“จีนทำ ไทยใช้ จีนเจริญ” อัดฉีดเท่าไหร่...เงินก็ไหลออกหมด | Money Buffalo
ช่วงนี้ใครก็พูดว่า “เศรษฐกิจน่าจะกลับมาคึกคักแล้วแหละ” ก็แหม...รัฐบาลเตรียมปล่อยของกันเต็มที่
อย่าง คนละครึ่งพลัส ที่ใช้งบประมาณกว่า 40,000 ล้าน หรือแม้กระทั่งเที่ยวดีมีคืน เรียกได้ว่า “อัดยาแรง” กันสุด ๆ
แต่พี่ทุยอยากชวนดูอีกมุมหนึ่งที่คนอาจยังไม่ทันสังเกต...คือจริง ๆ แล้วเงินที่อัดลงไปในระบบเนี่ย มันถึงภาคการผลิตจริงมั้ย ?
เพราะพี่ทุยไปเจอตัวเลขจาก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มา บอกเลยว่า...พอเห็นแล้วต้องขยี้ตารัว ๆ
ตั้งแต่ปี 2021 – 2024 หรือพูดง่ายว่า หลังโควิด
- การบริโภคสินค้าโตเฉลี่ย +3.7% ต่อไตรมาส
- แต่ GDP ภาคการผลิตในประเทศโตแค่ +0.25% เท่านั้น
หลายคนอาจสงสัยว่า “เอ๊ะ แล้วมันแปลว่าอะไร ?” พี่ทุยจะบอกแบบนี้เลยครับ ตัวเลขสองตัวนี้มันควรจะ เดินไปทางเดียวกันนะ เพราะปกติ ถ้าคนซื้อของเยอะ โรงงานก็ต้องผลิตเพิ่มสิ ถูกมั้ย ? แต่พอดูตอนนี้...สองตัวมัน เริ่มโตไม่เท่ากันอย่างชัดเจน แล้วครับ
ทั้งที่ก่อนโควิด การบริโภคกับการผลิตขึ้นลงพร้อมกัน แต่หลังโควิด เส้นทั้งสอง “แยกทางกันไปคนละทาง”
พูดง่าย ๆ ก็คือ... “คนไทยซื้อของเยอะขึ้น แต่ของที่ซื้อมันไม่ได้ผลิตในไทย”
📌แล้วเงินที่เราใช้จ่ายมันไหลไปไหนล่ะ ?
ข้อสันนิษฐานที่พี่ทุยคิดว่าเป็นไปได้มากที่สุดในตอนนี้ ก็น่าจะมาจากสินค้าจีนที่ทะลักเข้าไทย เพราะทุกวันนี้ สินค้าที่อยู่รอบตัวเรากว่าครึ่งมีที่มาจาก “จีน” ไม่ว่าจะเป็นมือถือ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า หรือแม้แต่ของตกแต่งบ้าน เรียกได้ว่า “ทุกบาทที่เราจ่ายซื้อของ ส่วนหนึ่งกำลังไหลออกนอกประเทศ”
ข้อมูลล่าสุดระบุว่าครึ่งปี 2568 มานี้ ไทย นำเข้าสินค้าจากจีนกว่า 1.63 ล้านล้านบาท แต่ส่งออกกลับไปจีนเพียง 690,000 ล้านบาท ขาดดุลการค้ากับจีนกว่า 9.4 แสนล้านบาท ในแค่ 6 เดือนแรกของปี 2568 เท่านั้น ! เรียกได้ว่าขาดดุลมากกว่าปีก่อนถึง 30% เรียกได้ว่า เป็น New High แบบไม่ต้องลุ้นเลยครับ
สรุปคือ...เงินที่เราบริโภคในประเทศแทนที่จะกระตุ้นผู้ผลิตในไทย กลับ “ไปกระตุ้นผู้ผลิตจีน” ซะมากกว่า
📌 ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ?
