" โปรโมชั่น สุดสัปดาห์นี้ ท่านจะได้พบสินค้า ซื้อ 1 แถม 1 "
นี่คือ เสียงประกาศ โฆษณา จากที่ได้ยินอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์
หนังสือพิมพ์ หรือ โบร์ชัวร์ ต่างๆ ซึ่งแน่นอน เมื่อผู้บริโภคอย่างเรา
ได้ยิน ก็ต้อง ร้อง ว๊าว มันถูกมากเลย จนบางครั้ง ผู้บริโภคอย่างเราขาดการศึกษาราคาที่แท้จริง
ของสินค้าชิ้นนั้นๆ ว่า ราคาที่มันขายกันจริงๆ มันราคาเท่าไหร่กันแน่
ยกตัวอย่าง
กรณีที่ 1 สินค้า ก. ราคาปกติ ขายชิ้นละ ประมาณ 151 บาท
เมื่อมีโปรโมชั่น ลดราคา ราคาก็จะลดลงไปอยู่ประมาณ 99 -129 บาท
แต่ เมื่อมีโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 สินค้าดังกล่าวจะถูกแพ็คเป็นคู่ พร้อมติดสติ๊กเกอร์ ซื้อ 1 แถม 1
แต่กลับขายในราคา 189 บาท ( ตกเฉลี่ย ชิ้นละ 94.50 บาท )
ผู้บริโภคมองว่า เห้ย มันถูกนี่หว่า แต่ถ้าเทียบกับ โปรโมชั่นลดราคา ที่เคยลดราคาลงไปเหลือ ชิ้นละ 99 บาท
ทำไม สินค้าชนิดเดียวกัน ณ ตอนนั้น กลับไม่เห็นมีใครมาสนใจ พอมาเป็น 1 แถม 1 คนกลับมาสนใจ ทั้งๆที่ราคาไม่ได้ถูกลงเวอร์
( โปรโมชั่น ลดราคา เหลือ 99 บาท
โปรโมชั่น 1 แถม 1 เหลือ 94.50 บาท )
สำหรับสินค้าที่เป็นแพ็คคู่ แล้วติดสติ๊กเกอร์ เราไม่สามารถแก้เผ็ดหรือเอาคืนห้างสรรพสินค้าได้ เราต้องทำใจยอมรับสินค้าไปทั้ง 2 ชิ้น
แต่ แต่ ถ้าเป็น กรณีที่ 2 สินค้าโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 เป็นการระบุว่า หยิบสินค้า ณ จุดขาย
( นั่นหมายความว่า เราต้องหยิบสินค้า ไป 2 ชิ้น ยิง barcode เข้าไปในระบบ แล้วในระบบจะคิดเงินเพียง 1 ชิ้น )
วิธีนี้เราสามารถแก้เผ็ดหรือเอาคืนห้างสรรพสินค้าได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บางห้าง มีการโปรโมท ว่า รับประกันสินค้า สามารถคืนได้ภายใน 7 วัน หรือ 30 วัน
ผมแนะนำ ดังนี้
ให้ท่าน นำสินค้าไปคืน เพียง 1 ชิ้น โดยระบุว่า ไม่พอใจในสินค้า / ใช้สินค้าแล้วไม่ดี
ซึ่งทางห้าง จะคืนเงินมาให้เราในจำนวนถัวเฉลี่ย นั่นคือ 94.50 บาท
ดังนั้น เราก็จะได้สินค้าในราคา 1 ชิ้น ที่ 94.50 บาท โดยที่เราไม่จำเป็นต้องรับภาระของสินค้าไปทั้ง 2 ชิ้น
บางครั้งผู้บริโภค ก็ลืมคำนึงไปว่า สินค้าถ้าเราซื้อไป 2 ชิ้น เราจะใช้ทันกับอายุสินค้านั้นหรือไม่
ยกตัวอย่างเช่น โฟมล้างหน้า บางครั้ง 1 หลอด ใช้ได้ยาวนานกว่าจะหมด 3-6 เดือน
แต่สินค้านั้น ผลิตมาตั้งแต่ปีที่แล้ว หรือผลิตมาแล้ว 15-18 เดือน โดยไม่ได้สนใจวันเดือนปี ผลิตของสินค้า
กว่าจะได้ใช้สินค้าหลอดที่ 2 บางที สินค้าก็ผ่านไปแล้ว 2 ปี ถึง 2 ปี ครึ่ง
แน่นอน คุณภาพของสินค้า มันต้องลดลงไปมาก อาจจะทำให้ผิวเราแพ้ หรือ เสียได้
ต้องเสียเงินมารักษาโดยใช่เหตุอีกหรือ?
