เข้าตามตรอก ออกตามประตู โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่12 (มติชนรายวัน 20 ธ.ค.2556)

กระทู้สนทนา
ยกเว้นจากผู้ที่เกลียดชังระบอบทักษิณอย่างสุดจิตสุดใจแล้ว นอกนั้นต่างพากันสงสัย
ไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่งว่า ทำไมปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้ ไม่ใช้วิธีการ
ที่เป็นปกติธรรมดา ซึ่งพอมีช่องทางอยู่ และง่ายดายไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย

ทำไม ไม่เข้าตามตรอก ออกตามประตู

มีนักคิดนักวิชาการจำนวนมาก เสนอความเห็นบนเวทีต่างๆ และผ่านทางข้อเขียน
เน้นย้ำในประเด็นที่ว่า ในท่ามกลางวิกฤต การแก้ปัญหาต้องใช้วิธีการตามกรอบ
กติกาเป็นสำคัญ

หากใช้วิธีการนอกวิถีทางรัฐธรรมนูญเข้ามาจัดการเมื่อไร มีแต่จะเพิ่มวิกฤตใหม่ที่
รุนแรงกว่า

ฟังคำเตือนเหล่านี้แล้ว เชื่อว่าเราต้องนึกถึงเหตุการณ์บ้านเมืองเมื่อปี 2549

สถานการณ์ปีนั้น มีการก่อม็อบยืดเยื้อยาวนาน ลงเอยมีทหารออกมายึดอำนาจ
ล้มรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้ง ลงมือฉีกรัฐธรรมนูญ

แล้วตั้งรัฐบาลที่มาจากคนกลาง มีนายกฯที่มีปูมประวัติงดงาม เป็นคนดี เข้ามาบริหาร
บ้านเมืองแทนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทั่วไปตามปกติ

ระหว่างนั้นมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งเพิ่มกฎกติกามากมาย โดยเป้าหมายเพื่อทำให้
ระบบพรรคการเมืองอ่อนแอ

รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ บริหารประเทศอยู่ปีเศษ เพื่อร่างรัฐธรรมนูญร่างกฎกติกา
ใหม่ แล้วคืนอำนาจ เปิดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ตามระบอบประชาธิปไตยปกติ

ผลที่ตามมาหลังจากนั้นคืออะไร พรรคการเมืองที่จะเรียกว่าเป็นของทักษิณ
หรือเป็นระบอบทักษิณ ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนส่วนใหญ่กลับมาอีกครั้ง
ยิ่งกว่าเก่าเสียอีก

นักคิดนักวิชาการที่เป็นอิสระ ชี้ตรงกันว่า เพราะไปใช้วิธีการนอกระบบหักโค่นทักษิณ
จึงทำให้ทักษิณกลายเป็นผู้ถูกรังแกไม่ได้รับความเป็นธรรม จากอำนาจนอกระบบ


ทั้งที่ความเป็นจริงคือ สถานการณ์ของรัฐบาลทักษิณก่อนจะถูกม็อบขับไล่
และลงเอยเป็นการรัฐประหารนั้น เริ่มเสื่อมถอยด้วยตัวเองเป็นลำดับ ระหว่าง
นั้นนโยบายหลายๆ ด้านของทักษิณ ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากนักคิด
นักวิชาการอย่างหนักหน่วง

ปล่อยให้มีการเลือกตั้งครั้งต่อไป คะแนนนิยมจากประชาชนมีแต่จะลดถอย กระทั่ง
พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งไปในที่สุด

แต่เพราะฝ่ายเกลียดชังทักษิณ อาศัยวิธีการนอกระบบ นอกรัฐธรรมนูญไปจัดการ
นั่นจึงเกิดวิกฤตใหม่ตามมา และสุดท้ายผลกลายเป็นตรงกันข้าม


เพราะฝ่ายเกลียดชังทักษิณไม่เชื่อมั่นในการเลือกตั้งเอง ไม่เชื่อว่าประชาชนทั่วไป
โดยเฉพาะตามชนบทนั้นมีสติปัญญา

เลยต้องคิดแผนวิปริตพิสดารมาจัดการ ยิ่งส่งผลกลับกันสำหรับทักษิณ

ดูไปแล้วสถานการณ์ในวันนี้ แทบไม่ต่างกันเลยกับปี 2549

เพียงแต่เปลี่ยนจากการใช้ทหารเข้ามายึดอำนาจ เป็นการใช้อย่างอื่นยึดแทน

เพราะทหารอาจเรียนรู้จากบทเรียนในปี 2549 จนรู้ซึ้งแล้ว

แต่ฝ่ายเกลียดชังระบอบทักษิณโดยรวมยังไม่เรียนรู้

ถ้าเรียนรู้และสรุปบทเรียน

มีแต่จะต้องเดินตามตรอก ออกตามประตู

ระดมมวลมหาประชาชนเข้าไปร่วมกันเลือกพรรคการเมืองที่ไม่ใช่ระบอบทักษิณ
เพื่อให้เป็นรัฐบาล เข้าไปร่างกฎกติกาใหม่ ปฏิรูปการเมืองตามที่ต้องการด้วย
ระบบรัฐสภา


