พรรคประชาธิปัตย์โลดแล่นบนถนนการเมืองไทยมา 68 ปี สลับทำหน้าที่เป็นรัฐบาลและฝ่ายค้าน
แต่การเลือกตั้งช่วงหลังๆผูกขาดแพ้ทางพรรคเพื่อไทยมาตลอด จนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
เคลื่อนไหวให้ปฏิรูปพรรค เพื่อชนะใจประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
ยกเครื่องพรรคโฉมใหม่ไฉไลแค่ไหน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
และผู้มีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมืองว่าสังคมยอมรับ
พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวในประเทศไทยที่เป็นสถาบัน แต่พรรคการเมืองอื่น
เป็นกลุ่มบุคคล
สังคมจึงคาดหวังมาก อยากเห็นพรรคประชาธิปัตย์ปฏิรูปเป็นที่พึ่งของประชาชน เราไม่เคยหยุดนิ่ง
ทำการปฏิรูปอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อเป็นองคาพยพใหญ่ การขับเคลื่อนเลยช้า ที่ผ่านมาได้ยกระดับ
ผู้บริหารในพรรค โดยจัดหลักสูตร The Seven Habits สอดแทรกเข้าไป จัดอบรมผู้นำอุดมการณ์
เพื่อสร้างความเป็นเลิศที่ยั่งยืน
เดินหน้ารีแบรนด์ดิ้งพรรค สาขาพรรคกว่า 180 สาขา กำหนดให้มีแบรนด์หรือเอกลักษณ์ ทั้งป้ายสาขา
พรรค โทนสี สัญลักษณ์ เสื้อที่ทำเหมือนกันหมด ประชาชนมองเห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์
ท่านเลขาฯ (นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค) ให้ความสนใจการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพ
สาขาพรรค ถือเป็นจุดเด่นเมื่อเทียบกับพรรคการเมืองอื่น ที่มีสาขาพรรคตามที่ พ.ร.บ.พรรคการเมือง
กำหนด มีแค่ 4-6 สาขา
ดึงผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพมาค้นหาตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ คือมีอุดมการณ์ แต่เมื่อสภาพบ้านเมือง
เศรษฐกิจ สังคมเปลี่ยนแปลง จำเป็นต้องหาจุดเด่นของพรรคเพื่อเป็นจุดขายให้โดนใจประชาชน
ในที่สุดทุกคนในพรรคเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า
1.จะต้องทำงานมีหลักการ ทำตามกฎหมาย
2.บริหารงานแบบมืออาชีพที่สังคมยอมรับ
3.ต้องทุ่มเทและมุ่งมั่นทำงาน
4.ทำงานเชิงรุก ฉับไว และ
5.ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
เรียกง่ายๆว่ากรอบการทำงานหลัก 5P (Principal Professional Proactive Passionless People Centric)
ที่เป็นตัวตนและเอกลักษณ์ของพรรค เมื่อทุกองคาพยพภายในพรรคเข้าใจกระบวนการการขับเคลื่อน
เราจะเดินหน้าอย่างมีพลังและเป็นเอกภาพ การรีแบรนด์ดิ้งหรือการพัฒนา การปรับองค์กร มีเป้าหมาย
ชัดเจนต้องการชนะใจประชาชนให้ได้ โดยการปรับโครงสร้างพรรค
ขณะนี้มีข้อสรุปว่าคณะกรรมการบริหารพรรคมีจำนวนเพิ่มขึ้น รวมทั้งหมดมี 25 คน ในจำนวนดังกล่าวกำหนดให้
มีกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้หญิงอย่างน้อย 4 คน และกำหนดให้มีรองหัวหน้าพรรครับผิดชอบภาค 5 คน
เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ เข้ามาทำงานให้ตรงกับหน้าที่ ภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
