
.
โรม ผิดหวังเพื่อไทย ใช้นิติสงคราม จ่อฟัน ‘เท้ง’ พ้น สส. เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ปม MOA ทั้งที่ ‘อิ๊งค์’ เพิ่งหลุดนายกฯ น่าจะเข้าใจดีที่สุด
.
เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2568 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงประเด็นที่พรรคเพื่อไทยเตรียมร้องพรรคประชาชนล้มล้างการปกครอง จากการทำ MOA กับพรรคภูมิใจไทย และโหวตให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ตนเห็นร่างคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เป็นการร้องให้นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน สิ้นสุดสมาชิกภาพ สส. จากการลงนามใน MOA เป็นเรื่องที่ตนรับไม่ได้
.
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยจะอาศัยการตีความมั่วๆ การอ้างเรื่องไม่เป็นเรื่องว่าการทำ MOA เป็นการล้มล้างการปกครอง คิดว่าความพยายามของพรรคเพื่อไทยในการโยงเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ Non-Sense ไร้สาระเป็นอย่างมาก
.
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ถ้าการกระทำของเราเป็นการกระทำที่ล้มล้างการปกครอง แล้วพรรคเพื่อไทยมีมติรับทุกข้อเสนอของพรรคประชาชน เท่ากับเป็นการรับข้อเสนอที่ล้มล้างการปกครองหรอกหรือ ตนคิดว่าสุดท้ายคือ เมื่อเราตัดสินใจทำ MOA กับพรรคภูมิใจไทยแล้วพรรคเพื่อไทยไม่ได้รับ MOA กลายเป็นว่า พยายามที่จะอ้างเรื่องต่างๆ เป็นการใส่ร้ายพรรคประชาชน
.
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า เมื่อวันนี้ทั้งสองพรรคต่างเป็นฝ่ายค้านที่มีเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เราควรมาช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งภายใต้รัฐบาลเฉพาะกิจเฉพาะกาล แต่กลายเป็นว่าพรรคเพื่อไทยใช้นิติสงคราม ใช้ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งดูแล้วไม่แตกต่างอะไรกับสิ่งที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดน
.
“พรรคเพื่อไทยที่ควรเข้าใจเรื่องนี้มากกว่าใคร กลายเป็นเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาโจมตีกัน เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ หวังผลที่จะทำร้าย ทำลาย ความเป็นสมาชิกภาพของนายณัฐพงษ์ เป็นสิ่งที่น่าผิดหวัง เพราะพรรคเพื่อไทยควรจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ดีที่สุด”
.
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นไปได้ไหมว่าเมื่อเพื่อไทยแพ้ทางการเมืองแล้ว จึงต้องการเอาชนะทางนิติสงคราม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเไม่ได้มองเรื่องการแพ้ชนะทางการเมือง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่ใช่แค่การเมืองระหว่างนายชัยเกษม นิติสิริ กับนายอนุทิน แต่คือการเลือกระหว่างนายอนุทินกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือตัวเลือกอื่นๆ เพราะนายชัยเกษมพูดชัดเจนว่า ตนเป็นแค่ตุ๊กตา
.
“นายชัยเกษมบอกใบ้กับสังคมว่าอาจจะมีอัศวินขี่ม้าขาว นายชัยเกษมพูดขนาดที่ว่าเขาแทบไม่ได้รับการติดต่อจากพรรคเพื่อไทยเลย นายชัยเกษมยังไม่แม้แต่จะไว้ใจพรรคเพื่อไทย คำถามคือจะให้เราไว้วางใจแล้วทำ MOA กับพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร”
.
