สวัสดีค่ะ

เรียกเราง่ายๆ ว่านห.ก็ได้ คนรู้จักส่วนใหญ่ก็เรียกอย่างนั้น
ตอนนี้เรามาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศเยอรมนี (2013-2014)
ซึ่งกลับไปต้องไปซ้ำม.6 ที่ไทย (TwT)
นักเรียนแลกเปลี่ยนไทยหลายๆ คนกลับมาก็บอกเลยว่าชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนไม่ง่ายนะ
เออ ไม่ง่ายจริงด้วย ถึงจะได้ภาษาก่อนมา ก็ใช่ว่าจะง่ายนี่นะ
ต้องปรับตัวมากกับหลายๆ เรื่อง อีกอย่าง เราต้องเตรียมอ่านหนังสือสอบเอ็นท์อีก T__T ชีวิตมันเศร้า
แต่ตัวเราถือว่ามีปัญหาน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว แต่อาจยากตรงวิชาเรียน ซึ่งขอบอกว่าชอบการเรียนการสอนของที่เยอรมันมาก
แม้ว่าตัวเองจะไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ เพราะแน่นอนว่าภาษาเยอรมันเกือบล้วนๆ แล้วเราต้องมาอยู่โรงเรียนเน้นด้านวิทย์คณิตของเขา
(ณ จุดนี้คือเรียนสายศิลป์)
เยอรมันน่าจะเรียนหลักสูตรพอๆกับไทย แต่น่าจะยากกว่าในบางวิชาและง่ายกว่าในบางวิชา
แต่! เด็กนักเรียนที่นี่เวลาเขียนสอบแต่ละที (klassenarbeit อารมณ์คล้ายๆ สอบย่อย) เขียนยาวมากสามหน้าสี่หน้า อย่างกับเรียงความ
(อันที่จริงอยู่ไทยถ้ามีกระดาษให้พอเราก็คงทำแต่อยู่นี่คิดคำเยอรมันไม่ออกเลยไม่ได้เขียนด้วยบางทีorz)
แล้วเวลานักเรียนไม่เข้าใจอะไรเขาจะยกมือทันที รอให้ครูส่งสัญญาณให้ถามได้ เขาก็จะถาม ซึ่งนักเรียนไทยหลายๆที่ไม่ทำป้ะ
อีกอย่างการเรียนก็เป็นการเรียนประเภทวิเคราะห์เสียส่วนใหญ่ คือต้องมีความรู้ก่อนนะคะ แล้วถึงจะวิเคราะห์ได้
คือต้องจำตัวหลักๆให้ได้ แล้วก็มาวิเคราะห์กัน ซึ่งที่ไทย.... จากประสบการณ์ในการทำข้อสอบปรนัย เรามีเรื่องโมโหทุกที
โดยเฉพาะในวิชาประวัติศาสตร์และสังคม เพราะบางอย่างเราอ่านเกินจากที่เรียน แล้วมันไม่จำเป็นต้องตอบแบบนั้นก็ได้
คือบางทีการทำข้อสอบปรนัยเป็นการบังคับทางอ้อมให้ต้องจำคำตอบให้ได้นะ
ซึ่งสำหรับตัวเราคิดว่า ไม่เกิดประโยชน์ ไม่ช่วยให้เด็กได้คิดเลย มีแต่ต้องจำคำตอบ ความเข้าใจบางทีไม่ต้องเข้าใจก็ได้ ใครจำได้ก็โชคดีไป
ถ้าจะบอกว่าเราได้คะแนนไม่ดีในข้อสอบปรนัยใช่ไหม ก็เปล่าเลย คะแนนเราดีด้วยซ้ำ =__=
แต่บางทีก็รู้สึกว่าเห้ย ทำไมมันจำเป็นต้องเป็นคำตอบแบบนี้ด้วย อะไรอย่างนี้ คือก็ต้องเคยเป็นกันใช่ไหมคะ ?
