เมื่อเดือนตค.คุณแม่ได้รับการผ่าตัดที่กระดูกสันหลังเนื่องจากมะเร็งลามทำให้กระดูกสันหลังยุบ
คุณแม่เลือกที่จะผ่าตัดถึงแม้ว่าจะเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ใช้เวลาถึง 8ชม.และยังมีผลให้มะเร็งลามเร็วขึ้น
ท่านยอม แค่เพื่อให้สามารถเดินได้ กับชีวิตช่วงสุดท้ายอย่างมีความสุข
หลังผ่าตัดคุณหมอแจ้งว่าผลการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี ครอบครัวเราฟังแล้วมีความหวังขึ้นที่คุณแม่จะเดินกลับมาได้อีกครั้งหนึ่ง และรอวันแล้ววันเล่าที่จะได้เห็นพัฒนาการของคุณแม่เป็นไปอย่างที่คุณหมอได้แจ้งไว้
หลังผ่าตัดตั้งแต่วันแรก คุณแม่มีอาการแปลก พูดถึงแต่ว่ามีของเหลวไหลในร่างกาย มีถามคุณหมอแล้ว คุณหมอก็ไม่สามารถอธิบายได้ แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก ห่วงแต่เรื่องการเดิน การขยับตัวของคุณแม่มากกว่า
ช่วงเดือนแรก คุณแม่สามารถพยุงตัวเองได้ตอนเวลาฝึกเดินแต่ไม่มากนัก แต่ทุกครั้งที่ท่านฝึกเดินก็บ่นว่ามีอาการปวดที่แผลผ่าตัด ซึ่งเราคิดว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนมีอายุที่เพิ่งผ่าตัดใหญ่มา
การรักษาขั้นต่อไปคือการฉายแสง (คุณหมอได้แจ้งไว้ก่อนการผ่าตัดแล้วว่าเป็น การรักษามะเร็งที่จำเป็นต้องรักษาต่อทันทีที่แผลการผ่าตัดของคุณแม่ดีขึ้น) ครอบครัวของเราเห็นด้วย
*** แต่ปรากฎว่าไม่สามารถพาคุณแม่ไปรักษาอย่างที่ตั้งใจไว้ได้ เนื่องจาก ผ่านไป 1 เดือน สิ่งที่สังเกตได้คือ พัฒนาการคุณแม่เริ่มแย่ลง เราก็เอะใจว่าเกิดอะไรขึ้น คุณแม่ขาลีบลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่สามารถฝึกเดินได้เหมือนก่อนหน้านี้ ดิฉันพยายามถามอาการนี้กับคุณหมอ คุณหมอแจ้งได้แค่ว่าจะปรับยาแก้ปวดให้ ทุกวันเป็นวันที่เลวร้ายมากสำหรับคุณแม่ ท่านปวดขนาดที่ว่า แค่ขยับขา ก็ปวดร้องไห้แทบจะขาดใจ คุณภาพชีวิตทั้งคุณแม่และครอบครัวเราในเวลานั้นตกต่ำที่สุด
ดิฉันสงสารแม่จับใจ ตอนนั้นคุณแม่ท้อแท้และตัดพ้อแต่ว่า ถ้าจะให้พิการยังดีกว่ามาปวดแบบนี้ รู้ซึ้งเลยว่าคนที่เสียชีวิตจากการทนปวดบาดแผลไม่ไหวเป็นยังไง เรากลัวที่คุณแม่จะเป็นอะไรไป แต่ละวันก็หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ท และพยายามหาปรึกษากับแพทย์รพ.อื่นทันที
*** จนในที่สุด ก็มาพบกับสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้คุณแม่มีอาการเลวร้ายขนาดนี้ คือ ซีเมนส์ (สารเหลวอย่างหนึ่งที่ใช้สร้างความแข็งของกระดูก และจะเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นของแข็ง) ที่ใช้ร่วมในการผ่าตัดครั้งนั้น ได้มีการรั่วเข้าไปในโพรงไขสันหลัง ความจริงอันโหดร้ายที่ได้ฟังจากคุณหมอ นั้นหมายความว่า ซีเมนส์ได้ทำลายเส้นประสาทที่อยู่ในโพรงไขสันหลังมาตลอด 2 เดือน การที่ท่านยอมผ่าตัดเพื่อให้เดินได้นั้น กลับกลายเป็นว่าท่านได้รับความทุกข์ซ้ำเติมเข้ามาในชีวิตอีก
เพราะฉะนั้นการแก้ไขหลังจากเกิดเคสนี้ก็คือ การผ่าตัดใหญ่รอบที่ 2 ที่ต้องเลาะเอาซีเมนส์ที่รั่วออก
