ทำไมต้องประชาธิปไตย ...ทำไมต้องเลือกตั้ง ... ทำไมต้องมีรัฐสภา ....ทำไมต้องมีคณะรัฐมนตรี ???
ขณะนี้ประเทศไทยยังมี รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่
**รัฐธรรมนูญ กฏหมายสูงสุดในการจัดการปกครองรัฐ ถ้าแปลตามความหมายของคำ จะหมายถึง การปกครองรัฐอย่างถูกต้องเป็นธรรม (รัฐ + ธรรม + มนูญ)**
ถึงแม้ว่าบางกลุ่มบางฝ่ายอาจจะกังขา หรือไม่ชอบใจที่มา โดยตั้งข้อสังเกตุว่าคณะผู้ร่าง รธน. ฉบับนี้ มาจากการแต่งตั้งของ คณะปฏิวัติ (คมช.) ไม่ได้มาจากประชาชนโดยตรง แต่ในเมื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศได้ยอมรับให้ รธน.50 เป็นกติกาของประเทศ (ประชามติรับร่าง) นั่นหมายความว่าทุกคนต้องยอมรับการอยู่ร่วมกันในประเทศภายใต้กรอบกติกานี้ และการที่ รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ตุลาการ หรือแม้แต่พระมหากษัตริย์ จะกระทำสิ่งใดย่อมต้องทำภายใต้กรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ดังเช่นส่วนหนึ่งของพระราชดำรัส
ในโอกาสที่ประธานศาลฎีกา (นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ) นำผู้พิพากษาประจำศาล สำนักงานศาลยุติธรรม เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล วันอังคาร ที่ 25 เมษายน 2549
“เดี๋ยวนี้ยุ่ง เพราะว่าถ้าไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีทางจะปกครองแบบประชาธิปไตย. มีของเรามีศาลหลายชนิด มากมาย แล้วมีสภาหลายแบบ และก็ทุกแบบนี่จะต้องเข้ากัน ปรองดองกัน และคิดทางที่จะแก้ไขได้. นี่พูดเรื่องนี้ค่อนข้างจะประหลาดหน่อย ที่ขอร้องอย่างนี้. แล้วก็ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาก็บอกว่าต้องทำตามมาตรา 7 มาตรา 7 ของ รัฐธรรมนูญ. ซึ่งขอยืนยัน ยืนยันว่า มาตรา 7 นั้น ไม่ได้หมายถึงให้มอบให้พระมหากษัตริย์มีอำนาจที่จะทำอะไรตามชอบใจ ไม่ใช่. มาตรา 7 นั้น พูดถึงการปกครองแบบมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่ได้บอกว่าให้พระมหากษัตริย์ตัดสินใจทำได้ทุกอย่าง. ถ้าทำ เขาจะต้องว่าพระมหากษัตริย์ทำเกินหน้าที่. ซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยเกิน ไม่เคยทำเกินหน้าที่. ถ้าทำเกินหน้าที่ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย.”
ปัจจุบันการปฏิรูปประเทศเป็นที่ต้องการและเป็นที่จับตามองของหลายๆ คน ( ไม่ใช้คำว่าทุกคนเพราะเราไม่สามารถพูดแทนคนอื่นได้และไม่สมารถบอกได้ว่าใครคิดอย่างไร) และไม่ว่าการปฏิรูปจะเป็นอย่างไรใครจะเป็นผู้ปฏิรูปก็ตาม แต่ที่มาของการปฏิรูปจำเป็นจะต้องมาอย่างถูกต้อง ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ทำไมที่มาอย่างถูกต้องจึงสำคัญ ?? เราจะอ้างว่าเราปฏิรปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อขั้นตอนการปฏิรูปไม่เป็นประชาธิปไตยเสียแล้ว สิ่งใดหรือนโยบายใดก็ตามที่กระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ จำเป็นจะต้อได้รับความเห็นชอบจาก ประชาชน และในการปกครองปัจจุบันของเรา "รัฐสภา" เป็นที่รวมของตัวแทนประชาชนทั้งประเทศ กฎหมายใดๆก็ตาม ที่มีความสำคัญ ที่มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน กฎหมายนั้นจะต้องใด้รับความเหนชอบจากตัวแทนประชาชน ซึ่งก็คือ "รัฐสภา" และการปฏิรูป หรือการตั้งสภาประชาชน หรือองค์กรปฏิรูปจะชื่ออะไรก็ตาม ย่อมต้องมีกฎหมายรองรับ กำหนดสิทธิและหน้าที่ขององค์กรนั้นๆ
ถ้าเรายังยืนยันว่าประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ถ้าเรายังยืนยันว่าประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
เราก็ต้องปฏิบัติตาม กรอบกติกาของสังคมที่เราอยู่
แต่ถ้าท่านต้องการการปกครองแบบอื่น หรือต้องการได้ในอำนาจปกครองประเทศโดยวิธีอื่นที่ไม่ใช่การเลือกตั้งผู้แทนจากประชาชน ไม่ให้ประชาชนมีสิทธิเสมอภาคในการออกเสียง โดยท่านหรือคณะของท่านจะเป็นผู้คัดเลือกผู้ที่จะมาปกครอง มาบริหารประเทศเอง
......ท่านก็ต้องกล้ายอมรับว่าท่านไม่ต้องการประชาธิปไตย
ทำไมต้องประชาธิปไตย ...ทำไมต้องเลือกตั้ง ... ทำไมต้องมีรัฐสภา .... ???
