เมื่อสักประมาณหนึ่งเดือนมานี้(อาจมีก่อนหน้านี้แล้ว) บริษัทขายประกันและสถาบันการเงินหลายแห่ง ได้ประโคมโฆษณาประชา
สัมพันธ์ชักชวนให้ซื้อประกันและร่วมลงทุนต่าง ๆ ก็เป็นบริษัท ธนาคารพาณิชย์ ซึ่งคงไม่ต้องเอ่ยชื่อเพราะนั่นไม่ใช่ประเด็น สิ่งที่สำคัญ
คือ ในการโฆษณานั้นจะชักชวนในทำนอง "เมื่อมาลงทุนกับ...จะได้รับการลดหย่อนภาษี แล้วท่านจะทราบว่าการได้ลดหย่อนภาษีนั้นมี
ความสุขอย่างไร" หรือ "การทำประกันหรือการลงทุนได้รับส่วนลดหย่อนภาษี แต่ถ้าทำกับที่นี่มีอัตราการลดหย่อนที่มากกว่า" ก็แข่ง
ขันกันในเรื่อง การได้รับการลดหย่อนภาษี ภาษีที่ว่านี้ผมเข้าใจว่าเป็นภาษีเงินได้นั้นเอง โฆษณามีทั้งทางรายการวิทยุและโทรทัศน์
คนทั่วไปเมื่อได้ยินและไม่คิดอะไรก็คงไม่มีอะไร แต่สำหรับผมนี่ไม่ใช่การ ชู ในสิ่งที่สมควรเชิดชูหรือยกย่องกันเลย ตรงกันข้ามเรื่องนี้
เป็นสิ่งที่ทำให้ ผู้ลงทุนหรือคนที่ซื้อประกัน "มีสิทธิ์พิเศษ" ที่ได้รับสิ่งนี้ เป็นการสร้างค่านิยมให้สังคม ที่การที่ไม่ต้องเสียภาษีเต็ม(เม็ดเต็ม
หน่วย) เป็นการได้รับสิ่งดี ที่พิเศษสุดในสังคมในชีวิต ถ้าเช่นนี้แล้วจะต่างอะไรกับคนที่มีเงินได้ต้องเสียภาษี แต่ ทำอย่างไรก็ได้ให้ได้มา
ซึ่งการที่ไม่ต้องเสียหรือเสียภาษีไม่เต็มอัตรา(น้อยกว่าคนอื่น ๆ) แล้วก็บอกว่ามีความสุขมาก ซึ่งถ้าเป็นเรื่องที่น่ายกย่องแล้วคนเหล่านี้
เมื่อได้ชำระภาษีเต็มตามจำนวนที่มีรายได้สมควรนั้นคือผู้ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศของเรา
สรุป ผมเดาว่าคงไม่มีประเทศใดที่ยกเรื่อง การเสียภาษีแบบไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนดั่งกลุ่มคนทั่วไปกระทำ เป็นเรื่องที่ดี ที่น่าเอา
อย่างและชักชวนกันทำเยอะ ๆ
ขอเสนอครับ หากเป็นไปได้หรือไม่อย่างไรขอกรมสรรพากรซึ่งเป็นเจ้าภาพในเรื่องนี้อธิบายหรือมีแนวทาง มาตรการอย่างไร ประชา
สัมพันธ์แก่ประชาชนด้วยนะครับ อย่างนี้ครับ ผมเข้าใจว่ากรมสรรพากร ลดหย่อนหรือตั้งอัตราภาษีของสถานประกอบการดังกล่าว
ข้างต้นให้ต่ำกว่าทั่วไปเพื่อเป็นแรงจูงใจ เรื่องนี้ไม่ติดใจอะไรครับ แต่ไม่ควรมีการกระทำหรือสร้างเป็นค่านิยมดังที่ร่ายข้างต้น
โดยอาจทำดังนี้
๑. มีมาตรการ ไม่ให้ สถานประกอบการ ใช้การลดหย่อนภาษีนี้เป็นหัวข้อโฆษณาชักจูง
๒. กำหนดอัตราภาษีที่สถานประกอบการเรียกเก็บจริง(ที่ลดแล้ว)แทนการลดหย่อนภาษี ผลคือจะไม่มีคำว่าหากทำประกันหรือ
ลงทุนกับ บริษัทนี้ ธนาคารนี้ จะได้รับการลดหย่อนภาษี เนื่องจากกรมสรรพากรได้กำหนดอัตราที่ต้องเสียจริงไว้แล้ว
ทั้งสองแนวทางนี้มิได้ให้กรมสรรพากรต้องปรับปรุงอัตราภาษีสำหรับการนี้ใหม่ หากแต่ให้เป็นไปตามเดิมโดยกำหนดเป็นตัวเลข
ให้ชัดเจนมิใช่บอกเป็นตัวเลขการลดหย่อนซึ่งเป็นการตัดคำว่า ลดหย่อนภาษี ในสังคม แต่ในความเห็นส่วนตัวเห็นว่า ทำไม! ต้องลด
หย่อนให้คนโน้นคนนี้ เรื่องนั้นเรื่องนี้ เพราะมันก็คือเงินได้เหมือนกันถ้าอยากมาทำอย่างนี้หรือลงทุนตรงนี้ก็ต้องยอมรับที่จะเสียภาษี
อย่างเต็มอัตราเหมือนคนที่ประกอบการหรือในอาชีพอื่น ๆ ไม่ต้องสร้างแรงจูงใจหรอกมั้งครับสำหรับคนที่อยากได้ประโยชน์ตรงนี้ ให้
เขาได้ ภูมิใจ ที่ได้ชำระภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วยอันจะได้นำไปพัฒนาประเทศต่อไป จะดีกว่าไหม! ขอขอบคุณล่วงหน้า