เช่น ด้านเศรษฐกิจ ต่างประเทศ มวลชน สิ่งแวดล้อม การวิจัยพัฒนา ยุทธศาสตร์
ยกระดับสภาที่ปรึกษาพรรค ที่มีท่านชวน (นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค) เข้ามาอยู่ใน
โครงสร้างพรรค และเปลี่ยนชื่อเป็นคณะกรรมการกลางของพรรค เดิมไม่ได้กำหนดหน้าที่ไว้ ทำงาน
แบบไม่เป็นทางการ เหมือนอาสาสมัคร
มีวัตถุประสงค์หลักให้ผู้ใหญ่ที่เป็นสมาชิกพรรค ผู้ทรงคุณวุฒิ สมัชชา 10 อาชีพ เข้ามามีส่วนร่วม มีบทบาท
มากขึ้น เพื่อช่วยประเมิน ดูนโยบายด้านต่างๆ และเป็นพี่เลี้ยงให้คณะกรรมการบริหารพรรค
ขณะเดียวกันได้ปรับโครงสร้างบริหารภายในพรรคให้กระชับ ประกอบด้วยสำนักงานเลขาธิการพรรค
สำนักพัฒนาส่งเสริมสาขาพรรค สำนักกฎหมาย สำนักยุทธศาสตร์ สำนักระดมทุน
และกำหนดให้มีหัวหน้าโซน อาจจะเป็นโซนละสองจังหวัด หรือ 5 จังหวัด เหมือนเป็นทีมทำงานในพื้นที่
ดูแลลงลึกในเรื่องการเลือกตั้งและทำงานร่วมคณะกรรมการสาขาพรรค 11 คน เพื่อวางยุทธศาสตร์ในพื้นที่
ให้ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคได้รับเลือกตั้ง
ทุกหน่วยงานตามโครงสร้างใหม่มีผู้รับผิดชอบชัดเจน ทำหน้าที่สนับสนุนคณะกรรมการบริหารพรรค
การทำงานแต่ละด้านจะสนับสนุน เสริมสร้างซึ่งกัน และกัน ทำให้พรรคทำงานเชิงรุก รวดเร็ว ฉับไวยิ่งขึ้น
ระหว่างที่กำลังปฏิรูปพรรค หากมีการเลือกตั้งใหญ่เกิดขึ้น ตามธรรมชาติของทุกพรรคการเมืองต้อง
เตรียมพร้อมอยู่ตลอด แต่ถ้าปฏิรูปเสร็จก็เหมือนส่งสัญญาณบอกว่าเราพร้อม สร้างความเชื่อมั่น
ให้สมาชิกพรรค จะก่อให้เกิดการรวมตัวทำให้เกิดพลัง
เพราะมีนโยบายด้านต่างๆที่สุดเจ๋ง อาทิ มียุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคอีสานให้มีน้ำใช้ตลอดปี
โดยใช้งบประมาณน้อยมาก เน้นการกระจายอำนาจรูปแบบใหม่ทำให้รัฐเล็กลง ประชาชนใหญ่ขึ้น มีคำถามว่า
นโยบายที่สุดเจ๋งของพรรคประชาธิปัตย์ มั่นใจจะโดนใจประชาชนเหมือนนโยบายประชานิยมได้อย่างไร
ขอย้ำว่าเราไม่ทำนโยบายประชานิยมที่ทำให้ประเทศเจ๊ง ล่มมาหลายประเทศแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ไม่อยาก
ให้ประเทศเจ๊ง
แม้ขณะนี้สภาพสังคมเปลี่ยน มีทุนสามานย์เข้ามาในวงการเมือง มีทุนเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองมากขึ้น
ประชาชนส่วนใหญ่ชอบ เพราะนิยมวัตถุ นิยมเงินตรา หลงใหลกับการรับอยู่เสมอ
เราไม่ต้องการให้ทุกคนงอมืองอเท้า รอรัฐบาลเอาของมาให้ พรรคการเมืองที่ดีจะปล่อยให้ประชาชนตก
อยู่ในสภาพอย่างนี้ไม่ได้ ดังนั้นจะต้องเดินสายให้ความรู้ ปลุกประชาชนลุกขึ้นปฏิรูปประเทศไทยร่วมกัน
การทำเช่นนี้อาจเห็นผลเป็นรูปธรรมช้า แต่เป็นการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน
สิ่งที่เราบอกประชาชนไม่จำเป็นต้องเชื่อ แต่นโยบายการกระจายอำนาจรูปแบบใหม่ เป็นหนึ่งในนโยบาย
ที่นำไปปฏิบัติได้จริง ทำให้ประชาชนมีอำนาจ เป็นการกระจายอำนาจให้ประชาชนสามารถตรวจสอบการ
ใช้งบประมาณได้
นโยบายสุดเจ๋งและปฏิรูปพรรคเสร็จมั่นใจชนะพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร คุณหญิงกัลยา บอกว่ามั่นใจแข่ง