ผลที่คาดหวังจากการผ่าตัดในครั้งที่ 2 นี้ ได้กลายจากความหวังที่ให้ท่านเดินได้ มาเป็นให้ท่านมีชีวิตอยู่ได้ ซึ่งไม่คิดว่าจากหนึ่งความเลวร้ายของโรคมะเร็งที่กำลังลดเวลาของท่านอยู่ ยังมีความผิดพลาดจากการผ่าตัดครั้งแรกมาทำร้ายร่างกายและจิตใจในช่วงเวลาอันมีค่าแบบนี้
จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น อยากขอความเห็นจากเพื่อนห้องสวนลุม ว่าดิฉันควรร้องเรียนการรักษาครั้งแรกที่ผิดพลาดนี้หรือไม่ ใจดิฉันไม่อยากฟ้องคุณหมอโดยตรง สงสารคุณหมอที่อาจต้องเสียประวัติทางวิชาชีพ แต่อีกใจหนึ่งทางครอบครัวเราก็ได้รับความทุกข์ทางกาย ทางใจอย่างมากมายเกินที่จะยอมรับไว้ฝ่ายเดียวได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่สำคัญเท่าเวลาของคุณแม่ที่หายไปไม่รู้เท่าไหร่ และไม่เป็นไปตามแผนการรักษา
ใจดิฉันอยากจะเรียกร้องการชดใช้จากรพ.แทน (ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับนิติบุคคลน่าจะ sensitive น้อยกว่าบุคคลธรรมดา) ความคิดของดิฉัน เพื่อนมีความเห็นอย่างไรกันบ้างคะ
ควรจะเรียกร้องดีไหมกับการรักษาที่ทำให้คุณแม่เกือบหมดเวลาของชีวิต
คุณแม่เลือกที่จะผ่าตัดถึงแม้ว่าจะเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ใช้เวลาถึง 8ชม.และยังมีผลให้มะเร็งลามเร็วขึ้น
ท่านยอม แค่เพื่อให้สามารถเดินได้ กับชีวิตช่วงสุดท้ายอย่างมีความสุข
หลังผ่าตัดคุณหมอแจ้งว่าผลการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี ครอบครัวเราฟังแล้วมีความหวังขึ้นที่คุณแม่จะเดินกลับมาได้อีกครั้งหนึ่ง และรอวันแล้ววันเล่าที่จะได้เห็นพัฒนาการของคุณแม่เป็นไปอย่างที่คุณหมอได้แจ้งไว้
หลังผ่าตัดตั้งแต่วันแรก คุณแม่มีอาการแปลก พูดถึงแต่ว่ามีของเหลวไหลในร่างกาย มีถามคุณหมอแล้ว คุณหมอก็ไม่สามารถอธิบายได้ แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก ห่วงแต่เรื่องการเดิน การขยับตัวของคุณแม่มากกว่า
ช่วงเดือนแรก คุณแม่สามารถพยุงตัวเองได้ตอนเวลาฝึกเดินแต่ไม่มากนัก แต่ทุกครั้งที่ท่านฝึกเดินก็บ่นว่ามีอาการปวดที่แผลผ่าตัด ซึ่งเราคิดว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนมีอายุที่เพิ่งผ่าตัดใหญ่มา
การรักษาขั้นต่อไปคือการฉายแสง (คุณหมอได้แจ้งไว้ก่อนการผ่าตัดแล้วว่าเป็น การรักษามะเร็งที่จำเป็นต้องรักษาต่อทันทีที่แผลการผ่าตัดของคุณแม่ดีขึ้น) ครอบครัวของเราเห็นด้วย
