เกิดจากกระทู้นี้
http://pantip.com/topic/31174886
คนรู้น้อยขอเสนอให้ละเอียดขึ้นอีกนิดนึง โดยการรวบรวมมา
อานาปานสติ คล้ายๆจะเป็นสติปัฏฐานภาคขยายนะ โดย
กาย, เวทนา, จิต, ธรรม คูณกับ อริยะสัจ 4 ครับ ทุกข์,สมุทัย,นิโรธ,มรรค
ทุกข์ = เห็น หมายถึงดูหรือเห็นหรือเข้าใจมัน ทุกข์ในที่นี้คือความที่เรากระจ่างในสิ่งนั้น เช่นกายนี้ทุกข์เท่ากับว่าเราเห็นกายแล้ว
สมุทัย = การก่อ หมายถึงเริ่มจากอะไร ตรงใหน
นิโรธ = การดับ ลำดับการดับมันอย่างไรตรงใหน
มรรค = ดับ ทำให้มันดับจริงๆทำอย่างไร
model ใช้กับหลอดไฟ+แสงไฟ
ทุกข์ = มองไปที่หลอดไฟ มันคงทนมั้ย สภาพมันเป็นอย่างไร
สมุทัย = แสงไฟเกิดจากสวิท, สายไฟ, กระแสไฟ
นิโรธ = ดับแบบใหน ปิดสวิทหรือตัดสายไฟ
มรรค = เดินไปปิดสวิท
จริงๆผมไม่อยากเอาท่านมาอ้าง เพราะพออ้างคนก็หาว่าผมเป็นสายท่านไป แต่ก็จำเป็น
คือที่ พุทธทาศตั้งไว้มี 16 ขั้น แบบนี้ ==>
https://sites.google.com/site/smartdhamma/home_anapanasati_buddhadhasa
แต่มีพระสายวัดป่าท่านหนึ่งท่านบอก พุทธทาศท่านอยากแจกแจงให้คนไม่รู้ฟังก็เลยเหมือนต้องละเอียด
แต่ความจริงมัน map กันแบบที่ผมกำลังจะบอกประกอบตอนท้าย แต่ขอยกตัวอย่างก่อนครับ
ผมประสบความสำเร็จและก้าวหน้าด้วยวิธีที่ท่านแนะนี้ ซึ่งอาจจะถูกจริตเฉพาะผมก็ได้ คือ
1.(กายะคตา+ทุกข์) เมื่อเริ่มทำสมาธิ เราใช้ เห็นลักษณ์ความเป็นกาย หรือเห็นทุกขะลักษณะก่อน จากการกำหนดลมหายใจ
แต่คำว่ากายต้องตีความให้ถูก มันคือกายทั้งมวล ทั้งกายเนื้อ กายลม กายความคิด(คิดกับจิตต้องระวังมันใกล้กัน)
2.(กายะคตา+สมุทัย) กำหนดลมให้สั้น(วิ่งตามลม) พอลมมันสั้นแล้วเราแนบๆเน้นๆไปที่ความรูสึกตัดความคิด เราจะเห็นการเกิดของมัน
3.(กายะคตา+นิโรธ) กำหนดลมหายใจทั้งปวง(เฝ้าดู) พอกำหนดลมหายใจทั้งปวงโดยที่เราแนบๆไป สภาวะการดับจะชัดให้เราจำไว้
4.(กายะคตา+มรรค) การทำกายสังขารให้รำงับ(ดับ) การดับในที่นี้ให้มันดับความเชื่อมโยงกับเรา เพื่อให้รู้ว่ากายมันไม่ใช่เรา
เราไม่ใช่เรา ถึงกายคนทั่วไปก็ไม่ใช่คน มันเป็นของมันดั่งที่สภาวะนี้แจ้งมา(อธิบายสภาวะนี้ไม่ถูกเหมือนกันครับ)
ส่วนที่เหลือคือ(ท่อนแรกของพุทธทาศ ท่อนหลังแบบอานาปานสติกระชับ)
หมวดเวทนา
อานาปานสติ ขั้นที่ห้า การกำหนดปีติ = เวทนา+ทุกข์ คือเห็นรูปแบบและรู้จักสุขเวทนาทั้งหลาย(ปีติ)
อานาปานสติ ขั้นที่หก การกำหนดสุข = เวทนา+สมุทัย คือเห็นว่าเวทนา(สุขเวทนา)เกิดอย่างไร เพราะความสุขจะเห็นการเกิดได้ง่าย
อานาปานสติ ขั้นที่เจ็ด การกำหนดจิตตสังขาร = เวทนา + นิโรธ คือสังขารของเวทนาร่วงโรยอย่างไร ดูสังขารของจิตเราจะเห็นการร่วงโรย
อานาปานสติ ขั้นที่แปด การทำจิตสังขารให้รำงับ = เวทนา + มรรค คือการตัดการเชื่อมโยงเวทนาอย่างไร