ได้กับทุกพรรคการเมือง ไม่ใช่เฉพาะพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยวันหนึ่งก็ต้องล่มสลาย คงไม่อยู่ยงคงกระพัน
การปฏิรูปพรรคครั้งนี้ตั้งใจและหวังว่าจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าถึงประชาชนมากที่สุด แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย
ที่จะทำให้ได้ ส.ส.เพิ่มมากขึ้นจนชนะพรรคการเมืองอื่น เพราะขึ้นอยู่ที่ประชาชน และการทำงานของพรรค
ประชาธิปัตย์ การเลือกบุคคลให้เหมาะสมกับงานได้มากน้อยแค่ไหน
คงไม่บังอาจคิดว่าจะชนะการเลือกตั้งใหญ่จนกลายเป็นได้เสียงข้างมากพรรคเดียว การวางเป้าหมายจะต้อง
อยู่บนพื้นฐานความจริง เช่น ภาคอีสานหรือพื้นที่ที่ไม่มี ส.ส. อย่างน้อยต้องได้ ส.ส.ในเขตเทศบาลทุกแห่ง
ทีมข่าวการเมือง ถามว่าพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสสูงที่พรรคจะแตกก่อนปฏิรูปพรรคสำเร็จอย่างไร เพราะ
ในพรรคมีแรงต่อต้านสูง คุณหญิงกัลยา ออกตัวว่าเป็นปกติในพรรคการเมืองที่มีประชาธิปไตยสูง ย่อมมี
ความเห็นต่าง มีครั้งหนึ่งเคยมีสมาชิกพรรคต่อว่าหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคนานกว่า 9 ชั่วโมง พรรค
อื่นคงไม่มีบรรยากาศแบบนี้
ในที่สุดเสียงส่วนใหญ่เห็นเป็นเอกฉันท์ก็ต้องเคารพมติ แต่ถ้าหากมีสมาชิกพรรคที่หวังผลเฉพาะหน้าก็คงอยู่
ไม่ได้ ก็ต้องออกจากพรรคไป ไม่เป็นอะไร พรรคต้องการคนที่มีจิตสาธารณะและอุดมการณ์
แสดงว่าการปฏิรูปพรรคครั้งนี้หากมีคนยอมรับไม่ได้ต้องลาออกจากพรรค คุณหญิงกัลยา บอกว่าคงไม่ถึงขั้นนั้น
เท่าที่ฟังเสียงในพรรค ทุกเรื่องต้องมีการปรับเปลี่ยน แต่ไม่สามารถทำอะไรทีเดียวได้เลย จะต้องหารือเป็น
การภายในให้ตกผลึกก่อน ขณะนี้ตกผลึกไปมากแล้ว
และตามข้อบังคับพรรคกำหนดขั้นตอนไว้ดังนี้ คือ คณะกรรมการบริหารพรรคจะประชุมร่วมกับ ส.ส. เมื่อผ่าน
ด่านนี้จะเรียกประชุมใหญ่สมัยวิสามัญ โครงสร้างพรรคยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ในขั้นนี้ได้อีก แต่เมื่อที่ประชุม
ใหญ่ฯให้ความเห็นชอบ การปฏิรูปปรับโครงสร้างพรรคเสร็จเรียบร้อย
ส่งผลให้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันจะต้องจบโดยปริยายและเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค
ชุดใหม่ทันที
โฉมหน้าใหม่หลังการปฏิรูปพรรค เชื่อมั่นว่าพรรคต้องไฉไลกว่าเดิม จะทำให้เป็นพรรคการเมืองหนึ่งเดียว
ที่เป็นความหวังและทางเลือกของประชาชนแน่นอน
เดิมกำหนดปฏิรูปพรรคแล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือน พ.ย.นี้ แต่วันนี้ต้องรอหลังปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญทั่วไป
วันที่ 29 พ.ย. เพราะสถานการณ์การเมืองวันนี้เปลี่ยนแปลงไป
ฝ่ายค้านจะต้องทำหน้าที่ในสภาอย่างหนัก เพื่อตรวจสอบร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับยกเข่ง การยื่นญัตติ
อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ดังนั้น ขอพักเรื่องปฏิรูปพรรคไว้ชั่วคราว.
