"การเมืองใหม่"ปฏิรูปปชป.ก้าวข้ามพท. ........ วิเคราะห์การเมือง ...ไทยรัฐออนไลน์

กระทู้สนทนา
พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเก่าแก่
ผลัดเปลี่ยนเป็นรัฐบาลและฝ่ายค้านตามยุคสมัย ผลการเลือกตั้งรอบกว่า 2
ทศวรรษผูกขาดแพ้พรรคการเมืองคู่แข่งมาตลอด วันนี้ได้สรุปสาเหตุของความพ่ายแพ้
และกำลังปรับยุทธศาสตร์ทางการเมือง หวังเก็บเกี่ยวชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

ยุทธศาสตร์ใหม่เป็นไอเดียของผู้ที่เคยมีบทบาทรับผิดชอบ
โครงการยุทธศาสตร์ประเทศไทยของพรรคประชาธิปัตย์
เป็นแผนพัฒนาประเทศครบวงจร ครั้นขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรคอีกสมัย
รับผิดชอบพื้นที่ภาคกลาง ได้รวบรวมยุทธวิธีต่อสู้ทางการเมืองจาก
ประสบการณ์ที่อยู่พรรคมา 21 ปี เพื่อนำเสนอคณะกรรมการบริหารพรรค

พิมพ์เขียวปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ฉบับ “นายอลงกรณ์ พลบุตร” ภูมิใจนำเสนอว่า
เรามีศักยภาพเป็นประเทศระดับชั้นนำของภูมิภาคและของโลก
แต่ในรอบหลายปีเราตกอยู่ในวังวนความแตกแยก ติดหล่มจมปลักอยู่กับ
ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ทำลายเอกภาพและศักยภาพของประเทศ
ขีดความสามารถในประเทศถดถอย

ประชาชนไม่มีความสุขจากปัญหาความขัดแย้ง นานวันยิ่งแบ่งแยกสี แบ่งฝักแบ่งฝ่าย
การคอรัปชันในวงการเมืองและราชการระบาดรุนแรง แต่ละโครงการคอรัปชัน 30-50%
จากเดิมแค่ 3-5% ภาคเอกชนรับไม่ไหว จนถึงขณะนี้ประเทศตกอยู่ในสภาวะป่วยรุนแรงมาก
ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

แต่ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ดังนั้นถึงเวลาจะต้องแก้ไขปัญหาของประเทศ โดยเริ่มต้นที่ 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือ
พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ในเมื่อเราไม่สามารถเกี่ยวข้องกิจการภายใน
พรรคเพื่อไทยได้

ฉะนั้น ขอเริ่มต้นปฏิรูปที่พรรคประชาธิปัตย์
จะทำให้เกิดจุดเปลี่ยนที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปการเมืองและประเทศไทย
นำไปสู่การสร้างการเมืองเชิงคุณภาพ แข่งขันกัน ด้วยนโยบาย วิสัยทัศน์
และปลดปล่อยพรรคการเมืองให้หลุดพ้นจากทุนที่เข้ามาครอบงำ เป็นธุรกิจการเมือง
เป็นต้นเหตุของคอรัปชัน ไปสู่พรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง

“ทีมข่าวการเมือง” ถามถึงวิกฤติของประเทศส่วนหนึ่งเกิดจากพรรคประชาธิปัตย์
ไม่ได้ปฏิรูปตัวเองและยึดติดทุนมากเกินไป “นายอลงกรณ์” ออกตัวว่า
“จะสรุปแบบนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะแนวโน้มการพัฒนาการเมืองนานวันยิ่ง
ไปสู่ทางตัน การแข่งขันในระบบและนอกระบบรุนแรงขึ้น พึ่งพาทุนมากเกินไป
ตรงนี้เป็นจุดถึงเวลาเปลี่ยน”

ถ้าปล่อยให้สภาวะบ้านเมืองเป็นแบบนี้จะไปถึงจุดหนึ่งที่กลับตัวไม่ทัน
เหมือนที่เกิดขึ้นกับหลายๆ ประเทศ เช่น บังกลาเทศ มี 2
พรรคการเมืองใหญ่ผลัดกันเป็นรัฐบาลและฝ่ายค้าน

ต่อสู้กันเข้มข้น รุนแรงมากขึ้น ไม่คำนึงถึงวิธีการได้มาซึ่งอำนาจ
เมื่ออยู่บนอำนาจก็แสวงหาผลประโยชน์เพื่อรักษาอำนาจ
ในที่สุดประเทศตกอยู่ในสภาวะยากจน ล้าหลัง ติดกับดัก
ไม่สามารถพัฒนาประเทศให้สู่ระดับที่สูงขึ้น

พรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมาก็ปรับปรุง พัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ทำแบบองค์รวม
ทำทุกด้านไปพร้อมๆกัน การปฏิรูปพรรคต้องอยู่ภายใต้กรอบภารกิจและเป้าหมาย
ต้องสร้างจุดยืน ที่มั่นคงให้พรรค คือ

