คนใกล้ตัวเราเป็นคนคริสต์เยอะค่ะ แต่บางคนจะประกาศตัวเด่นเลยว่าตัวเองเป็นคริสต์ที่ดี ถือพรต อฐิษฐานตลอด มีเมตตา แต่การกระทำนี่ เอ่อออ
1. พี่คนที่หนึ่งให้ร้ายน้องคนหนึ่ง จนคนในที่ทำงานเข้าใจน้องผิดว่าน้องเป็นคนไม่ดี ไม่มีความสามารถ จนน้องต้องออกจากงาน และเค้ายืนยันว่า เค้าทำไปเพราะ "ความรัก" แต่พอตอนหลัง เค้ารู้ว่าน้องคนนั้นรับเชื่อแล้ว ตั้งแต่เด็ก เพียงแต่ไม่ได้บอกใคร เค้าก็กลับลำว่าน้องคนนั้นเป็นคนดี และหาทางชวนกลับมาทำงาน แถมตอนนี้มุ่งเล่นงานน้องอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นกระเทย จะเอาให้ออกจากงานให้ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า น้องทำตัว "ขัดต่อพระเจ้า บาปหนา ที่เป็นกระเทย"
2. พี่คนที่ 2 หากเค้าไม่ชอบใคร เค้าก็จะมุ่งร้ายเลย เค้าให้เหตุผลว่า เค้ามีหน้าที่ กำจัดความไม่ดีออกไป โดยไม่ต้องสนวิธีการ พระเจ้าเข้าใจเค้า ว่าเค้าจำเป็นต้องทำบาปบ้าง เพื่อกำจัดความไม่ดี ซึ่งความไม่ดีของคนเค้าคือ ดื่มเหล้า (ผิดร้ายแรงมาก ต้องหาทางเอาออกจากงานให้ได้) เป็นที่รักของคนอื่น (หาว่าเป็นคนมารยาสาไถย หลอกลวงคนอื่นให้รัก ต้องหาทางเอาออกจากงานให้ได้) และวิธีการของเค้า คือ ใส่ร้าย วางหลุมพราง
3. พี่คนที่ 3 ก็ดูถูกคนศาสนาอื่นไปทั่ว บอกว่า คนพวกนี้ตกนรกแน่นอน เพราะไม่เชื่อพระเจ้า ไม่นับถือพระเจ้า ทำดียังไงก็ตาม ก้ยังเป็นแค่คนที่ไม่เชื่อพระเจ้า ทำดีไปก็สูญเปล่า เพราะต้องตกนรกอยู่ดี
เรายกแค่ 3 คนนี่แหละค่ะ เพราะเราก็บอกแล้วว่า "บางคน" เราเองก็เคยเรียนโรงเรียนคริสต์ เราร้องเพลงเป็น อฐิษฐานเป็น อ่านไบเบิ้ลได้ คุณพ่อกับซิสเตอร์หลายๆท่านก็เมตตาสูงมาก อยู่ด้วยแล้วเย็นใจ เราเองยังไปหาท่านบ่อยๆเลย แต่เราเองก็เป็นพุทธเต็มตัว เพราะเราเชื่อในธรรมะ แต่เราก็เคารพพระเจ้าและพระเยซูนะคะ เพราะเรามองว่าใครก็ตามที่สามารถทำให้เกิดศาสนานี้ขึ้นมาได้เป็นคนที่เมตตาสูง ความรักสูงและปัญญาสูง ถึงได้คิดหลักคำสอนแบบนี้มาได้ (ปล. พี่คนที่ 3 บอกว่า เราอ่ะ ตกนรกแน่ๆ ที่บังอาจคิดกับพระเจ้าและพระเยซูแบบนี้ -*- )
เราอยากทราบว่า เราควรปรับตัวกับคนแบบนี่ยังไงคะ อะไรที่ทำให้เค้าเป็นแบบนี้ เราเองน่ะหลีกเลี่ยงเค้าไม่ได้หรอก เพราะทำงานด้วยกัน แต่เราก็อยากจะเข้าใจเค้าอ่ะค่ะ ว่า เป็นอย่างนี้เพราะอะไร อย่างน้อย เค้าจะได้อยู่ที่ของเค้า และไม่ล้ำเส้นคนอื่นมากนัก จะได้อยู่กันแบบสงบสุขน่ะนะ เพราะเวลา ใครซักคนใน 3 คนนี้มาเนี่ย วงแตกค่ะ
พิมพ์มายาวไปหน่อย ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบนะคะ ขอบคุณมากค่าา