“ทีมข่าวการเมือง”
http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/378866
เอามาเบรค เรื่องนิรโทษกรรม เพราะดูเหมือนยังไม่ตกผลึก หลากหลายมุมมองก็จริง
แต่ก็วนอยู่แค่ สุดซอย กลางซอย เสื้อแดง คุณทักษิณ มาร์ค-เทพเทือก
มาดูเรื่องปชป. กับการปฏิรูป ดีกั่ว โครงสร้างใหม่ ดียังไง ?
อ่านจนจบ ถึงรู้ เก็บเข้าแฟ้ม ไว้ก่อน มาลุยนิรโทษกรรม กับอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก่อน
แล้วถ้าเกิดรัฐบาลยุบสภาไปตอนนี้ พรรคก็ยังไม่ได้ปฏิรูป จะเป็นความหวังใหม่ให้ปชช.ได้ยังไง ?
แฟนคลับจะมาช่วยตอบหน่อยไหม ? หวังยากหน่อย .....
แต่สาวเหลือน้อย ก็ยังอยากเห็น ว่า สภาพปชป. กับ เพื่อไทย วันนี้ หากยุบสภาไป
เพื่อนๆว่าปชป.จะคะแนนสูสี กับเพื่อไทยไหม เพราะ มองว่า ผนังทองแดง กำแพงเหล็ก
อาจจะหายไป บางส่วนแล้ว คะแนนส่วนนี้จะไปอยู่ที่ใคร ?


ปชป.ปฏิรูปพรรคสู่เป้าหมายครองใจประชาชน วิเคราะห์ ไทยรัฐออนไลน์
แต่การเลือกตั้งช่วงหลังๆผูกขาดแพ้ทางพรรคเพื่อไทยมาตลอด จนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
เคลื่อนไหวให้ปฏิรูปพรรค เพื่อชนะใจประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
ยกเครื่องพรรคโฉมใหม่ไฉไลแค่ไหน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
และผู้มีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมืองว่าสังคมยอมรับ
พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวในประเทศไทยที่เป็นสถาบัน แต่พรรคการเมืองอื่น
เป็นกลุ่มบุคคล
สังคมจึงคาดหวังมาก อยากเห็นพรรคประชาธิปัตย์ปฏิรูปเป็นที่พึ่งของประชาชน เราไม่เคยหยุดนิ่ง
ทำการปฏิรูปอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อเป็นองคาพยพใหญ่ การขับเคลื่อนเลยช้า ที่ผ่านมาได้ยกระดับ
ผู้บริหารในพรรค โดยจัดหลักสูตร The Seven Habits สอดแทรกเข้าไป จัดอบรมผู้นำอุดมการณ์
เพื่อสร้างความเป็นเลิศที่ยั่งยืน
เดินหน้ารีแบรนด์ดิ้งพรรค สาขาพรรคกว่า 180 สาขา กำหนดให้มีแบรนด์หรือเอกลักษณ์ ทั้งป้ายสาขา
พรรค โทนสี สัญลักษณ์ เสื้อที่ทำเหมือนกันหมด ประชาชนมองเห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์
ท่านเลขาฯ (นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค) ให้ความสนใจการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพ
สาขาพรรค ถือเป็นจุดเด่นเมื่อเทียบกับพรรคการเมืองอื่น ที่มีสาขาพรรคตามที่ พ.ร.บ.พรรคการเมือง
กำหนด มีแค่ 4-6 สาขา
ดึงผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพมาค้นหาตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ คือมีอุดมการณ์ แต่เมื่อสภาพบ้านเมือง