หมวดจิต
อานาปานสติ ขั้นที่เก้า การรู้พร้อมซึ่งจิต = จิต+ทุกข์ คือเห็นตัวจิตพลิกคว่ำพลิกหงายจิตดู
อานาปานสติ ขั้นที่สิบ การทำจิตให้ปราโมทย์ = จิต+สมุทัย คือดูปราโมชย์ซึ่งเป็นตัวที่เห็นการเกิดของจิตชัดที่สุด
อานาปานสติ ขั้นที่สิบเอ็ด การทำจิตให้ตั้งมั่น = จิต+นิโรธ คือการที่เราอยากเห็นจิตดับไปยากมาก ท่านเลยให้ตั้งมั่น เพราะเราตั้งมั่นเราจะเห็นมันล้ม คือย้อนศรมัน เราบังคับให้มันไม่ล้ม(ตั้งมั่น)มันจะล้มให้เราดู
อานาปานสติ ขั้นที่สิบสอง การทำจิตให้ปล่อย = จิต+มรรค คือตัดความเชื่อมโยงว่าจิตนี้คงอยู่ จิตเป็นเรา เราเป็นเรา ทิ้งไป
หมวดธรรม
อานาปานสติ ขั้นที่สิบสาม การเห็นความไม่เที่ยง = ธรรม+ทุกข์ คือเห็นตัวธรรมอย่างชัดเจน เพราะความไม่เที่ยง(อนัตตา) เป็นธรรมขั้นสูงสุด
อานาปานสติ ขั้นที่สิบสี่ การเห็นความจางคลาย = ธรรม+สมุทัย คือความจางคลายนี่แหละคือการเกิดของอนัตตาทุกอย่าง
อานาปานสติ ขั้นที่สิบห้า การเห็นความดับไม่เหลือ = ธรรม+นิโรธ คือแม้แต่ธรรมก็ดับไม่มีอะไรเหลือได้ ทุกอย่างถูกดับได้
อานาปานสติ ขั้นที่สิบหก การเห็นความสลัดคืน = ธรรม+มรรค คือแม้แต่อนัตตาก็เป็นอนัตตา เพราะการที่อนัตตากลับมามีได้ นั่นคือความอนัตตาไม่เที่ยง ความไม่มีตัวมีตนยังกลับมามีตัวตนได้ ตัดความเชื่อมโยงยึดมั่นในธรรมทั้งปวงเพื่อปล่อยตัวเองเป็นอิสระ
อานาปานสติ แบบกระชับ
คนรู้น้อยขอเสนอให้ละเอียดขึ้นอีกนิดนึง โดยการรวบรวมมา
อานาปานสติ คล้ายๆจะเป็นสติปัฏฐานภาคขยายนะ โดย
กาย, เวทนา, จิต, ธรรม คูณกับ อริยะสัจ 4 ครับ ทุกข์,สมุทัย,นิโรธ,มรรค
ทุกข์ = เห็น หมายถึงดูหรือเห็นหรือเข้าใจมัน ทุกข์ในที่นี้คือความที่เรากระจ่างในสิ่งนั้น เช่นกายนี้ทุกข์เท่ากับว่าเราเห็นกายแล้ว
สมุทัย = การก่อ หมายถึงเริ่มจากอะไร ตรงใหน
นิโรธ = การดับ ลำดับการดับมันอย่างไรตรงใหน
มรรค = ดับ ทำให้มันดับจริงๆทำอย่างไร
model ใช้กับหลอดไฟ+แสงไฟ
ทุกข์ = มองไปที่หลอดไฟ มันคงทนมั้ย สภาพมันเป็นอย่างไร
สมุทัย = แสงไฟเกิดจากสวิท, สายไฟ, กระแสไฟ
นิโรธ = ดับแบบใหน ปิดสวิทหรือตัดสายไฟ
มรรค = เดินไปปิดสวิท
จริงๆผมไม่อยากเอาท่านมาอ้าง เพราะพออ้างคนก็หาว่าผมเป็นสายท่านไป แต่ก็จำเป็น
คือที่ พุทธทาศตั้งไว้มี 16 ขั้น แบบนี้ ==> https://sites.google.com/site/smartdhamma/home_anapanasati_buddhadhasa
แต่มีพระสายวัดป่าท่านหนึ่งท่านบอก พุทธทาศท่านอยากแจกแจงให้คนไม่รู้ฟังก็เลยเหมือนต้องละเอียด
แต่ความจริงมัน map กันแบบที่ผมกำลังจะบอกประกอบตอนท้าย แต่ขอยกตัวอย่างก่อนครับ
ผมประสบความสำเร็จและก้าวหน้าด้วยวิธีที่ท่านแนะนี้ ซึ่งอาจจะถูกจริตเฉพาะผมก็ได้ คือ
