เงินไหลเข้าเก็งกำไรช่วงสั้น

กระทู้สนทนา
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


ธปท.เกาะติดสถานการณ์เงินบาทใกล้ชิด หลังจากทุนนอกไหลกลับเข้าไทยและตลาดเอเชีย พร้อมรับ"เฟด"คงมาตรการคิวอี นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น

หลังจากที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ไว้ระดับเดิม ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดทุนและตลาดเงินเมื่อวานนี้ (19 ก.ย.) โดยดันหุ้นไทยพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 49.93 จุด หรือเพิ่มขึ้น 3.47% ปิดตลาดที่ระดับ 1,489.06 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 82,711.82 ล้านบาท

ส่วนตลาดเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว จากการปิดตลาดเงินบาทอยู่ที่ 31.67 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งวานนี้แข็งค่าสุดแตะที่ระดับ 30.93 บาทต่อดอลลาร์ หรือวันเดียวแข็งค่าถึง 74 สตางค์ กว่า 2% แต่ปิดที่ระดับ 30.96-30.98 บาทต่อดอลลาร์

จากกระแสความผันผวนดังกล่าว นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาย้ำว่า ธปท.กำลังติดตามดูภาวะตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด หลังจากเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น และถ้าเห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนมากเกินไป ก็พร้อมเข้าดูแล แต่ถ้าการปรับตัวที่เกิดขึ้นเป็นไปตามกลไกตลาด ธปท.ก็จะปล่อยให้กลไกตลาดทำงานต่อไป

นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น

สำหรับการแข็งค่าของเงินบาทวานนี้ (19 ก.ย.) ถือว่าเป็นไปทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค ซึ่งเป็นลักษณะของการปรับตัวกลับหลังจาก 2 เดือนก่อนหน้า ค่าเงินบาท รวมถึงค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค และสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ อ่อนค่าลง ซึ่งเป็นผลจากการส่งสัญญาณของเฟดว่าอาจลดปริมาณการใช้มาตรการคิวอีลง

"สิ่งที่เห็นในช่วงเช้าวานนี้ คือ ตลาดเริ่มปรับตัวกลับ เพราะช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เป็นภาวะ Risk Off (นักลงทุนปิดรับความเสี่ยง) ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ในสายตานักลงทุนทั่วโลก รวมถึงสกุลเงินในภูมิภาค และค่าเงินบาท อ่อนค่าลงกันหมด แต่มติเฟดที่ออกมาก็ทำให้นักลงทุนเริ่มกลับมาสู่ภาวะ Risk On (กล้าเปิดรับความเสี่ยง) มากขึ้น จึงเห็นสินทรัพย์ที่อ่อนตัวลงไปก่อนหน้านี้เริ่มปรับขึ้นมา" นายประสาร กล่าว

ชี้สินทรัพย์เสี่ยงพุ่งชั่วคราว

ส่วนแนวโน้มการปรับขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยงเหล่านี้ จะเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหนนั้น นายประสาร กล่าวว่า การปรับตัวคงมีข้อจำกัด เพราะอย่างน้อยเฟดก็ระบุชัดเจนว่า สุดท้ายแล้วเขาจะลดมาตรการคิวอีลง เพียงแต่จะลดเมื่อไร เป็นประเด็นที่ยังต้องติดตาม

"ถามว่าจะไปเยอะแค่ไหน เราก็เห็นการปรับตัวระยะสั้นๆ ไม่ใช่เฉพาะเงินบาท แต่เป็นทั้งภูมิภาค และถามว่าจะมีลิมิตหรือไม่ ก็คงมีลิมิต เพราะเฟดบอกว่า เขาจะทยอยลดคิวอีลง เพียงแต่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่เท่านั้น" นายประสาร กล่าว

"ประสาร"เตือนอย่าตื่นบาทแข็ง

ทั้งนี้สิ่งที่ เฟด พยายามทำในคิวอี 3 คือ การไม่นำมาตรการดังกล่าวไปผูกติดกับเงื่อนเวลาเหมือนกับ คิวอี 1 และคิวอี 2 เพราะเฟดเห็นแล้วว่า การผูกติดกับเงื่อนเวลา ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เต็มที่ และที่หนักกว่านั้นยังทำให้เศรษฐกิจฟุบลงหลังมาตรการคิวอี 1 และคิวอี 2 จบลง ดังนั้นบทเรียนดังกล่าวจึงทำให้การทำคิวอี 3 ของเฟด เปลี่ยนมาสร้างเงื่อนไขโดยยึดติดกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแทน

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐนั้น แม้ภาพรวมจะเห็นการฟื้นตัวขึ้น แต่ก็ยังมีตัวเลขบางตัวที่เฟดยังไม่แน่ใจว่า จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างเข้มแข็งหรือไม่ จึงเป็นเหตุผลที่เฟดตัดสินใจดำเนินมาตรการคิวอีต่อเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจไปก่อน

"การตัดสินใจของเฟดที่ออกมานั้น ไม่อยากให้ตลาดเงิน หรือผู้เกี่ยวข้องไปตื่นตระหนกกับเรื่องดังกล่าวมากเกินไป เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการปรับตัวของตลาดเท่านั้น เมื่อตลาดเงินอ่อนตัวเร็วเกินไป ก็จะเห็นการปรับตัวในช่วงสั้นๆ ที่อาจจะมากหน่อย แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง การเคลื่อนไหวในตลาดก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้นเอง" นายประสาร กล่าว

คลังฝากธปท.ดูแลค่าบาท

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ต้องการฝากให้นายประสาร ดูแลอัตราดอกเบี้ย และค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ ไม่ให้ผันผวน เพราะจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกและนำเข้า