แต่ข้อสอบปรนัยของไทยก็ค่อนข้างมีปัญหาเหมือนกัน แต่นี่เป็นปัญหาเกี่ยวกับตัวครูผู้สอน ไม่ใช่เด็ก
และเมื่อถามตัวครูผู้สอนว่าเห้ยทำไมมันผิด มันเป็นแบบนี้ไม่ได้เหรอ ? ที่ไทยเถียงอาจารย์ไม่ได้ใช่ไหมคะ
คนเยอรมันสอนให้เด็กรู้จักพูดรู้จักเถียงเป็น
เด็กแลกเปลี่ยนที่มาจากไทยแล้วมาเยอรมันบอกเลยว่าไม่ค่อยพูดถ้าไม่พอใจอะไร ไม่เหมือนคนเยอรมัน ถ้าเขาไม่ชอบเขาจะบอกเลย
(และที่เราไม่ค่อยมีปัญหา เพราะเราเป็นพวก ยังไงก็ได้ อยู่แล้ว บางทีเขาอาจคิดว่าเราไม่พอใจแล้วไม่ยอมพูดก็ได้นะ แต่เราก็เฉยๆกับทุกอย่าง)
แต่บางทีเราก็เกรงใจ(ความเกรงใจของคนไทยบางทีคือปัญหาได้นะคะในต่างประเทศ) แต่เราก็พูดไปทุกอย่างเท่าที่อยากพูด
คือเราเป็นคนที่เวลาอยู่ในโรงเรียนแล้วไม่มีอะไรน่าสนใจที่จะพูดเราก็ไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว คือใช้นิสัยเดิมตอนอยู่ไทย
แค่ต้องเปลี่ยนตัวเองมาแอคทิฟนิดหน่อย เนื่องจากตอนอยู่ไทยมีกิจกรรมน้อยมาก คือนอกจากเรียน กับทำงานโรงเรียน ก็ไม่ค่อยมีอะไรเลย
(ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือและชอบเขียนๆเล่นๆ แต่ไม่ค่อยเก่ง แล้วก็อยู่ติดกับบ้าน ซึ่งคนเยอรมันไม่ค่อยเป็น ยิ่งอากาศดีๆ เขาจะออกไปข้างนอกกัน เพราะบ้านเขาอากาศพูดตรงๆว่า เอี้ยมากกกกกกกก )
สิ่งที่เราชอบมากที่เยอรมนีนอกจากการเรียนการสอนแล้ว เรารู้สึกได้ว่าคุณภาพชีวิตคนที่นี่ดีมาก แล้วระบบต่างๆ ค่อนข้างดีทีเดียว (ยกเว้นรถไฟกับรถบัส แต่ก็ยังดีกว่าไทยเยอะเพราะมีตารางเวลาการเดินรถอยู่แล้ว ไม่เหมือนไทยที่ต้องภาวนารอรถเมล์)
แต่ความแตกต่างของเยอรมนีตะวันออกกับตะวันตกก็ยังมีให้เห็นบ้าง (เราอยู่มาสองฝั่ง เราก็ค่อนข้างรู้สึกได้)
ในเรื่องการเรียนการสอนเราคิดว่าเยอรมนีตะวันออกค่อนข้าง อยู่ในวงแคบ กว่า
ยกตัวอย่างประวัติศาสตร์ ในรัฐBrandenburg (ตะวันออก) เกรดสิบจะสอนเรื่องไวมาร์ ปวศการเมืองเยอรมันประมาณนี้
แต่ถ้าในรัฐBaden wurttemberg(ตะวันตก) จะสอนเรื่องประวัติศาสตร์ยุโรป ซึ่งเริ่มตั้งแต่กรีก (รวมไปถึงปรัชญาและประชาธิปไตยนิดหน่อย)
ส่วนวิชาPolitik (ในรัฐBrandenburg เราต้องลงเรียน แต่ในBadenเป็นวิชาหมวดสังคมหลักซึ่งเรียนรวมทั้งห้องไม่ได้เลือก)
ของBrandenburg จะเรียนเรื่อง EU (ซึ่งน่าจะมีคนรู้ว่าตอนนี้ยูเครนกำลังมีประท้วงเรื่องอียู-รัสเซียนะคะถ้าตามข่าว)
ส่วนBaden จะเรียนเรื่องประชาธิปไตย คณาธิปไตย บลาๆๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ครอบคลุมทั่วโลก
ที่เราชอบมากในการสอนของBaden ซึ่งไม่รู้ว่า Brandenburg จะมีแบบนี้หรือเปล่า เพราะเราไม่ได้เรียนที่Brandenburgในช่วงนั้น
คือช่วงการเลือกตั้งเยอรมนี เขาจะเปิดให้โต้วาที หรือเปิดให้ถกกันว่านักเรียนเห็นด้วยกับนโยบายอันไหนเพราะอะไรยังไง
แล้วก็ใครคัดค้านบ้าง โดยไม่บอกว่ามาจากพรรคไหน สำหรับเราเป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าลองกับประเทศไทยมาก
แต่ประเด็นคือคนไทย ซึ่งอาจเป็นทั้งครูและนักเรียน หลายๆ คนเบื่อหน่ายในการเมือง เบื่อนักการเมือง
เบื่อนโยบายที่เลือกไปแล้วดันไม่เกิดขึ้นจริง...