1.(กายะคตา+ทุกข์) เมื่อเริ่มทำสมาธิ เราใช้ เห็นลักษณ์ความเป็นกาย หรือเห็นทุกขะลักษณะก่อน จากการกำหนดลมหายใจ
แต่คำว่ากายต้องตีความให้ถูก มันคือกายทั้งมวล ทั้งกายเนื้อ กายลม กายความคิด(คิดกับจิตต้องระวังมันใกล้กัน)
2.(กายะคตา+สมุทัย) กำหนดลมให้สั้น(วิ่งตามลม) พอลมมันสั้นแล้วเราแนบๆเน้นๆไปที่ความรูสึกตัดความคิด เราจะเห็นการเกิดของมัน
3.(กายะคตา+นิโรธ) กำหนดลมหายใจทั้งปวง(เฝ้าดู) พอกำหนดลมหายใจทั้งปวงโดยที่เราแนบๆไป สภาวะการดับจะชัดให้เราจำไว้
4.(กายะคตา+มรรค) การทำกายสังขารให้รำงับ(ดับ) การดับในที่นี้ให้มันดับความเชื่อมโยงกับเรา เพื่อให้รู้ว่ากายมันไม่ใช่เรา
เราไม่ใช่เรา ถึงกายคนทั่วไปก็ไม่ใช่คน มันเป็นของมันดั่งที่สภาวะนี้แจ้งมา(อธิบายสภาวะนี้ไม่ถูกเหมือนกันครับ)
ส่วนที่เหลือคือ(ท่อนแรกของพุทธทาศ ท่อนหลังแบบอานาปานสติกระชับ)
หมวดเวทนา
อานาปานสติ ขั้นที่ห้า การกำหนดปีติ = เวทนา+ทุกข์ คือเห็นรูปแบบและรู้จักสุขเวทนาทั้งหลาย(ปีติ)
อานาปานสติ ขั้นที่หก การกำหนดสุข = เวทนา+สมุทัย คือเห็นว่าเวทนา(สุขเวทนา)เกิดอย่างไร เพราะความสุขจะเห็นการเกิดได้ง่าย
อานาปานสติ ขั้นที่เจ็ด การกำหนดจิตตสังขาร = เวทนา + นิโรธ คือสังขารของเวทนาร่วงโรยอย่างไร ดูสังขารของจิตเราจะเห็นการร่วงโรย
อานาปานสติ ขั้นที่แปด การทำจิตสังขารให้รำงับ = เวทนา + มรรค คือการตัดการเชื่อมโยงเวทนาอย่างไร
หมวดจิต
อานาปานสติ ขั้นที่เก้า การรู้พร้อมซึ่งจิต = จิต+ทุกข์ คือเห็นตัวจิตพลิกคว่ำพลิกหงายจิตดู
อานาปานสติ ขั้นที่สิบ การทำจิตให้ปราโมทย์ = จิต+สมุทัย คือดูปราโมชย์ซึ่งเป็นตัวที่เห็นการเกิดของจิตชัดที่สุด
อานาปานสติ ขั้นที่สิบเอ็ด การทำจิตให้ตั้งมั่น = จิต+นิโรธ คือการที่เราอยากเห็นจิตดับไปยากมาก ท่านเลยให้ตั้งมั่น เพราะเราตั้งมั่นเราจะเห็นมันล้ม คือย้อนศรมัน เราบังคับให้มันไม่ล้ม(ตั้งมั่น)มันจะล้มให้เราดู
อานาปานสติ ขั้นที่สิบสอง การทำจิตให้ปล่อย = จิต+มรรค คือตัดความเชื่อมโยงว่าจิตนี้คงอยู่ จิตเป็นเรา เราเป็นเรา ทิ้งไป
หมวดธรรม
อานาปานสติ ขั้นที่สิบสาม การเห็นความไม่เที่ยง = ธรรม+ทุกข์ คือเห็นตัวธรรมอย่างชัดเจน เพราะความไม่เที่ยง(อนัตตา) เป็นธรรมขั้นสูงสุด
อานาปานสติ ขั้นที่สิบสี่ การเห็นความจางคลาย = ธรรม+สมุทัย คือความจางคลายนี่แหละคือการเกิดของอนัตตาทุกอย่าง
อานาปานสติ ขั้นที่สิบห้า การเห็นความดับไม่เหลือ = ธรรม+นิโรธ คือแม้แต่ธรรมก็ดับไม่มีอะไรเหลือได้ ทุกอย่างถูกดับได้
อานาปานสติ ขั้นที่สิบหก การเห็นความสลัดคืน = ธรรม+มรรค คือแม้แต่อนัตตาก็เป็นอนัตตา เพราะการที่อนัตตากลับมามีได้ นั่นคือความอนัตตาไม่เที่ยง ความไม่มีตัวมีตนยังกลับมามีตัวตนได้ ตัดความเชื่อมโยงยึดมั่นในธรรมทั้งปวงเพื่อปล่อยตัวเองเป็นอิสระ