Affordable Care Act คืออะไร?
Affordable Care Act ถูกเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า Obama Care เป็นนโยบายที่ถูกผลักดันโดยประธานาธิปบดีบารัค โอบาม่า ตั้งแต่ปี 2010
ปัจจุบัน รัฐบาลอเมริกาให้ความช่วยเหลือด้านค่ารักษาพยาบาลแก่คน 3 กลุ่มได้แก่
1. คนชรา (อายุ > 60 ปีขึ้นไป) ได้รับสิทธิประโยชน์ที่เรียกว่า Medicare
2. ผู้ที่มีรายได้น้อยกว่าเกณฑ์ ได้รับสิทธิประโยชน์ที่เรียกว่า Mecicaid
3. ข้าราชการบางกลุ่ม เช่น ทหาร ทหารผ่านศึก (รวมถึงคนผ่านกม. อย่าง สส. สว. ด้วยนะ)
จริงๆ แนวคิดรัฐสวัสดิการ และการประกันสุขภาพนั้นถูกผลัดดันมาตั้งแต่ยุคของ ประธานาธิบดีลินดอน จอห์นสัน ซึ่งถือว่ามีอำนาจทางการเมืองสูงที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์หลังได้รับคะแนนเสียงล้นหลามในการเลือกตั้งประธานาธิปบดี แต่ความพยายามในช่วง 40 ปีที่ผ่านมานั้นกลับล้มเหลวเพราะถูกฝั่งรีพับลิกันตีกลับในเรื่องต้นทุนอันมหาศาลหากผ่านการบริหารจัดการสุขภาพ มันก็จริงนะ แต่มันมีประเด็นมากกว่านั้นครับ อ่านต่อๆ
การปฏิรูประบบประกันสุขภาพโดยผ่านกฎหมาย Affordable Care Act เป็นความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพและความครอบคลุมให้กับเมดิแคร์ (Medicare) โครงการประกันสุขภาพสำหรับผู้ที่มีอายุ > 65 ปี และคนพิการ รวมทั้งเพิ่มเติมสิทธิและประโยชน์ของคนกลุ่มอื่นให้ได้
ปัญหาหลักคือ อเมริกายังไม่มีกฎหมายบังคับให้บริษัทประกันต้องคุ้มครองผู้ซื้อประกัน ซึ่งทำให้บริษัทสามารถปฏิเสธการจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ ทำให้แม้ว่าผู้ซื้อจะจะซื้อประกันไปแล้ว ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะชวดเงินคุ้มครองนะครับ โอบาม่า อยากแก้ปัญหาตรงนี้ (หวังดี ว่างั้นเถอะ)
“Obama Care” ต้องการขยายระบบประกันสุขภาพ ให้ครอบคลุมชาวอเมริกัน 33 ล้านคน ที่ยังไม่มีประกันสุขภาพ โดยรัฐจะมีเงินสนับสนุน แก่บุคคลที่มีรายได้น้อย ที่ไม่สามารถซื้อประกันได้ส่วนหนึ่ง และทีเด็ดคือ มีข้อบังคับห้ามบริษัทประกันภัยเบี้ยวลูกค้าที่มีปัญหาสุขภาพ รวมทั้งเพิ่มโทษปรับเงินเยอะๆแก่บริษัทขนาดใหญ่ที่ไม่ซื้อประกันให้พนักงาน
จะเห็นว่า หากกฏหมายนี้ผ่าน จะถือเป็นการปฏิรูประบบสาธารณสุขของสหรัฐครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปีเลย ดีกับคนชนชั้นล่าง และชนชั้นกลาง แต่... คุณก็เห็นแล้วว่า มีผู้ที่เสียประโยชน์เต็มๆ ก็คือ บริษัทประกันภัย ที่ชิ่งลูกค้าไม่ได้แล้ว ดังนั้น ความขัดแย้งในสภาที่เราเห้นกันอยู่ตอนนี้ นี้ มันเป็นเรื่องของ "ผลประโยชน์" ชัดๆ