เศรษฐกิจ สังคมเปลี่ยนแปลง จำเป็นต้องหาจุดเด่นของพรรคเพื่อเป็นจุดขายให้โดนใจประชาชน
ในที่สุดทุกคนในพรรคเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า
1.จะต้องทำงานมีหลักการ ทำตามกฎหมาย
2.บริหารงานแบบมืออาชีพที่สังคมยอมรับ
3.ต้องทุ่มเทและมุ่งมั่นทำงาน
4.ทำงานเชิงรุก ฉับไว และ
5.ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
เรียกง่ายๆว่ากรอบการทำงานหลัก 5P (Principal Professional Proactive Passionless People Centric)
ที่เป็นตัวตนและเอกลักษณ์ของพรรค เมื่อทุกองคาพยพภายในพรรคเข้าใจกระบวนการการขับเคลื่อน
เราจะเดินหน้าอย่างมีพลังและเป็นเอกภาพ การรีแบรนด์ดิ้งหรือการพัฒนา การปรับองค์กร มีเป้าหมาย
ชัดเจนต้องการชนะใจประชาชนให้ได้ โดยการปรับโครงสร้างพรรค
ขณะนี้มีข้อสรุปว่าคณะกรรมการบริหารพรรคมีจำนวนเพิ่มขึ้น รวมทั้งหมดมี 25 คน ในจำนวนดังกล่าวกำหนดให้
มีกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้หญิงอย่างน้อย 4 คน และกำหนดให้มีรองหัวหน้าพรรครับผิดชอบภาค 5 คน
เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ เข้ามาทำงานให้ตรงกับหน้าที่ ภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
เช่น ด้านเศรษฐกิจ ต่างประเทศ มวลชน สิ่งแวดล้อม การวิจัยพัฒนา ยุทธศาสตร์
ยกระดับสภาที่ปรึกษาพรรค ที่มีท่านชวน (นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค) เข้ามาอยู่ใน
โครงสร้างพรรค และเปลี่ยนชื่อเป็นคณะกรรมการกลางของพรรค เดิมไม่ได้กำหนดหน้าที่ไว้ ทำงาน
แบบไม่เป็นทางการ เหมือนอาสาสมัคร
มีวัตถุประสงค์หลักให้ผู้ใหญ่ที่เป็นสมาชิกพรรค ผู้ทรงคุณวุฒิ สมัชชา 10 อาชีพ เข้ามามีส่วนร่วม มีบทบาท
มากขึ้น เพื่อช่วยประเมิน ดูนโยบายด้านต่างๆ และเป็นพี่เลี้ยงให้คณะกรรมการบริหารพรรค
ขณะเดียวกันได้ปรับโครงสร้างบริหารภายในพรรคให้กระชับ ประกอบด้วยสำนักงานเลขาธิการพรรค
สำนักพัฒนาส่งเสริมสาขาพรรค สำนักกฎหมาย สำนักยุทธศาสตร์ สำนักระดมทุน
และกำหนดให้มีหัวหน้าโซน อาจจะเป็นโซนละสองจังหวัด หรือ 5 จังหวัด เหมือนเป็นทีมทำงานในพื้นที่
ดูแลลงลึกในเรื่องการเลือกตั้งและทำงานร่วมคณะกรรมการสาขาพรรค 11 คน เพื่อวางยุทธศาสตร์ในพื้นที่
ให้ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคได้รับเลือกตั้ง
ทุกหน่วยงานตามโครงสร้างใหม่มีผู้รับผิดชอบชัดเจน ทำหน้าที่สนับสนุนคณะกรรมการบริหารพรรค
การทำงานแต่ละด้านจะสนับสนุน เสริมสร้างซึ่งกัน และกัน ทำให้พรรคทำงานเชิงรุก รวดเร็ว ฉับไวยิ่งขึ้น
ระหว่างที่กำลังปฏิรูปพรรค หากมีการเลือกตั้งใหญ่เกิดขึ้น ตามธรรมชาติของทุกพรรคการเมืองต้อง
เตรียมพร้อมอยู่ตลอด แต่ถ้าปฏิรูปเสร็จก็เหมือนส่งสัญญาณบอกว่าเราพร้อม สร้างความเชื่อมั่น
