อยากให้กระทู้มีสาระ(ไปเที่ยวสิงกะโปร์ต่อเน้อ)

กระทู้สนทนา
หนีห่าวและหนาวหูเด้อ........
กลับมาแล้วครับ วันนี้นั่งเลือกฟิล์มที่จะเอาไปแปลงไฟล์เพื่อลงแผ่นทั้งวันเลย พอตกเย็นจะเอาไปให้ร้านปิ้งลงแผ่นซะหน่อย.....เจอะฝนกระหน่ำเสียจนต้องเข้าไปหลบฝนในบิ๊กซี.....เห็นมีน้องๆหลานๆในนี้ว่าอยู่หอพักแถวๆวัดสร้อยทองคนหนึ่ง.....ก็ใกล้กันนะครับ.....สรุปแล้วฝนตกจนมืดค่ำเลยกลับบ้านดีกว่า.....พรุ่งนี้ค่อยเอาไปให้เขาดำเนินการต่อ-ล็อตแรกนี้จะเอาไป30มวนก่อน(ก็ได้มา900รูป)คุยกันหูยานเลยละ เพราะเอาไปทิ้งไว้หมดก็จะทำให้เขาปวดหัวเปล่าๆ เผลอๆมีรายการทำหายอีกต่างหาก........รูปชุดแรกที่เอาไปให้เขาแปลงไฟล์นี้มีรูปของการเดินทางในคราวนี้เพิ่มมาอีกเยอะ-.......ดี.คุณจะได้อ่านเข้าใจมากยิ่งขึ้น

วันนี้เลยมาสายอีกตามเคย(มีเรื่องแก้ตัวมันได้ทุกวันซีน่า).......เมื่อกี้ลองอ่านเรื่องของเมื่อวานดูแล้ว มีคำผิดเยอะแฮะ-แสดงว่าผมสะเพร่ามากไปหน่อย(อย่าถือสาเลยนะครับ) เนื้อหามันยังคงมีอยู่เหมือนเดิม แต่สะกดผิดไปน่ะ......สงสัยว่าจะตาลาย เพราะเมื่อวานคุยอยู่จน5ทุ่มกว่าๆ.วันนี้จะผิดเยอะไหม -ผมไม่รับรองนะ.....

เมื่อวานเล่าฟังไปแล้วว่า พอออกจากเมืองกัวลาลัมเปอร์มาได้แค่100 กม.เอง รถของเพื่อนคนหนึ่งก็เกิดควันดำเป็นกระจุก.....พอผมเรียกขบวนให้จอด เพื่อหาสาเหตุก็รู้ได้ทันทีว่าเพลาราวลิ้นสึก เนื่องจากเราได้ยินเสียงเจาะแจ๊ะของวาล์วอย่างชัดเจน.....เราไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วนอกจากต้องเดินทางต่อ เพราะยิ่งจอดก็จะยิ่งเสียเวลาเพิ่มไปเรื่อยๆ......

เราให้เจ้าตัวต้นเหตุขี่นำไปข้างหน้า เพราะหากเอาไว้ข้างหลังก็จะซวยเอาหากเครื่องยนต์มันดับไปหรือน้ำมันเชื้อเพลิงหมด-รถก็วิ่งได้ไม่เกิน70กม/ชม.เท่านั้นเอง....ทำไปทำมากลับเป็นเรื่องซวยหนักขึ้นไปกว่าเดิมเนื่องจากผมทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงช่วยดันรถ(ถีบ)อยู่แถวๆพักเท้าหลังของไอ้ตัวต้นเหตุ-ควันไอเสียเลยหวลเข้าจมูกจนแสบไปทั้งหน้าทั้งตา.สรุปแล้วประสาทเลยมึน-ต้องของีบแบบพักสายตาไป15นาทีก็เริ่มออกเดินทางต่อ.......

คราวนี้เลยต้องแวะเติมน้ำมันกันทุกๆ80กม.....มาถึงด่านวู้ดแลนด์เอาเกือบ1ทุ่ม.....เราจัดการข้ามด่านแล้วขี่แบบดำน้ำไปตายเอาดาบหน้า เพราะไมมีทางเลือกอื่นอีกแล้ว (คนอื่นที่มาด้วยพึ่งไม่ได้สักคน เนื่องจากพี่แกขับรถใหญ่(เลยเป็นเหตุให้อ้างว่ากลับรถลำบาก-ให้ผมวิ่งย้อนกลับไปกลับมาเป็นม้าเร็วอยู่คันเดียวเอง)......งานนี้ผิดแผนเพราะรถพังเพียงคันเดียว...พอเข้ามาในเขตเมืองสิงกะโปร์....เรายิ่งหมดสภาพ เนื่องจากไม่สามารถหาข้าวกินได้สักแห่ง(เขาไม่รับเงินมาเลย์น่ะ)...