ส่วนตัวคิดว่าปัญหาของไทยน่าจะเริ่มจากการพัฒนาการศึกษาและคุณภาพของทรัพยากรคนก่อนน่ะค่ะ
ตอนนี้ทั่วโลกเขางงกันอยู่เหมือนกันว่าทำไมคนไทยไม่ต้องการประชาธิปไตย (ซึ่งเพื่อนในเกรดสิบหรือม.4เนี่ยแหล่ะค่ะ ก็ถามๆกันมาเยอะ)
และเขาถามว่า สำหรับเธอ เธอคิดยังไงแล้วเธอเอาปชธเปล่า หรือเฉยๆ มีหรือไม่มีก็ไม่ต่าง
เราบอกไปเลยว่า ประชาธิปไตยยังไงก็ต้องอยู่ต่อไป มันอาจไม่ได้ดีที่สุด แต่มันก็ยังดีกว่าระบอบอื่น (และเราไม่เห็นด้วยกับสภาประชาชนแน่นอน)
แล้วเราก็บอกเขาไปว่าเราไม่โอเคที่ประเทศไทยจะไม่มีประชาธิปไตย
เพราะนั่นหมายความว่า แบบคิดง่ายๆเลย เราไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกคนมาใช้ภาษีที่เราจ่ายไปเลย ถูกไหม ? (ถึงเราจะยังไม่ได้จ่ายก็เถอะ)
รู้สึกบ่นมากไป แต่แค่อยากเอาอะไรกลับไทยบ้าง อย่างน้อยก็ความคิดเห็นของคนเยอรมัน...
เผื่อคนไหนสนใจอยากรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเยอรมนี สามารถ เข้าไปแวะเวียนเยี่ยมชม บล๊อกเราได้นะคะ

พื้นที่โฆษณา
(บางทีจะอัพเป็นภาษาเยอรมันเพื่อคนเยอรมันได้รู้จักประเทศไทยมากขึ้น)
http://perperff.wordpress.com/
เผื่อคนสนใจอ่านอีกบล๊อกนึงของเราค่ะ
การ์ตูนไม่ได้ไร้สาระ ถ้าอ่านแล้วเก็บใจความของมันได้ หรือเก็บสิ่งดีๆ จากมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำบ่อย
เราเลยทำเป็นบล๊อกว่าเราได้สาระอะไรบ้างจากการ์ตูนแต่ละเรื่อง แอบสปอยล์เล็กน้อยต้องทำใจถ้าจะอ่านค่ะ 5555555555555
http://perperffumer.wordpress.com/
ปล. แสดงความคิดเห็น คัดค้าน ติชมอะไรก็ได้ค่ะ ยินดีเป็นอย่างสูง บางทีก็อยากรู้ฟีดแบ๊คว่าหลายๆ คนอ่านบล๊อกเราแล้วเป็นยังไงบ้าง
ถ้าจะให้ดีอ่านทั้งสองอันแล้วมาเล่าให้ฟังว่าคิดยังไงจะดีมากค่า -/\-
ปล.ครั้งสุดท้าย ถ้าอ่านจบหมดทุกตัวอักษรนะคะ ขอบอกว่า ขอบคุณมากค่ะ <3
ป.ล.สองเห็นที่พี่คห5พิมพ์ ยอมรับค่ะ ผิดจริง พิมพ์ผิด Orz ขอแก้ไขข้อมูล คือต้องบอกว่าที่เราบอกว่า การศึกษาของเยอรมันตะวันออกแคบกว่าคือในด้านวิชาสายศิลป์ แต่แน่นกว่าในด้านสายวิทย์ นี่ถือว่าได้ไหมคะ คือวิชาสายวิทย์เยอรมันตะวันออกนี่ค่อนข้างแน่นจริง (ยิ่งสำหรับเรายิ่งยาก ขนาดจากม6มาอยู่เทียบเท่าม4ที่นี่)
แต่เราคอมเม้นท์อะไรเกี่ยวกับวิชาสายวิทย์ไม่ค่อยได้ เพราะอย่างที่บอกไปว่าเราเรียนสายศิลป์ แต่จะบอกเนื้อหาที่เรียนเท่าที่จำได้ในแต่ละวิชาละกันค่ะ
