ปัญญา เป็นสิ่งที่คนเราทุกคนนั้นมีมาแต่กำเนิด สิทธิและเสรีภาพ ก็เช่นกัน หากมองปัญญานั้นให้เห็นเป็นรูปธรรม ดังเช่นตัวกำเนิดแสง แสงของทุกคนนั้นสามารถที่จะพัฒนาให้เปลี่ยนแปลงได้ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ทำให้แสงของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ซึ่งต่างจากสิทธิและเสรีภาพ ที่ทุกคนมีเท่าเทียมกัน แสงนั้นหากเปรียบเป็นความรู้ ความเข้าใจถึงประชาธิปไตย ซึ่งทุกคนนั้นต่างก็พึงรู้ ว่าตนนั้นมีประชาธิปไตยอยู่กับตัว และแสงนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการส่องนำทาง ให้ประเทศขับเคลื่อนไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
เด็ก ชาวบ้าน เกษตรกร ที่และคนหาเช้ากินค่ำ ที่ต่างต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ในการดำรงชีวิต เนื่องจากขาดโอกาสทางการศึกษา แสงของเขาเหล่านี้เป็นดั่งเปลวเทียนที่วูปวาปอ่อนไหวไปตามกระลมแห่งทุนนิยมที่พัดเข้ามา แสงนั้นจึงสาดส่องไปอย่างไร้ทิศทาง
แสงของบัณฑิต นิสิต นักศึกษาที่เป็นผู้มีซึ่งความรู้ ความเข้าใจในประชาธิปไตย ผ่านการฝึกอบรม จนแสงนั้นเป็นดั่งไฟฉาย ซึ่งมีความรู้เป็นตัวให้พลังงาน และมีอุดมการณ์เป็นดังโคมฉาย ควบคุมทิศทางด้วยสิทธิ ที่ทุกคนมีเหมือนกัน ทุกคนจึงมีทิศทางการฉายที่แน่นอน และแตกต่างกันออกไป ส่วนแสงนั้นจะสว่างมากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับความรู้ที่ได้สั่งสมมา
ในส่วนของการเมือง แสงของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้นมีความสำคัญ เพราะต้องเป็นหลักในการส่องนำทิศทางในการพัฒนาของประเทศให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง หลีกพ้นปัญหาและอุปสรรค์ต่างๆที่จะส่งผลต่อการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ แสงของบุคคลเหล่านี้นอกจากต้องใช้ความรู้เป็นตัวให้พลังงานแล้ว ยังมีอำนาจ บารมี ที่เป็นส่วนเสริมที่ทำให้แสงนั้นมีศักยภาพที่สูงขึ้นไป ระยะทางในการส่องก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคน เมื่อทุกอย่างนั้นสอดคล้องกัน ก็จะผลักดันให้แสงนั้นลอยสูงและสาดส่องออกไปได้ใกลยิ่งขึ้น
หากแต่แสงนั้นซึ่งมีศักยภาพสูงอันเนื่องมาจากปัจจัยที่เกี่ยวโยงส่งเสริมกัน สามารถส่องเห็นช่องทางที่จะนำมาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม ทำให้เกิดความเห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นตัวถ่วงให้แสงนั้นลอยต่ำ ระยะส่องแสงที่จะหลีกพ้นปัญหานั้นสั้นลง ประเทศชาติที่กำลังขับเคลื่อนพัฒนาจึงช้าลง ผลประโยชน์ส่วนตนนั้นเปรียบดังคราบสกปรกที่เกาะติดอยู่บนโคมแห่งอุดมการณ์ ทำให้แสงนั้นหักเห สาดส่องบังตาของผู้ที่กำลังก้าวตาม หากผู้มีอำนาจที่เป็นหลักในการควบคุมทิศทางส่องนำ ตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ แสงที่จะส่องนำพาประเทศไปสู่การพัฒนานั้นก็จะพล่ามัว หักเห เห็นทางที่ผิดเป็นทางที่ชอบ ประเทศที่กำลังขับเคลื่อนจึงหยุดชะงักในที่สุด ท่ามกลางหุบเหวแห่งการแย่งชิงแข่งขันที่สูงจนมืดมิด ไร้แสงตะวัน หนทางแห่งการพัฒนานั้นมืดมน ทุกคนต่างอวดกันว่าตนนั้นมีแสงที่เหนือกว่าผู้อื่น แสดงออกโดยการสาดแสงส่องตาบดบังกันเองเพียงเพื่อให้เห็นคล้อยตามทางแสงของตน เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง บ้างก็รวมตัวกันส่องไปในทางที่เข้าใจว่าถูกต้อง อย่างไร้ทิศทาง บ้างก็เห็นช่องทางที่จะนำตนไปสู่ผลประโยชน์ หรือทางที่ได้มาซึ่งอำนาจ บารมี ก็ยิ่งพากันไขว่คว้า ให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนปราถนา จนเกิดการซื้อ ขายสิทธิ ที่เป็นตัวควบคุมทิศทางแสงของตนนั้น ผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยแลกกับการใช้แสงแห่งตน ส่องหนุนนำผู้ที่กำลังเห็นผิดเป็นชอบ จนตัวเองไร้ซึ่งแสงที่จะส่องไปในทางที่ถูกที่ควร ต่างคนต่างไขว่คว้าหาผลประโยชน์ส่วนตัว จนลืมนึกถึงผลประโยชน์ส่วนรวม ที่จำเป็นจะต้องร่วมมือกันใช้แสงนั้นเพื่อนำทางให้ประเทศพัฒนาขับเคลื่อนต่อไปได้ ภายในสภาวะที่กำลังหยุดชะงักอยู่ในความมืดมนของหุบเหวแห่งการแข่งขันแย่งชิง
หากจะหวังรอแต่เพียงแสงตะวันที่บริสุทธิ์ ส่องมายังก้นเหวลึกเพื่อนำทาง ก็คงมีเพียงช่วงสั้นๆมิได้ยั่งยืน อาจมีเมฆหมอกแห่งอำนาจมืดนั้นบดบัง ปกคลุมจนส่องไม่ทั่วถึง ทุกคนคงต้องรออย่างไร้ความหวัง และประเทศคงไม่ได้ก้าวพ้นจุดเดิมไปได้ใกลเท่าใดนัก
ถ้าทุกคนมีความรับผิดชอบในหน้าที่ เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง รู้จักใช้ชีวิตอย่างพอเพียง รู้จักใช้แสงของตนซึ่งเป็นแสงแห่งประชาธิปไตย ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด เปลวเทียนดวงน้อยเมื่อนำมารวมกัน ทุกคนทุกฝ่ายสามัคคีร่วมมือกันส่องไปในทางที่ถูกต้อง แสงจากเพียงเล็กน้อยก็จะโชติช่วง จนสามารถมองเห็นทิศทางที่จะนำพาประเทศให้ขับเคลื่อนในทิศทางที่จะก้าวพ้นความมืดของหุบเหว พบทางออกที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ประเทศชาติมีความสงบสุข ทุกคนมองเห็นคุณค่า และให้ความสำคัญกับแสงแห่งประชาธิปไตย และเป็นแสงแห่งปัญญา สร้างฐานความคิดพัฒนาที่มั่นคง และยั่งยืนตกทอดสู่รุ่นหลัง ให้เกิดการพัฒนาตลอดไป
สิทธิ ดั่งแสงนำ
เด็ก ชาวบ้าน เกษตรกร ที่และคนหาเช้ากินค่ำ ที่ต่างต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ในการดำรงชีวิต เนื่องจากขาดโอกาสทางการศึกษา แสงของเขาเหล่านี้เป็นดั่งเปลวเทียนที่วูปวาปอ่อนไหวไปตามกระลมแห่งทุนนิยมที่พัดเข้ามา แสงนั้นจึงสาดส่องไปอย่างไร้ทิศทาง
แสงของบัณฑิต นิสิต นักศึกษาที่เป็นผู้มีซึ่งความรู้ ความเข้าใจในประชาธิปไตย ผ่านการฝึกอบรม จนแสงนั้นเป็นดั่งไฟฉาย ซึ่งมีความรู้เป็นตัวให้พลังงาน และมีอุดมการณ์เป็นดังโคมฉาย ควบคุมทิศทางด้วยสิทธิ ที่ทุกคนมีเหมือนกัน ทุกคนจึงมีทิศทางการฉายที่แน่นอน และแตกต่างกันออกไป ส่วนแสงนั้นจะสว่างมากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับความรู้ที่ได้สั่งสมมา
ในส่วนของการเมือง แสงของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้นมีความสำคัญ เพราะต้องเป็นหลักในการส่องนำทิศทางในการพัฒนาของประเทศให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง หลีกพ้นปัญหาและอุปสรรค์ต่างๆที่จะส่งผลต่อการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ แสงของบุคคลเหล่านี้นอกจากต้องใช้ความรู้เป็นตัวให้พลังงานแล้ว ยังมีอำนาจ บารมี ที่เป็นส่วนเสริมที่ทำให้แสงนั้นมีศักยภาพที่สูงขึ้นไป ระยะทางในการส่องก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคน เมื่อทุกอย่างนั้นสอดคล้องกัน ก็จะผลักดันให้แสงนั้นลอยสูงและสาดส่องออกไปได้ใกลยิ่งขึ้น
