นิยายอาจให้อารมณ์ บรรยากาศ แปลกๆหน่อย ไม่รู้จะถูกจริตคนอ่านบ้างหรือเปล่า หุหุหุหุ
ขอบคุณทุกท่านในการสละเวลาอ่านครับ
Loneliness : เรื่อง
???? ???????? : เขียน
ตอนที่ ๑
http://pantip.com/topic/30905320
ตอนที่ ๒ (๑)
http://pantip.com/topic/30930596
ตอนที่ ๒ (๒)
http://pantip.com/topic/30951284
.....
ผมชวนยูมิไปร้านเครื่องดื่มหลังจากเยี่ยมรสาตอนค่ำวันหนึ่ง เธออึกอักในทีแรก ผมคิดว่าเธอจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ตอบรับ เราเลือกร้านกาแฟเล็กๆ ไม่ไกลจากโรงพยาบาล ขนาดหนึ่งคูหาอาคารพานิชย์ มีเคาน์เตอร์ไม้อยู่ด้านหน้า วางอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ ขวดโหลใส่เมล็ดกาแฟสด ผงโกโก้ ขวดน้ำผลไม้ เครื่องชงสีดำคาดเงิน ในร้านมีโต๊ะไม้ขนาดเล็ก รองรับลูกค้าอยู่ห้าตัว
เจ้าของร้านเป็นสาววัยกลางคนผิวสองสี ใบหน้ายิ้มรับลูกค้าเสมอ เธอแต่งกายสบายๆ เสื้อยืด กางเกงยีนส์ น้ำเสียงสดใสในยามเอ่ยต้อนรับ
เวลานี้ร้านไร้ลูกค้า มีเพียงผมและยูมิเท่านั้น เธอสั่งลาเต้ ส่วนผมสั่งเอ็กเพรสโซ่ กาแฟยามค่ำไม่ได้ทำให้ผมกังวลว่าจะกระตุ้นให้ตาเปิดอยู่ในยามกลางคืน นั่นเป็นเวลาที่ผมมักใช้ทำงานอยู่แล้ว
“คุณมาเฝ้ารสาเกือบทุกวันไม่มีปัญหาเรื่องงานหรือ” ยูมิเริ่มเอ่ย
“ไม่เลยสักนิด งานผมทำได้ทุกเวลา และหยุดได้เมื่อต้องการ ขอเพียงถึงกำหนดมีงานส่งไป ระหว่างนั้นจะไปทำอะไรบ้างก็เชิญ แล้วคุณล่ะ”
“ฉันสามารถแวะมาเยี่ยมรสาได้ในช่วงที่ต้องออกไปพบลูกค้า ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ปกติมากสำหรับการใช้เวลางานเพื่อทำอย่างอื่น”
เราไม่ได้พูดกันต่อจนกระทั่งเจ้าของร้านนำเครื่องดื่มมาบริการ เธอมุ่งอยู่กับการดื่มอยู่เกือบนาทีเต็มๆ ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปเช่นนั้น จนกระทั่งรู้สึกว่าเงียบกันจนเกินไป จึงเอ่ย
“คุณพอรู้หรือเปล่า ว่ารสาตกลงมาจากห้องพักได้อย่างไร”
ใช่ว่าก่อนหน้า ผมไม่สงสัยคำถามนี้ เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่รู้ว่าจะเอ่ยถามอย่างไรกับเจ้าตัว เป็นความเสี่ยงหากทำเช่นนั้น อาจทำร้ายจิตใจ คำถามนำภาพเลวร้ายกลับมาหลอกหลอน ขณะเดียวกันก็ไม่มีใครอื่นให้สอบถามนอกจากหญิงสาวตรงหน้า
เธอส่ายหน้านิดๆ “ฉันเห็นรสาอย่างนี้แล้ว เลยยังไม่กล้าถาม”
ผมรู้สึกว่าเธอยังอยากพูดอะไรอีก แต่บางอย่างทำให้เธอไม่เอ่ยต่อ ผมรอสักครู่ เมื่อไม่มีการเปลี่ยนแปลง จึงว่า
“แล้วในความคิดคุณล่ะ คุณคิดว่าเพราะอะไร เกิดอะไรขึ้นตอนนั้น”