คือ เราไม่ได้เรียนเคมี (เพราะไม่ได้เลือกไว้) เราเรียนชีวะ ฟิสิกส์ คณิต เทคนิค แล้วก็ คอม(แบบเขียนโปรแกรม)
ซึ่งชีวะที่นี่ตอนนี้เรียนอยู่เรื่องmutation ซึ่งก่อนหน้านั้นเรียนเรื่อง DNA บลาๆ ไรงี้
ฟิสิกส์เรียนเรื่องโมเมนตัม ซิมเปิ้ลฮาร์โมนิค คลื่น (เห็นเพื่อนบอกว่าโจทย์แบบนี้ม4สายวิทย์ที่ไทยบางคนยังทำไม่ได้เลย ไม่รู้จริงหรือเปล่า แต่เอาโจทย์ไปให้ดูแล้วบอกมางี้)
คณิต เรียนเรื่องตรีโกณมิติ ซึ่งไม่ยากมากเท่าไหร่ (ถ้าอ่านออก ;___;) แต่เราก็ไม่เก่งอยู่ดี orz
เทคนิคเป็นวิชาที่รรสามัญในไทยไม่น่าจะมีนะ ก็คือเทคนิคจะเป็น ให้ต่อวงจรไฟฟ้าบลาๆ ไรพวกนี้ แล้วก็สังเกตุ การทำงานของระบบวงจรตัวนี้
ส่วนวิชาสุดท้ายคือคอม ให้เขียนโปรแกรมVisual basic (อันที่จริงมันง่ายนะ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเรียนหรือไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้แล้วข้ามขั้นมาเล่นเขียนโปรแกรมแอดวานซ์ขึ้นมาก็ยากอยู่ดี)
ชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยน ณ ดอยลาน(เยอรมนี)
ตอนนี้เรามาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศเยอรมนี (2013-2014)
ซึ่งกลับไปต้องไปซ้ำม.6 ที่ไทย (TwT)
นักเรียนแลกเปลี่ยนไทยหลายๆ คนกลับมาก็บอกเลยว่าชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนไม่ง่ายนะ
เออ ไม่ง่ายจริงด้วย ถึงจะได้ภาษาก่อนมา ก็ใช่ว่าจะง่ายนี่นะ
ต้องปรับตัวมากกับหลายๆ เรื่อง อีกอย่าง เราต้องเตรียมอ่านหนังสือสอบเอ็นท์อีก T__T ชีวิตมันเศร้า
แต่ตัวเราถือว่ามีปัญหาน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว แต่อาจยากตรงวิชาเรียน ซึ่งขอบอกว่าชอบการเรียนการสอนของที่เยอรมันมาก
แม้ว่าตัวเองจะไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ เพราะแน่นอนว่าภาษาเยอรมันเกือบล้วนๆ แล้วเราต้องมาอยู่โรงเรียนเน้นด้านวิทย์คณิตของเขา
(ณ จุดนี้คือเรียนสายศิลป์)
เยอรมันน่าจะเรียนหลักสูตรพอๆกับไทย แต่น่าจะยากกว่าในบางวิชาและง่ายกว่าในบางวิชา
แต่! เด็กนักเรียนที่นี่เวลาเขียนสอบแต่ละที (klassenarbeit อารมณ์คล้ายๆ สอบย่อย) เขียนยาวมากสามหน้าสี่หน้า อย่างกับเรียงความ
(อันที่จริงอยู่ไทยถ้ามีกระดาษให้พอเราก็คงทำแต่อยู่นี่คิดคำเยอรมันไม่ออกเลยไม่ได้เขียนด้วยบางทีorz)
แล้วเวลานักเรียนไม่เข้าใจอะไรเขาจะยกมือทันที รอให้ครูส่งสัญญาณให้ถามได้ เขาก็จะถาม ซึ่งนักเรียนไทยหลายๆที่ไม่ทำป้ะ
