ซัวสะได-ไอเลิฟยูหล่า..........กลับมาพบกับเรื่องมีสาระบ้างไม่มีสาระบ้างกับน้าหยอยเหมือนเดิมนะครับ.....
เมื่อวานนี้ผมแนะนำวิธีการเลี้ยวโค้งทั้ง3แบบให้คุณพอรู้ทิศทางกันแล้วนะครับ.......วันนี้เราเขยิบให้เป็นเรื่องใกล้ตัวเข้ามาอีกนิด..คือมารู้จักวิธีอ่านหน้ายางกันบ้าง.......
เมื่อวานผมอธิบายให้เข้าใจไปแล้วว่า เนื้อยางของรถทั่วไปนี้มันมีคอมเปาด์เฉลี่ยอยู่ที่70ดูราเบิ้ล....ยางที่มีราคาแพงและเป็นรุ่นพิเศษก็จะขยับคอมเปาด์-ส่วนผสมที่มีเนื้อยางมากขึ้นไปเรื่อยๆ.......แบบรถแข่งก็จะมีคอมเปาด์อยู่ที่40.......เวลาเอาเครื่องมือจิ้มลงไปที่เนื้อยาง.....เข็มวัดก็จะระบุให้เรารู้ว่ายางรถแข่งในแต่ละคลาส มีการนำยางข้ามสายพันธ์เอามาโกงชาวบ้านหรือไม่-และอย่างไร
ยางมีที่เนื้อนิ่มๆนั้น หากเอาไปใช้ในสนามแข่ง..มันก็จะทำหน้าที่ตามที่ผู้ผลิตต้องการ........แต่เมื่อเราเอามาใช้บนถนนหลวงแล้ว.....อาการสึกของหน้ายางก็จะมากจนกว่าที่เราจะทนทานรับสภาพกับค่าซื้อยางใหม่ไม่ไหว.....ยกตัวอย่างเช่น-ยางแข่งแบบสลิคนั้น ราคาเริ่มต้นเส้นละสอง-สามพันบาท(สำหรับรถขนาด50ซี.ซี.).และเป็นหมื่นบาท เมื่อหน้ายางกว้างมากยิ่งขึ้น...
แต่เมื่อพัฒนาการของตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถมีสูงมากยิ่งขึ้น(ผมไม่ได้บอกว่าวิวัฒนาการของรถแข่งหรือรถสปอร์ตนะครับ-รถที่ผลิตมาขายในท้องตลาดนั้นคือการนำเอาชิ้นส่วนเพียงบางชิ้นของรถแข่งมาโปรโมทในใบโบรชัวขายรถเท่านั้นเอง-แต่ให้เทคนิคมาไม่ถึงครึ่งของขีดความสามารถจริงๆที่ชิ้นส่วนนั้นๆสามารถทำได้)
อยากให้กระทู้มีสาระ(มารู้จักการอ่านหน้ายางกัน)
เมื่อวานนี้ผมแนะนำวิธีการเลี้ยวโค้งทั้ง3แบบให้คุณพอรู้ทิศทางกันแล้วนะครับ.......วันนี้เราเขยิบให้เป็นเรื่องใกล้ตัวเข้ามาอีกนิด..คือมารู้จักวิธีอ่านหน้ายางกันบ้าง.......
เมื่อวานผมอธิบายให้เข้าใจไปแล้วว่า เนื้อยางของรถทั่วไปนี้มันมีคอมเปาด์เฉลี่ยอยู่ที่70ดูราเบิ้ล....ยางที่มีราคาแพงและเป็นรุ่นพิเศษก็จะขยับคอมเปาด์-ส่วนผสมที่มีเนื้อยางมากขึ้นไปเรื่อยๆ.......แบบรถแข่งก็จะมีคอมเปาด์อยู่ที่40.......เวลาเอาเครื่องมือจิ้มลงไปที่เนื้อยาง.....เข็มวัดก็จะระบุให้เรารู้ว่ายางรถแข่งในแต่ละคลาส มีการนำยางข้ามสายพันธ์เอามาโกงชาวบ้านหรือไม่-และอย่างไร
ยางมีที่เนื้อนิ่มๆนั้น หากเอาไปใช้ในสนามแข่ง..มันก็จะทำหน้าที่ตามที่ผู้ผลิตต้องการ........แต่เมื่อเราเอามาใช้บนถนนหลวงแล้ว.....อาการสึกของหน้ายางก็จะมากจนกว่าที่เราจะทนทานรับสภาพกับค่าซื้อยางใหม่ไม่ไหว.....ยกตัวอย่างเช่น-ยางแข่งแบบสลิคนั้น ราคาเริ่มต้นเส้นละสอง-สามพันบาท(สำหรับรถขนาด50ซี.ซี.).และเป็นหมื่นบาท เมื่อหน้ายางกว้างมากยิ่งขึ้น...
แต่เมื่อพัฒนาการของตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถมีสูงมากยิ่งขึ้น(ผมไม่ได้บอกว่าวิวัฒนาการของรถแข่งหรือรถสปอร์ตนะครับ-รถที่ผลิตมาขายในท้องตลาดนั้นคือการนำเอาชิ้นส่วนเพียงบางชิ้นของรถแข่งมาโปรโมทในใบโบรชัวขายรถเท่านั้นเอง-แต่ให้เทคนิคมาไม่ถึงครึ่งของขีดความสามารถจริงๆที่ชิ้นส่วนนั้นๆสามารถทำได้)