เธอเงยหน้าขึ้นมองผม ตาเป็นประกาย เหมือนผมเปิดประตูให้ความคิดเธอพรั่งพรูออกมาหลังจากถูกปิดกั้น
“รสาบอกใครๆ ว่าเป็นอุบัติเหตุ ใช่ เป็นใครก็ต้องบอกอย่างนั้น แต่ลึกๆ ฉันคิดว่าไม่ใช่ ฉันจินตนาการไม่ออกว่าเป็นอุบัติเหตุได้อย่างไร มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น และ...” เธอนิ่งคิดชั่วอึดใจ “มันอาจจะเกี่ยวกับพี่อารักษ์
ผมรอฟังเธอ
ยูมินิ่งอยู่ เสมือนสมองกำลังจัดเรียงระเบียบ
“คุณคิดว่าอย่างไร” ผมซัก
“ฉันยังตอบไม่ได้ทีเดียว มันไม่ชัดเจนนัก แต่เท่าที่รู้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้เป็นไปด้วยดีนัก โดยเฉพาะหลังย้ายมาอยู่ด้วยกัน เหมือนกับว่า การอยู่ด้วยกันเป็นการเริ่มต้นของจุดสิ้นสุด ฉันว่ามันไม่ได้เป็นไปอย่างที่รสาวาดฝันเอาไว้”
“ความฝันกับความจริงมักไม่เหมือนกัน”
เธอหยุดพูด ดื่มเครื่องดื่มอีกสักครู่จึงว่าต่อมา
“ฉันตะขิดตะขวงใจอยู่แล้วตั้งแต่เจอพี่อารักษ์ ภายนอกเขาดูดี อัธยาศัยดี แต่มีบางอย่างเลวร้ายแฝงอยู่ เรื่องที่ไม่ใช่ใครๆ จะยอมรับได้ง่ายๆ ไม่รู้สิ ฉันบอกไม่ได้ว่าคืออะไร และก็ไม่รู้ว่ารสารู้สึกอย่างนั้นไหม”
“คุณกำลังบอกว่า ไม่ใช่การพลาดตกลงมาเอง รสาถูกคนรักของเธอ...”
“เปล่า” เธอแทรกขึ้นมาก่อน “ฉันยังไม่ได้คิดไปถึงขนาดนั้น จริงๆ นะ ฉันไม่ได้คิดว่าพี่เขาจะเป็นคนลงมือ เพียงแต่ว่าอาจเกี่ยวข้องไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง”
ผมพยักหน้ารับรู้
“มันซับซ้อน อธิบายยาก นั่นคงเป็นเหตุผลให้ฉันยังไม่อยากถามรสา มันเสี่ยงทำให้อาการเธอทรุดลง”
เธอคิดเหมือนผม
“แต่ฉันเชื่อว่าวันหนึ่งเมื่อเธอพร้อม เธอจะบอกเอง”
“ผมก็คิดอย่างนั้น”
ผมเชื่อตามที่พูด รสาอาจไม่ใช่คนนิยมเอื้อนเอ่ยเรื่องราวของตนเองให้ใครอื่นทราบ แต่สำหรับผม และอาจรวมถึงยูมิ เธอระบายได้อย่างพรั่งพรูเหมือนมีอ่างเก็บน้ำแห่งเรื่องเล่าเป็นของตนเอง เธอรู้ว่าเรื่องที่เธอเล่าจะจบลงที่ผมและยูมิ ไม่มีทางหลุดรั่วออกไปที่อื่น สำหรับผม นั่นไม่ใช่เพราะผมมีความสามารถในการเก็บงำความลับเช่นสมาชิกองค์กรลับโบราณ เพียงแต่ตัวผมไม่รู้ว่าจะคุยต่อให้ใครฟัง
“แต่ผมไม่ค่อยเห็นอารักษ์มาเยี่ยม”
“ฉันพบ ๒ – ๓ ครั้ง นอกจากวันที่เขาพารสามาโรงพยาบาล ก็เป็นวันรุ่งขึ้น กับอีกครั้งหลังจากนั้นสองวัน ส่วนใหญ่เขามาช่วงสาย แต่รสาไม่อยากเห็นหน้าเขาเท่าไร คุยกันไม่กี่คำ คำถามปกติ ไม่นานก็กลับไป นี่อาจเป็นคำบอกใบ้บางอย่างก็ได้”
