นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนเยือนประเทศไทย สำหรับมุมมองของผมนะครับ
เรื่องนี้ไม่เกินความคาดหมายสำหรับนักวิเคราะห์เท่าใดนัก เหตุก็ไม่มีอะไรมาก สืบเนื่องจากบารัคงดเยือนร่วมงานAPEC
ทั่วโลกนั้นกำลังจับตามองอย่างไม่กระพริบ ว่าจะนำนโยบายอะไรมานำเสนอแก่เอเชียบ้าง ดังทุกท่านทราบจากข่าวแล้วนั้น
จีนนั้น ต้องบอกว่าประสบความสำเร็จหลายต่อหลายเรื่อง โดยเฉพาะนโยบายทางการเศรษฐกิจ แต่หมวดการเงินยังไม่โดดเด่น ณ ขณะนี้
และสิ่งที่จีนดำเนินนโยบายผ่านผู้นำทุกยุค ทุกสมัย ล้วนแล้วแต่ อภิมหาโครงการแทบทั้งสิ้น เรียกว่า พลิกแผ่นดินของจีนก็ว่าได้
อีกทั้งสะเทือนไปถึงฝั่งอเมริกา และยุโรป จีนนั้นใช้ระบบเศรษฐกิจนำการเมือง มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และต้องการผงาดเป็นเบอร์หนึ่งให้ได้
จนวันนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
คราวนี้เราลองมาดูซิว่า แล้วการเยือนของนายหลี่ ต่อเมืองไทย มีประเด็นอะไรบ้างที่น่าจะติดตาม ประการแรก หนีไม่พ้นเรื่อง
จีนต้องการข้อสรุปแน่ๆ เรื่องการลงทุนเช่น infrastructure ของไทยในโครงการที่ต้องใช้เงินลงทุนมากๆ มองเผินๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่อย่าลืมว่า ถ้าจีนได้โครงการนี้ รับรองว่า ไทยอาจเสียพันธมิตรเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน อันนี้ผมคาดการณ์เองนะครับ เหตุเพราะ
โครงการใหญ่ๆ มักต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร และเรื่องการเจรจา ผมเชื่อได้ว่า ไทยไม่มีวันได้เปรียบในแง่ อำนาจการต่อรอง
เช่นเรื่องอะไรบ้าง ก็เรื่องรถไฟ....
เรื่องการเจรจา เราๆก็ทราบๆกันดีอยู่แล้วว่า เกิดขึ้นในรัฐบาลสมัยใด แต่ไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่านั้นเอง ก็ไม่ว่ากันนะ
พอถึงรัฐบาลนี้ ครั้งแรกที่รัฐบาลต้องการสร้างรถไฟฯ แน่นอนว่าไม่ใช่การเจรจากับจีน แม้กระแสข่าวจะออกมาว่า เสียเปรียบมากไปก็ตาม
แล้วประเทศใดหล่ะที่รัฐบาลนี้ต้องการ ไม่พ้นญี่ปุ่นแน่นอน........
ผมในฐานะประชาชนผู้เสียภาษี...ตอบตรงๆ ถ้าโครงการนี้เกิดขึ้นจริง แล้วต้องเลือกหรือมีโอกาสเลือก ขอเลือก"ญี่ปุ่นหรือประเทศในยุโรป"
ด้วยเหตุผล เรื่องสมรถภาพและความปลอดภัยนั่นเอง แม้จะใช้เงินมากหน่อย แต่ความคุ้มค่าต่อความปลอดภัยถือว่าได้มาตรฐานโลก
อ้าว...จีนก็ได้มาตรฐานเช่นกัน...อันนี้ก็ไม่เถียง....แต่ถ้าระบบคอรัปชั่นในไทยมีมากกว่า 40% ก็คงทำให้เชื่อได้ยากนะ
ผมไม่รู้ว่านายหลี่ กะนายกฯเจรจา แล้ว
ผลสรุปออกมาเป็นอย่างไรกันแน่ ตามข่าวก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจน หรือฟันธงไปได้
แต่ลึกๆ ผมคิดไม่ผิดว่า นายกฯ คงกำลังลำบากใจอย่างแน่นอน เพราะอเมริกา อาจลุกขึ้นมาตั้งข้อสังเกตได้ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
เว้นแต่นายกฯไทย ไม่ประสีเท่านั้น
นายกฯไทยปัจจุบัน ถือว่าไม่มีความรอบรู้ หรือกลยุทธ์แบบมหภาค ผมเชื่อสนิทใจว่า คนที่อยู่เบื้องหลังต้องเป็นผู้มีอิทธิสูง และรู้เขารู้เรา
เป็นอย่างดี สมมติว่า....ไทยเลือกเอาจีนเพื่อการลงทุนรถไฟเมื่อ(พ.ร.บ.ผ่านสภาเป็นที่เรียบร้อย) คำถามต่อมาก็คือ
แล้วไทยจะทำอย่างไรหล่ะ เช่นนักลงทุนรายใหญ่อย่างญี่ปุ่น อย่าลืมนะครับว่า ตอนนี้เป้าการลงทุน มิใช่ไทยเสียแล้ว 5555
ก็อยากฝากไปว่า....การตัดสินใจอะไร...ต้องให้สมดุล เอียงไม่ได้เด็ดขาด...ไม่งั้นจะเข้าตำรา
"ขว้างงู ไม่พ้นคอ" นะขอรับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
cr: แต่งเองนะเฟ้ย ไอ้คุณโบกกรัก อิอิอิ
ไม่มีคำหยาบอีกต่างหาก ยกให้เพราะวันนี้เป็นวันพระ สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆ
คุณเชื่อหรือไม่ว่า.........ไทยอาจรับเอาโครงการรถไฟฟ้าฯ....ของจีนมาดำเนินการในอนาคต?