การลดหย่อนภาษี
สัมพันธ์ชักชวนให้ซื้อประกันและร่วมลงทุนต่าง ๆ ก็เป็นบริษัท ธนาคารพาณิชย์ ซึ่งคงไม่ต้องเอ่ยชื่อเพราะนั่นไม่ใช่ประเด็น สิ่งที่สำคัญ
คือ ในการโฆษณานั้นจะชักชวนในทำนอง "เมื่อมาลงทุนกับ...จะได้รับการลดหย่อนภาษี แล้วท่านจะทราบว่าการได้ลดหย่อนภาษีนั้นมี
ความสุขอย่างไร" หรือ "การทำประกันหรือการลงทุนได้รับส่วนลดหย่อนภาษี แต่ถ้าทำกับที่นี่มีอัตราการลดหย่อนที่มากกว่า" ก็แข่ง
ขันกันในเรื่อง การได้รับการลดหย่อนภาษี ภาษีที่ว่านี้ผมเข้าใจว่าเป็นภาษีเงินได้นั้นเอง โฆษณามีทั้งทางรายการวิทยุและโทรทัศน์
คนทั่วไปเมื่อได้ยินและไม่คิดอะไรก็คงไม่มีอะไร แต่สำหรับผมนี่ไม่ใช่การ ชู ในสิ่งที่สมควรเชิดชูหรือยกย่องกันเลย ตรงกันข้ามเรื่องนี้
เป็นสิ่งที่ทำให้ ผู้ลงทุนหรือคนที่ซื้อประกัน "มีสิทธิ์พิเศษ" ที่ได้รับสิ่งนี้ เป็นการสร้างค่านิยมให้สังคม ที่การที่ไม่ต้องเสียภาษีเต็ม(เม็ดเต็ม
หน่วย) เป็นการได้รับสิ่งดี ที่พิเศษสุดในสังคมในชีวิต ถ้าเช่นนี้แล้วจะต่างอะไรกับคนที่มีเงินได้ต้องเสียภาษี แต่ ทำอย่างไรก็ได้ให้ได้มา
ซึ่งการที่ไม่ต้องเสียหรือเสียภาษีไม่เต็มอัตรา(น้อยกว่าคนอื่น ๆ) แล้วก็บอกว่ามีความสุขมาก ซึ่งถ้าเป็นเรื่องที่น่ายกย่องแล้วคนเหล่านี้
เมื่อได้ชำระภาษีเต็มตามจำนวนที่มีรายได้สมควรนั้นคือผู้ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศของเรา
สรุป ผมเดาว่าคงไม่มีประเทศใดที่ยกเรื่อง การเสียภาษีแบบไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนดั่งกลุ่มคนทั่วไปกระทำ เป็นเรื่องที่ดี ที่น่าเอา
อย่างและชักชวนกันทำเยอะ ๆ
ขอเสนอครับ หากเป็นไปได้หรือไม่อย่างไรขอกรมสรรพากรซึ่งเป็นเจ้าภาพในเรื่องนี้อธิบายหรือมีแนวทาง มาตรการอย่างไร ประชา
สัมพันธ์แก่ประชาชนด้วยนะครับ อย่างนี้ครับ ผมเข้าใจว่ากรมสรรพากร ลดหย่อนหรือตั้งอัตราภาษีของสถานประกอบการดังกล่าว
ข้างต้นให้ต่ำกว่าทั่วไปเพื่อเป็นแรงจูงใจ เรื่องนี้ไม่ติดใจอะไรครับ แต่ไม่ควรมีการกระทำหรือสร้างเป็นค่านิยมดังที่ร่ายข้างต้น
โดยอาจทำดังนี้
๑. มีมาตรการ ไม่ให้ สถานประกอบการ ใช้การลดหย่อนภาษีนี้เป็นหัวข้อโฆษณาชักจูง
๒. กำหนดอัตราภาษีที่สถานประกอบการเรียกเก็บจริง(ที่ลดแล้ว)แทนการลดหย่อนภาษี ผลคือจะไม่มีคำว่าหากทำประกันหรือ
ลงทุนกับ บริษัทนี้ ธนาคารนี้ จะได้รับการลดหย่อนภาษี เนื่องจากกรมสรรพากรได้กำหนดอัตราที่ต้องเสียจริงไว้แล้ว
ทั้งสองแนวทางนี้มิได้ให้กรมสรรพากรต้องปรับปรุงอัตราภาษีสำหรับการนี้ใหม่ หากแต่ให้เป็นไปตามเดิมโดยกำหนดเป็นตัวเลข
ให้ชัดเจนมิใช่บอกเป็นตัวเลขการลดหย่อนซึ่งเป็นการตัดคำว่า ลดหย่อนภาษี ในสังคม แต่ในความเห็นส่วนตัวเห็นว่า ทำไม! ต้องลด
หย่อนให้คนโน้นคนนี้ เรื่องนั้นเรื่องนี้ เพราะมันก็คือเงินได้เหมือนกันถ้าอยากมาทำอย่างนี้หรือลงทุนตรงนี้ก็ต้องยอมรับที่จะเสียภาษี
อย่างเต็มอัตราเหมือนคนที่ประกอบการหรือในอาชีพอื่น ๆ ไม่ต้องสร้างแรงจูงใจหรอกมั้งครับสำหรับคนที่อยากได้ประโยชน์ตรงนี้ ให้
เขาได้ ภูมิใจ ที่ได้ชำระภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วยอันจะได้นำไปพัฒนาประเทศต่อไป จะดีกว่าไหม! ขอขอบคุณล่วงหน้า