทำครอบครัวเราห่างกันขึ้น ฉันจะทำยังไงให้ความรู้สึกนี้หายไป ความรู้สึกผิดต่อพ่อ
เรื่องนี้ฉันเขียนมาจากใจเพียงอยากระบายความรู้สึกที่กดดันออกมาบ้าง และอยากบอกทุกคนที่ยังมีพ่ออยู่ ว่าวันที่พ่อจากไป คุณจะมีกี่ร้อยฝันก็ตามมันไม่มีวันเกิดขึ้นได้อีกแล้ว วันนี้คุณมีพ่ออยู่ถึงจะเป็นพ่อที่ดีหรือไม่ดีท่านก็คือพ่อของเรา ทำฝันคุณให้เป็นจริงซะก่อนทีมันจะสายไป