ถ้าทำแบบปี 2549 สุดท้ายผลก็เป็นเหมือนเดิมอีกนั่นแหละ



(ที่มา:มติชนรายวัน 20 ธ.ค.2556)

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1387531422&grpid=&catid=02&subcatid=0207


′วีรพัฒน์′ เข้าพบ ′มาร์ค′ เผยหัวหน้าปชป.หนักใจจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือไม่   ข่าวมติชนออนไลน์


เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 20 ธันวาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์
นักวิชาการอิสระ ได้เดินทางเข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคปชป. โดยกล่าวว่า
ตนได้พยายามไปพบ และพูดคุยกับหลายๆ ฝ่าย ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และภาคธุรกิจ   โจทย์
ที่ตนพยายามจะตีให้แตกคือ อย่าไปยึดติดกับวันเลือกตั้งว่าเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ให้ยึด
วัตถุประสงค์สำคัญคือการปฏิรูปประเทศ โดยจะทำอย่างไรให้เกิดการปฏิรูปประเทศที่เป็นไป
ด้วยความจริงใจ วันนี้ตนจึงมาเพื่อหาทางออก มาเพื่อรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย ดังนั้น
จึงเสนอว่า หากเรามาตกลงกัน และลงสัตยาบันด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจกันจะดีหรือไม่ ซึ่งข้อ
เสนอที่ตนได้นำมาเสนอในวันนี้ คือ ให้กกต.ออกกฎระเบียบให้ครอบคลุมว่าการเลือกตั้งจะ
ต้องบริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่มีการซื้อสิทธิ ขายเสียง ให้มีอาสาสมัครเข้ามาดำเนินการ และลง
สัตยาบันที่จะให้มีการเลือกตั้งแล้วนำไปสู่การปฏิรูปประเทศโดยฟังเสียงจากทุกฝ่าย และไม่
ถูกครอบงำจากกลุ่มผู้มีอำนาจ ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้ ไม่ใช่ข้อเสนอของตนเพียงคนเดียว แต่
เป็นข้อเสนอของอาจารย์หลายๆฝ่ายที่ได้เสนอเข้ามาเพื่อหากติการ่วมกัน เช่น นายโคทม
อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติวิธีและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล นายกิตติศักดิ์
ปกติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายไชยันต์ ไชยพร อาจารย์
ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายปณิธาน วัฒนายากร น.ส.สิริพรรณ
นกสวน อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอื่นๆ

"จากการเข้าพบนายอภิสิทธิ์ ครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ต้องการให้เลื่อนวันเลือกตั้งออกไปก่อน เพราะ
มีความหนักใจว่าถ้าฐานเสียงยังไม่มีความไว้วางใจว่าเลือกตั้งแล้วจะนำไปสู่การปฏิรูป จะส่งผู้
สมัครลงรับเลือกตั้งดีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ไม่ได้ขัดขวางกระบวนการประชาธิปไตย แต่ฐานเสียง
ของเขาต้องการให้เป็นแบบนั้น" นายวีรพัฒน์ กล่าว

นายวีรพัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเข้าใจว่าหากมีการเลือกตั้ง ฐานเสียงของพรรคปชป.ส่วนหนึ่ง
อาจจะมาบีบคั้นว่าไม่ควรมีการเลือกตั้ง ขณะที่ฐานเสียงอีกส่วนหนึ่งเห็นว่าควรมีการเลือกตั้ง
ซึ่งเป็นปัญหาที่พรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคปชป.ต้องมาช่วยกันคิดว่าจะหาทางออกอย่างไร

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1387545092&grpid=&catid=01&subcatid=0100

คิดเหมือน  คนเขียนคอลัมน์นี้ตั้งแต่  ปี 49  แล้ว  หากวันนั้น  ปล่อยให้เลือกตั้ง  ปชป.ร่วมกับพธม.
ร่วมกัน  คะแนนเสียงไทยรักไทยลดลงแน่นอน   
คราวนี้  ก็เช่นกัน  พรบ.สุดซอย  รัฐบาลเป๋  เดินไม่ถูกทางแล้ว   กระหหน่ำต่อด้วยเรื่องจำนำข้าว
เลือกตั้งเมื่อไหร่  ระดมมวลมหาประชาชน  ก็น่าจะโค่นระบอบทักษิณ  สำเร็จ การเลือกตั้งเท่านั้น
ที่จะโค่นระบอบทักษิณได้  อย่าให้คนคิดได้ว่า คุณทักษิณถูกรังแก   
หัวเราะ

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่