ดังนั้น การจะซื้อสินค้า โปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 เราต้องพิจารณาดังนี้
1. ราคาสินค้าที่จัดโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 มันเป็นราคาที่สูงกว่า หรือ สูงผิดปกติ หรือไม่
2. ดูวันเดือนปี ผลิต หรือ วันเดือนปี หมดอายุ ให้ดีๆ เพราะสินค้าโปรโมชั่น บางครั้งจะเป็นสินค้าคงค้างเก่า หรือ ตกรุ่นแล้ว
3. เป็นสินค้าที่เคยใช้หรือไม่ เพราะถ้าไม่เคยใช้ บางครั้งชิ้นที่ 2 เราก็อาจจะไม่ได้ใช้ เพราะอาจจะไม่ดีต่อตัวเราเอง
4. คำนึงว่า หากเราต้องหยิบสินค้าไป 2 ชิ้น เราจะใช้ทันอายุสินค้านั้นหรือไม่ หรือ อายุสินค้าจะนานเกินไปหรือไม่
นี่ก็เป็นบทความดีๆ ที่ผมมาแนะนำให้ชาวพันทิป
ต้องปรับตัวเข้ากับยุคสินค้าที่มีราคาแพง
สินค้า ซื้อ 1 แถม 1 ราคาจริงใจ หรือ ไก่กา ?
นี่คือ เสียงประกาศ โฆษณา จากที่ได้ยินอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์
หนังสือพิมพ์ หรือ โบร์ชัวร์ ต่างๆ ซึ่งแน่นอน เมื่อผู้บริโภคอย่างเรา
ได้ยิน ก็ต้อง ร้อง ว๊าว มันถูกมากเลย จนบางครั้ง ผู้บริโภคอย่างเราขาดการศึกษาราคาที่แท้จริง
ของสินค้าชิ้นนั้นๆ ว่า ราคาที่มันขายกันจริงๆ มันราคาเท่าไหร่กันแน่
ยกตัวอย่าง
กรณีที่ 1 สินค้า ก. ราคาปกติ ขายชิ้นละ ประมาณ 151 บาท
เมื่อมีโปรโมชั่น ลดราคา ราคาก็จะลดลงไปอยู่ประมาณ 99 -129 บาท
แต่ เมื่อมีโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 สินค้าดังกล่าวจะถูกแพ็คเป็นคู่ พร้อมติดสติ๊กเกอร์ ซื้อ 1 แถม 1
แต่กลับขายในราคา 189 บาท ( ตกเฉลี่ย ชิ้นละ 94.50 บาท )
ผู้บริโภคมองว่า เห้ย มันถูกนี่หว่า แต่ถ้าเทียบกับ โปรโมชั่นลดราคา ที่เคยลดราคาลงไปเหลือ ชิ้นละ 99 บาท
ทำไม สินค้าชนิดเดียวกัน ณ ตอนนั้น กลับไม่เห็นมีใครมาสนใจ พอมาเป็น 1 แถม 1 คนกลับมาสนใจ ทั้งๆที่ราคาไม่ได้ถูกลงเวอร์
( โปรโมชั่น ลดราคา เหลือ 99 บาท
โปรโมชั่น 1 แถม 1 เหลือ 94.50 บาท )
สำหรับสินค้าที่เป็นแพ็คคู่ แล้วติดสติ๊กเกอร์ เราไม่สามารถแก้เผ็ดหรือเอาคืนห้างสรรพสินค้าได้ เราต้องทำใจยอมรับสินค้าไปทั้ง 2 ชิ้น