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ยิ่งไปกว่านั้นหากเราดูเรื่องเทคนิควิธีการเหมือนตอนเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สภาฯ ให้เสนอชื่อได้แค่ครั้งเดียว หากเมื่อวานทั้งนายชัยเกษมและนายอนุทินไม่ได้ ทั้ง 2 คนนี้จะไม่สามารถถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตได้ซ้ำอีก จะเหลือแคนดิเดตอีก 3 คน คือ พล.อ.ประยุทธ์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ถามง่ายๆ 3 คนนี้ใครจะมีโอกาสเป็นนายกฯ มากที่สุด ตนเชื่อว่ามีโอกาสที่จะมีขบวนการบางอย่างดึง พล.อ.ประยุทธ์ กลับมามีอำนาจอีกครั้ง
.
นายรังสิมันต์ ยืนยันว่า พรรคประชาชนไม่สามารถยอมรับการกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยการบริหารงานที่ล้มเหลว ละเมิดสิทธิมนุษยชน และสร้างความเสียหายในอดีตไว้มากมาย เราจึงจะไม่ปล่อยให้เกิดนายกฯ คนนอก หรืออำนาจนอกระบบครอบงำ เราจึงจำเป็นต้องทำในสิ่งที่ต้องทำ
.
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เราหวังว่าในเวลาอีก 4 เดือน รัฐบาลภูมิใจไทยต้องรักษาสัญญา เพราะ MOA ที่เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นสัญญาระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนเท่านั้น แต่ทุกอย่างถูกวางบนโต๊ะ หากมีการละเมิด MOA ถือเป็นการตระบัดสัตย์ต่อพี่น้องประชาชน.
.
.
โรม มอง ไม่เป็นผลดี หาก ทักษิณ ไม่บินกลับจากดูไบ ชี้ คดีชั้น 14 ควรปล่อยให้เป็นตามกระบวนการ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5357872
.
โรม มองไม่เป็นผลดี หาก ‘ทักษิณ’ คิดหนี ขอให้ว่าไปตามผิดปมชั้น 14 เตือนอย่าคิดว่าอำนาจจะอยู่ยั้งยืนยง
.
เมื่อวันที่ 6 กันยายน นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปที่สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ว่า ขอไม่พูดถึงภายในของพรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยต้องไปจัดการ แต่มีข้อสังเกตว่าหากนาย
ทักษิณต้องการไปประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่ต้นคงไม่ต้องเติมน้ำมันเต็มถัง ส่วนจะกลับมาหรือไม่ขอให้รอดู
.
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าถ้าจะหนีไปอยู่ต่างประเทศนาน ๆ อีกครั้งไม่น่าจะดี ในเมื่อนาย
ทักษิณกลับมาแล้ว ก่อนหน้านี้ก็พยายามจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แม้ว่าจะมีข้อถกเถียงว่าเข้าสู่กระบวนการอย่างแท้จริงหรือไม่ กรณีพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ เพราะหากมีความพยายามในการช่วยเหลือ สุดท้ายนาย
ทักษิณไม่ได้อยู่ในเรือนจำ ไปอยู่โรงพยาบาลราวกลับว่าไม่ได้เป็นการรับโทษอะไรเลย ต้องมีวิถีของกระบวนการยุติธรรมที่จะต้องดำเนินการต่อไป
.
เมื่อถามว่าหากนาย
ทักษิณไม่กลับมา ข้าราชการที่เกี่ยวข้องจะโดนหางเลขไปด้วยหรือไม่นั้น นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่าหลายคนประเมินไปในทิศทางแบบนั้น ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน เราพยายามท้วงติงเรื่องนี้มาโดยตลอด ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลายคนทำราวกลับว่า อำนาจจะอยู่ยั้งยืนยงต่อไป อะไรที่ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด
.
นาย
รังสิมันต์ มองว่านาย
ทักษิณควรจะกลับมา ในเมื่อท่านเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ รัฐบาลของนางสาว
แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาจจะมาหลังของเหตุการณ์นี้ แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้วนางสาว
แพทองธารไม่ได้ดำเนินการอะไร หรือแสดงความรับผิดชอบกรณีชั้น 14 ก็ชัดยิ่งกว่าชัด เมื่อจะต้องมีข้าราชการที่รับผลทางกฎหมายบางประการ อยากให้บรรดาผู้นำและผู้ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผิดด้วย ไม่ใช่หนีหายไป
.
