"เลิกลดภาษีแบรนด์เนมแล้ว" ข่าวนี้เป็นจริงหรือ เชื่อถือได้หรือไม่

เลิกลดภาษีแบรนด์เนมแล้ว

ศุกร์ที่แล้วผมเขียนคัดค้านแนวคิดของ ปลัดกระทรวงการคลัง ที่จะเสนอ ครม.ให้ยกลดภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย หรือ สินค้าแบรนด์เนมต่างชาติ เหลือ 0–5% โดยอ้างว่าเพื่อดึงดูดให้ต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น ให้เมืองไทยเป็น ช็อปปิ้ง พาราไดซ์  แข่งกับ มาเลเซีย สิงคโปร์ ผมได้ตั้งคำถามว่า “ทำไมรัฐไม่ส่งเสริมแบรนด์เนมสินค้าไทย?” ซึ่งมีอยู่มากมายไม่รู้กี่สิบยี่ห้อ ไปขึ้นห้างหรูในยุโรป ญี่ปุ่นก็มี แต่รัฐบาลไทยกลับจะไปส่งเสริมแบรนด์เนมต่างชาติ เหมือนไม่เห็นคุณค่าแบรนด์เนมสินค้าไทย

เมื่อบทความนี้ออกไป ก็มีเจ้าของแบรนด์เนมที่ผมรู้จักโทรศัพท์มาขอบคุณหลายราย

ที่น่าดีใจก็คือ คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรัฐมนตรีคลัง ได้ตอบในที่ประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่าง นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ ตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจสุขภาพและเครื่องสำอาง กับ ตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรมฯ และหอการค้าไทย เพื่อพัฒนาศักยภาพของธุรกิจไทยทั้งสองกลุ่มว่า กระทรวงการคลังไม่มีแนวคิดที่จะลดภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมและสินค้าฟุ่มเฟือยแน่นอน ขอให้สบายใจได้

ผมต้องแทงกิ้วขอบคุณท่านแทน แบรนด์เนมสินค้าไทย ไว้ตรงนี้อย่างแรง

คุณเจน นำชัยศิริ รองประธานสภาอุตสาหกรรมฯ ก็ได้แสดงความ ชื่นชมว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่ผ่านมาก็มีตัวอย่างจากประเทศมาเลเซีย ที่ต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยการยกเว้นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยมาแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากนัก (แล้วเราไปตามทำไม) ถ้าจะส่งเสริมก็ใช้พื้นที่ดิวตี้ฟรีจะเหมาะสมกว่า

หลังการประชุม คุณธีรัตน์ รัตนเสวี โฆษกรัฐบาลแถลงว่า มูลค่าสินค้าและบริการทางการแพทย์และสุขภาพ ทั่วโลกปี 2555 มีมูลค่ารวม 1.7 ล้านล้านบาท เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีส่วนแบ่งราว 15.5% หรือ 270,000 ล้านบาท ประเทศไทยครองอันดับ 1 ในอาเซียน มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 40%
ของมูลค่ารวมในภูมิภาค รองมาเป็นสิงคโปร์

นายกฯยิ่งลักษณ์ ยังมอบหมายให้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข พัฒนามาตรฐานการรับรองคุณภาพ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสมุนไพรไทย โดยพัฒนาห้องวิจัยให้สามารถรับการตรวจสอบคุณภาพ และประสิทธิภาพของเครื่องสำอางและสมุนไพรว่า มีผลดีต่อการใช้อย่างไร และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ นำผลงานวิจัยที่มีอยู่ไปจับคู่กับภาคเอกชนในการผลิตสินค้าเชิงพาณิชย์ ตามความต้องการของตลาด เพื่อยกคุณภาพสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น

นายกฯยังได้แนะนำ การทำตลาดของกลุ่มอุตสาหกรรมสุขภาพและเครื่องสำอาง ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ที่กำลังจะเข้าสู่สังคมสูงอายุ คาดว่าในปี 2050 ประชากรโลก 1 ใน 3 จะเข้าสู่วัยสูงอายุ จึงเป็นตลาดที่เติบโตได้อีกมาก

วันนี้ผมลองเปิดเข้าไปดูในเว็บไซต์ เพื่อหาชื่อสินค้าแบรนด์เนมไทย ก็พบว่าสินค้าเสื้อผ้าของ กลุ่ม LME ก็มีแบรนด์เนมเป็นที่รู้จักกันหลากหลาย เช่น LTD, ESP, E–S–P–A–D–A, FOX ฯลฯ มีสาขามากกว่า 600 สาขา สินค้าสปาและบอดี้แคร์ เช่น HARNN นอกจากสาขาในเมืองไทยแล้ว ยังเปิดสาขาไปทั่วโลก สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ไต้หวัน มาเก๊า กวม ญี่ปุ่น กรีซ  รัสเซีย  เม็กซิโก  สหรัฐอเมริกา หรือ สินค้ากระเป๋า  เช่น NARAYA ก็มีสาขาต่างประเทศมากมาย เช่น มาเก๊า ฮ่องกง มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน สหรัฐอาหรับเอมิเรต ฮังการี

เห็นไหมครับสินค้าแบรนด์เนมไทยเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติดี สามารถออกไปเปิดสาขาในเมืองใหญ่ทั่วโลก ทำไมรัฐบาลจึงไม่ช่วยเหลือส่งเสริมสินค้าแบรนด์เนมไทยเหล่านี้ออกไปลุยตลาดโลกเหมือน ชาแนล หลุยส์วิตตอง ไปช่วยแบรนด์เนมต่างชาติมาตีตลาดไทยทำไม

นี่ขนาดค้นมาแค่ 3 ยี่ห้อ แบรนด์เนมสินค้าไทยก็ดังไปทั่วโลกแล้ว ถ้ารัฐใจปํ้าส่งเสริมอีกสักนิด ผมเชื่อว่า สินค้าแฟชั่นไทย จะขึ้นไปยืนแป้นในตลาดโลกได้อย่างมั่นคงไม่แพ้ยี่ห้อฝรั่ง ทุกวันนี้ แบรนด์เนมอิตาลีฝรั่งเศส  ก็มาสั่งทอผ้าไหมไทยผ้าไทยไปทำแฟชั่น แล้วส่งมาขายคนไทยตั้งเยอะ เพียงแต่เราไม่รู้เอง เมื่อไม่รู้นโยบายก็ย่อมผิดพลาด ของดีเมืองไทยยังมีอีกเยอะครับที่รอรัฐบาลส่งเสริมอย่างจริงจัง.


“ลม เปลี่ยนทิศ”

ไทยรัฐออนไลน์
โดย ลม เปลี่ยนทิศ
30 กันยายน 2556, 05:01 น.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่