หากแต่แสงนั้นซึ่งมีศักยภาพสูงอันเนื่องมาจากปัจจัยที่เกี่ยวโยงส่งเสริมกัน สามารถส่องเห็นช่องทางที่จะนำมาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม ทำให้เกิดความเห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นตัวถ่วงให้แสงนั้นลอยต่ำ ระยะส่องแสงที่จะหลีกพ้นปัญหานั้นสั้นลง ประเทศชาติที่กำลังขับเคลื่อนพัฒนาจึงช้าลง ผลประโยชน์ส่วนตนนั้นเปรียบดังคราบสกปรกที่เกาะติดอยู่บนโคมแห่งอุดมการณ์ ทำให้แสงนั้นหักเห สาดส่องบังตาของผู้ที่กำลังก้าวตาม หากผู้มีอำนาจที่เป็นหลักในการควบคุมทิศทางส่องนำ ตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ แสงที่จะส่องนำพาประเทศไปสู่การพัฒนานั้นก็จะพล่ามัว หักเห เห็นทางที่ผิดเป็นทางที่ชอบ ประเทศที่กำลังขับเคลื่อนจึงหยุดชะงักในที่สุด ท่ามกลางหุบเหวแห่งการแย่งชิงแข่งขันที่สูงจนมืดมิด ไร้แสงตะวัน หนทางแห่งการพัฒนานั้นมืดมน ทุกคนต่างอวดกันว่าตนนั้นมีแสงที่เหนือกว่าผู้อื่น แสดงออกโดยการสาดแสงส่องตาบดบังกันเองเพียงเพื่อให้เห็นคล้อยตามทางแสงของตน เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง บ้างก็รวมตัวกันส่องไปในทางที่เข้าใจว่าถูกต้อง อย่างไร้ทิศทาง บ้างก็เห็นช่องทางที่จะนำตนไปสู่ผลประโยชน์ หรือทางที่ได้มาซึ่งอำนาจ บารมี ก็ยิ่งพากันไขว่คว้า ให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนปราถนา จนเกิดการซื้อ ขายสิทธิ ที่เป็นตัวควบคุมทิศทางแสงของตนนั้น ผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยแลกกับการใช้แสงแห่งตน ส่องหนุนนำผู้ที่กำลังเห็นผิดเป็นชอบ จนตัวเองไร้ซึ่งแสงที่จะส่องไปในทางที่ถูกที่ควร ต่างคนต่างไขว่คว้าหาผลประโยชน์ส่วนตัว จนลืมนึกถึงผลประโยชน์ส่วนรวม ที่จำเป็นจะต้องร่วมมือกันใช้แสงนั้นเพื่อนำทางให้ประเทศพัฒนาขับเคลื่อนต่อไปได้ ภายในสภาวะที่กำลังหยุดชะงักอยู่ในความมืดมนของหุบเหวแห่งการแข่งขันแย่งชิง
หากจะหวังรอแต่เพียงแสงตะวันที่บริสุทธิ์ ส่องมายังก้นเหวลึกเพื่อนำทาง ก็คงมีเพียงช่วงสั้นๆมิได้ยั่งยืน อาจมีเมฆหมอกแห่งอำนาจมืดนั้นบดบัง ปกคลุมจนส่องไม่ทั่วถึง ทุกคนคงต้องรออย่างไร้ความหวัง และประเทศคงไม่ได้ก้าวพ้นจุดเดิมไปได้ใกลเท่าใดนัก
ถ้าทุกคนมีความรับผิดชอบในหน้าที่ เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง รู้จักใช้ชีวิตอย่างพอเพียง รู้จักใช้แสงของตนซึ่งเป็นแสงแห่งประชาธิปไตย ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด เปลวเทียนดวงน้อยเมื่อนำมารวมกัน ทุกคนทุกฝ่ายสามัคคีร่วมมือกันส่องไปในทางที่ถูกต้อง แสงจากเพียงเล็กน้อยก็จะโชติช่วง จนสามารถมองเห็นทิศทางที่จะนำพาประเทศให้ขับเคลื่อนในทิศทางที่จะก้าวพ้นความมืดของหุบเหว พบทางออกที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ประเทศชาติมีความสงบสุข ทุกคนมองเห็นคุณค่า และให้ความสำคัญกับแสงแห่งประชาธิปไตย และเป็นแสงแห่งปัญญา สร้างฐานความคิดพัฒนาที่มั่นคง และยั่งยืนตกทอดสู่รุ่นหลัง ให้เกิดการพัฒนาตลอดไป