.
"ลีน่าจัง" ลงพื้นที่บ้านหนองจาน ให้กำลังใจทหารแนวหน้า นัดท้าเจอ "กำนันลี"
https://www.thairath.co.th/news/local/east/2881196
.
"ลีน่าจัง" ลงพื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ท้าเจอ "กำนันลี" ลั่นพร้อมสู้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของทหารไทยและแผ่นดินไทย
.
วันที่ 6 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณบ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว บรรยากาศพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง หลังจากเหตุการณ์เผชิญหน้าระหว่างทหารไทยกับกลุ่มชาวกัมพูชา เมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏภาพคลิปเหตุการณ์ทหารไทยถูกชาวกัมพูชาเบียดและผลักดันจนล้ม สร้างความไม่พอใจให้กับสังคมไทยเป็นวงกว้าง
.
ล่าสุด ลีน่าจัง หรือ นางลีนา จังจรรจา นักเคลื่อนไหวทางสังคมชื่อดัง ได้เดินทางลงพื้นที่บ้านหนองจานด้วยตนเอง เพื่อให้กำลังใจพี่น้องทหารที่ปฏิบัติหน้าที่แนวชายแดน รวมทั้งแสดงความห่วงใยต่อชาวบ้านหนองจานที่อยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้ง โดยทันทีที่มาถึง ลีน่าจัง ก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แสดงความโกรธเกรี้ยวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมประกาศท้าทายไปถึง "กำนันลี" ชาวกัมพูชาที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวก่อความรุนแรงในพื้นที่
.
โดยลีน่าจังกล่าวว่า "การกระทำแบบนี้เป็นสิ่งที่คนไทยยอมไม่ได้ ถ้าแน่จริงมาเจอกันเลยที่ถนนสีเพ็ญ ฉันพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของทหารไทยและแผ่นดินไทย" คำพูดดังกล่าวสร้างเสียงเฮดังสนั่นจากประชาชนที่มาร่วมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ หลายคนต่างโบกธงไตรรงค์ และส่งเสียงเชียร์สนับสนุนไม่ขาดสาย
.
นอกจากนี้ บรรดาประชาชนที่ทราบข่าวการมาของลีน่าจัง ต่างพากันเดินทางมารอให้กำลังใจจำนวนมาก หลายคนถือโอกาสเข้าขอถ่ายภาพคู่ไว้เป็นที่ระลึก ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก แม้ว่าสถานการณ์โดยรอบยังคงมีเจ้าหน้าที่ทหารตรึงกำลังอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน.
.
.
ทีดีอาร์ไอ หวัง รัฐบาลอนุทิน เร่งแก้ปัญหาค่าโดยสาร สานต่อโครงการคมนาคมใหญ่
https://www.matichon.co.th/economy/news_5357777
.
ทีดีอาร์ไอ หวัง รัฐบาลอนุทิน เร่งแก้ปัญหาค่าโดยสาร สานต่อโครงการคมนาคมใหญ่
.
นาย
สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า ทิศทางนโยบายของรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะบทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมท่านใหม่ จะต้องเผชิญโจทย์ใหญ่หลายด้าน ทั้งการแก้ปัญหาค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่สูงเกินไป รวมถึง การสานต่อโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่กำลังดำเนินงานอยู่
.
นาย
สุเมธ กล่าวว่า นโยบาย “
รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ที่รัฐบาลก่อนหน้านี้เคยผลักดัน แต่ต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากขั้นตอนดำเนินงานยังไม่แล้วเสร็จ สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนคาดหวังกับมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลใหม่ต้องเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเดินหน้าสานต่อโครงการนี้หรือไม่ ซึ่ง ค่าโดยสารรถไฟฟ้าปัจจุบัน ซึ่งยังถือว่าสูงเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่ต้องต่อรถหลายสาย ดังนั้น จึงอยากให้ฝากให้ รัฐบาลใหม่พิจารณาการปรับโครงสร้างค่าโดยสาร เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชนให้เหมาะสม
.
