มีคนเอาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ม. 190 ไปโยงกับเขาพระวิหาร และเขตแดนทางทะเล โยงไปถึงแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเล

มีคนเอาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ม. 190 ไปโยงกับเขาพระวิหาร และเขตแดนทางทะเล โยงไปถึงแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเลรอยต่อกับกัมพูชาว่าเหลื่อมไปหนึ่งองศา ใช้แผนที่ 1:200000 แล้วไทยจะเสียดินแดนทางทะเล จะเสียน้ำมัน รัฐบาลจะเอาไปประเคนให้ต่างชาติ ฯลฯ ขนาดคนดังตั้งแต่ตอนน้ำท่วมและต้านเขื่อนแม่วงก์อย่างศศิน ยังเอามาพูด ไหนจะพวกทวงคืนปตท. ที่โดนตีตกไปแล้วหลายครั้งยังเอามาพูดอีกซ้ำๆ

ผมเหนื่อยจะพูดเรื่องนี้แล้วนะครับ พูดกี่ครั้งๆ ก็ไม่มีคนจะคิดตามสักที คนดังก็มีพลาดเหมือนกันถ้าไม่ใช่เรื่องที่เขาเรียนรู้ถนัด อย่างตอนน้ำท่วม ศศินเองก็ยังมีประเมินพลาดยอมรับผิดเหมือนกัน

ที่ด่าๆ กันนี่ อ่าน ม.190 เดิมและที่แก้ใหม่กันสักเท่าไร ไปดูรัฐธรรมนูญเก่าในประเด็นเดียวกันมาก่อนสักเท่าไรครับ?

รัฐธรรมนูญเดิมก่อนปี 40 ไม่เคยให้รัฐสภาต้องพิจารณาสนธิสัญญาและข้อตกลงต่างๆ ระหว่างประเทศมาก่อน เพราะสภาเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ กระบวนการวาระมากมาย ถ้าต้องเอาไปผ่านสภาทุกครั้ง ชาตินี้ก็ไม่ต้องทำอะไรกับต่างชาติล่ะรัฐบาลไทย

รัฐธรรมนูญ 40 เลยเพิ่มเข้ามาเรื่องสนธิสัญญาที่มีผลต่อเขตแดนและอำนาจอธิปไตย ว่าต้องผ่านสภา เพื่อให้ยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น ซึ่งถูกต้องแล้ว

แต่พอทักษิณใช้ช่องว่างตรงนี้ทำเรื่องเงินกู้เอ็กซิมแบงค์ให้รัฐบาลพม่า กู้เงินไทยมาซื้ออุปกรณ์สัญญามือถือในเครือชินคอร์ป นักร่างรัฐธรรมนูญทหารก็ผวา เพราะที่ผ่านมาคนที่คอร์รัปชั่น (อย่างพวกตัวคนร่าง พวกทหาร พวกรัฐบาลก่อนๆ) จะคอร์รัปชั่นแบบตรงไปตรงมา กินอิฐหินดินทราย นมบูดปลากระป๋องเน่าเสาธงต้นละล้าน ไม่มีใครริอ่านวางแผนสองชั้นสามชั้นเพื่อผลประโยชน์ทางอ้อมที่คาบเกี่ยวกันแบบนี้

รัฐธรรมนูญ 50 เลยร่างออกมาแบบที่ดักทางในการทำสนธิสัญญาบันทึกความเข้าใจข้อตกลงแทบทุกอย่างต้องผ่านสภา แถมศาลรัฐธรรมนูญปี 2551 ยังบ้าไปตีความเติมคำว่า "อาจจะ" ลงในคำพิพากษาเพื่อเอาผิด นพดล ปัทมะ เสียอีก เรื่องนี้นักกฎหมายทุกคนถ้าไม่หูหนวกตาบอดไปกับความเกลียดชัง เขารู้กันทั้งนั้น

ผลคืออะไรครับ ทุกวันนี้พวกข้อตกลงสนธิสัญญาทั้งหลายที่รัฐบาลไม่ว่ารัฐบาลไหนไปทำ มันตกค้างไม่ได้รับการพิจารณาเห็นชอบอยู่ที่สภากองเป็นพะเรอเกวียน ส่วนไอ้ที่ผ่านสภาเข้าไปเห็นชอบ สภาก็อ่านไม่รู้เรื่อง ยกมือผ่านเป็นฝักถั่วอยู่ดี ยกเว้นไอ้ที่เอามาเล่นการเมืองได้อย่าง FTA

แบบนี้จะไปทำมาค้าขายเจรจากับใครเขาได้วะครับ รัฐบาลบอกตกลงๆ ได้ๆ แต่มาค้างเป็น red tape อยู่ในสภา พอรัฐบาลต่างชาติทวงถามมาก็ยังทำไม่เสร็จๆ เขาก็ไม่พอใจดิ

ตัวอย่างง่ายๆ แค่ MOU เปิดด่านกับลาวเนี่ย ทำมาสามรอบ ยังไม่ได้เข้าสภา พอเจ้าเมืองเจ้าแขวงทวงถามมา เราก็แบ๊ะๆ ลาวเขาก็ว่าไทยไม่จริงใจ โกรธกลับไปซะนี่

เเรื่องต่อไป เรื่องเขตแดนพระวิหารกับเขตแดนทางทะเล

ท่านจะไม่เชื่อผมก็ได้ แต่ท่านจะเชื่อพลเรือเอกถนอม เจริญลาภไหม?
จะเชื่อผบ.ทร. ทุกท่านไหม?
จะเชื่อกรมแผนที่ทหารไหม?

การแบ่งเส้นเขตแดนไม่ได้เอาไม้บรรทัดลาก ตกลงกันในอากาศแล้ววางขีดได้แบบโง่ๆ นะครับ

มันต้องผ่าน MOU
พอผ่าน MOU แล้วต้องตั้งคณะกรรมการร่วม JBC มาเจรจา
พอคณะกรรมการ JBC เจรจาแล้ว ก็ต้องไปออกภาคสนามไปกำหนดจุดที่ปักปันเขตแดนอีก
พอกำหนดจุดเสร็จ ก็ค่อยมาร่วมกันร่างแผนที่ให้คณะกรรมการ JBC ยินยอมเห็นพ้องต้องกัน
เห็นพ้องต้องกันแล้ว ก็ต้องเสนอให้สภาความมั่นคงรับรอง
พอผ่านสภาความมั่นคงแล้ว ก็ต้องเอากลับมาให้รัฐสภาเห็นชอบอีกที

ใช่ว่ามันจะลากเส้นตัดไปตัดมาได้ตามใจเสียเมื่อไร

เรื่องโกหกเรื่องนี้มันเผยแพร่กันไปเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง จนเสียหายต่อลประโยชน์ของประเทศชาติ ทั้งๆ ที่ไม่ว่าพรรคไหนเป็นรัฐบาล ก็ต้องการความคล่องตัวในการบริหารงาน และเล็งจะแก้รัฐธรรมนูญมาตรานี้ ที่ร่างมาเพราะความกลัวคนๆ เดียวทั้งนั้น

ถ้ายังไม่เชื่อผม ก็ลองศึกษาดู และถ้ายังกลัวอยู่ จะค้านอยู่ ก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณาก็แล้วกัน

@มิตรสหายท่านหนึ่ง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่