หลังจาก เฟด ยังคงมาตรการคิวอีครั้งนี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย เพราะรัฐบาลมีเครื่องมือรองรับเงินทุนไหลเข้าและไหลออกอยู่แล้ว โดยที่ผ่านมาเมื่อครั้งสหรัฐประกาศมาตรการคิวอีก่อนหน้านี้ ไทยก็สามารถรับมือได้

แนะบริหารความเสี่ยงใกล้ชิด

ขณะที่ นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารทหารไทย กล่าวถึงแนวคิดการคงคิวอีรอบนี้ แม้ช่วงแรกจะมีความผันผวนจากตลาดหุ้นและตลาดเงิน แต่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องระยะสั้น และเชื่อผู้ประกอบการจะปรับตัวได้ โดยจะต้องมีการบริหารความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ในแง่สภาพคล่องของธนาคารยังเพียงพอสนับสนุนการทำงานของธนาคารและลูกค้า

"สภาพคล่องจะตึงตัวไม่ได้มาจากคิวอี แต่ยังมาจากการใช้ภาครัฐ การออมและการลงทุน ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา แต่ในช่วงนี้ไม่มีปัญหาเรื่องตึงตัว"

แนะระวังคิวอีลดเงินไหลออกอีก

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มองว่าส่งผลดี เพราะเงินลงทุนจากต่างประเทศจะไหลกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ที่เม็ดเงินลงทุนจะกลับมาคึกคัก

แต่เขาก็เชื่อว่า มาตรการคิวอียังมีโอกาสที่จะถูกปรับลดลงได้ จึงเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังในการลงทุน เนื่องจากในปัจจุบันสภาพคล่องในตลาดส่วนหนึ่งมาจากเงินที่ไหลเข้าจากต่างประเทศ และมีโอกาสที่จะไหลกลับหากมีการปรับลดมาตรการคิวอีลง

"การที่เฟดยังไม่ลดคิวอี เป็นผลบวกต่อตลาดในระยะสั้น แต่แน่นอนว่า เงินที่ไหลกลับเข้ามาได้ก็ไหลกลับออกไปได้ แต่จะเป็นเมื่อไหร่นั้น ต้องติดตาม ซึ่งสหรัฐเองก็รอดูตัวเลขเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นนักลงทุนยังต้องระวังอยู่"

กสิกรเชื่อสุดท้ายคิวอีต้องลด

นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า การที่สหรัฐไม่ปรับลดมาตรการคิวอีในการประชุมรอบที่ผ่านมานั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย และส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นไปด้วยและส่งผลให้ค่าเงินบาทนั้นแข็งค่าไปด้วย แต่เชื่อว่าในสุดท้ายเชื่อว่าเฟดต้องปรับลดมาตรการคิวอีอยู่ดี หากเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้น

สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2557 นั้น เชื่อว่าจะมีการขยายตัวของจีดีพีที่ระดับ 4.5%ได้ จากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตที่ 3.7% ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป และจีน เริ่มฟื้นตัว จะผลักดันให้การส่งออกของไทยนั้นปรับตัวดีขึ้นไปด้วย โดยคาดการณ์ว่า การส่งออกในปีหน้า จะเติบโตใกล้เคียงระดับ 10 % จากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 1.5%

ด้านนายวิรไท สันติประภพ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ อดีตรองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การที่เฟดชะลอการปรับลดวงเงินการทำมาตรการคิวอีนั้น ถือว่าผิดความคาดหมาย โดยหลังจากเฟดมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยง และหลักทรัพย์ในตลาดทุนปรับตัวเพิ่มขึ้น และช่วงผ่อนคลายความกังวลในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ในเรื่องดอกเบี้ยขาขึ้นให้มีความคลายกังวลไป

"เชื่อว่า เฟด ยังคงต้องปรับลดมาตรการคิวอีในอนาคตอีกแน่นอน และจะส่งผลให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงนั้นอาจปรับตัวลดลงอีกครั้ง แต่ปัจจุบันสหรัฐเริ่มตระหนักถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลกจากมาตรการคิวอีมากขึ้น ทำให้สหรัฐเองก็ต้องพิจารณาผลกระทบของการหยุดมาตรการคิวอีต่อเศรษฐกิจโลกเช่นกัน"

ราคาสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกพุ่งขึ้น

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ผลการประชุมเฟดที่ออกมาถือว่าค่อนข้างผิดความคาดหมาย ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกนั้นปรับตัวขึ้นรับข่าวดังกล่าว โดยมองว่าตลาดการเงินหลังจากนี้น่าจะมีความผันผวนต่อไป และหากมีการประชุมเฟดในครั้งต่อไป ก็จะมีปัจจัยการปรับลดคิวอีเข้ามากดดันเช่นเดิม

สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวนั้น เชื่อว่าน่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ดอกเบี้ยในระยะสั้นนั้น เชื่อว่าไม่น่าจะได้รับผลกระทบ ทั้งนี้เชื่อว่าเฟดน่าจะมีการปรับลดวงเงินในการทำคิวอี ภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน

ส.อ.ท.เชื่อคงคิวอี ไม่กระทบส่งออก

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การที่เฟดไม่ปรับลดคิวอี จะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก การเคลื่อนไหวของตลาดทุน และอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากรับรู้สัญญาณนี้มานานแล้ว โดยค่าเงินบาทจะทรงตัวอยู่ในระดับปัจจุบัน จะไม่อ่อนค่ามากไปกว่านี้ ส่วนเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะที่ทรงตัวขณะที่เศรษฐกิจไทยปีนี้ คาดว่าจะขยายตัว 3-4%

"ผลกระทบที่มาจากภายนอกประเทศ เช่น ภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน ทุกประเทศได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด แต่ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ จะเป็นตัวชี้วัดผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศมากกว่า"นายพยุงศักดิ์ กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่