ความประทับใจสุดยอด กับร้านหมูกระทะชื่อดังย่านจันทร์เกษม



เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ที่เจอมากับตัวเมื่อไม่นานมานี้ครับ

              ช่วงเมื่อเดือนที่แล้วเพื่อนๆกับผม ได้ไปทานหมูกระทะชื่อดังย่านจันทร์เกษมกับเพื่อนๆ รวมกันเป็น 5 คน  เป็นครั้งแรกที่ผมได้กินร้านหมูกระทะที่นี้  เพราะเพื่อนชวนมาทาน  ร้านนี้ราคาหัวละ 159 บาท รวมบุฟเฟ่ต์ซีฟู๊ตด้วย
              ซึ่งตัวผมเป็นคนชอบทานกุ้งอยู่แล้วจึงตกลงไปรับประทานกับเพื่อนๆกัน  พอไปถึงก็ทานตามปกติไม่ได้มีอะไรพิเศษ  พอทานกันเสร็จแล้วเช็คบิลออกมาหารกันตกคนละ 340-360 บาท คิดในใจ (แพงเหมื่อนกันนะเนี้ย ไหนบอกว่าหัวละ 159บาทฟ่ะ!)  ก็ไม่เอะใจหรือเช็คอะไร ก็จ่ายเงินตามปกติ ขี้เกียจมานั่งคิดเล็กคิดน้อย เสร็จแล้วก็กลับบ้านตามปกติ

               แต่พอผ่านมาอีกเดือนนึงแฟนผมซึ่งเป็นคนญี่ปุ่น ซึ่งบางครั้งเธอจะบินมาหาผมบ้างที่กรุงเทพ วันนั้นเธอก็ได้บินมาหาผม  
แล้วพอตกกลางคืนพวกเราเริ่มจะหิวกัน  ซึ่งเธอบ่นว่า

แฟนผม:  ไออยากกิงหมูกระตะๆ มีที่หนายอร่อยๆมั้ง?
ผม: เออ...(ไปที่ไหนดีน้า~) งั้นเดี้ยวไอจะพายูไปที่ร้านแถวๆจันทน์เกษมละกัน มีบุฟเฟ่ต์กุ้งด้วยน้า~〜
แฟนผม:  Wowๆ แต่ไอมายรู้จักที่หนายจันกะเสม? แต่โอเชๆ เอาอร่อยๆน้า~อมยิ้ม02
(เธอพูดอังกฤษบ้าง ไทยบ้างแต่ผมเขียนแบบนี้ละกันจะได้ไม่งง)

               และแล้วผมก็ได้ขับรถไปร้านหมูกระทะร้านเดิมอีกครั้งกับแฟนผม  เป็นครั้งที่ 2 ที่ผมได้ไปร้านนี้  !แต่ครั้งนี้ผมพาน้องหมาของผมไปด้วย (ซึ่งปกติผมไปกินหมูกระทะที่ร้านอื่นกับเธอ  ก็จะพาน้องหมาไปด้วยแต่จะนั่งริมนอกๆสุด ไม่เคยมีปัญหาอะไร) แล้วเรื่องราวแสนประทับใจก็เกิดขึ้นวันนี้แหละ!

              และแล้วผมก็มาถึงร้าน ก็พาแฟนกะน้องหมาเดินผ่านพนักงานเข้ามานั่งโต๊ะแถวๆ ติดริมประตู  วันนี้ลูกค้าในร้านไม่ค่อยเยอะเท่าไร เพราะเป็นวันธรรมดา แล้วพนักงานก็เข้ามาถาม

พนักงานใหม่:  รับกี่ที่ดีพี่?
ผม:  2 ที่ครับ (จูงหมาเข้ามาด้วย)

              เสร็จสัพแล้วจะจัดแจง ตักอาหาร มาปิ้งย่าง ทานอาหารกันตามปกติ พูดคุยจู๋จี๋ ตามภาษาคู่รักบ้านๆทั่วๆไปซึ่งอยู่ด้วยกันบ้าง ไกลกันบ้าง นั่งทานกันได้ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง  พอทานกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเช็คบิล ผมเรียกพนักงานเข้ามาเช็คบิล

ผม:  ทั้งหมดเท่าไรครับ?
พนักงานใหม่:  เออ.. ทั้งหมด 912 บาทครับ
ผม:  หือ! ทำไมแพงจัง? ขอดูบิลหน่อยครับ (ผมสั่งเบียร์ไปด้วย 2 ขวด หรือว่าเบียร์ขวดละ 250 บาท?)