เป็นรัฐสวัสดิการ จริงๆก็มีความเสี่ยง อย่างที่เราเห็นประเทศในกลุ่ม PIIGS นะครับ หนี้บาน อเมริกาก็บานอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่ รีพับลิกันก จะใช้ Affordable Care Act เป็นเครื่องต่อรอง ให้โอบาม่าล้มเลิกความตั้งใจซะ ถ้าอยากผ่านเพดานหนี้ (Debt Ceiling) ในวันที่ 17 ต.ค. ที่จะถึง
... นั้นไงมันเรื่องของการต่อรอง เพื่อผลประโยชน์อีกละ
แถม Affordable Care Act ฉบับนี้ยังบังคับให้บริษัทห้างร้านต่างๆ ที่มีพนักงานอย่างน้อย 50 คนจะต้องซื้อประกันสุขภาพให้กับพนักงานทุกรายที่ทำงานอย่างน้อย 30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งฝั่งรีพลับบริกัน ก็บอกว่า คนอเมริกันในปัจจุบันได้งานใหม่เป็นพนักงานประจำแบบเต็มเวลา (Full Time) คิดเป็นสัดส่วนเพียง 35% ของตำแหน่งงานใหม่ทั้งหมดเท่านั้น ถ้ากฏหมายนี้ผ่าน มันจะช่วยอะไรเศรษฐกิจ (ฟร่ะ?) เพราะบริษัทก็เลือกที่จะไม่เพิ่มต้นทุนด้วยการจ้างแต่พนักงานชั่วคราว ไม่จ้าง Full Time เพราะไม่อยากแบบ Cost ประกันสุขภาพในพนักงานหรอก อัตราการจ้างงานก็ยิ่งลดลงดิ แล้วเศรษฐกิจอเมริกามันจะฟื้นได้ด้วยเหตุอันใดมิทราบคร่ะ??
... ก็น่าคิดนะ เพราะหากมองย้อนไปตอนปลายปี 55 ที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 57 นั้น การที่รีพับลิกันส่ง มิตต์ รอมนีย์ มาเข้าชิงเก้าอี้ ก็ไม่ใช่เพราะอะไร เพราะเฮียรอมนีย์เนี่ยละคนเนิงที่เถียงหัวชนฝากับ Obama Care
มุมมองส่วนตัวนะครับ ประเด็นคือ
ดูเหมือนคนอเมริกันส่วนใหญ่จะเลือกไปแล้วว่าต้องการอะไร ถึงแม้คะแนนเลือกตั้งจะไม่ชนะขาดลอยอย่างบ้านเรา แต่ก็ขาดมากที่สุดครั้งหนึ่งในการเลือกตั้งของอเมริกา ดังนั้น
1. รีพับลิกัน ควรยอมปล่อยผ่านตามมติประชาชนที่เลือกโอบาม่ามาแล้วรึเปล่า?
2. หรือจะยึดหลักการของตัวเอง แล้วเจอผลกระทบจนทำข้าราชการตกงานแบบที่เราเห็น?
3. หรือ ไปตกลงกันใต้โต๊ะให้เสร็จ สุดท้ายก็จูบปากกันเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็มาดูกันครับ ^^
ส่วนหุ้นไทยบ้านเรา ก้าวข้ามเหตุและผลไปเรียบร้อย เพราะยิ่งเศรษฐกิจอเมริกามีความเสี่ยง ก็แปลว่า ทำ QE Tapering ยากขึ้น และเมื่อ QE ยังอัดฉีดเข้าระบบเหมือนเดิมทุกเดือนๆ บ่อนก็ยังเปิด Hot Money ก็ยังอยู่ในระบบ ลากหุ้นไปมาให้เม่าได้สนุกสนานเหมือนเดิม
แต่อย่าลืมนะครับ ไม่มีงานเลี้ยงไหนที่ไม่มีวันเลิกรา
และ QE ก็เช่นกัน ... มันต้องเลิกแน่ๆสักวัน!!
แล้ววันไหน??
