ป.ช.ป.สวนโอ๊ต ไม่ได้ลอกโลโก้สร้างอนาคต 2020

กระทู้สนทนา



ปชป.สวน “โอ๊ค” โต้พัลวันไม่ได้ลอกโลโก้สร้างอนาคตไทย 2020-อ้างจงใจเทียบว่า "รบ.มาร์ค" เป็นคนคิด !?

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่สโมสรราชพฤกษ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลง "โครงการสร้างอนาคตไทยเข้มแข็ง 2020"

นายอภิสิทธิ์ แถลงจุดยืนของพรรคต่ออนาคตประเทศไทย ว่า อนาคตของประเทศเราต้องเลือกได้ ในทางที่เข้มแข็ง รัฐบาลผลักดันกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท อ้างว่าเป็นความจำเป็นในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งที่มีทางเลือกที่ดีกว่า เพราะแผนกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลมีปัญหาหลัก 4 ข้อ คือ

1. เป็นการกู้เงินที่ขาดวินัย ขาดการตรวจสอบ และขาดความโปร่งใส เนื่องจากเป็นการกู้นอกระบบงบประมาณ เจตนาหลีกเลี่ยงที่จะต้องแสดงความพร้อมในโครงการต่างๆ ทั้งในแง่ความพร้อมในการเริ่มดำเนินการ และความพร้อมในการแสดงความคุ้มค่าและความเหมาะสม การกู้นอกระบบงบประมาณทั้งที่รองนายกฯและรมว.คลัง ยอมรับในสภาว่ากู้ในระบบงบประมาณก็ได้ ทำให้รัฐบาลไม่จำเป็นต้องยืนยันตัวโครงการที่จะนำเงินกู้ไปใช้ลงทุน และตัดสิทธิสภาในการตรวจสอบราคาและความเหมาะสมอื่นๆ ของทุกๆ โครงการ ซึ่งการกู้ลักษณะนี้จะเป็นการเปิดช่องทางให้ทุกๆ รัฐบาลในอนาคตสามารถหลีกเลี่ยง พ.ร.บ.วิธีงบประมาณและหันไปกู้โดยตรง นอกระบบ ในลักษณะเดียวกันในอนาคต

2. การกู้ครั้งนี้รัฐบาลอ้างว่า เพื่ออนาคตไทย 2020 แต่ตอบโจทย์ความต้องการด้านเดียวคือด้านคมนาคม โดย 99.6 เปอร์เซนต์ของเงินกู้ได้จัดให้กับกระทรวงคมนาคม และอีก 0.4 เปอร์เซนต์ เป็นลักษณะ “ค่าปากถุง” ให้ผู้จัดเงินกู้ คือ กระทรวงการคลัง นำไปลงทุนสร้างด่านศุลกากร ซึ่งปกติงานเช่นนี้สามารถอาศัยเงินงบประมาณได้ รัฐบาลอ้างดัชนีขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ชี้ว่าลำดับของไทยทางด้านคมนาคมนั้นค่อนข้างตํ่า แต่ไม่พูดถึงดัชนีทางด้านสาธารณสุขหรือการศึกษาที่ตํ่ากว่ามาก

3. รายละเอียดต่างๆ ที่รัฐบาลจะดำเนินโครงการขาดความพร้อม ไม่มีความชัดเจน โดยรายละเอียดนี้ได้มาจากชั้นกรรมาธิการ เช่น ทางสำนักวิจัยทีดีอาร์ไอได้สรุปว่าโครงการที่พร้อมดำเนินการจริง มีมูลค่ารวมเพียงประมาณ 1 ใน 5 ของโครงการทั้งหมด ดังนั้น จึงไม่สมควรที่จะให้อำนาจการกู้ล่วงหน้ากับโครงการส่วนที่เหลือในลักษณะ “เช็คเปล่า” และ 4.การประเมินความคุ้มค่าโครงการที่นำไปใช้ตัดสินใจของรัฐบาลมีปัญหามาก และเปลี่ยนแปลงตลอดเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายฝ่ายบริหาร รัฐบาลจึงไม่เคยกล้าพูดถึงภาระการชดเชยการขาดทุนในอนาคต และไม่กล้ายืนยันว่าจะสามารถรักษาระดับหนี้ไม่ให้เกิน 50 เปอร์เซนต์ ต่อจีดีพีของประเทศตามคำสัญญาของรัฐบาล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่