ให้สมาชิกพรรค จะก่อให้เกิดการรวมตัวทำให้เกิดพลัง
เพราะมีนโยบายด้านต่างๆที่สุดเจ๋ง อาทิ มียุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคอีสานให้มีน้ำใช้ตลอดปี
โดยใช้งบประมาณน้อยมาก เน้นการกระจายอำนาจรูปแบบใหม่ทำให้รัฐเล็กลง ประชาชนใหญ่ขึ้น มีคำถามว่า
นโยบายที่สุดเจ๋งของพรรคประชาธิปัตย์ มั่นใจจะโดนใจประชาชนเหมือนนโยบายประชานิยมได้อย่างไร
ขอย้ำว่าเราไม่ทำนโยบายประชานิยมที่ทำให้ประเทศเจ๊ง ล่มมาหลายประเทศแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ไม่อยาก
ให้ประเทศเจ๊ง
แม้ขณะนี้สภาพสังคมเปลี่ยน มีทุนสามานย์เข้ามาในวงการเมือง มีทุนเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองมากขึ้น
ประชาชนส่วนใหญ่ชอบ เพราะนิยมวัตถุ นิยมเงินตรา หลงใหลกับการรับอยู่เสมอ
เราไม่ต้องการให้ทุกคนงอมืองอเท้า รอรัฐบาลเอาของมาให้ พรรคการเมืองที่ดีจะปล่อยให้ประชาชนตก
อยู่ในสภาพอย่างนี้ไม่ได้ ดังนั้นจะต้องเดินสายให้ความรู้ ปลุกประชาชนลุกขึ้นปฏิรูปประเทศไทยร่วมกัน
การทำเช่นนี้อาจเห็นผลเป็นรูปธรรมช้า แต่เป็นการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน
สิ่งที่เราบอกประชาชนไม่จำเป็นต้องเชื่อ แต่นโยบายการกระจายอำนาจรูปแบบใหม่ เป็นหนึ่งในนโยบาย
ที่นำไปปฏิบัติได้จริง ทำให้ประชาชนมีอำนาจ เป็นการกระจายอำนาจให้ประชาชนสามารถตรวจสอบการ
ใช้งบประมาณได้
นโยบายสุดเจ๋งและปฏิรูปพรรคเสร็จมั่นใจชนะพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร คุณหญิงกัลยา บอกว่ามั่นใจแข่ง
ได้กับทุกพรรคการเมือง ไม่ใช่เฉพาะพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยวันหนึ่งก็ต้องล่มสลาย คงไม่อยู่ยงคงกระพัน
การปฏิรูปพรรคครั้งนี้ตั้งใจและหวังว่าจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าถึงประชาชนมากที่สุด แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย
ที่จะทำให้ได้ ส.ส.เพิ่มมากขึ้นจนชนะพรรคการเมืองอื่น เพราะขึ้นอยู่ที่ประชาชน และการทำงานของพรรค
ประชาธิปัตย์ การเลือกบุคคลให้เหมาะสมกับงานได้มากน้อยแค่ไหน
คงไม่บังอาจคิดว่าจะชนะการเลือกตั้งใหญ่จนกลายเป็นได้เสียงข้างมากพรรคเดียว การวางเป้าหมายจะต้อง
อยู่บนพื้นฐานความจริง เช่น ภาคอีสานหรือพื้นที่ที่ไม่มี ส.ส. อย่างน้อยต้องได้ ส.ส.ในเขตเทศบาลทุกแห่ง
ทีมข่าวการเมือง ถามว่าพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสสูงที่พรรคจะแตกก่อนปฏิรูปพรรคสำเร็จอย่างไร เพราะ
ในพรรคมีแรงต่อต้านสูง คุณหญิงกัลยา ออกตัวว่าเป็นปกติในพรรคการเมืองที่มีประชาธิปไตยสูง ย่อมมี
ความเห็นต่าง มีครั้งหนึ่งเคยมีสมาชิกพรรคต่อว่าหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคนานกว่า 9 ชั่วโมง พรรค