อีกอย่างการเรียนก็เป็นการเรียนประเภทวิเคราะห์เสียส่วนใหญ่ คือต้องมีความรู้ก่อนนะคะ แล้วถึงจะวิเคราะห์ได้
คือต้องจำตัวหลักๆให้ได้ แล้วก็มาวิเคราะห์กัน ซึ่งที่ไทย.... จากประสบการณ์ในการทำข้อสอบปรนัย เรามีเรื่องโมโหทุกที
โดยเฉพาะในวิชาประวัติศาสตร์และสังคม เพราะบางอย่างเราอ่านเกินจากที่เรียน แล้วมันไม่จำเป็นต้องตอบแบบนั้นก็ได้
คือบางทีการทำข้อสอบปรนัยเป็นการบังคับทางอ้อมให้ต้องจำคำตอบให้ได้นะ
ซึ่งสำหรับตัวเราคิดว่า ไม่เกิดประโยชน์ ไม่ช่วยให้เด็กได้คิดเลย มีแต่ต้องจำคำตอบ ความเข้าใจบางทีไม่ต้องเข้าใจก็ได้ ใครจำได้ก็โชคดีไป
ถ้าจะบอกว่าเราได้คะแนนไม่ดีในข้อสอบปรนัยใช่ไหม ก็เปล่าเลย คะแนนเราดีด้วยซ้ำ =__=
แต่บางทีก็รู้สึกว่าเห้ย ทำไมมันจำเป็นต้องเป็นคำตอบแบบนี้ด้วย อะไรอย่างนี้ คือก็ต้องเคยเป็นกันใช่ไหมคะ ?
แต่ข้อสอบปรนัยของไทยก็ค่อนข้างมีปัญหาเหมือนกัน แต่นี่เป็นปัญหาเกี่ยวกับตัวครูผู้สอน ไม่ใช่เด็ก
และเมื่อถามตัวครูผู้สอนว่าเห้ยทำไมมันผิด มันเป็นแบบนี้ไม่ได้เหรอ ? ที่ไทยเถียงอาจารย์ไม่ได้ใช่ไหมคะ
คนเยอรมันสอนให้เด็กรู้จักพูดรู้จักเถียงเป็น
เด็กแลกเปลี่ยนที่มาจากไทยแล้วมาเยอรมันบอกเลยว่าไม่ค่อยพูดถ้าไม่พอใจอะไร ไม่เหมือนคนเยอรมัน ถ้าเขาไม่ชอบเขาจะบอกเลย
(และที่เราไม่ค่อยมีปัญหา เพราะเราเป็นพวก ยังไงก็ได้ อยู่แล้ว บางทีเขาอาจคิดว่าเราไม่พอใจแล้วไม่ยอมพูดก็ได้นะ แต่เราก็เฉยๆกับทุกอย่าง)
แต่บางทีเราก็เกรงใจ(ความเกรงใจของคนไทยบางทีคือปัญหาได้นะคะในต่างประเทศ) แต่เราก็พูดไปทุกอย่างเท่าที่อยากพูด
คือเราเป็นคนที่เวลาอยู่ในโรงเรียนแล้วไม่มีอะไรน่าสนใจที่จะพูดเราก็ไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว คือใช้นิสัยเดิมตอนอยู่ไทย
แค่ต้องเปลี่ยนตัวเองมาแอคทิฟนิดหน่อย เนื่องจากตอนอยู่ไทยมีกิจกรรมน้อยมาก คือนอกจากเรียน กับทำงานโรงเรียน ก็ไม่ค่อยมีอะไรเลย
(ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือและชอบเขียนๆเล่นๆ แต่ไม่ค่อยเก่ง แล้วก็อยู่ติดกับบ้าน ซึ่งคนเยอรมันไม่ค่อยเป็น ยิ่งอากาศดีๆ เขาจะออกไปข้างนอกกัน เพราะบ้านเขาอากาศพูดตรงๆว่า เอี้ยมากกกกกกกก )
สิ่งที่เราชอบมากที่เยอรมนีนอกจากการเรียนการสอนแล้ว เรารู้สึกได้ว่าคุณภาพชีวิตคนที่นี่ดีมาก แล้วระบบต่างๆ ค่อนข้างดีทีเดียว (ยกเว้นรถไฟกับรถบัส แต่ก็ยังดีกว่าไทยเยอะเพราะมีตารางเวลาการเดินรถอยู่แล้ว ไม่เหมือนไทยที่ต้องภาวนารอรถเมล์)