ขณะนี้ประเทศไทยยังมี รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่
**รัฐธรรมนูญ กฏหมายสูงสุดในการจัดการปกครองรัฐ ถ้าแปลตามความหมายของคำ จะหมายถึง การปกครองรัฐอย่างถูกต้องเป็นธรรม (รัฐ + ธรรม + มนูญ)**
ถึงแม้ว่าบางกลุ่มบางฝ่ายอาจจะกังขา หรือไม่ชอบใจที่มา โดยตั้งข้อสังเกตุว่าคณะผู้ร่าง รธน. ฉบับนี้ มาจากการแต่งตั้งของ คณะปฏิวัติ (คมช.) ไม่ได้มาจากประชาชนโดยตรง แต่ในเมื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศได้ยอมรับให้ รธน.50 เป็นกติกาของประเทศ (ประชามติรับร่าง) นั่นหมายความว่าทุกคนต้องยอมรับการอยู่ร่วมกันในประเทศภายใต้กรอบกติกานี้ และการที่ รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ตุลาการ หรือแม้แต่พระมหากษัตริย์ จะกระทำสิ่งใดย่อมต้องทำภายใต้กรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ดังเช่นส่วนหนึ่งของพระราชดำรัส
ในโอกาสที่ประธานศาลฎีกา (นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ) นำผู้พิพากษาประจำศาล สำนักงานศาลยุติธรรม เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล วันอังคาร ที่ 25 เมษายน 2549
“เดี๋ยวนี้ยุ่ง เพราะว่าถ้าไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีทางจะปกครองแบบประชาธิปไตย. มีของเรามีศาลหลายชนิด มากมาย แล้วมีสภาหลายแบบ และก็ทุกแบบนี่จะต้องเข้ากัน ปรองดองกัน และคิดทางที่จะแก้ไขได้. นี่พูดเรื่องนี้ค่อนข้างจะประหลาดหน่อย ที่ขอร้องอย่างนี้. แล้วก็ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาก็บอกว่าต้องทำตามมาตรา 7 มาตรา 7 ของ รัฐธรรมนูญ. ซึ่งขอยืนยัน ยืนยันว่า มาตรา 7 นั้น ไม่ได้หมายถึงให้มอบให้พระมหากษัตริย์มีอำนาจที่จะทำอะไรตามชอบใจ ไม่ใช่. มาตรา 7 นั้น พูดถึงการปกครองแบบมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่ได้บอกว่าให้พระมหากษัตริย์ตัดสินใจทำได้ทุกอย่าง. ถ้าทำ เขาจะต้องว่าพระมหากษัตริย์ทำเกินหน้าที่. ซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยเกิน ไม่เคยทำเกินหน้าที่. ถ้าทำเกินหน้าที่ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย.”
ปัจจุบันการปฏิรูปประเทศเป็นที่ต้องการและเป็นที่จับตามองของหลายๆ คน ( ไม่ใช้คำว่าทุกคนเพราะเราไม่สามารถพูดแทนคนอื่นได้และไม่สมารถบอกได้ว่าใครคิดอย่างไร) และไม่ว่าการปฏิรูปจะเป็นอย่างไรใครจะเป็นผู้ปฏิรูปก็ตาม แต่ที่มาของการปฏิรูปจำเป็นจะต้องมาอย่างถูกต้อง ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ทำไมที่มาอย่างถูกต้องจึงสำคัญ ?? เราจะอ้างว่าเราปฏิรปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อขั้นตอนการปฏิรูปไม่เป็นประชาธิปไตยเสียแล้ว สิ่งใดหรือนโยบายใดก็ตามที่กระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ จำเป็นจะต้อได้รับความเห็นชอบจาก ประชาชน และในการปกครองปัจจุบันของเรา "รัฐสภา" เป็นที่รวมของตัวแทนประชาชนทั้งประเทศ กฎหมายใดๆก็ตาม ที่มีความสำคัญ ที่มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน กฎหมายนั้นจะต้องใด้รับความเหนชอบจากตัวแทนประชาชน ซึ่งก็คือ "รัฐสภา" และการปฏิรูป หรือการตั้งสภาประชาชน หรือองค์กรปฏิรูปจะชื่ออะไรก็ตาม ย่อมต้องมีกฎหมายรองรับ กำหนดสิทธิและหน้าที่ขององค์กรนั้นๆ
ถ้าเรายังยืนยันว่าประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ถ้าเรายังยืนยันว่าประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
เราก็ต้องปฏิบัติตาม กรอบกติกาของสังคมที่เราอยู่
แต่ถ้าท่านต้องการการปกครองแบบอื่น หรือต้องการได้ในอำนาจปกครองประเทศโดยวิธีอื่นที่ไม่ใช่การเลือกตั้งผู้แทนจากประชาชน ไม่ให้ประชาชนมีสิทธิเสมอภาคในการออกเสียง โดยท่านหรือคณะของท่านจะเป็นผู้คัดเลือกผู้ที่จะมาปกครอง มาบริหารประเทศเอง
......ท่านก็ต้องกล้ายอมรับว่าท่านไม่ต้องการประชาธิปไตย