แต่ แต่ ถ้าเป็น กรณีที่ 2 สินค้าโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 เป็นการระบุว่า หยิบสินค้า ณ จุดขาย
( นั่นหมายความว่า เราต้องหยิบสินค้า ไป 2 ชิ้น ยิง barcode เข้าไปในระบบ แล้วในระบบจะคิดเงินเพียง 1 ชิ้น )
วิธีนี้เราสามารถแก้เผ็ดหรือเอาคืนห้างสรรพสินค้าได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บางห้าง มีการโปรโมท ว่า รับประกันสินค้า สามารถคืนได้ภายใน 7 วัน หรือ 30 วัน
ผมแนะนำ ดังนี้
ให้ท่าน นำสินค้าไปคืน เพียง 1 ชิ้น โดยระบุว่า ไม่พอใจในสินค้า / ใช้สินค้าแล้วไม่ดี
ซึ่งทางห้าง จะคืนเงินมาให้เราในจำนวนถัวเฉลี่ย นั่นคือ 94.50 บาท
ดังนั้น เราก็จะได้สินค้าในราคา 1 ชิ้น ที่ 94.50 บาท โดยที่เราไม่จำเป็นต้องรับภาระของสินค้าไปทั้ง 2 ชิ้น
บางครั้งผู้บริโภค ก็ลืมคำนึงไปว่า สินค้าถ้าเราซื้อไป 2 ชิ้น เราจะใช้ทันกับอายุสินค้านั้นหรือไม่
ยกตัวอย่างเช่น โฟมล้างหน้า บางครั้ง 1 หลอด ใช้ได้ยาวนานกว่าจะหมด 3-6 เดือน
แต่สินค้านั้น ผลิตมาตั้งแต่ปีที่แล้ว หรือผลิตมาแล้ว 15-18 เดือน โดยไม่ได้สนใจวันเดือนปี ผลิตของสินค้า
กว่าจะได้ใช้สินค้าหลอดที่ 2 บางที สินค้าก็ผ่านไปแล้ว 2 ปี ถึง 2 ปี ครึ่ง
แน่นอน คุณภาพของสินค้า มันต้องลดลงไปมาก อาจจะทำให้ผิวเราแพ้ หรือ เสียได้
ต้องเสียเงินมารักษาโดยใช่เหตุอีกหรือ?
ดังนั้น การจะซื้อสินค้า โปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 เราต้องพิจารณาดังนี้
1. ราคาสินค้าที่จัดโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 มันเป็นราคาที่สูงกว่า หรือ สูงผิดปกติ หรือไม่
2. ดูวันเดือนปี ผลิต หรือ วันเดือนปี หมดอายุ ให้ดีๆ เพราะสินค้าโปรโมชั่น บางครั้งจะเป็นสินค้าคงค้างเก่า หรือ ตกรุ่นแล้ว
3. เป็นสินค้าที่เคยใช้หรือไม่ เพราะถ้าไม่เคยใช้ บางครั้งชิ้นที่ 2 เราก็อาจจะไม่ได้ใช้ เพราะอาจจะไม่ดีต่อตัวเราเอง
4. คำนึงว่า หากเราต้องหยิบสินค้าไป 2 ชิ้น เราจะใช้ทันอายุสินค้านั้นหรือไม่ หรือ อายุสินค้าจะนานเกินไปหรือไม่
นี่ก็เป็นบทความดีๆ ที่ผมมาแนะนำให้ชาวพันทิป
ต้องปรับตัวเข้ากับยุคสินค้าที่มีราคาแพง