นาย
สุเมธ กล่าวว่า เท่าที่ทราบมา นโยบายคมนาคมของพรรคภูมิใจไทยเบื้องต้นจะมีเน้นการปรับรถโดยสารให้เป็นระบบไฟฟ้าพลังงานสะอาด ดังนั้นแนวทางที่ควรให้ความสำคัญคือการพัฒนาระบบ “
ตั๋วร่วม” ซึ่งสามารถใช้เดินทางได้ทั้งรถไฟฟ้าและรถโดยสารประจำทาง แม้ค่าโดยสารอาจไม่จำเป็นต้องต่ำถึง 20 บาท แต่ควรปรับลดลงจากอัตราปัจจุบันในระดับที่ประชาชนเข้าถึงได้จริง เพื่อให้การเดินทางในเขตเมืองมีความสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ หากสามารถปรับลดลงได้อย่างเป็นรูปธรรม จะถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและตอบโจทย์คุณภาพชีวิตคนเมืองได้อย่างแท้จริง
.
นาย
สุเมธ กล่าวว่า นอกจากค่าโดยสารแล้ว ทีมรัฐมนตรีคมนาคมชุดใหม่ ยังต้องเร่งรัดการดำเนินงานด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว เช่น โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา การแก้สัญญาโครงการรถไฟฟ้า 3 สนามบิน รถไฟฟ้าการก่อสร้างรถไฟทางคู่ และการขยายเส้นทางรถไฟฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับอนุมัติและเริ่มก่อสร้างไปแล้ว ขณะเดียวกันยังมีโครงการที่รอการพิจารณาหรือรอเข้าสู่การอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งรัฐมนตรีใหม่ต้องเร่งทบทวนและตัดสินใจโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดความล่าและ ตนอยากย้ำว่า ความต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากโครงการใดหยุดชะงัก จะส่งผลเสียต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว
.
นาย
สุเมธ กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองอาจทำให้เกิดความไม่ต่อเนื่องด้านนโยบาย ส่งผลให้โครงการลงทุนใหม่ ๆ ถูกเลื่อนออกไป และอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ดังนั้น รัฐมนตรีคมนาคมคนใหม่ต้องบริหารจัดการให้โครงการสำคัญยังคงเดินหน้าได้ พร้อมทั้งพิจารณานโยบายใหม่ที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและการพัฒนาประเทศในระยะยาว
JJNY : 5in1 โรมผิดหวังพท.│โรมมองไม่เป็นผลดี│"ลีน่าจัง"ท้าเจอกำนันลี│เร่งแก้ปัญหาค่าโดยสาร│ศาลฟันโทษจำคุกซีอีโอบ.เบอร์รี
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9926371
.
โรม ผิดหวังเพื่อไทย ใช้นิติสงคราม จ่อฟัน ‘เท้ง’ พ้น สส. เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ปม MOA ทั้งที่ ‘อิ๊งค์’ เพิ่งหลุดนายกฯ น่าจะเข้าใจดีที่สุด
.
เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2568 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงประเด็นที่พรรคเพื่อไทยเตรียมร้องพรรคประชาชนล้มล้างการปกครอง จากการทำ MOA กับพรรคภูมิใจไทย และโหวตให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ตนเห็นร่างคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เป็นการร้องให้นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน สิ้นสุดสมาชิกภาพ สส. จากการลงนามใน MOA เป็นเรื่องที่ตนรับไม่ได้
.
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยจะอาศัยการตีความมั่วๆ การอ้างเรื่องไม่เป็นเรื่องว่าการทำ MOA เป็นการล้มล้างการปกครอง คิดว่าความพยายามของพรรคเพื่อไทยในการโยงเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ Non-Sense ไร้สาระเป็นอย่างมาก
.
