หุ้นไทยขึ้นในช่วงที่นายกจีนเยือนไทยพร้อมกับข่าวขายข้าวจำนวนมหาศาล และ โครงการลงทุนรถไฟจากจีน

กระทู้คำถาม
วันนี้เจอข่าวนี้ไป  ตัวใครตัวมัน

ที่มา http://www.naewna.com/politic/columnist/9150


เมื่อนายกฯจีนฉีกหน้ารัฐบาลไทยกลางสภาฯ
กาลเวลาล่วงไปแล้วหนึ่งอาทิตย์ แต่คิดว่ายังไม่สายเกินไปที่จะขอคารวะ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้มีความแหลมคมทางการเมือง ที่ฉีกหน้ารัฐบาลแฉความโกหกปลิ้นปล้อนบิดเบือนข้อมูลปกปิดความผิดพลาด
ในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อหน้าสมาชิกรัฐสภาไทยหลายร้อยคน ด้วยคำพูดสั้นๆที่ว่า “ในเวลาห้าปีข้างหน้าประเทศจีนจะนำเข้าข้าวจากประเทศไทยปริมาณ 1 ล้านตัน”

คำพูดสั้นๆ ประโยคนี้ เปิดโปงคำโกหกหลอกลวงของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ชอบกล่าวอ้างว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนตกลงจะซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐจากประเทศไทยครั้งละ 5 ล้านตันบ้าง 1.5 ล้านตันบ้าง ปีกลายทูตจีนเคยปฏิเสธข้อกล่าวอ้างรัฐบาลไทยมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่รู้สึกหลาบจำ ล่าสุดรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์อ้างว่า จีนตกลงซื้อข้าว 1.5 ล้านตัน ถึงแม้สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข่าวว่า จีนปฏิเสธไปแล้วว่า ไม่ได้ตกลงซื้อข้าวกับไทยตามที่กล่าวอ้าง รัฐมนตรีไทยก็ยังยืนยันกระต่ายขาเดียวว่า จีนซื้อ

นายหลี่ เค่อเฉียง คงทนไม่ไหวที่รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชอบอ้างจีนเป็นเครื่องมือในการปิดบังกลบเกลื่อนความผิดพลาดเรื่องนโยบายจำนำข้าว คราวนี้เลยแฉในสภาต่อหน้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสียเลยว่า อีกห้าปีนับจากนี้ ประเทศจีนจะซื้อข้าวจากประเทศไทยแค่ 1 ล้านตัน คือเฉลี่ยแล้วจะซื้อแค่ปีละ 2 แสนตัน แค่นั้นเองไม่ต้องไปคุยโวให้เหม็นน้ำลายอีกแล้ว

เรื่องความผิดพลาดในนโยบายจำนำข้าว นอกจากถูกนายกฯจีนฉีกหน้ากลางสภาแล้วสำนักข่าวต่างประเทศ ฉวยโอกาสที่นายกฯ จีนมาเยือนประเทศไทย รายงานข่าวว่า ตลอดเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมาสาธารณรัฐประชาชนจีนซื้อข้าวเจ้าและข้าวเหนียวจากประเทศไทยปีละ 1.5 ถึง 2 ล้านตันทุกปี แต่หลังจากที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศนโยบายซื้อข้าวทุกเม็ดจากชาวนา จนเป็นเหตุให้ราคาข้าวตกต่ำและรัฐบาลขาดทุนสะสมไปแล้วกว่า 4.46 พันล้านเหรียญสหรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีนลดการนำเข้าข้าวจากไทยลงไปมาก จากปีละหลักล้านตันลงมาเหลือแค่ปีละหลักแสนตัน สาเหตุสำคัญที่ต่างประเทศหันไปซื้อข้าวจากประเทศอื่นมากขึ้น เพราะรัฐบาลรับซื้อข้าวจากชาวนาสูงกว่าราคาในตลาดโลกกว่า 50% นอกจากนั้นแล้ว ข้าวที่รัฐบาลไทยกักตุนไว้ล้นโกดังกว่า 18 ล้านตัน เป็นเวลานาน ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ต่างประเทศไม่มั่นใจในคุณภาพข้าวของไทย

ส่วนที่นางสาวยิ่งลักษณ์ออกมาพูดหลังจากที่คณะของนายกรัฐมนตรีจีนออกเดินทางจากประเทศไทยไปแล้วว่า จีนเปลี่ยนใจมาซื้อข้าวจากไทยเป็นปีละ 1 ล้านตันนั้น สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ของรัฐบาลไทย ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้มีการลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด และไม่สามารถสอบถามความจริงจากฝ่ายจีนได้เพราะรัฐบาลไทยแถลงข่าวหลังจากที่คณะของจีนกลับไปแล้ว

เรื่องที่รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ คุยนักคุยหนาว่ารัฐบาลไทยมีความสัมพันธ์กับจีนอยู่ในระดับแนวหน้าถ้าเทียบกับความสัมพันธ์ที่จีนมีต่อประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรื่องนี้ต้องแบ่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศขึ้นมา 2 ระดับ คือ ระดับประมุขประเทศกับ ระดับรัฐบาล ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ระดับประมุขของรัฐกับจีน ดีกว่าทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ของสถาบันกษัตริย์ไทย ที่มีชาวจีนให้ความเคารพรักเป็นอย่างยิ่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในสิบบุคคลสำคัญทั่วโลกที่ประชาชนชาวจีนเคารพรัก