ทำไมคนคริสต์ "บางคน" ถึงมองคนศาสนาอื่น หรือ คนที่ทำตัวขัดต่อความเชื่อของคริสต์ ว่าเป็นคนบาปหนา เป็นคนไม่ดีล่ะค
1. พี่คนที่หนึ่งให้ร้ายน้องคนหนึ่ง จนคนในที่ทำงานเข้าใจน้องผิดว่าน้องเป็นคนไม่ดี ไม่มีความสามารถ จนน้องต้องออกจากงาน และเค้ายืนยันว่า เค้าทำไปเพราะ "ความรัก" แต่พอตอนหลัง เค้ารู้ว่าน้องคนนั้นรับเชื่อแล้ว ตั้งแต่เด็ก เพียงแต่ไม่ได้บอกใคร เค้าก็กลับลำว่าน้องคนนั้นเป็นคนดี และหาทางชวนกลับมาทำงาน แถมตอนนี้มุ่งเล่นงานน้องอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นกระเทย จะเอาให้ออกจากงานให้ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า น้องทำตัว "ขัดต่อพระเจ้า บาปหนา ที่เป็นกระเทย"
2. พี่คนที่ 2 หากเค้าไม่ชอบใคร เค้าก็จะมุ่งร้ายเลย เค้าให้เหตุผลว่า เค้ามีหน้าที่ กำจัดความไม่ดีออกไป โดยไม่ต้องสนวิธีการ พระเจ้าเข้าใจเค้า ว่าเค้าจำเป็นต้องทำบาปบ้าง เพื่อกำจัดความไม่ดี ซึ่งความไม่ดีของคนเค้าคือ ดื่มเหล้า (ผิดร้ายแรงมาก ต้องหาทางเอาออกจากงานให้ได้) เป็นที่รักของคนอื่น (หาว่าเป็นคนมารยาสาไถย หลอกลวงคนอื่นให้รัก ต้องหาทางเอาออกจากงานให้ได้) และวิธีการของเค้า คือ ใส่ร้าย วางหลุมพราง
3. พี่คนที่ 3 ก็ดูถูกคนศาสนาอื่นไปทั่ว บอกว่า คนพวกนี้ตกนรกแน่นอน เพราะไม่เชื่อพระเจ้า ไม่นับถือพระเจ้า ทำดียังไงก็ตาม ก้ยังเป็นแค่คนที่ไม่เชื่อพระเจ้า ทำดีไปก็สูญเปล่า เพราะต้องตกนรกอยู่ดี
เรายกแค่ 3 คนนี่แหละค่ะ เพราะเราก็บอกแล้วว่า "บางคน" เราเองก็เคยเรียนโรงเรียนคริสต์ เราร้องเพลงเป็น อฐิษฐานเป็น อ่านไบเบิ้ลได้ คุณพ่อกับซิสเตอร์หลายๆท่านก็เมตตาสูงมาก อยู่ด้วยแล้วเย็นใจ เราเองยังไปหาท่านบ่อยๆเลย แต่เราเองก็เป็นพุทธเต็มตัว เพราะเราเชื่อในธรรมะ แต่เราก็เคารพพระเจ้าและพระเยซูนะคะ เพราะเรามองว่าใครก็ตามที่สามารถทำให้เกิดศาสนานี้ขึ้นมาได้เป็นคนที่เมตตาสูง ความรักสูงและปัญญาสูง ถึงได้คิดหลักคำสอนแบบนี้มาได้ (ปล. พี่คนที่ 3 บอกว่า เราอ่ะ ตกนรกแน่ๆ ที่บังอาจคิดกับพระเจ้าและพระเยซูแบบนี้ -*- )
เราอยากทราบว่า เราควรปรับตัวกับคนแบบนี่ยังไงคะ อะไรที่ทำให้เค้าเป็นแบบนี้ เราเองน่ะหลีกเลี่ยงเค้าไม่ได้หรอก เพราะทำงานด้วยกัน แต่เราก็อยากจะเข้าใจเค้าอ่ะค่ะ ว่า เป็นอย่างนี้เพราะอะไร อย่างน้อย เค้าจะได้อยู่ที่ของเค้า และไม่ล้ำเส้นคนอื่นมากนัก จะได้อยู่กันแบบสงบสุขน่ะนะ เพราะเวลา ใครซักคนใน 3 คนนี้มาเนี่ย วงแตกค่ะ
พิมพ์มายาวไปหน่อย ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบนะคะ ขอบคุณมากค่าา