รายการบิลมีดังนี้
รายการ                    จำนวน     หน่วยละ    จำนวนเงิน
โค้ก                            1             59            59     (อันนี้เฉยๆ)
น้ำแข็ง                         2             30            60    (อันนี้ก็เฉยๆ)
เบียร์สิงห์                      2             79           138    (อันนี้ก็ธรรมดา)
ค่าเตาซีฟู้ด+เพิ่มถ่าน       2             79           158    (หา! ใช้เตาต้องมีค่าเตา 79 บาท เติมถ่านไปประมาณ 7-8ก้อน ต้องเพิ่มเงิน 79บาท แต่ก็ยังโอเคอยู่...อมยิ้ม30)
ผ้าเย็น                          2            10             20     (หือ! คิดว่าฟรีเห็นวางเอาไว้ ใช้ไป 1 อีก 1 ไม่ได้ใช้ก็ต้องจ่าย!อมยิ้ม30)
ค่าหัว                           3            159          477    (???????)
                      รวม           912 .00 บาท
ผม : เออ... ผมมา 2 คนนะครับ ทำไมคิด 3 หัว คุณคิดผิดหรือเปล่าครับ?
พนักงานใหม่ : เออ.. คิดไม่ผิดครับ  หมาก็ต้องจ่ายด้วยครับ
ผม :   !@#!@$%#@!??  หา!!!!!!! หมาก็ต้องจ่ายด้วยหรอ?????????หมา
แฟนผม :  ????????????อมยิ้ม20
พนักงานใหม่: ใช่ครับ  ที่นี้มีกฏห้ามนำหมาเข้ามา  !ใบแดง
ผม :  อ้าว!!!! ไม่เห็นมีพนักงานคนไหนบอกผมเลย  พนักงานในร้านวันนี้เดิมผ่านโต๊ะผ่านเป็น 10 คน ส่วนตัวคุณเองก็มาเสริฟ์น้ำให้ผมก็ไม่เห็นคุณพูดอะไร ถ้าคุณพูดว่าห้ามเอาหมาเข้ามา หรือบอกว่าถ้าเอาหมาเข้ามาจะคิดเงินอีก 159 บาท ผมก็ไม่เข้ามา แล้วคงจะเปลื่ยนไปกินร้านอื่นแล้ว !!อมยิ้ม14
พนักงานใหม่ :  เราเห็นหมาของคุณกินอาหารจานเดียวกับคุณด้วยครับ!
ผม :  ใช่!!!! ผมนั่งอยู่ 3 ชั่วโมงกว่า ผมเลยให้หมากินน้ำแข็งที่ละลายในถัง  คุณเลยคิดเงินผมเพิ่มอีก  159 บาท เป็นค่ากินน้ำแข็งที่ละลายงั้นหรอ!!! (ผมเริ่มอารมณ์ขึ้น!!)
            
               พอผมพูดประโยคนี้จบ  พนักงานคนนี้ก็รีบเดินไปหลังร้านเพื่อตามพนักงานอีกคนนึงมา  ลักษณะพนักงานคนนี้คือ ผอมๆ ผิวคล้ำๆ หน้าตาประมาณนักเลงหัวไม้เก่า ท่าทางเอาเรื่องๆหน่อย  น่าจะเป็นพนักงานที่นี้มานาน ตัวผมไม่แน่ใจว่าเขาเป็นหัวหน้าพนักงานหรือเปล่า  แต่ผมขอเรียกพนักงานคนนี้ว่า "พนักงานนักเลง" ละกันครับ

พนักงานนักเลง : ที่นี้ห้ามเอาหมาเข้ามานะครับ! (เมิงเข้าใจปะ! )
ผม : แล้วผมมานั่งกินตั้ง 3 ชั่วโมงกว่า ทำไมไม่มีใครบอกผม!!
พนักงานนักเลง : น้องพนักงานใหม่เขา เพิ่งเข้างานมาประมาณ 2 เดือน เขาไม่รู้  ที่ป้ายด้านในมีกฏระเบียบเขียนอยู่ (หรือจาใฝว์?)
                 ตัวผมจึงเดินเข้าไปดูกฏระเบียบที่ว่า ซึ่งอยู่ด้านในสุดของร้าน ซึ่งอยู่ใกล้ๆห้องน้ำ เขียนประมาณดังนี้
            * ห้ามนำถ้วยที่ไม่ใช่ถ้วยน้ำจิ้มตักน้ำจิ้ม ไม่งั้นปรับ 30 บาท
            *ทานเหลือปรับ XXX บาท
            *ทานกุ้งเหลือปรับตัวละ 20 บาท
            *ทานซีฟู๊ตเหลือปรับ xxx บาท
            *เด็กสูงต่ำกว่า xxx  คิดเงิน xxx บาท
            *เด็กสูงกว่า xxx คิดเงิน xxx บาท
            *ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้ามา
             และอื่นๆอีกมากมายจำไม่ได้หมด
ผม : แล้วทำไมมีพนักงานคนอื่นอีกเยอะแยะ ทำไมไม่มีใครบอกผม ผมนั่งอยู่ตั้งนาน หรือผมเวลามากินหมูกระทะต้องมาอ่านกฏระเบียบก่อนหรอ?
ผม : แล้วพนักงานใหม่ของคุณทำผิดพลาด  คือผมก็ต้องรับผิดชอบพนักงานของคุณแทนใช่ไหม?
พนักงานนักเลง : ไม่รู้ละ คุณต้องจ่าย!!
แฟนผม : You work about like this, right? cheating!!
พนักงานนักเลง : ?????
แฟนผม : !@$%@# @#%!#$@# (ภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น)
ผม : โอเคๆพอๆ ผมจะจ่ายก็ได้ ให้ค่าหมาด้วย 159 บาท โอเคนะ