เรื่องนี้ไม่เกินความคาดหมายสำหรับนักวิเคราะห์เท่าใดนัก เหตุก็ไม่มีอะไรมาก สืบเนื่องจากบารัคงดเยือนร่วมงานAPEC
ทั่วโลกนั้นกำลังจับตามองอย่างไม่กระพริบ ว่าจะนำนโยบายอะไรมานำเสนอแก่เอเชียบ้าง ดังทุกท่านทราบจากข่าวแล้วนั้น
จีนนั้น ต้องบอกว่าประสบความสำเร็จหลายต่อหลายเรื่อง โดยเฉพาะนโยบายทางการเศรษฐกิจ แต่หมวดการเงินยังไม่โดดเด่น ณ ขณะนี้
และสิ่งที่จีนดำเนินนโยบายผ่านผู้นำทุกยุค ทุกสมัย ล้วนแล้วแต่ อภิมหาโครงการแทบทั้งสิ้น เรียกว่า พลิกแผ่นดินของจีนก็ว่าได้
อีกทั้งสะเทือนไปถึงฝั่งอเมริกา และยุโรป จีนนั้นใช้ระบบเศรษฐกิจนำการเมือง มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และต้องการผงาดเป็นเบอร์หนึ่งให้ได้
จนวันนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
คราวนี้เราลองมาดูซิว่า แล้วการเยือนของนายหลี่ ต่อเมืองไทย มีประเด็นอะไรบ้างที่น่าจะติดตาม ประการแรก หนีไม่พ้นเรื่อง
จีนต้องการข้อสรุปแน่ๆ เรื่องการลงทุนเช่น infrastructure ของไทยในโครงการที่ต้องใช้เงินลงทุนมากๆ มองเผินๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่อย่าลืมว่า ถ้าจีนได้โครงการนี้ รับรองว่า ไทยอาจเสียพันธมิตรเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน อันนี้ผมคาดการณ์เองนะครับ เหตุเพราะ
โครงการใหญ่ๆ มักต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร และเรื่องการเจรจา ผมเชื่อได้ว่า ไทยไม่มีวันได้เปรียบในแง่ อำนาจการต่อรอง
เช่นเรื่องอะไรบ้าง ก็เรื่องรถไฟ....
เรื่องการเจรจา เราๆก็ทราบๆกันดีอยู่แล้วว่า เกิดขึ้นในรัฐบาลสมัยใด แต่ไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่านั้นเอง ก็ไม่ว่ากันนะ
พอถึงรัฐบาลนี้ ครั้งแรกที่รัฐบาลต้องการสร้างรถไฟฯ แน่นอนว่าไม่ใช่การเจรจากับจีน แม้กระแสข่าวจะออกมาว่า เสียเปรียบมากไปก็ตาม
แล้วประเทศใดหล่ะที่รัฐบาลนี้ต้องการ ไม่พ้นญี่ปุ่นแน่นอน........
ผมในฐานะประชาชนผู้เสียภาษี...ตอบตรงๆ ถ้าโครงการนี้เกิดขึ้นจริง แล้วต้องเลือกหรือมีโอกาสเลือก ขอเลือก"ญี่ปุ่นหรือประเทศในยุโรป"
ด้วยเหตุผล เรื่องสมรถภาพและความปลอดภัยนั่นเอง แม้จะใช้เงินมากหน่อย แต่ความคุ้มค่าต่อความปลอดภัยถือว่าได้มาตรฐานโลก
อ้าว...จีนก็ได้มาตรฐานเช่นกัน...อันนี้ก็ไม่เถียง....แต่ถ้าระบบคอรัปชั่นในไทยมีมากกว่า 40% ก็คงทำให้เชื่อได้ยากนะ
ผมไม่รู้ว่านายหลี่ กะนายกฯเจรจา แล้วผลสรุปออกมาเป็นอย่างไรกันแน่ ตามข่าวก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจน หรือฟันธงไปได้
แต่ลึกๆ ผมคิดไม่ผิดว่า นายกฯ คงกำลังลำบากใจอย่างแน่นอน เพราะอเมริกา อาจลุกขึ้นมาตั้งข้อสังเกตได้ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
เว้นแต่นายกฯไทย ไม่ประสีเท่านั้น
นายกฯไทยปัจจุบัน ถือว่าไม่มีความรอบรู้ หรือกลยุทธ์แบบมหภาค ผมเชื่อสนิทใจว่า คนที่อยู่เบื้องหลังต้องเป็นผู้มีอิทธิสูง และรู้เขารู้เรา
เป็นอย่างดี สมมติว่า....ไทยเลือกเอาจีนเพื่อการลงทุนรถไฟเมื่อ(พ.ร.บ.ผ่านสภาเป็นที่เรียบร้อย) คำถามต่อมาก็คือ
แล้วไทยจะทำอย่างไรหล่ะ เช่นนักลงทุนรายใหญ่อย่างญี่ปุ่น อย่าลืมนะครับว่า ตอนนี้เป้าการลงทุน มิใช่ไทยเสียแล้ว 5555
ก็อยากฝากไปว่า....การตัดสินใจอะไร...ต้องให้สมดุล เอียงไม่ได้เด็ดขาด...ไม่งั้นจะเข้าตำรา
"ขว้างงู ไม่พ้นคอ" นะขอรับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
cr: แต่งเองนะเฟ้ย ไอ้คุณโบกกรัก อิอิอิ
ไม่มีคำหยาบอีกต่างหาก ยกให้เพราะวันนี้เป็นวันพระ สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