พระเยซุตรัสกับหญิงสะมาเรียนั้นว่า "หญิงเอ๋ย เชื่อเราเถิด จะมีเวลาหนึ่งที่พวกเจ้าจะมิได้ไหว้นมัสการพระบิดา
เฉพาะที่ภูเขานี้ หรือที่กรุงเยรูซาเล็ม
ซึ่งพวกเจ้านมัสการนั้นเจ้าไม่รู้จัก ซึ่งพวกเรานมัสการเรารู้จัก เพราะความรอดนั้นเนื่องมาจากพวกยิว
แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้อง จะนมัสการพระบิดา
ด้วยจิตวิญญาณและ ความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์
พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง"
ในระหว่างนั้นพวกสาวกทูลเชิญพระองค์ว่า "พระอาจารย์เจ้าข้า เชิญรับประทานเถิด"
แต่พระองค์ตรัสกับเขาว่า "เรามีอาหารรับประทานที่ท่านทั้งหลายไม่รู้"
พวกสาวกจึงถามกันว่า "มีใครเอาอาหารมาถวายพระองค์แล้วหรือ"
พระเยซูตรัสกับเขาว่า "อาหารของเราคือการกระทำตามพระทัยของพระองค์ ผู้ทรงใช้เรามา และทำให้งานของพระองค์สำเร็จ
ท่านทั้งหลายว่า อีกสี่เดือนจะถึงฤดูเกี่ยวข้าวมิใช่หรือ ดูเถิด เราบอกท่านทั้งหลายว่า เงยหน้าขึ้นดูนาเถิด ว่าทุ่งนาก็เหลืองอร่าม
ถึงเวลาเกี่ยวแล้ว คนที่เกี่ยวก็กำลังได้รับค่าจ้าง และกำลังส่ำสมพืชผลไว้สำหรับชีวิตนิรันดร์
เพื่อทั้งคนหว่านและคนเกี่ยวจะชื่นชมยินดีด้วยกัน
เพราะในเรื่องนี้คำที่กล่าวไว้นี้เป็น ความจริง คือ `คนหนึ่งหว่านและอีกคนหนึ่งเกี่ยว'
เราใช้ท่านทั้งหลายไปเกี่ยวสิ่งที่ท่านมิได้ลงแรงทำ คนอื่นได้ลงแรงทำ
และท่านได้รับผลประโยชน์จากแรงของเขา"
-BB. ยอห์น 4: -39
เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต
เฉพาะที่ภูเขานี้ หรือที่กรุงเยรูซาเล็ม
ซึ่งพวกเจ้านมัสการนั้นเจ้าไม่รู้จัก ซึ่งพวกเรานมัสการเรารู้จัก เพราะความรอดนั้นเนื่องมาจากพวกยิว
แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้อง จะนมัสการพระบิดา
ด้วยจิตวิญญาณและ ความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์
พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง"
ในระหว่างนั้นพวกสาวกทูลเชิญพระองค์ว่า "พระอาจารย์เจ้าข้า เชิญรับประทานเถิด"
แต่พระองค์ตรัสกับเขาว่า "เรามีอาหารรับประทานที่ท่านทั้งหลายไม่รู้"
พวกสาวกจึงถามกันว่า "มีใครเอาอาหารมาถวายพระองค์แล้วหรือ"
พระเยซูตรัสกับเขาว่า "อาหารของเราคือการกระทำตามพระทัยของพระองค์ ผู้ทรงใช้เรามา และทำให้งานของพระองค์สำเร็จ
ท่านทั้งหลายว่า อีกสี่เดือนจะถึงฤดูเกี่ยวข้าวมิใช่หรือ ดูเถิด เราบอกท่านทั้งหลายว่า เงยหน้าขึ้นดูนาเถิด ว่าทุ่งนาก็เหลืองอร่าม
ถึงเวลาเกี่ยวแล้ว คนที่เกี่ยวก็กำลังได้รับค่าจ้าง และกำลังส่ำสมพืชผลไว้สำหรับชีวิตนิรันดร์
เพื่อทั้งคนหว่านและคนเกี่ยวจะชื่นชมยินดีด้วยกัน
เพราะในเรื่องนี้คำที่กล่าวไว้นี้เป็น ความจริง คือ `คนหนึ่งหว่านและอีกคนหนึ่งเกี่ยว'
เราใช้ท่านทั้งหลายไปเกี่ยวสิ่งที่ท่านมิได้ลงแรงทำ คนอื่นได้ลงแรงทำ
และท่านได้รับผลประโยชน์จากแรงของเขา"
-BB. ยอห์น 4: -39