เครียดมากช่วยทีค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าเราทำงานเป็น ผจก อยู่บริษัทแห่งนึง ได้เงินเดือนประมาณ 5 หมื่นกว่าบาท และงานเป็นงานทำระบบ ด้วยความที่เป็นคนทำงานเร็ว งานระบบนั้นเสร็จใน 2 เดือน พอหลังจากนั้นก็เหลืองานที่เป็นงานประจำที่ง่ายมาก แค่อ่านออกเขียนได้ก็ทำงานนี้ได้ จึงเป็นที่มาของความคิดที่ว่าอยากเปลี่ยนงานเพราะงานนี้มันหมดสนุก หมดความท้าทายให้ค้นหา แก้ไข วันๆเดินไปจดข้อมูลมาเก็บไว้ ซึ่งเราคิดว่าถ้าทำงานแค่นี้ ไม่ต้องจ้างเราด้วยเงินเดือนขนาดนี้หรอก (มีแต่คนบอกว่าเราบ้า งานสบายๆๆ เงินดีๆๆ ไม่ชอบ แต่เรารู้สึกว่าไร้ค่ามาก ไม่ได้ใช้ความรู้ที่มีอีกต่อไป แถมประสบการณ์ที่ควรได้เมื่อทำงานก็ไม่มี เพราะเราเป็นคนเดียวที่รู้ระบบจึงไม่มีรุ่นพี่ที่มากประสบการณ์กว่ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น)
เมื่อฟ้าเปิดทาง...
เราเริ่มหางานใหม่ และได้รับการตอบรับพร้อมคำขอร้องว่าให้เริ่มงานเลยในเดือนหน้า ซึ่งมีเวลาประมาณ 2 อาทิตย์ (เราดีใจมากที่จะได้ทำงานในองค์กรนานาชาติสักที และคงเป็นศูนย์รวมของคนเก่งมากมาย) เราจึงไม่ลังเลเลยกับการยื่นใบลาออก และขอลาออกในสิ้นเดือนที่ 5 ของการทำงานกับบริษัทนี้ แต่ข้อแม้ของบริษัทนี้คือต้องจ่ายเงิน 20000 บาท ถ้าออกโดยแจ้งล่วงหน้าไม่ถึง 1 เดือนตามที่กำหนดไว้ แต่ก็ยิ้มสู้พร้อมทำเรื่องจ่ายเงินเรียบร้อย
เมื่อฝนตกหนัก...มองไม่เห็นทาง
ทุกอย่างเหมือนกำลังไปได้สวย จะได้ทำงานที่ดี ถึงแม้ว่าจะไกลบ้านมาก (ต้องตื่นตี 4 เผื่อเลี่ยงรถติด ถึงที่ทำงาน 6 โมง แต่เข้างานจริง 8 โมง) แต่ก็ได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็น 70000 บาท ฟ้าสดใสในจินตนาการอยู่ได้ 2 วัน บริษัทใหม่โทรมาแจ้งว่ามีการปรับเปลี่ยนการคัดพนักงานในระดับ ผจก โดยต้องเลือกจาก 1 ใน 5 ซึ่งตอนแรกที่เราได้คือ 1 ใน 3 พอฟังข่าวร้ายทางโทรศัพท์เสร็จ ไม่ต่างกับข่าวร้ายถ้าต้องเสียคนรักไป ขาอ่อน เสียงสั่น เพราะนั่นหมายความว่างานนี้ที่คาดหวังว่าจะได้ทำ มันพังลงจากการบอกกล่าวของคนๆนึงเพียงไม่ถึง 3 นาที (ในใจคิดแค้นมาก ทำงี้ได้ไง เราต้องออกจากงานเก่า แถมเสียเงินเพิ่มอีก 2 หมื่นอีกกกกกก)
เมื่อคลื่นซัดกระแทกโขดหินไปมา...