*** แต่ปรากฎว่าไม่สามารถพาคุณแม่ไปรักษาอย่างที่ตั้งใจไว้ได้ เนื่องจาก ผ่านไป 1 เดือน สิ่งที่สังเกตได้คือ พัฒนาการคุณแม่เริ่มแย่ลง เราก็เอะใจว่าเกิดอะไรขึ้น คุณแม่ขาลีบลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่สามารถฝึกเดินได้เหมือนก่อนหน้านี้ ดิฉันพยายามถามอาการนี้กับคุณหมอ คุณหมอแจ้งได้แค่ว่าจะปรับยาแก้ปวดให้ ทุกวันเป็นวันที่เลวร้ายมากสำหรับคุณแม่ ท่านปวดขนาดที่ว่า แค่ขยับขา ก็ปวดร้องไห้แทบจะขาดใจ คุณภาพชีวิตทั้งคุณแม่และครอบครัวเราในเวลานั้นตกต่ำที่สุด
ดิฉันสงสารแม่จับใจ ตอนนั้นคุณแม่ท้อแท้และตัดพ้อแต่ว่า ถ้าจะให้พิการยังดีกว่ามาปวดแบบนี้ รู้ซึ้งเลยว่าคนที่เสียชีวิตจากการทนปวดบาดแผลไม่ไหวเป็นยังไง เรากลัวที่คุณแม่จะเป็นอะไรไป แต่ละวันก็หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ท และพยายามหาปรึกษากับแพทย์รพ.อื่นทันที
*** จนในที่สุด ก็มาพบกับสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้คุณแม่มีอาการเลวร้ายขนาดนี้ คือ ซีเมนส์ (สารเหลวอย่างหนึ่งที่ใช้สร้างความแข็งของกระดูก และจะเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นของแข็ง) ที่ใช้ร่วมในการผ่าตัดครั้งนั้น ได้มีการรั่วเข้าไปในโพรงไขสันหลัง ความจริงอันโหดร้ายที่ได้ฟังจากคุณหมอ นั้นหมายความว่า ซีเมนส์ได้ทำลายเส้นประสาทที่อยู่ในโพรงไขสันหลังมาตลอด 2 เดือน การที่ท่านยอมผ่าตัดเพื่อให้เดินได้นั้น กลับกลายเป็นว่าท่านได้รับความทุกข์ซ้ำเติมเข้ามาในชีวิตอีก
เพราะฉะนั้นการแก้ไขหลังจากเกิดเคสนี้ก็คือ การผ่าตัดใหญ่รอบที่ 2 ที่ต้องเลาะเอาซีเมนส์ที่รั่วออก
ผลที่คาดหวังจากการผ่าตัดในครั้งที่ 2 นี้ ได้กลายจากความหวังที่ให้ท่านเดินได้ มาเป็นให้ท่านมีชีวิตอยู่ได้ ซึ่งไม่คิดว่าจากหนึ่งความเลวร้ายของโรคมะเร็งที่กำลังลดเวลาของท่านอยู่ ยังมีความผิดพลาดจากการผ่าตัดครั้งแรกมาทำร้ายร่างกายและจิตใจในช่วงเวลาอันมีค่าแบบนี้
จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น อยากขอความเห็นจากเพื่อนห้องสวนลุม ว่าดิฉันควรร้องเรียนการรักษาครั้งแรกที่ผิดพลาดนี้หรือไม่ ใจดิฉันไม่อยากฟ้องคุณหมอโดยตรง สงสารคุณหมอที่อาจต้องเสียประวัติทางวิชาชีพ แต่อีกใจหนึ่งทางครอบครัวเราก็ได้รับความทุกข์ทางกาย ทางใจอย่างมากมายเกินที่จะยอมรับไว้ฝ่ายเดียวได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่สำคัญเท่าเวลาของคุณแม่ที่หายไปไม่รู้เท่าไหร่ และไม่เป็นไปตามแผนการรักษา
ใจดิฉันอยากจะเรียกร้องการชดใช้จากรพ.แทน (ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับนิติบุคคลน่าจะ sensitive น้อยกว่าบุคคลธรรมดา) ความคิดของดิฉัน เพื่อนมีความเห็นอย่างไรกันบ้างคะ