               ส่วนตัวผมแล้วตัวเงิน 159 บาท มันไม่ได้เยอะอะไรเลย แต่ความรู้สึกผมเหมือนผมโดนปล้นอยู่ โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย ที่สำคัญคือเสียความรู้สึกอย่างรุนแรง ผมต้องการจบ ขี้เกียจวุ่นวาย ไม่อยากนั่งทะเลาะกันเรื่องไร้สาระ แฟนผมคุยกับผมว่า ผมจ่ายค่าหัวของหมาไปแล้ว งั้นหมาก็กินอาหารได้แล้วใช่ไหม? เธอจึงเดินไปตักเนี้อไก่มาประมาณ 10-13 ชิ้นมาย่าง

พนักงานนักเลงวิ่งมา
พนักงานนักเลง : คุณจะเอาเนื้อมาปิ้งให้หมากินหรอ?
ผม : ใช่!
พนักงานนักเลง : ถ้าเอาเนื้อมาปิ้งให้หมากิน  จะปรับอีก 5 เท่าเลย คอยดูเซ่ ลองดู (ประโยคนี้กครับ เกิดมาไม่เคยเจอพฤติกรรมพนักงานที่ต่ำแบบนี้มาก่อน และด้วยท่าทางอากัปกิริยาที่เขาแสดงออก เชิงทำนองขมขู่)

                ทีนี้ก็เกิดการทะเลาะเกิดขึ้นอีก  จึงเรียกเจ้าของร้านมาคุย ทางเจ้าของร้านก็มาคุยแต่เขาจะพูดให้ทางฝ่ายเราผิดอย่างเดียว (ที่ประทับใจสุดๆเลยก็คือ ผมไม่ได้ยินคำขอโทษจากพนักงานจากทางร้านสักคำ)
                ส่วนทางแฟนผมบอกให้เรียกตำรวจมาคุยเหอะ ทำแบบนี้เกินไป ผมบอกเธอว่า ถ้าเอาตำรวจมา ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงจะบอกให้ใจเย็นๆแล้วจบกันไป เธอก็งง แล้วก็อารมณ์เสียมาก

                หลังจากกลับมาที่บ้านกันแล้วเธอถามผมว่า

แฟนผม : This is Thai people working style ?
ผม  :  .........
แฟนผม : only money ,right?
ผม : ........
แฟนผม : Not be responsible for the everything, right?
ผม : .........
แฟนผม : Bad people can have a normal life same everyone else, right?
ผม : ..........
แฟนผม : Cheating is normal in Thailand, right?
ผม : ............
    ผมไม่รู้จะตอบเธออย่างไรในฐานะที่เป็นคนไทยเหมือนกัน แล้วเจอพฤติกรรมเพื่อนร่วมชาติแบบนี้  จากเรื่องเล็กๆไร้สาระ ต้องขอโทษด้วยที่พิมพ์มายาวขนาดนี้  เพราะอยากจะเล่าประสบการณ์จากวันก่อน เพราะเสียความรู้สึกจริงๆ คนๆหนึ่งบินข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาเจอเรื่องบ้าบอแบบนี้ แทนที่จะกินข้าวอารมณ์ดีๆแล้วกลับบ้านนอน

ปล  เล่าเรื่องยืดยาวไปหน่อย ผมอยากถามว่า
*ถ้าคุณต้องจ่ายเงินแบบอย่างงี้ แล้วได้รับการบริการแบบนี้ แฟร์แล้วหรอ?
*เคยมีประสบการณ์ที่ลักษณะคล้ายๆกันแบบนี้หรือเปล่า? เป็นธุรกิจแบบอื่นก็ได้ ถ้ามีอยากให้ช่วยแชร์กันด้วยครับ
*ธุรกิจหมูกระทะเป็นสไตล์แบบนี้กันเยอะแล้วหรือเปล่า?

ขอความกรุณาด้วยครับ~
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  อาหารปิ้งย่าง ร้านอาหาร
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่