เราออกจากงานมาได้เดือนนี้เข้าเดือนที่ 3 โดยมีงานประจำที่ต้องเสียเงินทุกวันคือ งานการไปสัมภาษณ์งาน ทุกๆๆวันจะโดนคนสัมภาษณ์ ญาติ พี่น้อง เพื่อน ผลัดกันมาชมเชยถึงความกล้าหาญในการออกจากงานของเรา ที่ว่าอยู่ดีไม่ว่าดี ทิ้งเงินเดือนที่ได้สบายๆๆทุกเดือนๆละ 5 หมื่นกว่า และยังต้องเสียค่าโง่เพื่อออกจากงานอีก ตอนแรกๆๆก็ฟังเป็นเรื่องตลก นานๆไปมันเริ่มไม่ตลก และเครียดมากที่ยังหางานไม่ได้ เพราะเป็นคนที่มีภาระทางครอบครัวที่ต้องจ่ายทุกเดือน + อายุที่มากหางานยาก (เราอายุประมาณ 35 กว่าๆ แต่ก่อนไม่คิดว่าอายุจะเป็นอุปสรรค จนครั้งนี้) และงานที่ไปสัมภาษณ์ก็ไม่เป็นดังใจคิด งานที่อยากทำให้เงินน้อย งานที่ให้เงินมากก็ไม่เอาเรา และทุกครั้งที่ไปสัมภาษณ์งาน ต้องกลับมาซึมเศร้าตอกย้ำทุกครั้งว่าเรานี่มันโง่จริงๆเหมือนคนอื่นพูด จะมาเอาอะไรกับประสบการณ์การทำงานมากมาย แค่มีงานให้ทำไปวันๆก็พอแล้ว ตกลงเราคิดผิดและควรเปลี่ยนความคิดเผื่อไม่ให้ผิดอีกใช่ไหม???
เมื่อฟ้าเริ่มสว่าง...
จากการสัมภาษณ์งานเป็นงานหลักในปัจจุบัน ก็ไม่แคล้วมีเรื่องหนักใจ และเริ่มตระหนักตอกย้ำความบ้าไปแล้วแน่ๆๆ ของเราคือ เราพบว่าเงินเดือนที่เราได้จากบริษัทเก่านั้นมันมากจริงๆ เพราะบริษัทใหญ่ๆที่เราสมัครมาก็มีเกณฑ์เงินเดือนไม่ถึงที่เราได้มาในตำแหน่งเดียวกัน สูงสุดของเงินเดือนที่น่าจะได้ในตอนนี้อยู่ที่ 30000 บาท (ยิ่งคิด ยิ่งเศร้า เพราะลำพังค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่ต้องจ่ายก็ 2 หมื่นนิดๆแล้ว)
รบกวนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ช่วยเราทีนะคะ เราควรเลือกทางไหนดีคะ (เป็นงานที่รอการตอบของเราอ่ะค่ะ เริ่มงานเดือนหน้า)
1. งานใกล้บ้าน (ขับรถ 1 ชม) ทำงาน จ-ศ เป็นงานที่อยากทำเป็นอันดับ 2 ที่เราคิดว่าอยากทำในชีวิต ได้เงินเดือน 22000
2. งานที่ต้องอยู่หอ (เค้ามีให้) ทำงาน จ-ส ถ้าจะกลับบ้านต้องขับรถประมาณ 4 ชม เป็นงานที่อยากทำเป็นอันดับ 1 และเป็นงานที่น่าจะได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะมากมาย (ยังไม่เข็ด) เพราะเป็นบริษัทตั้งใหม่ เล็กๆ ส่งออกผลิตภัณฑ์ เจ้าของทำงานเอง เก่งมากผ่านงานช่วยชาวบ้านจนรวยมาเยอะแยะ จึงมาทำเป็นของตนเอง ได้เงินเดือน 25000
3. คล้ายข้อ 2 แต่เป็นบริษัทที่ทุกคนต้องรู้จัก ทำงาน จ-ส อยู่หอ (หาเอง) เงินเดือน 30000
4. ไม่เอาทั้งหมดที่กล่าวมา ให้สมัครและรอไปก่อน...