1.โครงสร้างอุตสาหกรรมไทยพึ่งพาจีนมากเกินไป
ทุกวันนี้เวลาโรงงานไทยจะผลิตอะไรสักอย่าง ตั้งแต่มือถือ พัดลม ไปจนถึงชิ้นส่วนรถยนต์ ส่วนใหญ่ต้อง “สั่งวัตถุดิบหรือเครื่องจักรจากจีน” ทั้งนั้นครับ จีนกลายเป็นแหล่งซัพพลายหลักของแทบทุกอุตสาหกรรมในบ้านเรา
พอคนไทยใช้เงินเยอะขึ้น โรงงานก็ต้องเพิ่มการผลิต แต่แทนที่รายได้จะหมุนกลับมาในประเทศ กลับกลายเป็นว่าต้อง นำเข้าชิ้นส่วนเพิ่มจากจีน เม็ดเงินเลยไหลออกไปก่อนจะถึงมือผู้ผลิตไทยจริง ๆ
2. สินค้าจีนทะลักตลาดไทย
หลังโควิด จีนผลิตของล้นตลาด เพราะกำลังการผลิตเขาใหญ่ระดับโลก ของที่ทำไม่ทันขายในประเทศ ก็ต้องหาที่ลง และหนึ่งในตลาดเป้าหมายก็คือ “ไทย” นี่ล่ะ
นอกจากนี้ ของจีนยังมีราคาถูก และคุณภาพดีขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมต้องเลือกซื้อเพราะถูก ตอนนี้หลายคนซื้อเพราะ “คุ้มกว่า” ด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่ของตกแต่งบ้าน ผลคือ…ผู้บริโภคไทยก็หันไปซื้อของจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ สินค้าที่เคยผลิตในประเทศ ก็เริ่มขายยากขึ้น สุดท้ายเงินที่ควรจะหมุนในระบบไทย กลับไปอยู่ในกระเป๋าผู้ผลิตจีนแทน
3. ไทยเป็นแค่จุด “ประกอบ” ในห่วงโซ่โลก
หลายโรงงานในไทยไม่ได้ผลิตของตั้งแต่ต้นจนจบ แต่รับหน้าที่แค่ “ประกอบ” หรือ “บรรจุภัณฑ์ปลายทาง” ก่อนส่งออกต่อ ฟังดูเหมือนเราผลิตเยอะ แต่จริง ๆ แล้วมูลค่าเพิ่มในประเทศน้อยมาก
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าไทยผลิตโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง อาจจะได้ส่วนแบ่งแค่ 5–10% ของมูลค่าทั้งเครื่องเท่านั้น
เพราะชิ้นส่วนหลัก ๆ มาจากต่างประเทศหมด พอมีคำสั่งซื้อเพิ่ม ก็ใช่ว่าเงินจะเข้ามาเต็ม ๆ เพราะรายได้ส่วนใหญ่ถูกจ่ายให้กับซัพพลายเออร์ต่างชาติอยู่ดีครับ
4. โครงสร้างเศรษฐกิจไทยเอียงไปทาง “บริการ” มากขึ้น
หลังโควิด ภาคบริการกลับมาฟื้นตัวไวสุด ทั้งท่องเที่ยว ร้านอาหาร คาเฟ่ ค้าปลีก หรือเดลิเวอรีต่าง ๆ แต่ปัญหาคือ...ภาคบริการเหล่านี้ “ไม่ได้เชื่อมโยงกับการผลิตมากนัก” เช่น ร้านอาหารอาจใช้ของสดในประเทศ แต่ไม่ได้ทำให้โรงงานต้องผลิตเพิ่มเท่าไร หรือการท่องเที่ยว คนต่างชาติมาใช้เงินก็จริง แต่เงินส่วนใหญ่เข้าภาคบริการ ไม่ได้ไปถึงอุตสาหกรรม พูดง่าย ๆ คือเศรษฐกิจเราตอนนี้ “โตจากการใช้จ่าย” แต่ไม่ได้โตจาก “การสร้างของ” เลยกลายเป็นเศรษฐกิจที่โตบนปลายทาง ไม่ได้โตที่ฐานรากของการผลิต
สุดท้ายนี้…พี่ทุยว่าก็น่าคิดเหมือนกันนะครับว่า การที่ประเทศเรากำลังอัดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้ มันจะกลายเป็นการ “กระตุ้นเศรษฐกิจไทย” จริง ๆ หรือจริง ๆ แล้ว...กำลัง “กระตุ้นการนำเข้าสินค้าจีน” กันแน่ ?
เพราะยิ่งคนมีเงินเหลือมากขึ้น แทนที่จะซื้อของในประเทศ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า...สินค้าจากจีนมันทั้ง ถูก และคุ้มกว่า แบบนี้เงินที่อัดเข้ามาเพื่อหมุนในระบบไทย อาจไหลข้ามประเทศไปหมุนในระบบเศรษฐกิจจีนแทนก็ได้นะครับ…
#MoneyBuffalo #สนุกง่ายได้ประโยชน์ #สินค้าจีน #เศรษฐกิจไทย #คนละครึ่งพลัส #เที่ยวดีมีคืน #เศรษฐกิจจีน
References
-สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
-ธนาคารแห่งประเทศไทย
CR
https://www.facebook.com/share/16x49VmDzD/?mibextid=wwXIfr
จีนทำ 🇨🇳 ไทยใช้ 🇹🇭 จีนเจริญ…. แล้วไทยเราล่ะ???