สิ่งที่ยูมิพูดกระตุ้นความอยากรู้ของผม โดยทั่วไปผมไม่ใคร่สนใจเรื่องคนอื่นนัก แม้กระทั่งของรสาเอง ในช่วงก่อนหน้า ผมไม่ได้ติดตามใกล้ชิดว่าเส้นทางชีวิตของเธอเดินไปราบรื่นหรือขรุขระอย่างไร แม้ในใจลึกๆ โหยหาอยากรู้ แต่ก็ไม่มากพอจะลุกขึ้นทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้ได้คำตอบ ผมรอคอยเพียงเรื่องจากปากของเพื่อนฝูงที่พูดต่อกันมาเท่านั้น นั่นไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมและเธอจบสิ้นลง มันยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ อย่างน้อยก็ในด้านของผม แต่ผมไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องบนเส้นทางชีวิตของเธอในยามที่เธอมีคนอื่นเป็นเพื่อนร่วมทาง
ผมจึงทำได้เพียงยืนมองอยู่บนเส้นทางรกๆ แคบๆ ของผม แอบเหลือบมองหาเธอบ้าง ได้เห็นบ้าง ถูกกิ่งไม้ใบหญ้า และผู้คนบดบังบ้าง ในใจวาดหวังว่าภาพตัวเธอที่อยู่ลิบๆ สักวันจะมายืนอยู่ข้างๆ บนเส้นทางเล็กๆ เต็มไปด้วยก้อนกรวดของผมสายนี้
ทว่าวันนี้เหตุการณ์เลวร้ายทำให้ผมเริ่มอยากรู้อยากเห็น ว่าอะไรทำให้เธอต้องเจ็บปวด
แม้รู้ว่าคำตอบอาจไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น หรือเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
นั่นเพราะผมตระหนักชัดว่า
รสาไม่ได้รักผม
******
[นวนิยาย]....Loneliness....บท ๓(๑)
ขอบคุณทุกท่านในการสละเวลาอ่านครับ
???? ???????? : เขียน
ตอนที่ ๑
http://pantip.com/topic/30905320
ตอนที่ ๒ (๑)
http://pantip.com/topic/30930596
ตอนที่ ๒ (๒)
http://pantip.com/topic/30951284
ผมชวนยูมิไปร้านเครื่องดื่มหลังจากเยี่ยมรสาตอนค่ำวันหนึ่ง เธออึกอักในทีแรก ผมคิดว่าเธอจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ตอบรับ เราเลือกร้านกาแฟเล็กๆ ไม่ไกลจากโรงพยาบาล ขนาดหนึ่งคูหาอาคารพานิชย์ มีเคาน์เตอร์ไม้อยู่ด้านหน้า วางอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ ขวดโหลใส่เมล็ดกาแฟสด ผงโกโก้ ขวดน้ำผลไม้ เครื่องชงสีดำคาดเงิน ในร้านมีโต๊ะไม้ขนาดเล็ก รองรับลูกค้าอยู่ห้าตัว
เจ้าของร้านเป็นสาววัยกลางคนผิวสองสี ใบหน้ายิ้มรับลูกค้าเสมอ เธอแต่งกายสบายๆ เสื้อยืด กางเกงยีนส์ น้ำเสียงสดใสในยามเอ่ยต้อนรับ
เวลานี้ร้านไร้ลูกค้า มีเพียงผมและยูมิเท่านั้น เธอสั่งลาเต้ ส่วนผมสั่งเอ็กเพรสโซ่ กาแฟยามค่ำไม่ได้ทำให้ผมกังวลว่าจะกระตุ้นให้ตาเปิดอยู่ในยามกลางคืน นั่นเป็นเวลาที่ผมมักใช้ทำงานอยู่แล้ว