ยังไงรบกวนถามสัก 3 ข้อนะคะ
1. เลือกงานจากข้อไหนกันคะ
2. เราบ้าจริงๆหรือเปล่าคะที่ออกมาจากบริษัทเดิม เป็นเพื่อนๆ จะออกไหมคะ หรือพอทราบว่าไม่ได้ที่ใหม่จะยอมไปขอใบลาออกคืนคะ
3. เพื่อนๆว่างงานกันนานไหมคะ ครั้งนี้เป็นครั้งที่เราว่างงานนานสุดในชีวิตคือ 3 เดือน ตอนนี้อาการหนัก เครียดมากกกก คิดเยอะนู่นนี่นั่นตลอดเวลา
ขอบคุณล่วงหน้าทุกความเห็นค่ะ
เครียดมากค่ะ ช่วยแสดงความคิดเห็นทีเถอะนะคะ
เรื่องมีอยู่ว่าเราทำงานเป็น ผจก อยู่บริษัทแห่งนึง ได้เงินเดือนประมาณ 5 หมื่นกว่าบาท และงานเป็นงานทำระบบ ด้วยความที่เป็นคนทำงานเร็ว งานระบบนั้นเสร็จใน 2 เดือน พอหลังจากนั้นก็เหลืองานที่เป็นงานประจำที่ง่ายมาก แค่อ่านออกเขียนได้ก็ทำงานนี้ได้ จึงเป็นที่มาของความคิดที่ว่าอยากเปลี่ยนงานเพราะงานนี้มันหมดสนุก หมดความท้าทายให้ค้นหา แก้ไข วันๆเดินไปจดข้อมูลมาเก็บไว้ ซึ่งเราคิดว่าถ้าทำงานแค่นี้ ไม่ต้องจ้างเราด้วยเงินเดือนขนาดนี้หรอก (มีแต่คนบอกว่าเราบ้า งานสบายๆๆ เงินดีๆๆ ไม่ชอบ แต่เรารู้สึกว่าไร้ค่ามาก ไม่ได้ใช้ความรู้ที่มีอีกต่อไป แถมประสบการณ์ที่ควรได้เมื่อทำงานก็ไม่มี เพราะเราเป็นคนเดียวที่รู้ระบบจึงไม่มีรุ่นพี่ที่มากประสบการณ์กว่ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น)
เมื่อฟ้าเปิดทาง...
เราเริ่มหางานใหม่ และได้รับการตอบรับพร้อมคำขอร้องว่าให้เริ่มงานเลยในเดือนหน้า ซึ่งมีเวลาประมาณ 2 อาทิตย์ (เราดีใจมากที่จะได้ทำงานในองค์กรนานาชาติสักที และคงเป็นศูนย์รวมของคนเก่งมากมาย) เราจึงไม่ลังเลเลยกับการยื่นใบลาออก และขอลาออกในสิ้นเดือนที่ 5 ของการทำงานกับบริษัทนี้ แต่ข้อแม้ของบริษัทนี้คือต้องจ่ายเงิน 20000 บาท ถ้าออกโดยแจ้งล่วงหน้าไม่ถึง 1 เดือนตามที่กำหนดไว้ แต่ก็ยิ้มสู้พร้อมทำเรื่องจ่ายเงินเรียบร้อย
เมื่อฝนตกหนัก...มองไม่เห็นทาง
ทุกอย่างเหมือนกำลังไปได้สวย จะได้ทำงานที่ดี ถึงแม้ว่าจะไกลบ้านมาก (ต้องตื่นตี 4 เผื่อเลี่ยงรถติด ถึงที่ทำงาน 6 โมง แต่เข้างานจริง 8 โมง) แต่ก็ได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็น 70000 บาท ฟ้าสดใสในจินตนาการอยู่ได้ 2 วัน บริษัทใหม่โทรมาแจ้งว่ามีการปรับเปลี่ยนการคัดพนักงานในระดับ ผจก โดยต้องเลือกจาก 1 ใน 5 ซึ่งตอนแรกที่เราได้คือ 1 ใน 3 พอฟังข่าวร้ายทางโทรศัพท์เสร็จ ไม่ต่างกับข่าวร้ายถ้าต้องเสียคนรักไป ขาอ่อน เสียงสั่น เพราะนั่นหมายความว่างานนี้ที่คาดหวังว่าจะได้ทำ มันพังลงจากการบอกกล่าวของคนๆนึงเพียงไม่ถึง 3 นาที (ในใจคิดแค้นมาก ทำงี้ได้ไง เราต้องออกจากงานเก่า แถมเสียเงินเพิ่มอีก 2 หมื่นอีกกกกกก)
เมื่อคลื่นซัดกระแทกโขดหินไปมา...