ช่วงนี้ใครก็พูดว่า “เศรษฐกิจน่าจะกลับมาคึกคักแล้วแหละ” ก็แหม...รัฐบาลเตรียมปล่อยของกันเต็มที่
อย่าง คนละครึ่งพลัส ที่ใช้งบประมาณกว่า 40,000 ล้าน หรือแม้กระทั่งเที่ยวดีมีคืน เรียกได้ว่า “อัดยาแรง” กันสุด ๆ
แต่พี่ทุยอยากชวนดูอีกมุมหนึ่งที่คนอาจยังไม่ทันสังเกต...คือจริง ๆ แล้วเงินที่อัดลงไปในระบบเนี่ย มันถึงภาคการผลิตจริงมั้ย ?
เพราะพี่ทุยไปเจอตัวเลขจาก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มา บอกเลยว่า...พอเห็นแล้วต้องขยี้ตารัว ๆ
ตั้งแต่ปี 2021 – 2024 หรือพูดง่ายว่า หลังโควิด
- การบริโภคสินค้าโตเฉลี่ย +3.7% ต่อไตรมาส
- แต่ GDP ภาคการผลิตในประเทศโตแค่ +0.25% เท่านั้น
หลายคนอาจสงสัยว่า “เอ๊ะ แล้วมันแปลว่าอะไร ?” พี่ทุยจะบอกแบบนี้เลยครับ ตัวเลขสองตัวนี้มันควรจะ เดินไปทางเดียวกันนะ เพราะปกติ ถ้าคนซื้อของเยอะ โรงงานก็ต้องผลิตเพิ่มสิ ถูกมั้ย ? แต่พอดูตอนนี้...สองตัวมัน เริ่มโตไม่เท่ากันอย่างชัดเจน แล้วครับ
ทั้งที่ก่อนโควิด การบริโภคกับการผลิตขึ้นลงพร้อมกัน แต่หลังโควิด เส้นทั้งสอง “แยกทางกันไปคนละทาง”
พูดง่าย ๆ ก็คือ... “คนไทยซื้อของเยอะขึ้น แต่ของที่ซื้อมันไม่ได้ผลิตในไทย”
📌แล้วเงินที่เราใช้จ่ายมันไหลไปไหนล่ะ ?
ข้อสันนิษฐานที่พี่ทุยคิดว่าเป็นไปได้มากที่สุดในตอนนี้ ก็น่าจะมาจากสินค้าจีนที่ทะลักเข้าไทย เพราะทุกวันนี้ สินค้าที่อยู่รอบตัวเรากว่าครึ่งมีที่มาจาก “จีน” ไม่ว่าจะเป็นมือถือ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า หรือแม้แต่ของตกแต่งบ้าน เรียกได้ว่า “ทุกบาทที่เราจ่ายซื้อของ ส่วนหนึ่งกำลังไหลออกนอกประเทศ”
ข้อมูลล่าสุดระบุว่าครึ่งปี 2568 มานี้ ไทย นำเข้าสินค้าจากจีนกว่า 1.63 ล้านล้านบาท แต่ส่งออกกลับไปจีนเพียง 690,000 ล้านบาท ขาดดุลการค้ากับจีนกว่า 9.4 แสนล้านบาท ในแค่ 6 เดือนแรกของปี 2568 เท่านั้น ! เรียกได้ว่าขาดดุลมากกว่าปีก่อนถึง 30% เรียกได้ว่า เป็น New High แบบไม่ต้องลุ้นเลยครับ
สรุปคือ...เงินที่เราบริโภคในประเทศแทนที่จะกระตุ้นผู้ผลิตในไทย กลับ “ไปกระตุ้นผู้ผลิตจีน” ซะมากกว่า
📌 ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ?