ไปให้กำลังใจในการประกวด Thailand Blog Award 2013 กันด้วยนะค้าบ เหลืออีกแค่ 6 วันเท่านั้น
http://www.thailandblogawards.com/entry/view/347
ขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจนะค้าบบบบบ
----------------------------
โชคดีในการลงทุนครับ
$$... Affordable Care Act ต้นเหตุที่ทำคนตกงาน(ชั่วคราว) มันคืออะไร? ...$$
Affordable Care Act ถูกเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า Obama Care เป็นนโยบายที่ถูกผลักดันโดยประธานาธิปบดีบารัค โอบาม่า ตั้งแต่ปี 2010
ปัจจุบัน รัฐบาลอเมริกาให้ความช่วยเหลือด้านค่ารักษาพยาบาลแก่คน 3 กลุ่มได้แก่
1. คนชรา (อายุ > 60 ปีขึ้นไป) ได้รับสิทธิประโยชน์ที่เรียกว่า Medicare
2. ผู้ที่มีรายได้น้อยกว่าเกณฑ์ ได้รับสิทธิประโยชน์ที่เรียกว่า Mecicaid
3. ข้าราชการบางกลุ่ม เช่น ทหาร ทหารผ่านศึก (รวมถึงคนผ่านกม. อย่าง สส. สว. ด้วยนะ)
จริงๆ แนวคิดรัฐสวัสดิการ และการประกันสุขภาพนั้นถูกผลัดดันมาตั้งแต่ยุคของ ประธานาธิบดีลินดอน จอห์นสัน ซึ่งถือว่ามีอำนาจทางการเมืองสูงที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์หลังได้รับคะแนนเสียงล้นหลามในการเลือกตั้งประธานาธิปบดี แต่ความพยายามในช่วง 40 ปีที่ผ่านมานั้นกลับล้มเหลวเพราะถูกฝั่งรีพับลิกันตีกลับในเรื่องต้นทุนอันมหาศาลหากผ่านการบริหารจัดการสุขภาพ มันก็จริงนะ แต่มันมีประเด็นมากกว่านั้นครับ อ่านต่อๆ
การปฏิรูประบบประกันสุขภาพโดยผ่านกฎหมาย Affordable Care Act เป็นความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพและความครอบคลุมให้กับเมดิแคร์ (Medicare) โครงการประกันสุขภาพสำหรับผู้ที่มีอายุ > 65 ปี และคนพิการ รวมทั้งเพิ่มเติมสิทธิและประโยชน์ของคนกลุ่มอื่นให้ได้
ปัญหาหลักคือ อเมริกายังไม่มีกฎหมายบังคับให้บริษัทประกันต้องคุ้มครองผู้ซื้อประกัน ซึ่งทำให้บริษัทสามารถปฏิเสธการจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ ทำให้แม้ว่าผู้ซื้อจะจะซื้อประกันไปแล้ว ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะชวดเงินคุ้มครองนะครับ โอบาม่า อยากแก้ปัญหาตรงนี้ (หวังดี ว่างั้นเถอะ)
“Obama Care” ต้องการขยายระบบประกันสุขภาพ ให้ครอบคลุมชาวอเมริกัน 33 ล้านคน ที่ยังไม่มีประกันสุขภาพ โดยรัฐจะมีเงินสนับสนุน แก่บุคคลที่มีรายได้น้อย ที่ไม่สามารถซื้อประกันได้ส่วนหนึ่ง และทีเด็ดคือ มีข้อบังคับห้ามบริษัทประกันภัยเบี้ยวลูกค้าที่มีปัญหาสุขภาพ รวมทั้งเพิ่มโทษปรับเงินเยอะๆแก่บริษัทขนาดใหญ่ที่ไม่ซื้อประกันให้พนักงาน
จะเห็นว่า หากกฏหมายนี้ผ่าน จะถือเป็นการปฏิรูประบบสาธารณสุขของสหรัฐครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปีเลย ดีกับคนชนชั้นล่าง และชนชั้นกลาง แต่... คุณก็เห็นแล้วว่า มีผู้ที่เสียประโยชน์เต็มๆ ก็คือ บริษัทประกันภัย ที่ชิ่งลูกค้าไม่ได้แล้ว ดังนั้น ความขัดแย้งในสภาที่เราเห้นกันอยู่ตอนนี้ นี้ มันเป็นเรื่องของ "ผลประโยชน์" ชัดๆ