“คุณมาเฝ้ารสาเกือบทุกวันไม่มีปัญหาเรื่องงานหรือ” ยูมิเริ่มเอ่ย
“ไม่เลยสักนิด งานผมทำได้ทุกเวลา และหยุดได้เมื่อต้องการ ขอเพียงถึงกำหนดมีงานส่งไป ระหว่างนั้นจะไปทำอะไรบ้างก็เชิญ แล้วคุณล่ะ”
“ฉันสามารถแวะมาเยี่ยมรสาได้ในช่วงที่ต้องออกไปพบลูกค้า ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ปกติมากสำหรับการใช้เวลางานเพื่อทำอย่างอื่น”
เราไม่ได้พูดกันต่อจนกระทั่งเจ้าของร้านนำเครื่องดื่มมาบริการ เธอมุ่งอยู่กับการดื่มอยู่เกือบนาทีเต็มๆ ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปเช่นนั้น จนกระทั่งรู้สึกว่าเงียบกันจนเกินไป จึงเอ่ย
“คุณพอรู้หรือเปล่า ว่ารสาตกลงมาจากห้องพักได้อย่างไร”
ใช่ว่าก่อนหน้า ผมไม่สงสัยคำถามนี้ เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่รู้ว่าจะเอ่ยถามอย่างไรกับเจ้าตัว เป็นความเสี่ยงหากทำเช่นนั้น อาจทำร้ายจิตใจ คำถามนำภาพเลวร้ายกลับมาหลอกหลอน ขณะเดียวกันก็ไม่มีใครอื่นให้สอบถามนอกจากหญิงสาวตรงหน้า
เธอส่ายหน้านิดๆ “ฉันเห็นรสาอย่างนี้แล้ว เลยยังไม่กล้าถาม”
ผมรู้สึกว่าเธอยังอยากพูดอะไรอีก แต่บางอย่างทำให้เธอไม่เอ่ยต่อ ผมรอสักครู่ เมื่อไม่มีการเปลี่ยนแปลง จึงว่า
“แล้วในความคิดคุณล่ะ คุณคิดว่าเพราะอะไร เกิดอะไรขึ้นตอนนั้น”
เธอเงยหน้าขึ้นมองผม ตาเป็นประกาย เหมือนผมเปิดประตูให้ความคิดเธอพรั่งพรูออกมาหลังจากถูกปิดกั้น
“รสาบอกใครๆ ว่าเป็นอุบัติเหตุ ใช่ เป็นใครก็ต้องบอกอย่างนั้น แต่ลึกๆ ฉันคิดว่าไม่ใช่ ฉันจินตนาการไม่ออกว่าเป็นอุบัติเหตุได้อย่างไร มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น และ...” เธอนิ่งคิดชั่วอึดใจ “มันอาจจะเกี่ยวกับพี่อารักษ์
ผมรอฟังเธอ
ยูมินิ่งอยู่ เสมือนสมองกำลังจัดเรียงระเบียบ
“คุณคิดว่าอย่างไร” ผมซัก
“ฉันยังตอบไม่ได้ทีเดียว มันไม่ชัดเจนนัก แต่เท่าที่รู้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้เป็นไปด้วยดีนัก โดยเฉพาะหลังย้ายมาอยู่ด้วยกัน เหมือนกับว่า การอยู่ด้วยกันเป็นการเริ่มต้นของจุดสิ้นสุด ฉันว่ามันไม่ได้เป็นไปอย่างที่รสาวาดฝันเอาไว้”
“ความฝันกับความจริงมักไม่เหมือนกัน”
เธอหยุดพูด ดื่มเครื่องดื่มอีกสักครู่จึงว่าต่อมา
“ฉันตะขิดตะขวงใจอยู่แล้วตั้งแต่เจอพี่อารักษ์ ภายนอกเขาดูดี อัธยาศัยดี แต่มีบางอย่างเลวร้ายแฝงอยู่ เรื่องที่ไม่ใช่ใครๆ จะยอมรับได้ง่ายๆ ไม่รู้สิ ฉันบอกไม่ได้ว่าคืออะไร และก็ไม่รู้ว่ารสารู้สึกอย่างนั้นไหม”
“คุณกำลังบอกว่า ไม่ใช่การพลาดตกลงมาเอง รสาถูกคนรักของเธอ...”