1.โครงสร้างอุตสาหกรรมไทยพึ่งพาจีนมากเกินไป
ทุกวันนี้เวลาโรงงานไทยจะผลิตอะไรสักอย่าง ตั้งแต่มือถือ พัดลม ไปจนถึงชิ้นส่วนรถยนต์ ส่วนใหญ่ต้อง “สั่งวัตถุดิบหรือเครื่องจักรจากจีน” ทั้งนั้นครับ จีนกลายเป็นแหล่งซัพพลายหลักของแทบทุกอุตสาหกรรมในบ้านเรา
พอคนไทยใช้เงินเยอะขึ้น โรงงานก็ต้องเพิ่มการผลิต แต่แทนที่รายได้จะหมุนกลับมาในประเทศ กลับกลายเป็นว่าต้อง นำเข้าชิ้นส่วนเพิ่มจากจีน เม็ดเงินเลยไหลออกไปก่อนจะถึงมือผู้ผลิตไทยจริง ๆ
2. สินค้าจีนทะลักตลาดไทย
หลังโควิด จีนผลิตของล้นตลาด เพราะกำลังการผลิตเขาใหญ่ระดับโลก ของที่ทำไม่ทันขายในประเทศ ก็ต้องหาที่ลง และหนึ่งในตลาดเป้าหมายก็คือ “ไทย” นี่ล่ะ
นอกจากนี้ ของจีนยังมีราคาถูก และคุณภาพดีขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมต้องเลือกซื้อเพราะถูก ตอนนี้หลายคนซื้อเพราะ “คุ้มกว่า” ด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่ของตกแต่งบ้าน ผลคือ…ผู้บริโภคไทยก็หันไปซื้อของจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ สินค้าที่เคยผลิตในประเทศ ก็เริ่มขายยากขึ้น สุดท้ายเงินที่ควรจะหมุนในระบบไทย กลับไปอยู่ในกระเป๋าผู้ผลิตจีนแทน
3. ไทยเป็นแค่จุด “ประกอบ” ในห่วงโซ่โลก
หลายโรงงานในไทยไม่ได้ผลิตของตั้งแต่ต้นจนจบ แต่รับหน้าที่แค่ “ประกอบ” หรือ “บรรจุภัณฑ์ปลายทาง” ก่อนส่งออกต่อ ฟังดูเหมือนเราผลิตเยอะ แต่จริง ๆ แล้วมูลค่าเพิ่มในประเทศน้อยมาก
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าไทยผลิตโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง อาจจะได้ส่วนแบ่งแค่ 5–10% ของมูลค่าทั้งเครื่องเท่านั้น
เพราะชิ้นส่วนหลัก ๆ มาจากต่างประเทศหมด พอมีคำสั่งซื้อเพิ่ม ก็ใช่ว่าเงินจะเข้ามาเต็ม ๆ เพราะรายได้ส่วนใหญ่ถูกจ่ายให้กับซัพพลายเออร์ต่างชาติอยู่ดีครับ
4. โครงสร้างเศรษฐกิจไทยเอียงไปทาง “บริการ” มากขึ้น
หลังโควิด ภาคบริการกลับมาฟื้นตัวไวสุด ทั้งท่องเที่ยว ร้านอาหาร คาเฟ่ ค้าปลีก หรือเดลิเวอรีต่าง ๆ แต่ปัญหาคือ...ภาคบริการเหล่านี้ “ไม่ได้เชื่อมโยงกับการผลิตมากนัก” เช่น ร้านอาหารอาจใช้ของสดในประเทศ แต่ไม่ได้ทำให้โรงงานต้องผลิตเพิ่มเท่าไร หรือการท่องเที่ยว คนต่างชาติมาใช้เงินก็จริง แต่เงินส่วนใหญ่เข้าภาคบริการ ไม่ได้ไปถึงอุตสาหกรรม พูดง่าย ๆ คือเศรษฐกิจเราตอนนี้ “โตจากการใช้จ่าย” แต่ไม่ได้โตจาก “การสร้างของ” เลยกลายเป็นเศรษฐกิจที่โตบนปลายทาง ไม่ได้โตที่ฐานรากของการผลิต
สุดท้ายนี้…พี่ทุยว่าก็น่าคิดเหมือนกันนะครับว่า การที่ประเทศเรากำลังอัดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้ มันจะกลายเป็นการ “กระตุ้นเศรษฐกิจไทย” จริง ๆ หรือจริง ๆ แล้ว...กำลัง “กระตุ้นการนำเข้าสินค้าจีน” กันแน่ ?
เพราะยิ่งคนมีเงินเหลือมากขึ้น แทนที่จะซื้อของในประเทศ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า...สินค้าจากจีนมันทั้ง ถูก และคุ้มกว่า แบบนี้เงินที่อัดเข้ามาเพื่อหมุนในระบบไทย อาจไหลข้ามประเทศไปหมุนในระบบเศรษฐกิจจีนแทนก็ได้นะครับ…
#MoneyBuffalo #สนุกง่ายได้ประโยชน์ #สินค้าจีน #เศรษฐกิจไทย #คนละครึ่งพลัส #เที่ยวดีมีคืน #เศรษฐกิจจีน
References
-สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
-ธนาคารแห่งประเทศไทย
CR https://www.facebook.com/share/16x49VmDzD/?mibextid=wwXIfr