....หากเรามาถึงไม่เกิน5โมงเย็น ปัญหาก็จะไม่เกิด เพราะ1-ทางยังสว่าง-ทัศนะในการมองเห็นและประเมินสถานการณ์จะดีกว่าการมองในกลางคืนเยอะ.....2....เมืองสิงกะโปร์มันใช้เวลาเร็วกว่าเรา1ชั่วโมง......เรามาถึง2-3ทุ่มก็แปลว่าเป็น4-5ทุ่มของเขาไปเสียแล้ว-ร้านปิดหมด..เข้าไปในร้านอาหารแห่งไหน ก็มีแต่เจ้าของร้านนั่งเล่นไพ่นกกระจอกกัน2-3วง.....หายบ้าเลย

สรุปอีกทีก็แปลว่าคนและรถทั้ง5-6คนต้องวิ่งตามขบวนเป็นหางกับรถผม(จะวานให้คนนู้นวิ่งไปทางเหนือ-แยกไปทางใต้ฯลฯ)เพื่อหาที่พักหรือร้านอาหารสักอย่างก็ไม่ได้.......มีแต่ร้านแม็คโดนัลและเคเอฟซีที่ยังเปิดอยู่ แต่เราก็สั่งอาหารไม่ได้ เนื่องจากเราไม่มีเงินสิงกะโปร์ติดตัวมาสักเหรียญ...ฮ่วยๆๆๆ ทำไงดีฟะ

ผมนั้นทั้งหิวและทั้งกระหาย เนื่องจากดันรถไอ้ตัวต้นเหตุมากว่า200กม......แล้วต้องกลายมาเป็นพี่เลี้ยงคนแก่ๆอีก5-6คนยิ่งทั้งเหนื่อยและทั้งแค้น.....(คนอื่นเขาไม่ได้เหนื่อยด้วยเนื่องจากพี่แกขี่ตามผมอย่างเดียวไง)......ผมหมดท่าเข้าจริงๆก็เลยต้องเล่นลูกหน้าด้านและลูกตื้อ......ขอร้านที่มันนั่งเล่นไพ่อยู่นั่นซื้อเบอร์ด้วยเงินมาเลยเซีย.....โดยยอมให้เขาคิดเงินแบบ2เท่า...เช่นเบียร์ขวดละ50บาท.....ยอมให้เขาคิดเป็น100บาท-แต่ขอจ่ายเป็นเงินมาเลเซีย.....

ข้อตกลงนี้เข้าท่าครับ เขายินดีขายให้.....ผมนั่งซดเบียร์คนเดียวซะหายอยาก(ก็บอกพวกเด็กๆ(เรียกให้มันหายแค้นน่ะ)ที่ขี่ตามผมอยู่ว่าจะมาหาที่พักไง..แต่แอบมาซดเบียร์ให้หายแค้น).......กลับมาอีกทีผมอารมณ์ดีขึ้นเยอะ เพราะหายหิวไปหน่อย(แต่ก็หิ้วเบียร์มาฝากผองพวกเขา2ขวดนะครับ-ใจไม่ร้ายเอาเสียทีเดียวหรอก)

ตอนนั่งกินเบียร์อยู่นั่นแหละ ก็สอบถามคนขายอาหารว่าแถวนี้(ใกล้ถนนออร์ชาด) มีที่พักบ้างไหม.......เขาบอกว่ามี-ห้องละ2000บาท(นอนได้2คน).....เราต้องการเช่าห้องแบบครอบครัว(เขาเรียกห้องแฟมิลี่-3ห้องทะลุถึงกัน..ราคาหมื่นบาทไทย.....โอ๊ย....ตูหมดตัวแน่).ผมบอกเราขี่รถมอไซค์เที่ยว ช่วยแนะนำโรงแรมแบบ2ดาวให้เราหน่อย........

เขาบอกว่าให้ขับเลยออกไปจากถนนออชาค 3ไฟแดง-ก็จะเป็นชานเมือง(ของเขา).....โรงแรมจะราคาถูก-ห้องแบบแฟมิลี่ไม่เกิน3000บาทไทย
โอเค.เข้าท่าหน่อย.......สรุปแล้วเราก็ได้ห้องในราคาที่บอกไปเมื่อขับรถผ่านไฟแดงไปอีกเพียง3แยกเท่านั้น.(เมืองของเขามันแคบไงครับ แถวถนนออชาดนั่นเป็นเหมือนพัฒน์พงษ์ของบ้านเรา...แต่เมื่อเลยออกไปแค่3ไฟแดงเองแหละ...มันก็จะเหมือนๆกับชานเมืองแถวบางกรวยของเมืองนนท์ไปนู่น....

ที่โรงแรมสามดาวนี่ก็เหมือนกัน....มันจะเอาเงินสิงกะโปร์อย่างเดียว แต่เราบอกว่าเราจะต้องพักอยู่อีก2วัน เพราะต้องซ่อมรถให้เสร็จก่อน ยังไงเราก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว พรุ่งนี้เราจะเอาเงินไปแลกเป็นดอลล่าร์สิงกะโปร์มาจ่ายให้..วันนี้ขอให้รับเงินวางมัดจำไว้ก่อน......พร้อมทั้งขอซื้อมาม่ามากินแก้หิวก่อนไม่งั้นพวกตูจะเป็นลมตายคาโรงแรมเอ็งแน่ๆ....

กว่าจะผ่านวันแรกที่สิงกะโปร์ไปได้ ......เรามีเรื่องต้องลุ้นกันตั้งแต่3โมงเย็นยันตีหนึ่ง......วันนี้ขออนุญาติลาออกไปก่อน เพราะเจ้าตัวเล็กมาขอจองคอมพิวเตอร์เพื่อค้นงานและPrint งานส่งครู......พรุ่งนี้จะมีใครมาขอต่อคิวคอมพิวเตอร์อีกไหมเนี่ย.......ส่งสัยต้องรีบมาจองคิวก่อนคนอื่นบ้างดีกว่า.....

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่