แต่ความแตกต่างของเยอรมนีตะวันออกกับตะวันตกก็ยังมีให้เห็นบ้าง (เราอยู่มาสองฝั่ง เราก็ค่อนข้างรู้สึกได้)
ในเรื่องการเรียนการสอนเราคิดว่าเยอรมนีตะวันออกค่อนข้าง อยู่ในวงแคบ กว่า
ยกตัวอย่างประวัติศาสตร์ ในรัฐBrandenburg (ตะวันออก) เกรดสิบจะสอนเรื่องไวมาร์ ปวศการเมืองเยอรมันประมาณนี้
แต่ถ้าในรัฐBaden wurttemberg(ตะวันตก) จะสอนเรื่องประวัติศาสตร์ยุโรป ซึ่งเริ่มตั้งแต่กรีก (รวมไปถึงปรัชญาและประชาธิปไตยนิดหน่อย)
ส่วนวิชาPolitik (ในรัฐBrandenburg เราต้องลงเรียน แต่ในBadenเป็นวิชาหมวดสังคมหลักซึ่งเรียนรวมทั้งห้องไม่ได้เลือก)
ของBrandenburg จะเรียนเรื่อง EU (ซึ่งน่าจะมีคนรู้ว่าตอนนี้ยูเครนกำลังมีประท้วงเรื่องอียู-รัสเซียนะคะถ้าตามข่าว)
ส่วนBaden จะเรียนเรื่องประชาธิปไตย คณาธิปไตย บลาๆๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ครอบคลุมทั่วโลก
ที่เราชอบมากในการสอนของBaden ซึ่งไม่รู้ว่า Brandenburg จะมีแบบนี้หรือเปล่า เพราะเราไม่ได้เรียนที่Brandenburgในช่วงนั้น
คือช่วงการเลือกตั้งเยอรมนี เขาจะเปิดให้โต้วาที หรือเปิดให้ถกกันว่านักเรียนเห็นด้วยกับนโยบายอันไหนเพราะอะไรยังไง
แล้วก็ใครคัดค้านบ้าง โดยไม่บอกว่ามาจากพรรคไหน สำหรับเราเป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าลองกับประเทศไทยมาก
แต่ประเด็นคือคนไทย ซึ่งอาจเป็นทั้งครูและนักเรียน หลายๆ คนเบื่อหน่ายในการเมือง เบื่อนักการเมือง
เบื่อนโยบายที่เลือกไปแล้วดันไม่เกิดขึ้นจริง...
ส่วนตัวคิดว่าปัญหาของไทยน่าจะเริ่มจากการพัฒนาการศึกษาและคุณภาพของทรัพยากรคนก่อนน่ะค่ะ
ตอนนี้ทั่วโลกเขางงกันอยู่เหมือนกันว่าทำไมคนไทยไม่ต้องการประชาธิปไตย (ซึ่งเพื่อนในเกรดสิบหรือม.4เนี่ยแหล่ะค่ะ ก็ถามๆกันมาเยอะ)
และเขาถามว่า สำหรับเธอ เธอคิดยังไงแล้วเธอเอาปชธเปล่า หรือเฉยๆ มีหรือไม่มีก็ไม่ต่าง
เราบอกไปเลยว่า ประชาธิปไตยยังไงก็ต้องอยู่ต่อไป มันอาจไม่ได้ดีที่สุด แต่มันก็ยังดีกว่าระบอบอื่น (และเราไม่เห็นด้วยกับสภาประชาชนแน่นอน)
แล้วเราก็บอกเขาไปว่าเราไม่โอเคที่ประเทศไทยจะไม่มีประชาธิปไตย
เพราะนั่นหมายความว่า แบบคิดง่ายๆเลย เราไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกคนมาใช้ภาษีที่เราจ่ายไปเลย ถูกไหม ? (ถึงเราจะยังไม่ได้จ่ายก็เถอะ)
รู้สึกบ่นมากไป แต่แค่อยากเอาอะไรกลับไทยบ้าง อย่างน้อยก็ความคิดเห็นของคนเยอรมัน...
เผื่อคนไหนสนใจอยากรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเยอรมนี สามารถ เข้าไปแวะเวียนเยี่ยมชม บล๊อกเราได้นะคะ
(บางทีจะอัพเป็นภาษาเยอรมันเพื่อคนเยอรมันได้รู้จักประเทศไทยมากขึ้น)
http://perperff.wordpress.com/
เผื่อคนสนใจอ่านอีกบล๊อกนึงของเราค่ะ
การ์ตูนไม่ได้ไร้สาระ ถ้าอ่านแล้วเก็บใจความของมันได้ หรือเก็บสิ่งดีๆ จากมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำบ่อย
เราเลยทำเป็นบล๊อกว่าเราได้สาระอะไรบ้างจากการ์ตูนแต่ละเรื่อง แอบสปอยล์เล็กน้อยต้องทำใจถ้าจะอ่านค่ะ 5555555555555
http://perperffumer.wordpress.com/
ปล. แสดงความคิดเห็น คัดค้าน ติชมอะไรก็ได้ค่ะ ยินดีเป็นอย่างสูง บางทีก็อยากรู้ฟีดแบ๊คว่าหลายๆ คนอ่านบล๊อกเราแล้วเป็นยังไงบ้าง
ถ้าจะให้ดีอ่านทั้งสองอันแล้วมาเล่าให้ฟังว่าคิดยังไงจะดีมากค่า -/\-
ปล.ครั้งสุดท้าย ถ้าอ่านจบหมดทุกตัวอักษรนะคะ ขอบอกว่า ขอบคุณมากค่ะ <3
ป.ล.สองเห็นที่พี่คห5พิมพ์ ยอมรับค่ะ ผิดจริง พิมพ์ผิด Orz ขอแก้ไขข้อมูล คือต้องบอกว่าที่เราบอกว่า การศึกษาของเยอรมันตะวันออกแคบกว่าคือในด้านวิชาสายศิลป์ แต่แน่นกว่าในด้านสายวิทย์ นี่ถือว่าได้ไหมคะ คือวิชาสายวิทย์เยอรมันตะวันออกนี่ค่อนข้างแน่นจริง (ยิ่งสำหรับเรายิ่งยาก ขนาดจากม6มาอยู่เทียบเท่าม4ที่นี่)
แต่เราคอมเม้นท์อะไรเกี่ยวกับวิชาสายวิทย์ไม่ค่อยได้ เพราะอย่างที่บอกไปว่าเราเรียนสายศิลป์ แต่จะบอกเนื้อหาที่เรียนเท่าที่จำได้ในแต่ละวิชาละกันค่ะ
คือ เราไม่ได้เรียนเคมี (เพราะไม่ได้เลือกไว้) เราเรียนชีวะ ฟิสิกส์ คณิต เทคนิค แล้วก็ คอม(แบบเขียนโปรแกรม)
ซึ่งชีวะที่นี่ตอนนี้เรียนอยู่เรื่องmutation ซึ่งก่อนหน้านั้นเรียนเรื่อง DNA บลาๆ ไรงี้
ฟิสิกส์เรียนเรื่องโมเมนตัม ซิมเปิ้ลฮาร์โมนิค คลื่น (เห็นเพื่อนบอกว่าโจทย์แบบนี้ม4สายวิทย์ที่ไทยบางคนยังทำไม่ได้เลย ไม่รู้จริงหรือเปล่า แต่เอาโจทย์ไปให้ดูแล้วบอกมางี้)
คณิต เรียนเรื่องตรีโกณมิติ ซึ่งไม่ยากมากเท่าไหร่ (ถ้าอ่านออก ;___;) แต่เราก็ไม่เก่งอยู่ดี orz
เทคนิคเป็นวิชาที่รรสามัญในไทยไม่น่าจะมีนะ ก็คือเทคนิคจะเป็น ให้ต่อวงจรไฟฟ้าบลาๆ ไรพวกนี้ แล้วก็สังเกตุ การทำงานของระบบวงจรตัวนี้
ส่วนวิชาสุดท้ายคือคอม ให้เขียนโปรแกรมVisual basic (อันที่จริงมันง่ายนะ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเรียนหรือไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้แล้วข้ามขั้นมาเล่นเขียนโปรแกรมแอดวานซ์ขึ้นมาก็ยากอยู่ดี)