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ถ้าการกระทำของเราเป็นการกระทำที่ล้มล้างการปกครอง แล้วพรรคเพื่อไทยมีมติรับทุกข้อเสนอของพรรคประชาชน เท่ากับเป็นการรับข้อเสนอที่ล้มล้างการปกครองหรอกหรือ ตนคิดว่าสุดท้ายคือ เมื่อเราตัดสินใจทำ MOA กับพรรคภูมิใจไทยแล้วพรรคเพื่อไทยไม่ได้รับ MOA กลายเป็นว่า พยายามที่จะอ้างเรื่องต่างๆ เป็นการใส่ร้ายพรรคประชาชน
.
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า เมื่อวันนี้ทั้งสองพรรคต่างเป็นฝ่ายค้านที่มีเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เราควรมาช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งภายใต้รัฐบาลเฉพาะกิจเฉพาะกาล แต่กลายเป็นว่าพรรคเพื่อไทยใช้นิติสงคราม ใช้ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งดูแล้วไม่แตกต่างอะไรกับสิ่งที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดน
.
“พรรคเพื่อไทยที่ควรเข้าใจเรื่องนี้มากกว่าใคร กลายเป็นเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาโจมตีกัน เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ หวังผลที่จะทำร้าย ทำลาย ความเป็นสมาชิกภาพของนายณัฐพงษ์ เป็นสิ่งที่น่าผิดหวัง เพราะพรรคเพื่อไทยควรจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ดีที่สุด”
.
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นไปได้ไหมว่าเมื่อเพื่อไทยแพ้ทางการเมืองแล้ว จึงต้องการเอาชนะทางนิติสงคราม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเไม่ได้มองเรื่องการแพ้ชนะทางการเมือง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่ใช่แค่การเมืองระหว่างนายชัยเกษม นิติสิริ กับนายอนุทิน แต่คือการเลือกระหว่างนายอนุทินกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือตัวเลือกอื่นๆ เพราะนายชัยเกษมพูดชัดเจนว่า ตนเป็นแค่ตุ๊กตา
.
“นายชัยเกษมบอกใบ้กับสังคมว่าอาจจะมีอัศวินขี่ม้าขาว นายชัยเกษมพูดขนาดที่ว่าเขาแทบไม่ได้รับการติดต่อจากพรรคเพื่อไทยเลย นายชัยเกษมยังไม่แม้แต่จะไว้ใจพรรคเพื่อไทย คำถามคือจะให้เราไว้วางใจแล้วทำ MOA กับพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร”
.
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ยิ่งไปกว่านั้นหากเราดูเรื่องเทคนิควิธีการเหมือนตอนเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สภาฯ ให้เสนอชื่อได้แค่ครั้งเดียว หากเมื่อวานทั้งนายชัยเกษมและนายอนุทินไม่ได้ ทั้ง 2 คนนี้จะไม่สามารถถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตได้ซ้ำอีก จะเหลือแคนดิเดตอีก 3 คน คือ พล.อ.ประยุทธ์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ถามง่ายๆ 3 คนนี้ใครจะมีโอกาสเป็นนายกฯ มากที่สุด ตนเชื่อว่ามีโอกาสที่จะมีขบวนการบางอย่างดึง พล.อ.ประยุทธ์ กลับมามีอำนาจอีกครั้ง
.
นายรังสิมันต์ ยืนยันว่า พรรคประชาชนไม่สามารถยอมรับการกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยการบริหารงานที่ล้มเหลว ละเมิดสิทธิมนุษยชน และสร้างความเสียหายในอดีตไว้มากมาย เราจึงจะไม่ปล่อยให้เกิดนายกฯ คนนอก หรืออำนาจนอกระบบครอบงำ เราจึงจำเป็นต้องทำในสิ่งที่ต้องทำ
.