1.เป็นสถาบันทางการเมือง ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ

2. เป็นองค์กรทันสมัย มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้า กว้างไกล ทันโลก

3. เป็นพรรคเมืองเปิดกว้าง มีประชาชนเป็นเจ้าของ ลดการพึ่งพาทุนนอกระบบ
หันมาพึ่งพาทุนในระบบจากสมาชิกพรรค นายทุนที่ศรัทธาต่อพรรค ซึ่งเป็นการ
บริจาคที่ไม่มีเงื่อนไขและเปิดเผยตามกฎหมาย

ผมขอเสนอพิมพ์เขียวปฏิรูปพรรคอย่างน้อย 3 ด้าน คือ

1.โครงสร้างพรรค เช่น ขยายสาขา พรรคครอบคลุมทุกพื้นที่เขตเลือกตั้ง
เพื่อเชื่อมโยงกับประชาชน ทำหน้าที่ดูแลประชาชน ช่วยพัฒนาท้องถิ่น

ต้องบริหารจัดการโครงสร้างสำนักงานใหญ่ อย่างน้อยจะต้องจัดตั้งสำนักงาน
โครงสร้างนโยบายและยุทธศาสตร์ ทำวิจัยนโยบาย ศึกษานโยบายเปรียบเทียบ
กับพรรคเพื่อไทย ศึกษานโยบายพรรคการเมืองของต่างประเทศ และจัดตั้ง
สำนักงานงบประมาณแผ่นดิน เตรียมพร้อมข้อมูลสำหรับการตรวจสอบในช่วง
เป็นฝ่ายค้าน และเตรียมพร้อมเป็นรัฐบาลได้ทันที

2. ปฏิรูประบบบริหารจัดการ โครงสร้างเดิมของพรรคมีสำนักงานใหญ่ สาขาพรรค
และ ส.ส. รวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ถึงเวลาจะต้องกระจายอำนาจ และมอบ
ภารกิจสู่ระดับภาค ระดับกลุ่มจังหวัด และเขตเลือกตั้ง ดึงซีอีโอเข้ามาบริหาร

ในรอบปีกว่า ภาคกลางนำร่องตั้งสำนักงานภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคกลางตอนบน
และปริมณฑล โดยมีซีอีโอเข้ามาบริหาร เพื่อสนับสนุนขับเคลื่อนนโยบายและบริการ
ถึงมือประชาชน ถ้าพรรคการเมืองมีโครงสร้างอย่างนี้ประชาชนจะเกิดศรัทธาตามมา
สามารถแก้ไขปัญหาให้ประชาชน และประเทศชาติก็ได้ประโยชน์

3. ปฏิรูปวัฒนธรรมองค์กรและบุคลากร โดยปรับโครงสร้างพรรคให้ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค
เขตเลือกตั้ง ตำบล หมู่บ้าน เชื่อมโยงกัน เพื่อระดมบุคลากรผู้อาวุโส
บุคลากรทางการเมืองระดับท้องถิ่น ที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์
มีเครือข่ายเข้ามาช่วยพรรคทำงาน

เหมือนในภาคกลางมีโครงการศูนย์ประชาธิปไตยระดับตำบล 200 ตำบล
ทำโครงการลานประชาธิปไตยตำบล สัมมนาออกแบบตำบล เพื่อเป็นพิมพ์เขียวตำบล
ศูนย์ฯนี้ทำงานร่วมกับ ส.ส.และสาขาพรรค การบริหารแบบใหม่นี้ประสบความสำเร็จมาก

โดยเฉพาะที่ทำในพื้นที่ จ.จันทบุรี ทำงานเข้าถึงประชาชน
จนเกิดศรัทธาต่อพรรคและสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้น
ต่อไปทำงานการเมืองต้องเอางานนำหน้า จะสามารถกำจัดระบบเงินนำหน้า
แข่งขันกับพวกที่ซื้อเสียงได้ และสามารถสู้กับนโยบายประชานิยมได้

และจะต้องมีวัฒนธรรมแบบเปิดกว้างตั้งแต่ระดับชาติถึงระดับท้องถิ่น เช่น ระบบ
“ไพรมารี” คณะกรรมการบริหารพรรคอนุมัติให้เริ่มนำร่องทุกภาคอย่างน้อยภาคละ
1 จังหวัด โดยภาคกลางเริ่มที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นการเปิดกว้างคัดเลือกผู้สมัคร
ส.ส. ปรากฏว่าได้ผลที่น่าพอใจ ประชาชนตื่นตัวเลือกบุคคลที่เหมาะสมเป็นผู้สมัคร ส.ส.
ต่อไปการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.ทุกเขตเลือกตั้งจะต้องใช้ระบบ “ไพร– มารี”
ไม่สมควรมาจากระบบสืบทอดอำนาจ เรื่องนี้เป็นความฝันของผม ไม่รู้จะไปได้ไกลแค่ไหน
คณะกรรมการบริหารพรรคจะเอาด้วยหรือไม่