“เปล่า” เธอแทรกขึ้นมาก่อน “ฉันยังไม่ได้คิดไปถึงขนาดนั้น จริงๆ นะ ฉันไม่ได้คิดว่าพี่เขาจะเป็นคนลงมือ เพียงแต่ว่าอาจเกี่ยวข้องไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง”
ผมพยักหน้ารับรู้
“มันซับซ้อน อธิบายยาก นั่นคงเป็นเหตุผลให้ฉันยังไม่อยากถามรสา มันเสี่ยงทำให้อาการเธอทรุดลง”
เธอคิดเหมือนผม
“แต่ฉันเชื่อว่าวันหนึ่งเมื่อเธอพร้อม เธอจะบอกเอง”
“ผมก็คิดอย่างนั้น”
ผมเชื่อตามที่พูด รสาอาจไม่ใช่คนนิยมเอื้อนเอ่ยเรื่องราวของตนเองให้ใครอื่นทราบ แต่สำหรับผม และอาจรวมถึงยูมิ เธอระบายได้อย่างพรั่งพรูเหมือนมีอ่างเก็บน้ำแห่งเรื่องเล่าเป็นของตนเอง เธอรู้ว่าเรื่องที่เธอเล่าจะจบลงที่ผมและยูมิ ไม่มีทางหลุดรั่วออกไปที่อื่น สำหรับผม นั่นไม่ใช่เพราะผมมีความสามารถในการเก็บงำความลับเช่นสมาชิกองค์กรลับโบราณ เพียงแต่ตัวผมไม่รู้ว่าจะคุยต่อให้ใครฟัง
“แต่ผมไม่ค่อยเห็นอารักษ์มาเยี่ยม”
“ฉันพบ ๒ – ๓ ครั้ง นอกจากวันที่เขาพารสามาโรงพยาบาล ก็เป็นวันรุ่งขึ้น กับอีกครั้งหลังจากนั้นสองวัน ส่วนใหญ่เขามาช่วงสาย แต่รสาไม่อยากเห็นหน้าเขาเท่าไร คุยกันไม่กี่คำ คำถามปกติ ไม่นานก็กลับไป นี่อาจเป็นคำบอกใบ้บางอย่างก็ได้”
สิ่งที่ยูมิพูดกระตุ้นความอยากรู้ของผม โดยทั่วไปผมไม่ใคร่สนใจเรื่องคนอื่นนัก แม้กระทั่งของรสาเอง ในช่วงก่อนหน้า ผมไม่ได้ติดตามใกล้ชิดว่าเส้นทางชีวิตของเธอเดินไปราบรื่นหรือขรุขระอย่างไร แม้ในใจลึกๆ โหยหาอยากรู้ แต่ก็ไม่มากพอจะลุกขึ้นทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้ได้คำตอบ ผมรอคอยเพียงเรื่องจากปากของเพื่อนฝูงที่พูดต่อกันมาเท่านั้น นั่นไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมและเธอจบสิ้นลง มันยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ อย่างน้อยก็ในด้านของผม แต่ผมไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องบนเส้นทางชีวิตของเธอในยามที่เธอมีคนอื่นเป็นเพื่อนร่วมทาง
ผมจึงทำได้เพียงยืนมองอยู่บนเส้นทางรกๆ แคบๆ ของผม แอบเหลือบมองหาเธอบ้าง ได้เห็นบ้าง ถูกกิ่งไม้ใบหญ้า และผู้คนบดบังบ้าง ในใจวาดหวังว่าภาพตัวเธอที่อยู่ลิบๆ สักวันจะมายืนอยู่ข้างๆ บนเส้นทางเล็กๆ เต็มไปด้วยก้อนกรวดของผมสายนี้
ทว่าวันนี้เหตุการณ์เลวร้ายทำให้ผมเริ่มอยากรู้อยากเห็น ว่าอะไรทำให้เธอต้องเจ็บปวด
แม้รู้ว่าคำตอบอาจไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น หรือเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
นั่นเพราะผมตระหนักชัดว่า
รสาไม่ได้รักผม