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เราหวังว่าในเวลาอีก 4 เดือน รัฐบาลภูมิใจไทยต้องรักษาสัญญา เพราะ MOA ที่เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นสัญญาระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนเท่านั้น แต่ทุกอย่างถูกวางบนโต๊ะ หากมีการละเมิด MOA ถือเป็นการตระบัดสัตย์ต่อพี่น้องประชาชน.
.
.
โรม มอง ไม่เป็นผลดี หาก ทักษิณ ไม่บินกลับจากดูไบ ชี้ คดีชั้น 14 ควรปล่อยให้เป็นตามกระบวนการ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5357872
.
โรม มองไม่เป็นผลดี หาก ‘ทักษิณ’ คิดหนี ขอให้ว่าไปตามผิดปมชั้น 14 เตือนอย่าคิดว่าอำนาจจะอยู่ยั้งยืนยง
.
เมื่อวันที่ 6 กันยายน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปที่สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ว่า ขอไม่พูดถึงภายในของพรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยต้องไปจัดการ แต่มีข้อสังเกตว่าหากนายทักษิณต้องการไปประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่ต้นคงไม่ต้องเติมน้ำมันเต็มถัง ส่วนจะกลับมาหรือไม่ขอให้รอดู
.
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าถ้าจะหนีไปอยู่ต่างประเทศนาน ๆ อีกครั้งไม่น่าจะดี ในเมื่อนายทักษิณกลับมาแล้ว ก่อนหน้านี้ก็พยายามจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แม้ว่าจะมีข้อถกเถียงว่าเข้าสู่กระบวนการอย่างแท้จริงหรือไม่ กรณีพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ เพราะหากมีความพยายามในการช่วยเหลือ สุดท้ายนายทักษิณไม่ได้อยู่ในเรือนจำ ไปอยู่โรงพยาบาลราวกลับว่าไม่ได้เป็นการรับโทษอะไรเลย ต้องมีวิถีของกระบวนการยุติธรรมที่จะต้องดำเนินการต่อไป
.
เมื่อถามว่าหากนายทักษิณไม่กลับมา ข้าราชการที่เกี่ยวข้องจะโดนหางเลขไปด้วยหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่าหลายคนประเมินไปในทิศทางแบบนั้น ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน เราพยายามท้วงติงเรื่องนี้มาโดยตลอด ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลายคนทำราวกลับว่า อำนาจจะอยู่ยั้งยืนยงต่อไป อะไรที่ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด
.
นายรังสิมันต์ มองว่านายทักษิณควรจะกลับมา ในเมื่อท่านเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ รัฐบาลของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาจจะมาหลังของเหตุการณ์นี้ แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้วนางสาวแพทองธารไม่ได้ดำเนินการอะไร หรือแสดงความรับผิดชอบกรณีชั้น 14 ก็ชัดยิ่งกว่าชัด เมื่อจะต้องมีข้าราชการที่รับผลทางกฎหมายบางประการ อยากให้บรรดาผู้นำและผู้ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผิดด้วย ไม่ใช่หนีหายไป
.
.
"ลีน่าจัง" ลงพื้นที่บ้านหนองจาน ให้กำลังใจทหารแนวหน้า นัดท้าเจอ "กำนันลี"
https://www.thairath.co.th/news/local/east/2881196
.
.
ล่าสุด ลีน่าจัง หรือ นางลีนา จังจรรจา นักเคลื่อนไหวทางสังคมชื่อดัง ได้เดินทางลงพื้นที่บ้านหนองจานด้วยตนเอง เพื่อให้กำลังใจพี่น้องทหารที่ปฏิบัติหน้าที่แนวชายแดน รวมทั้งแสดงความห่วงใยต่อชาวบ้านหนองจานที่อยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้ง โดยทันทีที่มาถึง ลีน่าจัง ก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แสดงความโกรธเกรี้ยวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมประกาศท้าทายไปถึง "กำนันลี" ชาวกัมพูชาที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวก่อความรุนแรงในพื้นที่
.