เราออกจากงานมาได้เดือนนี้เข้าเดือนที่ 3 โดยมีงานประจำที่ต้องเสียเงินทุกวันคือ งานการไปสัมภาษณ์งาน ทุกๆๆวันจะโดนคนสัมภาษณ์ ญาติ พี่น้อง เพื่อน ผลัดกันมาชมเชยถึงความกล้าหาญในการออกจากงานของเรา ที่ว่าอยู่ดีไม่ว่าดี ทิ้งเงินเดือนที่ได้สบายๆๆทุกเดือนๆละ 5 หมื่นกว่า และยังต้องเสียค่าโง่เพื่อออกจากงานอีก ตอนแรกๆๆก็ฟังเป็นเรื่องตลก นานๆไปมันเริ่มไม่ตลก และเครียดมากที่ยังหางานไม่ได้ เพราะเป็นคนที่มีภาระทางครอบครัวที่ต้องจ่ายทุกเดือน + อายุที่มากหางานยาก (เราอายุประมาณ 35 กว่าๆ แต่ก่อนไม่คิดว่าอายุจะเป็นอุปสรรค จนครั้งนี้) และงานที่ไปสัมภาษณ์ก็ไม่เป็นดังใจคิด งานที่อยากทำให้เงินน้อย งานที่ให้เงินมากก็ไม่เอาเรา และทุกครั้งที่ไปสัมภาษณ์งาน ต้องกลับมาซึมเศร้าตอกย้ำทุกครั้งว่าเรานี่มันโง่จริงๆเหมือนคนอื่นพูด จะมาเอาอะไรกับประสบการณ์การทำงานมากมาย แค่มีงานให้ทำไปวันๆก็พอแล้ว ตกลงเราคิดผิดและควรเปลี่ยนความคิดเผื่อไม่ให้ผิดอีกใช่ไหม???
เมื่อฟ้าเริ่มสว่าง...
จากการสัมภาษณ์งานเป็นงานหลักในปัจจุบัน ก็ไม่แคล้วมีเรื่องหนักใจ และเริ่มตระหนักตอกย้ำความบ้าไปแล้วแน่ๆๆ ของเราคือ เราพบว่าเงินเดือนที่เราได้จากบริษัทเก่านั้นมันมากจริงๆ เพราะบริษัทใหญ่ๆที่เราสมัครมาก็มีเกณฑ์เงินเดือนไม่ถึงที่เราได้มาในตำแหน่งเดียวกัน สูงสุดของเงินเดือนที่น่าจะได้ในตอนนี้อยู่ที่ 30000 บาท (ยิ่งคิด ยิ่งเศร้า เพราะลำพังค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่ต้องจ่ายก็ 2 หมื่นนิดๆแล้ว)
รบกวนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ช่วยเราทีนะคะ เราควรเลือกทางไหนดีคะ (เป็นงานที่รอการตอบของเราอ่ะค่ะ เริ่มงานเดือนหน้า)
1. งานใกล้บ้าน (ขับรถ 1 ชม) ทำงาน จ-ศ เป็นงานที่อยากทำเป็นอันดับ 2 ที่เราคิดว่าอยากทำในชีวิต ได้เงินเดือน 22000
2. งานที่ต้องอยู่หอ (เค้ามีให้) ทำงาน จ-ส ถ้าจะกลับบ้านต้องขับรถประมาณ 4 ชม เป็นงานที่อยากทำเป็นอันดับ 1 และเป็นงานที่น่าจะได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะมากมาย (ยังไม่เข็ด) เพราะเป็นบริษัทตั้งใหม่ เล็กๆ ส่งออกผลิตภัณฑ์ เจ้าของทำงานเอง เก่งมากผ่านงานช่วยชาวบ้านจนรวยมาเยอะแยะ จึงมาทำเป็นของตนเอง ได้เงินเดือน 25000
3. คล้ายข้อ 2 แต่เป็นบริษัทที่ทุกคนต้องรู้จัก ทำงาน จ-ส อยู่หอ (หาเอง) เงินเดือน 30000
4. ไม่เอาทั้งหมดที่กล่าวมา ให้สมัครและรอไปก่อน...
ยังไงรบกวนถามสัก 3 ข้อนะคะ
1. เลือกงานจากข้อไหนกันคะ
2. เราบ้าจริงๆหรือเปล่าคะที่ออกมาจากบริษัทเดิม เป็นเพื่อนๆ จะออกไหมคะ หรือพอทราบว่าไม่ได้ที่ใหม่จะยอมไปขอใบลาออกคืนคะ
3. เพื่อนๆว่างงานกันนานไหมคะ ครั้งนี้เป็นครั้งที่เราว่างงานนานสุดในชีวิตคือ 3 เดือน ตอนนี้อาการหนัก เครียดมากกกก คิดเยอะนู่นนี่นั่นตลอดเวลา
ขอบคุณล่วงหน้าทุกความเห็นค่ะ