อื่นคงไม่มีบรรยากาศแบบนี้
ในที่สุดเสียงส่วนใหญ่เห็นเป็นเอกฉันท์ก็ต้องเคารพมติ แต่ถ้าหากมีสมาชิกพรรคที่หวังผลเฉพาะหน้าก็คงอยู่
ไม่ได้ ก็ต้องออกจากพรรคไป ไม่เป็นอะไร พรรคต้องการคนที่มีจิตสาธารณะและอุดมการณ์
แสดงว่าการปฏิรูปพรรคครั้งนี้หากมีคนยอมรับไม่ได้ต้องลาออกจากพรรค คุณหญิงกัลยา บอกว่าคงไม่ถึงขั้นนั้น
เท่าที่ฟังเสียงในพรรค ทุกเรื่องต้องมีการปรับเปลี่ยน แต่ไม่สามารถทำอะไรทีเดียวได้เลย จะต้องหารือเป็น
การภายในให้ตกผลึกก่อน ขณะนี้ตกผลึกไปมากแล้ว
และตามข้อบังคับพรรคกำหนดขั้นตอนไว้ดังนี้ คือ คณะกรรมการบริหารพรรคจะประชุมร่วมกับ ส.ส. เมื่อผ่าน
ด่านนี้จะเรียกประชุมใหญ่สมัยวิสามัญ โครงสร้างพรรคยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ในขั้นนี้ได้อีก แต่เมื่อที่ประชุม
ใหญ่ฯให้ความเห็นชอบ การปฏิรูปปรับโครงสร้างพรรคเสร็จเรียบร้อย
ส่งผลให้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันจะต้องจบโดยปริยายและเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค
ชุดใหม่ทันที
โฉมหน้าใหม่หลังการปฏิรูปพรรค เชื่อมั่นว่าพรรคต้องไฉไลกว่าเดิม จะทำให้เป็นพรรคการเมืองหนึ่งเดียว
ที่เป็นความหวังและทางเลือกของประชาชนแน่นอน
เดิมกำหนดปฏิรูปพรรคแล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือน พ.ย.นี้ แต่วันนี้ต้องรอหลังปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญทั่วไป
วันที่ 29 พ.ย. เพราะสถานการณ์การเมืองวันนี้เปลี่ยนแปลงไป
ฝ่ายค้านจะต้องทำหน้าที่ในสภาอย่างหนัก เพื่อตรวจสอบร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับยกเข่ง การยื่นญัตติ
อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ดังนั้น ขอพักเรื่องปฏิรูปพรรคไว้ชั่วคราว.
“ทีมข่าวการเมือง”
http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/378866
เอามาเบรค เรื่องนิรโทษกรรม เพราะดูเหมือนยังไม่ตกผลึก หลากหลายมุมมองก็จริง
แต่ก็วนอยู่แค่ สุดซอย กลางซอย เสื้อแดง คุณทักษิณ มาร์ค-เทพเทือก
มาดูเรื่องปชป. กับการปฏิรูป ดีกั่ว โครงสร้างใหม่ ดียังไง ?
อ่านจนจบ ถึงรู้ เก็บเข้าแฟ้ม ไว้ก่อน มาลุยนิรโทษกรรม กับอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก่อน
แล้วถ้าเกิดรัฐบาลยุบสภาไปตอนนี้ พรรคก็ยังไม่ได้ปฏิรูป จะเป็นความหวังใหม่ให้ปชช.ได้ยังไง ?
แฟนคลับจะมาช่วยตอบหน่อยไหม ? หวังยากหน่อย .....
แต่สาวเหลือน้อย ก็ยังอยากเห็น ว่า สภาพปชป. กับ เพื่อไทย วันนี้ หากยุบสภาไป
เพื่อนๆว่าปชป.จะคะแนนสูสี กับเพื่อไทยไหม เพราะ มองว่า ผนังทองแดง กำแพงเหล็ก
อาจจะหายไป บางส่วนแล้ว คะแนนส่วนนี้จะไปอยู่ที่ใคร ?