เป็นรัฐสวัสดิการ จริงๆก็มีความเสี่ยง อย่างที่เราเห็นประเทศในกลุ่ม PIIGS นะครับ หนี้บาน อเมริกาก็บานอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่ รีพับลิกันก จะใช้ Affordable Care Act เป็นเครื่องต่อรอง ให้โอบาม่าล้มเลิกความตั้งใจซะ ถ้าอยากผ่านเพดานหนี้ (Debt Ceiling) ในวันที่ 17 ต.ค. ที่จะถึง
... นั้นไงมันเรื่องของการต่อรอง เพื่อผลประโยชน์อีกละ
แถม Affordable Care Act ฉบับนี้ยังบังคับให้บริษัทห้างร้านต่างๆ ที่มีพนักงานอย่างน้อย 50 คนจะต้องซื้อประกันสุขภาพให้กับพนักงานทุกรายที่ทำงานอย่างน้อย 30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งฝั่งรีพลับบริกัน ก็บอกว่า คนอเมริกันในปัจจุบันได้งานใหม่เป็นพนักงานประจำแบบเต็มเวลา (Full Time) คิดเป็นสัดส่วนเพียง 35% ของตำแหน่งงานใหม่ทั้งหมดเท่านั้น ถ้ากฏหมายนี้ผ่าน มันจะช่วยอะไรเศรษฐกิจ (ฟร่ะ?) เพราะบริษัทก็เลือกที่จะไม่เพิ่มต้นทุนด้วยการจ้างแต่พนักงานชั่วคราว ไม่จ้าง Full Time เพราะไม่อยากแบบ Cost ประกันสุขภาพในพนักงานหรอก อัตราการจ้างงานก็ยิ่งลดลงดิ แล้วเศรษฐกิจอเมริกามันจะฟื้นได้ด้วยเหตุอันใดมิทราบคร่ะ??
... ก็น่าคิดนะ เพราะหากมองย้อนไปตอนปลายปี 55 ที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 57 นั้น การที่รีพับลิกันส่ง มิตต์ รอมนีย์ มาเข้าชิงเก้าอี้ ก็ไม่ใช่เพราะอะไร เพราะเฮียรอมนีย์เนี่ยละคนเนิงที่เถียงหัวชนฝากับ Obama Care
มุมมองส่วนตัวนะครับ ประเด็นคือ
ดูเหมือนคนอเมริกันส่วนใหญ่จะเลือกไปแล้วว่าต้องการอะไร ถึงแม้คะแนนเลือกตั้งจะไม่ชนะขาดลอยอย่างบ้านเรา แต่ก็ขาดมากที่สุดครั้งหนึ่งในการเลือกตั้งของอเมริกา ดังนั้น
1. รีพับลิกัน ควรยอมปล่อยผ่านตามมติประชาชนที่เลือกโอบาม่ามาแล้วรึเปล่า?
2. หรือจะยึดหลักการของตัวเอง แล้วเจอผลกระทบจนทำข้าราชการตกงานแบบที่เราเห็น?
3. หรือ ไปตกลงกันใต้โต๊ะให้เสร็จ สุดท้ายก็จูบปากกันเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็มาดูกันครับ ^^
ส่วนหุ้นไทยบ้านเรา ก้าวข้ามเหตุและผลไปเรียบร้อย เพราะยิ่งเศรษฐกิจอเมริกามีความเสี่ยง ก็แปลว่า ทำ QE Tapering ยากขึ้น และเมื่อ QE ยังอัดฉีดเข้าระบบเหมือนเดิมทุกเดือนๆ บ่อนก็ยังเปิด Hot Money ก็ยังอยู่ในระบบ ลากหุ้นไปมาให้เม่าได้สนุกสนานเหมือนเดิม
แต่อย่าลืมนะครับ ไม่มีงานเลี้ยงไหนที่ไม่มีวันเลิกรา
และ QE ก็เช่นกัน ... มันต้องเลิกแน่ๆสักวัน!!
แล้ววันไหน??
ไปให้กำลังใจในการประกวด Thailand Blog Award 2013 กันด้วยนะค้าบ เหลืออีกแค่ 6 วันเท่านั้น
http://www.thailandblogawards.com/entry/view/347
ขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจนะค้าบบบบบ
----------------------------
โชคดีในการลงทุนครับ