ทีดีอาร์ไอ หวัง รัฐบาลอนุทิน เร่งแก้ปัญหาค่าโดยสาร สานต่อโครงการคมนาคมใหญ่
https://www.matichon.co.th/economy/news_5357777
.
ทีดีอาร์ไอ หวัง รัฐบาลอนุทิน เร่งแก้ปัญหาค่าโดยสาร สานต่อโครงการคมนาคมใหญ่
.
นายสุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า ทิศทางนโยบายของรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะบทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมท่านใหม่ จะต้องเผชิญโจทย์ใหญ่หลายด้าน ทั้งการแก้ปัญหาค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่สูงเกินไป รวมถึง การสานต่อโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่กำลังดำเนินงานอยู่
.
นายสุเมธ กล่าวว่า นโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ที่รัฐบาลก่อนหน้านี้เคยผลักดัน แต่ต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากขั้นตอนดำเนินงานยังไม่แล้วเสร็จ สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนคาดหวังกับมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลใหม่ต้องเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเดินหน้าสานต่อโครงการนี้หรือไม่ ซึ่ง ค่าโดยสารรถไฟฟ้าปัจจุบัน ซึ่งยังถือว่าสูงเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่ต้องต่อรถหลายสาย ดังนั้น จึงอยากให้ฝากให้ รัฐบาลใหม่พิจารณาการปรับโครงสร้างค่าโดยสาร เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชนให้เหมาะสม
.
นายสุเมธ กล่าวว่า เท่าที่ทราบมา นโยบายคมนาคมของพรรคภูมิใจไทยเบื้องต้นจะมีเน้นการปรับรถโดยสารให้เป็นระบบไฟฟ้าพลังงานสะอาด ดังนั้นแนวทางที่ควรให้ความสำคัญคือการพัฒนาระบบ “ตั๋วร่วม” ซึ่งสามารถใช้เดินทางได้ทั้งรถไฟฟ้าและรถโดยสารประจำทาง แม้ค่าโดยสารอาจไม่จำเป็นต้องต่ำถึง 20 บาท แต่ควรปรับลดลงจากอัตราปัจจุบันในระดับที่ประชาชนเข้าถึงได้จริง เพื่อให้การเดินทางในเขตเมืองมีความสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ หากสามารถปรับลดลงได้อย่างเป็นรูปธรรม จะถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและตอบโจทย์คุณภาพชีวิตคนเมืองได้อย่างแท้จริง
.
นายสุเมธ กล่าวว่า นอกจากค่าโดยสารแล้ว ทีมรัฐมนตรีคมนาคมชุดใหม่ ยังต้องเร่งรัดการดำเนินงานด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว เช่น โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา การแก้สัญญาโครงการรถไฟฟ้า 3 สนามบิน รถไฟฟ้าการก่อสร้างรถไฟทางคู่ และการขยายเส้นทางรถไฟฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับอนุมัติและเริ่มก่อสร้างไปแล้ว ขณะเดียวกันยังมีโครงการที่รอการพิจารณาหรือรอเข้าสู่การอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งรัฐมนตรีใหม่ต้องเร่งทบทวนและตัดสินใจโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดความล่าและ ตนอยากย้ำว่า ความต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากโครงการใดหยุดชะงัก จะส่งผลเสียต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว
.
นายสุเมธ กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองอาจทำให้เกิดความไม่ต่อเนื่องด้านนโยบาย ส่งผลให้โครงการลงทุนใหม่ ๆ ถูกเลื่อนออกไป และอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ดังนั้น รัฐมนตรีคมนาคมคนใหม่ต้องบริหารจัดการให้โครงการสำคัญยังคงเดินหน้าได้ พร้อมทั้งพิจารณานโยบายใหม่ที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและการพัฒนาประเทศในระยะยาว