เรื่องเล่า : ฉันเป็นใครเมื่อในอดีต แล้วปัจจุบันฉันคือใคร??

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ.… เรื่องราวของเรานี้ไม่มีอะไรมาก แค่อยากจะทำให้เหมือนไดอารี่ที่เอาไว้บันทึกเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับตัวเอง. เรื่องที่อาจจะเป็นจิตนาการ, เพ้อฝัน, หรือวิทยาศาสตร์บอกไม่ได้ หรือนิทาน นิยายก่อนนอน..


เริ่มต้นจาก.. ปฐมบท!!
เคยเป็นไหม บางทีคุณพ่อคุณแม่เล่าให้ฟังเกี่ยวกับตัวเราตั้งแต่ยังเด็กๆหรือความฝันที่ฝัน แล้วยังจำได้แม่น… เช่น
ลูกรู้ไหม ลูกเป็นลูกขอกับหลวงพ่อโสธร ก่อนแม่จะรู้ว่าตั้งท้อง มีฝันว่าพระพุทธรูปเด็กที่วัด กลายเป็นลูกแก้วลอยเข้ามาในท้อง.. ทำให้เราต้องไปไหว้ท่านทุกปีช่วงวันเกิดตั้งแต่เด็ก แต่ตั้งแต่ขึ้นมัธยมก็ไม่ค่อยได้ไปละ ติดเรียนพิเศษบ่อย..
หรือ ตอนเด็กๆไปนอนบ้านญาติที่ชลบุรี แล้วสงสัยเล่นกับกุมาร เพราะไม่หลับไม่นอน หัวเราะเอิ้กอ้าก..
หรือ แม่ไปดูหมอ.. หมอทักว่า ถึงเวลาให้รับขันต์ซะนะ จะได้ดี ช่วยคนได้ด้วย
หรือ ตอนเด็กๆ ฝันแปลกๆตื่นมาก็ยังจำได้แม่น เหมือนภาพติดตา เอาที่เด่นๆ คือ
   1. ตอนนั้นน่าจะอยู่ประถมอยู่เลย ฝันว่ากำลังเดินอยู่ที่ไหนสักแห่ง.. พื้นเหมือนหินศิลาแลง มีหญ้าเป็นหย่อมๆ ความรู้สึกในฝันคือ ด้านซ้ายขวาเป็นผนังกำแพงศิลาแลงเก่าๆ หลังกำแพงด้านขวาเป็นสระมรกตไม่ใหญ่มาก น้ำนิ่งออกเขียวๆ ที่สำคัญเหมือนมีคนบอกว่าเป็นที่อยู่ของพญานาค… แต่แล้วในฝันพอรู้ว่าด้านขวามีอะไร ก็จะเดินต่อแหละ แต่สะดุ้งตื่นก่อน
   2. คุ้นๆว่าผ่านมาหลายปี แล้วมีเหมือนฝันต่อ เพราะฉากในฝันคล้ายกันมากๆ มีคุ้นๆว่าด้านหลังที่เรายืนอยู่มีสระมรกตอยู่ แต่คราวนี้ด้านหน้าเราซ้ายมือ มีเหมือนทางขึ้นในซุ้มปราสาทหินเหมือนทางไปไหว้พระ.. เราก็เดินไปที่บันไดหิน หันซ้ายไปมอง เจอคุณพ่อคุณแม่กำลังนั่งคุกเข่าไหว้พระหินเก่าๆ พนมมือจุดธูปไหว้ หันมายิ้มให้เราแล้วเหมือนจะชวนให้มาไหว้พระด้วยกัน.. แล้วเราก็สะดุ้งตื่นอีก…
   3. ผ่านมาอีกหลายปีมากๆ เพราะเริ่มโตละ.. จำได้ว่า เหมือนเรากำลังเล่นหรือ หนีอะไรสักอย่างในสวนที่มีกำแพงต้นไม้ ที่เหมือนเขาวงกต.. เรากำลังจะออกสู่ทางออกละ แล้วมาสังเกตในมือถือเหมือนดาบอะไรสักอย่าง ยืนหลบอยุ่หลังกำแพง หลังพิงกำแพง แล้วแอบมองลอดออกไปตรงช่องที่จะออกจากเขาวงกตขาวงกตนี้ โดยมีความรู้สึกว่า ด้านซ้ายข้างนอกเขาวงกตนี้มีที่ไหว้พระที่เจอคุณพ่อกับคุณแม่คราวก่อน แต่จะไปตรงนั้นได้ยังไง เพราะมีทหารขวางอยู่!!
   4. อันนี้จำรายละเอียดไม่ได้ แต่ที่ติดในหัวคือ เหมือนมีตึกพังๆมีควัน เศษซากกองอยู่.. จู่ๆเหมือนจะทั้งโลกมีเสียงเชิดชูคนๆนึง “วลาดิเมีย ปูติน” ชื่อนี้มันคุ้นมากตั้งแตประถมปลาย.. จนขนลุกเว่อร์ หลังจากโตมาแล้วเจอว่าคือใคร. ตั้งแต่ตอนนั้น เราเช็คข้อมูลในเน็ตดู เหมือนชื่อนี้จะมาดังหลังๆนี้เอง แล้วก่อนหน้าที่ติดในหัวล่ะ.. งง แทร่

นอกจากความฝันแปลกๆ มีหลายคนทักเรามาก ว่า.. ยู มีของดีนะ แต่เราก็เฉยๆไง เราเป็นคนเชื่อในสิ่งที่เห็น, สัมผัส หรือรับรู้เองได้เท่านั้น.. ที่เหลือก็คือ แนวๆ ไม่เชื่อ100% แค่สงสัย แต่ก็ไม่ได้หลบหลู่อะไร.. ถึงแม้บางทีมีคำแว๊ปมาในหัวบ้าง เช่น ก็แค่ผี!! เทพบ้าบออะไร มาให้คนกราบไหว้เอาเงินเขา แต่ก็ไม่พูดหรือแสดงออก แค่ตัดบทเดินออกมา

หรือ ตอนไปบวชเณร วัดบวรฯ คณะนึงที่น้อยคนได้บวช&จำวัดด้วย.. เราก็ว่าพี่ๆเณรอำแหละ ก็เลยไม่ใส่ใจ มันก็แค่ เรานอนกันสามคนในห้อง เรานอนกลาง.. พี่ๆเณรซ้ายขวา ถามว่าเราสบายหลับสนิทสบายไหม.. เราก็ตอบไปว่าสบายดี.. สองคนเลิกลั้กแล้วบอกว่า เค้าโดนผีทหารอำเมื่อคืนพร้อมกัน เราก็หรอๆในใจกลัว แต่สงสัยเออๆ แกล้งแน่ๆ แช่งมัน

หรือ อีกครั้งตอนบวชพระ หน้าไฟ ให้คุณพ่อ วัดชลประทานฯ เนื่องจากเป็นการบวชหน้าไฟ ทำให้เราบวชแบบทั้งเดือนตามที่วัดมีไม่ได้ ตอนแรกทางวัดปฏิเสธ แต่เผอิญน้องชายเคยบวชเณรที่นี่ พระอาจารย์ที่สนิทกันเลยไปติดต่อให้ ไม่รู้โชคดีหรืออะไร หลวงปู่ปัญญานันทะภิกขุ รับบวช ท่านบอกว่าในเมื่อมีจิตศรัทธามาบวชแล้ว ต่อให้เป็นการบวชหน้าไฟก็เถอะ ทำไมเราถึงปฏิเสธเขาไป. ท่านเลยรับเป็นพระอุปปัชฌา และบวชให้เราด้วยตัวท่านเอง. ในวันที่บวชเราได้บวชที่พระอุโบสถตรงแถวๆลานจอดรถ  ต่างกับคนอื่นที่บวชที่ลานหินโค้ง. เราจำได้ ว่าตอนบวชตอนเรากล่าวคำ หลวงปู่แทบไม่มองหน้าเราเลยท่านยิ้มแล้วมองข้างๆหัวเราเหมือนมองอยู่ช่วงหู แล้วหมาก็หอนหนักมากข้างนอก. ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก คิดว่าท่านก็คงมองไปแล้วท่านชราภาพมากแล้ว ส่วนที่หมาหอนก็คงคุณพ่อมารับส่วนบุญส่วนกุศลรับรู้ด้วย. เราบวชไปประมาณ 15 วัน. สึกก็สึกหลังเขา ไปหนึ่งวัน แต่คืนก่อนสึกเนี่ยสิ. เราจำได้เราจำได้ว่าเราเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น แล้วได้ยินเสียงคนอาบน้ำแล้วได้ยินเสียงคนอาบน้ำด้วยขัน ทั้งๆที่ ห้องอาบน้ำเป็นฝักบัวทั้งหมด. ถามว่ากลัวไหมก็กลัวแต่ก็ข่มตาหลับต่อเพราะรุ่งเช้าสึกที่ กุฎิหลวงปู่. เช้าวันสึกเราไปตั้งแต่ตีห้า ไปถึงที่กุฎิพระท่านที่ดูแลหลวงปู่ก็เรียกให้ไปที่ห้องของหลวงปู่เลยเพราะเหมือนหลวงปู่ไม่ค่อยสบาย. เราทำการสึกปรกติ ทีนี้ชัดเลย เพราะเวลาท่อง หลวงปู่ยิ้มให้เราทีนึง แล้วมองไปที่จุดๆเดิมข้างหัวเราเลยแล้วก็ยังยิ้มอยู่พร้อมพยักหน้า. เราก็ไม่ได้อะไรนะก็มาแม่ฟังเหมือนเดิม. คือไม่รู้จะไปทางไหนเพราะมันพิสูจน์ไม่ได้ หรือมันอะไรเราก็ยังไม่รู้เลย.

แต่หลังจากบวชพระคราวนี้ เรื่องมันจะ พีคขึ้นเรื่อยๆ ไว้เดี๋ยวมาเขียนต่อใน Ep. ต่อๆไป

เชื่อไหม ทุกวันนี้เราก็ไม่ศึกษาอะไรด้านนี้นะ เพราะเรามีความรู้สึกว่า เฮ้ยยย สมองเราเล่นตลกอะไรรึป่าว มันอาจจะเป็นไปได้ที่ในหัวเราหลอกเราเอง แบบเอามายำๆรวมกัน แล้วหลอกเราว่านี่แหละ เราเคยรู้ เราเคยฝัน เดจาวู. เรามักจะไม่อ่านไม่เสพย์ข้อมูลเลย เพราะเรามีความเชื่อส่วนตัวว่า จิตเราเป็นตัวกำหนด. ถ้าเราอ่านแล้ว ดูแล้ว ฟังแล้ว., จิตเราจะรับรู้ แล้วถูกกำหนดไปอีกนัยนึง..

ปล. อ่านแล้ว ใครมีเรื่องราวคล้ายกับเรา มาพูดคุยแชร์กันได้นะ. ส่วนใครบังเอิญมาเจอแล้วรู้ว่าเราเป็นใคร ก็เงียบๆไว้ละกัน อันนี้แค่เขียนไว้เหมือนไดอารี่ตัวเอง แล้วกลัวว่าวันนึงจะลืม ส่วนใครมาเจอก็เอาแบบอ่านสนุกๆ เหมือนนิทาน นิยาย ก็ได้นะ 🤍🤍
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่