แต่ถ้ามาว่าถึงความสัมพันธ์ระดับรัฐบาล ที่รัฐบาลจีนมีต่อรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ เมื่อเทียบกับรัฐบาลอื่นๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียน ต้องยอมรับความจริงว่า อยู่ในระดับปลายแถว ถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจนก็ลองหันมาดูการเสริมสร้างความสัมพันธ์โดยการเยือนมิตรประเทศของผู้นำจีนในช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา

อาทิตย์แรกของเดือนตุลาคม 2556 นับเป็นช่วงเวลาที่จีนได้รับชัยชนะทางการเมืองการทูตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่ออเมริกา เพราะพิษสง shut down ประเทศสหรัฐทำให้นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีอเมริกา ต้องยกเลิกการเดินทางมาร่วมประชุมเอเปก ที่เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงยกเลิกการเดินทางเยือนประเทศมาเลเซียและฟิลิปปินส์ด้วย จีนได้ทีฉวยโอกาสรุกทางการเมืองการทูต ส่งผู้นำไปเยือนประเทศต่างๆ แทน

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ให้ความสำคัญต่อประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย โดยการเดินทางไปเยือนสองประเทศนั้นอย่างเป็นทางการด้วยตัวเอง ส่วนประเทศที่มีความสำคัญน้อยลงไป ก็ให้นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง เดินทางไปเยือนบรูไน ประเทศไทย และเวียดนามตามลำดับ

การเดินทางเยือนมิตรประเทศของผู้นำเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง ย่อมมีส่วนสัมพันธ์กับการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ ลองมาดูตัวเลขการค้าการลงทุนของประเทศสมาชิกสมาคมเอเชียตะวันออกที่มีต่อจีน

ประเทศมาเลเซียมีมูลค่าการค้าสองทางกับสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 2555 สูงถึง 94.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีนมีการค้ากับประเทศอินโดนีเซีย ในปี 2555 มูลค่าประมาณ 66.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และล่าสุดเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2556 จีนลงทุนทางด้านพลังงาน อุตสาหกรรม เกษตรกรรม โครงสร้างพื้นฐานขนส่งมวลชนระบอบรางและสถาบันการเงิน การธนาคารในอินโดนีเซียสูงถึง 28.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2555 จีนลงทุนทางด้านเกษตร และอุตสาหกรรมในประเทศพม่า 13.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปีเดียวกันจีนลงทุนในประเทศลาว 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ในขณะที่ตลอดปี 2555 จีนลงทุนในประเทศไทยเพียง 920 ล้านเหรียญสหรัฐ น้อยกว่าการลงทุนในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวหลายร้อยเท่า ส่วนการค้าสองทางระหว่างสาธารณรัฐจีนกับไทยมีมูลค่าทางการค้า 64.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ก็จริง แต่ในจำนวนนี้ไทยเสียดุลการค้าสูงจาก 3,178.75 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2554 มาเสียดุลการค้าเพิ่มเป็น 5,326.1 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2555 เหตุที่ไทยต้องเสียดุลการค้าบักโกรกต่อจีน เป็นเพราะจีนลดการซื้อสินค้าทางเกษตรลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งยางพาราและข้าว

วันนี้ยกตัวเลขสถิติทางการค้าการลงทุนมาให้เห็นกันจะจะ เพราะอยากให้รัฐบาลยุติการบิดเบือนข้อมูล ยอมรับความผิดพลาดทางด้านนโยบายเศรษฐกิจและการเมืองที่มีต่อมหาอำนาจแห่งเอเชียอย่างประเทศจีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดในนโยบายรับจำนำข้าวที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายหลายแสนล้าน ทำลายขบวนการค้าข้าวเสรี ตลอดถึงทำลายวิถีชีวิตของชาวนาในระยะยาว

รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์มักจะใช้จีนเป็นข้ออ้างในความสำเร็จเสมอ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริง ความสัมพันธ์ทางด้านการเมือง การค้าการลงทุนล้มเหลวมาตลอด วันนี้นายกรัฐมนตรีของจีนออกมาฉีกหน้ากลางสภา และมาเปิดเผยตัวเลขแล้วว่า ห้าปีต่อจากนี้ไป จีนจะนำเข้าข้าวจากประเทศไทยเพียงปีละสองแสนตันเท่านั้นจึงอยากเตือนให้รัฐบาลได้สำเหนียกไว้ว่า การที่ตั้งเป้าจะส่งข้าวออกขายต่างประเทศให้ได้ 8 ถึง 10 ล้านตัน ในปี 2557 และ 60% จะขายแบบรัฐต่อรัฐนั้น ให้เตรียมหาชื่อประเทศที่อ้างว่ารับซื้อข้าวไทยไปหลายล้านตันให้ดี เพราะสาธารณรัฐประชาชนจีนเขาประกาศไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า นำเข้าข้าวจากไทยปีละไม่เกิน 2 แสนตัน

เมื่อหมดหนทางแอบอ้างจีน รัฐบาลจะให้ประเทศนครรัฐอิตาลี หรือมอนเตเนโกร รับสมอ้างว่าซื้อข้าวไทยไปบริโภคปีละกี่ร้อยล้านตันก็แล้วแต่สะดวกนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  หุ้น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่