การปฏิรูปพรรคมีแรงเสียดทานจากคนเก่าๆในพรรค จะทำอย่างไร “นายอลงกรณ์”
ยอมรับว่าเป็นธรรมดา การเปลี่ยนแปลงย่อมมีคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย
แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในพรรคเห็นด้วยที่จะต้องปฏิรูปพรรค
คนที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องทำความเข้าใจ และหากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่
13 พ.ค. 56 เห็นชอบด้วยกับพิมพ์เขียวปฏิรูปพรรค จะทำให้การปฏิรูปพรรคทำได้ง่ายขึ้น

คนใหญ่ๆที่มีบารมีในพรรคใครไม่เห็นด้วยกับพิมพ์เขียวปฏิรูปพรรคบ้าง “นายอลงกรณ์”
ไขข้อข้องใจ “ทีมข่าวการเมือง” ว่า หัวหน้าพรรค (คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)
เห็นด้วยกับการปฏิรูป แต่จะทำได้แค่ไหน อย่างไร ผมพยายามจะอธิบายให้
คณะกรรมการบริหารพรรคฟังว่า ต้องปฏิรูปทุกด้านพร้อมกันและทำต่อเนื่อง
เชื่อว่าเมื่อทำความเข้าใจกับคณะกรรมการบริหารพรรค คงเห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกัน

หลังการปฏิรูปพรรคมั่นใจว่าจะเป็นทางเลือกที่ดี แข่งขันกับพรรคเพื่อไทยได้
แต่ขณะนี้ สิ่งที่ผมคิดมากครั้งนี้ต้องเป็นการปฏิรูปเพื่อสร้างประสิทธิภาพให้กับ
พรรคและเป็นสถาบันการเมืองไม่ใช่สร้างความแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเกิดขึ้น
ภายในพรรค

“ทีมข่าวการเมือง” ถามว่ามั่นใจพิมพ์เขียวปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์
จะเป็นยาสมานแผลแก้ปัญหาด้านต่างๆของประเทศ และชนะเลือกตั้งครั้งต่อไป
“นายอลงกรณ์” ยืนยันว่า...

“...หากปฏิรูปพรรคสำเร็จจะเป็นแนวทางแก้ปัญหาความแตกแยกภายในประเทศ  
การแก้ปัญหาคอรัปชัน การซื้อเสียง  เพราะถึงเวลานั้นจะทำให้พรรคการเมืองเป็น
ของประชาชน ประชาชนเข้าใจถึงอำนาจของประชาชน ประชาชนจะเลือกนักการเมือง
จากศรัทธาที่ทำงานให้ ไม่ใช่จากการใช้เงินซื้อเสียง

วันใดที่พรรคประชาธิปัตย์ปฏิรูปแล้วมีความเข้มแข็ง มีศักย-ภาพ
จะส่งผลถึงพรรคเพื่อไทยต้องปฏิรูปตัวเอง
สลัดจากการถูกครอบงำที่บริหารโดยครอบครัวหรือกลุ่มบุคคล
หากพรรคเพื่อไทยไม่ปฏิรูปตัวเอง ในที่สุดประชาชนจะไม่เลือก

ดังนั้น ภารกิจปฏิรูปพรรคครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อชัยชนะในการเลือกตั้ง
ครั้งต่อไปเท่านั้น

แต่ภารกิจครั้งนี้จะสร้างจุดเปลี่ยนให้ประเทศไทย  และการเมืองไทย”.

ทีมข่าวการเมือง

http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/344317


หึ หึ ...  นี่คือการคิดนอกกรอบ  ของอลงกรณ์ พลบุตร ....คุณม่วงคัน..บอก
เพราะเป็นการนำเสนอเรื่องนี้  ออกมานอกพรรค  แทนที่จะเสนอในการประชุมพรรค
ก็ต้องถามว่า  เป็นประชาธิปไตยไหม  ...หรือว่าวิจารณ์กันได้ในที่ประชุมเท่านั้น ....
ความฝันของอลงกรณ์....ดูจะเป็นความฝันของคนไทย...หลายๆคน ทั้งที่ชอบและ
ไม่ชอบ ปชป. ...อาจจะยกเว้น  คุณ ม่วงคัน  และผู้บริหารพรรค  หลายๆคน ...  

กระทู้นี้อยากเห็นเพื่อนๆ  ที่ไม่ชอบรัฐบาล  และไม่ชอบเสื้อแดง  วิจารณ์มากที่สุด
แต่จะเป็นความฝันของ...สาวเหลือน้อย...  หรือเปล่า

ในฐานะทีเป็นพรรคแรก ....ทีลงคะแนนให้ ในวันที่มีสิทธิ  ลงคะแนน เสียงเลือกตั้ง
ก็อยากเห็น  การปฏิรูปพรรคนี้ ....  

แต่นั่นแหละค่ะ  ประเด็นนี้มีหลายกระทู้  ยังไม่ค่อยเห็นคนไม่ชอบเสื้อแดง  แบบ nonแดง
วิจารณ์หัน  ...น่าจะชอบแบบเดิมๆ  หรือยังไง...

เพื่อไทย...ก็คงชอบแบบเก่านั่นแหละ ....  ยิ้ม

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่